Inequality รักเรา...ไม่เท่ากัน
9.8
เขียนโดย สายลมแห่งตะวัน
วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.44 น.
43 ตอน
1179 วิจารณ์
136.66K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21.34 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
42)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความInequality รักเรา...ไม่เท่ากัน
ตอนที่42
ร่างบอบบางของธนันต์ธรญ์ยืนอยู่ลำพังริมหาดชายสีขาวที่ทอดตัวยาวไปไกลสุดสายตา
ผมนุ่มสลวยปลิวไปตามสายลม ดวงตากลมโตหลับพริ้ม รอยยิ้มบางๆถูกแต้มบนริมฝีปากรูปกระจับ
ก่อนแผ่นหลังบอบบางจะถูกแทนที่ด้วยแผงอกแกร่งของภาณุ หญิงสาวลืมตาขึ้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้น
มองใบหน้าหล่อคมของสามีหนุ่มที่ห่างกันเพียงคืบ แต่คนฉวยโอกาสกลับแตะริมฝีปากบางเฉียบลง
บนริมฝีปากอิ่มเบาๆก่อนจะถอนออกโดยไม่สะทกสะท้าน ผิดกับคนในอ้อมกอดที่อายแทบแทรก
แผ่นดินหนี
“อายอะไร”
ภาณุถาม ก่อนจะหัวเราะเอ็นดูภรรยาสาว แก้มนวลแดงระเรื่อจนเขาอดไม่ได้ที่จะสูดดม
ความหอมละมุนจากแก้มนวล
“เชื่อไหมว่าวันนี้ฟางจะมีความสุขมากที่สุด”เขายิ้ม ก่อนจะมองดวงตาหวานที่มองเขา
อย่างไม่เชื่อใจ เธอทำท่าจะค้านแต่เขาโพล่งขึ้นมาก่อน
“จริงนะ ทำหน้าอย่างนี้แปลว่าไม่เชื่อ”
“จะเล่นอะไรแผลงๆอีกล่ะคะ”
“เปล่าซะหน่อย พี่แก่จนจะป่านนี้แล้วนะ ไม่ทำอะไรเด็กๆแบบนั้นหรอก”
“เชื่อได้ที่ไหน ไม่งั้นจะเล่นกับตาหนูได้หรอคะ”คนตัวเล็กส่งค้อนให้เขาปะหลับปะ
เหลือก ก่อนจะผละตัวออกจากอ้อมกอดของเขา
“ฟางไปดูตาหนูดีกว่าค่ะ ซนจนคุณพ่อคุณแม่เอาไม่อยู่แล้วมั้ง”เธอเอ่ย ก่อนจะเดิน
กลับเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ที่นี่เป็นบ้านที่เขาอยู่มาตั้งแต่เกิด บ้านหลังใหญ่ติดชายทะเลในจังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์ เขาเกิดและโตที่นี่ แต่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและไปบริหารกิจการของครอบครัวที่
กรุงเทพฯ แต่งงานที่กรุงเทพฯ มีลูกที่กรุงเทพฯ และตอนนี้เขาก็กลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯอีกครั้ง แต่นี่
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาได้กลับมาที่บ้านหลังนี้ และเขาเชื่อว่าทุกคนที่อยู่บ้านหลังใหญ่หลัง
นี้ต้องมีความสุข อย่างที่พ่อและแม่ของเขามี เหมือนที่เขามี และเหมือนที่เจ้าตัวแสบมี แต่คนที่ไม่มี
ความสุขที่แท้จริงคือธนันต์ธรญ์ เขารู้ว่าเธอยังเจ็บปวดกับบาดแผลในเรื่องเก่าๆ เขาก็พอจะรู้จาก
พ่อตาแล้วว่าได้เคลียร์เรื่องนี้กับภรรยาของเขาไปแล้วเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่เขารู้ดีว่าธนันต์ธรญ์ไม่
เคยลืมเรื่องร้ายๆในชีวิตของเธอได้เลยสักวินาทีเดียว และวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้จดจำมัน
และพรุ่งนี้จะเป็นวันแรกที่เธอจะได้ลืมมัน เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่มีความสุข...อย่างแท้จริง
บริเวณสวนหญ้าเขียวชอุ่มหน้าบ้าน ถูกเนรมิตให้กลายเป็นปาร์ตี้เล็กๆ หลอดไฟหลาก
สีสันถูกห้อยระย้าลงมาจากต้นไม้ใหญ่ บางส่วนก็พันกันอยู่ที่พุ่มไม้เตี้ย ลูกโป่งหลากสีสันที่เจ้าตัว
แสบประจำบ้านช่วยคุณแม่และคุณย่าเป่าถูกประดับไว้ที่เก้าอี้และชานระเบียงบ้านอย่างสวยงาม
ความมืดค่อยๆเข้าครอบคลุมผืนฟ้ากว้างใหญ่ เสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นเหมือนดนตรีขับกล่อมจิตใจ
ของทุกคนให้เบิกบาน
“แม่คับ”
เด็กชายธรรศวิ่งลงจากอ้อมกอดของคนเป็นพ่อมาสะกิดเอวบางของคนเป็นแม่ยิกๆ
“ว่าไงคะ”
น้ำเสียงหวานเอ่ยถามเด็กชายตัวน้อย ก่อนจะอุ้มเจ้าตัวเล็กและเดินออกมาจากหน้าเตา
ย่างกลัวว่าเจ้าจอมแสบจะซนจนได้เจ็บตัว มือเรียวเช็ดคราบครีมเค้กออกจากแก้มยุ้ยของลูกชาย
อย่างทะนุถนอม
“กินข้าวแล้วหรือไง ถึงกินของหวานฮึ”
“ของหวาน...”ดวงตากลมโตแบบเธอหลับลง มือเล็กป้อมถูขมับทั้งสองของไปมาอย่าง
ประมวลคำพูดของเธออยู่ชั่วครู่ ก่อนดวงตากลมโตจะเบิกโพลง เจ้าตัวเล็กยิ้มแป้น ก่อนจะพยักหน้า
“กินแล้วคับ”เธอหัวเราะ ก่อนจะย้อนถามคำศัพท์ที่เจ้าตัวแสบเก๊กท่านึกอยู่นานสองนาน
“แล้วหนูว่าของหวานแปลว่าอะไรคับ”
“ของหวานแปลว่าdessert คับ”เธอยิ้มพยักหน้า เวลาหกเดือนสำหรับการฝึกพูดภาษา
ไทยของเจ้าตัวเล็กถือว่าเร็วพอตัว ที่ลูกเป็นแบบนี้ก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากเธอ หากเธอไม่ดื้อรั้น
อยู่ที่อเมริกานานขนาดนั้น ธรรศก็คงไม่ต้องลำบากมาฝึกภาษาแบบนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ทีตอนเธอพูด
กรอกหูทุกวันไอ้ตัวแสบไม่สนใจเอง แต่พอมาอยู่กับคุณปู่คุณย่าท่านคงจะสอนเจ้าตัวเล็กหลายคำ
เลยพูดได้ดีขึ้นเยอะเลย
“แม่ไม่ต้องฉมว่าหนูเก่งหรอกคับ”เธอฟังสำเนียงเพี้ยนๆ ก่อนจะหัวเราะขำเจ้าตัวเล็ก
เธอวางร่างตุ้ยนุ้ยลงบนเก้าอี้สำหรับเด็กที่คุณปู่ของหนูน้อยซื้อไว้ให้ ก่อนจะเดินไปหยิบผลไม้มา
ทานพร้อมๆกับนั่งคุยกับลูกน้อย
“ป๊าเราหายไปไหนแล้วคับ”
“อ๋อ พ่อไปหาคุณตา คุณยาย แล้วก็น้าพิมคับ”
“ฮะ!”เธออุทานออกมาอย่างตกใจ ไม่คิดว่าคนที่บ้านเธอมาเดินทางมาที่นี่ด้วย
“ฮะ แปลว่าอะไรหรอคับแม่”เธอส่ายหน้าให้กับความช่างซักของลูกน้อย ก่อนจะปิด
ปากเล็กๆที่ถามเจื้อยแจ้วนั้นด้วยขนมเค้กก้อนโต ซึ่งเจ้าตัวแสบก็เงียบกริบ แล้วก้มหน้าก้มตาทาน
อย่างเดียว
“ลูกหนอลูก”เธอหัวเราะเอ็นดู ก่อนจะลุกจากโต๊ะเพื่อไปดูอาหารทะเลที่ย่างคาไว้อยู่
บนเตา แต่...
“ฟาง...”
“คุณพ่อ...มาได้ยังไงคะ”เธอเอ่ยอย่างงงๆ ก่อนจะตกอยู่ในอ้อมกอดที่เธอโหยหามา
ตลอดเวลา เธอโอบกอดท่านไว้เช่นกัน น้ำตาไหลรินลงมาช้าๆ ความอัดอั้นตันใจที่มี ความเจ็บปวด
และรอยบาดแผลกลั่นกรองและหลอมรวมกันกลายเป็นน้ำตาหยดเล็กๆ แม้ท่านจะไม่พูดอะไร แต่
เธอรู้ว่าอ้อมกอดแบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้ ท่านกำลังแคร์ความรู้สึกของเธอ และเธอก็พร้อมจะเปิดใจรับ
ฟัง เธอไม่ได้สนใจเรื่องที่ผ่านมา แต่การจากไปของแม่สร้างรอยแผลเป็นในใจของเธอมาโดยตลอด
เธอเห็นเหตุการณ์เลวร้ายทุกอย่าง...และอยากจะรู้ว่าทำไมพ่อถึงทำแบบนั้น
“พ่อเอาของขวัญวันเกิดมาให้หนู”เธอผละออกจากอ้อมกอดของท่าน ก่อนจะมอง
ใบหน้าที่แม้จะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงเค้าความหล่อเหลา
“พ่อรู้ว่าหนูเห็นเหตุการณ์วันนั้น และคิดว่าพ่อคงใจร้ายมากในสายตาของหนู”
คุณกันต์มองบุตรสาวคนโต ก่อนจะลูบศีรษะทุยสวยอย่างรักใคร่ ดวงตาคมทอประกาย
ความห่วงใยชัดเจน
“พ่อคิดว่าหนูคงจะมีเวลาฟังคำอธิบายของพ่อบ้าง”
“ค่ะ”
“ตอนนั้นบริษัทของเรากำลังแย่ พ่อกำลังจะล้มละลาย และที่สำคัญแม่ของหนูจด
ทะเบียนสมรสกับพ่อ ถ้าพ่อล้ม แม่ของหนูจะไม่เหลืออะไรเลย พ่อไม่อยากเห็นแก่ตัว ไม่อยากเห็น
คนข้างหลังต้องมาล้มกับพ่อ ตอนนั้นพ่อเครียดบวกกับความโมโห พ่อไม่คิดที่จะอธิบายให้แม่ฟังถึง
เหตุผลข้อนี้ พ่อคงจะบ้ามากถึงได้กล้าทำแบบนั้น และพ่อไม่เคยรู้เลยว่าการกระทำของพ่อจะทำให้
แม่จากหนูไปโดยไม่มีวันหวนคืน...พ่อขอโทษ”เขาโอบร่างเล็กที่โผเข้ากอด ก่อนจะลูบศีรษะสวย
นั้นด้วยความรักใคร่ ภาพที่เขาจับมือบอบบางของพิยดาประทับลงบนสัญญาการหย่า คงดูใจร้ายและ
เลือดเย็นในสายตาของลูกสาวอย่างเป็นที่สุด
“ฟางเข้าใจแล้วค่ะ”
“พ่อดีใจที่หนูเข้าใจ”
ภาณุมองสองพ่อลูกที่กอดกันแน่น ก่อนจะอุ้มเจ้าตัวแสบที่สะกิดแขนเขายิกๆขึ้นมา
“แม่ร้องไห้ทำไมหรอคับ”
“แม่เขาดีใจครับ”
“ดีใจทำไมคับ”เขายีผมดำขลับของไอ้ตัวแสบอย่างหมั่นเขี้ยว ช่างซักเหมือนใครวะ
“อืม...เอายังไงดีล่ะ”เขาครุ่นคิด ก่อนจะหยิบเยลลี่สีสวยเข้าปากเจ้าตัวเล็กที่มองเขา
ตาแป๋ว นี่คงเป็นวิธีปิดปากไอ้ตัวแสบที่ดีที่สุดเท่าที่ภรรยาเขาค้นพบมากระมัง และก็ได้ผลยิ่งกว่าได้
ผล เมื่อไอ้ตัวแสบหันเหไปสนใจเยลลี่ในจานมากกว่าคำถามที่เขาให้คำตอบไม่ได้
แขนแกร่งโอบกอดร่างเล็กของภรรยาสาว สายตาคมทอดมองร่างตุ้ยนุ้ยของเจ้าตัวแสบ
ที่นอนฟังนิทานที่คนเป็นแม่เล่าให้อย่างสบายอารมณ์ เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อตอนนี้เขารู้สึกชัดเจน
เหลือเกินว่าภรรยาของเขากำลังมีความสุขมากถึงมากที่สุด
“เชื่อพี่หรือยังว่าวันนี้ฟางจะมีความสุขมากที่สุด”
“เชื่อแล้วล่ะค่ะ วันนี้ฟางมีความสุขที่สุดเลย”เขาบีบจมูกโด่งรั้นของคนตัวเล็กอย่างหมั่น
เขี้ยว ก่อนจะโน้มตัวลงจูบริมฝีปากอิ่มเบาๆ
“พี่ก็ดีใจที่ฟางมีความสุขครับ”
“ฟางขอบคุณนะคะ ถ้าฟางไม่มีพี่ป๊อป ฟางคงไม่มีวันนี้”เขายิ้ม ก่อนจะเกลี่ยแก้มใส
อย่างทะนุถนอม
“ถ้าพี่ไม่มีฟางกับลูก พี่ก็ไม่มีวันนี้เหมือนกันครับ ผู้ชายคนนี้โง่จนเกือบจะทำลายหัวใจ
ตัวเอง ถ้าไม่ได้เรา พี่คงไม่มีความสุขเหมือนอย่างวันนี้ พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณเรา”เขามองดวง
หน้าหวานที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ ก่อนจะหลับตาลงเตรียมรับจุมพิตแสนหวานจากภรรยาสาว
“ป๊าพูดยาวจังคับ หนูไม่เข้าใจ แม่คับแล้วนิทานหนูล่ะ”
“ไอ้ตัวแสบ...กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่แล้วเชียว”
“คนบ้า พูดอะไรไม่อายลูกบ้าง”มือเล็กๆตีเข้าให้ที่แขนแกร่งของเขา ก่อนแม่ตัวดีจะหัน
ไปเล่านิทานให้ลูกจนลืมจูบหวานๆของเขาไปเลย
“คืนนี้ไปนอนกับคุณตานะ”เขาเอ่ยกับไอ้ตัวยุ่งที่นอนหนุนตักคนเป็นแม่อย่างสบาย
อารมณ์ แต่แล้วดวงตากลมโตสีดำสนิทก็มองเขา ก่อนจะเบ้หน้า
“ทำไมล่ะคับ”
“ไม่รู้...”
ตอนที่42
ร่างบอบบางของธนันต์ธรญ์ยืนอยู่ลำพังริมหาดชายสีขาวที่ทอดตัวยาวไปไกลสุดสายตา
ผมนุ่มสลวยปลิวไปตามสายลม ดวงตากลมโตหลับพริ้ม รอยยิ้มบางๆถูกแต้มบนริมฝีปากรูปกระจับ
ก่อนแผ่นหลังบอบบางจะถูกแทนที่ด้วยแผงอกแกร่งของภาณุ หญิงสาวลืมตาขึ้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้น
มองใบหน้าหล่อคมของสามีหนุ่มที่ห่างกันเพียงคืบ แต่คนฉวยโอกาสกลับแตะริมฝีปากบางเฉียบลง
บนริมฝีปากอิ่มเบาๆก่อนจะถอนออกโดยไม่สะทกสะท้าน ผิดกับคนในอ้อมกอดที่อายแทบแทรก
แผ่นดินหนี
“อายอะไร”
ภาณุถาม ก่อนจะหัวเราะเอ็นดูภรรยาสาว แก้มนวลแดงระเรื่อจนเขาอดไม่ได้ที่จะสูดดม
ความหอมละมุนจากแก้มนวล
“เชื่อไหมว่าวันนี้ฟางจะมีความสุขมากที่สุด”เขายิ้ม ก่อนจะมองดวงตาหวานที่มองเขา
อย่างไม่เชื่อใจ เธอทำท่าจะค้านแต่เขาโพล่งขึ้นมาก่อน
“จริงนะ ทำหน้าอย่างนี้แปลว่าไม่เชื่อ”
“จะเล่นอะไรแผลงๆอีกล่ะคะ”
“เปล่าซะหน่อย พี่แก่จนจะป่านนี้แล้วนะ ไม่ทำอะไรเด็กๆแบบนั้นหรอก”
“เชื่อได้ที่ไหน ไม่งั้นจะเล่นกับตาหนูได้หรอคะ”คนตัวเล็กส่งค้อนให้เขาปะหลับปะ
เหลือก ก่อนจะผละตัวออกจากอ้อมกอดของเขา
“ฟางไปดูตาหนูดีกว่าค่ะ ซนจนคุณพ่อคุณแม่เอาไม่อยู่แล้วมั้ง”เธอเอ่ย ก่อนจะเดิน
กลับเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ที่นี่เป็นบ้านที่เขาอยู่มาตั้งแต่เกิด บ้านหลังใหญ่ติดชายทะเลในจังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์ เขาเกิดและโตที่นี่ แต่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและไปบริหารกิจการของครอบครัวที่
กรุงเทพฯ แต่งงานที่กรุงเทพฯ มีลูกที่กรุงเทพฯ และตอนนี้เขาก็กลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯอีกครั้ง แต่นี่
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาได้กลับมาที่บ้านหลังนี้ และเขาเชื่อว่าทุกคนที่อยู่บ้านหลังใหญ่หลัง
นี้ต้องมีความสุข อย่างที่พ่อและแม่ของเขามี เหมือนที่เขามี และเหมือนที่เจ้าตัวแสบมี แต่คนที่ไม่มี
ความสุขที่แท้จริงคือธนันต์ธรญ์ เขารู้ว่าเธอยังเจ็บปวดกับบาดแผลในเรื่องเก่าๆ เขาก็พอจะรู้จาก
พ่อตาแล้วว่าได้เคลียร์เรื่องนี้กับภรรยาของเขาไปแล้วเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่เขารู้ดีว่าธนันต์ธรญ์ไม่
เคยลืมเรื่องร้ายๆในชีวิตของเธอได้เลยสักวินาทีเดียว และวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้จดจำมัน
และพรุ่งนี้จะเป็นวันแรกที่เธอจะได้ลืมมัน เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่มีความสุข...อย่างแท้จริง
บริเวณสวนหญ้าเขียวชอุ่มหน้าบ้าน ถูกเนรมิตให้กลายเป็นปาร์ตี้เล็กๆ หลอดไฟหลาก
สีสันถูกห้อยระย้าลงมาจากต้นไม้ใหญ่ บางส่วนก็พันกันอยู่ที่พุ่มไม้เตี้ย ลูกโป่งหลากสีสันที่เจ้าตัว
แสบประจำบ้านช่วยคุณแม่และคุณย่าเป่าถูกประดับไว้ที่เก้าอี้และชานระเบียงบ้านอย่างสวยงาม
ความมืดค่อยๆเข้าครอบคลุมผืนฟ้ากว้างใหญ่ เสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นเหมือนดนตรีขับกล่อมจิตใจ
ของทุกคนให้เบิกบาน
“แม่คับ”
เด็กชายธรรศวิ่งลงจากอ้อมกอดของคนเป็นพ่อมาสะกิดเอวบางของคนเป็นแม่ยิกๆ
“ว่าไงคะ”
น้ำเสียงหวานเอ่ยถามเด็กชายตัวน้อย ก่อนจะอุ้มเจ้าตัวเล็กและเดินออกมาจากหน้าเตา
ย่างกลัวว่าเจ้าจอมแสบจะซนจนได้เจ็บตัว มือเรียวเช็ดคราบครีมเค้กออกจากแก้มยุ้ยของลูกชาย
อย่างทะนุถนอม
“กินข้าวแล้วหรือไง ถึงกินของหวานฮึ”
“ของหวาน...”ดวงตากลมโตแบบเธอหลับลง มือเล็กป้อมถูขมับทั้งสองของไปมาอย่าง
ประมวลคำพูดของเธออยู่ชั่วครู่ ก่อนดวงตากลมโตจะเบิกโพลง เจ้าตัวเล็กยิ้มแป้น ก่อนจะพยักหน้า
“กินแล้วคับ”เธอหัวเราะ ก่อนจะย้อนถามคำศัพท์ที่เจ้าตัวแสบเก๊กท่านึกอยู่นานสองนาน
“แล้วหนูว่าของหวานแปลว่าอะไรคับ”
“ของหวานแปลว่าdessert คับ”เธอยิ้มพยักหน้า เวลาหกเดือนสำหรับการฝึกพูดภาษา
ไทยของเจ้าตัวเล็กถือว่าเร็วพอตัว ที่ลูกเป็นแบบนี้ก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากเธอ หากเธอไม่ดื้อรั้น
อยู่ที่อเมริกานานขนาดนั้น ธรรศก็คงไม่ต้องลำบากมาฝึกภาษาแบบนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ทีตอนเธอพูด
กรอกหูทุกวันไอ้ตัวแสบไม่สนใจเอง แต่พอมาอยู่กับคุณปู่คุณย่าท่านคงจะสอนเจ้าตัวเล็กหลายคำ
เลยพูดได้ดีขึ้นเยอะเลย
“แม่ไม่ต้องฉมว่าหนูเก่งหรอกคับ”เธอฟังสำเนียงเพี้ยนๆ ก่อนจะหัวเราะขำเจ้าตัวเล็ก
เธอวางร่างตุ้ยนุ้ยลงบนเก้าอี้สำหรับเด็กที่คุณปู่ของหนูน้อยซื้อไว้ให้ ก่อนจะเดินไปหยิบผลไม้มา
ทานพร้อมๆกับนั่งคุยกับลูกน้อย
“ป๊าเราหายไปไหนแล้วคับ”
“อ๋อ พ่อไปหาคุณตา คุณยาย แล้วก็น้าพิมคับ”
“ฮะ!”เธออุทานออกมาอย่างตกใจ ไม่คิดว่าคนที่บ้านเธอมาเดินทางมาที่นี่ด้วย
“ฮะ แปลว่าอะไรหรอคับแม่”เธอส่ายหน้าให้กับความช่างซักของลูกน้อย ก่อนจะปิด
ปากเล็กๆที่ถามเจื้อยแจ้วนั้นด้วยขนมเค้กก้อนโต ซึ่งเจ้าตัวแสบก็เงียบกริบ แล้วก้มหน้าก้มตาทาน
อย่างเดียว
“ลูกหนอลูก”เธอหัวเราะเอ็นดู ก่อนจะลุกจากโต๊ะเพื่อไปดูอาหารทะเลที่ย่างคาไว้อยู่
บนเตา แต่...
“ฟาง...”
“คุณพ่อ...มาได้ยังไงคะ”เธอเอ่ยอย่างงงๆ ก่อนจะตกอยู่ในอ้อมกอดที่เธอโหยหามา
ตลอดเวลา เธอโอบกอดท่านไว้เช่นกัน น้ำตาไหลรินลงมาช้าๆ ความอัดอั้นตันใจที่มี ความเจ็บปวด
และรอยบาดแผลกลั่นกรองและหลอมรวมกันกลายเป็นน้ำตาหยดเล็กๆ แม้ท่านจะไม่พูดอะไร แต่
เธอรู้ว่าอ้อมกอดแบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้ ท่านกำลังแคร์ความรู้สึกของเธอ และเธอก็พร้อมจะเปิดใจรับ
ฟัง เธอไม่ได้สนใจเรื่องที่ผ่านมา แต่การจากไปของแม่สร้างรอยแผลเป็นในใจของเธอมาโดยตลอด
เธอเห็นเหตุการณ์เลวร้ายทุกอย่าง...และอยากจะรู้ว่าทำไมพ่อถึงทำแบบนั้น
“พ่อเอาของขวัญวันเกิดมาให้หนู”เธอผละออกจากอ้อมกอดของท่าน ก่อนจะมอง
ใบหน้าที่แม้จะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงเค้าความหล่อเหลา
“พ่อรู้ว่าหนูเห็นเหตุการณ์วันนั้น และคิดว่าพ่อคงใจร้ายมากในสายตาของหนู”
คุณกันต์มองบุตรสาวคนโต ก่อนจะลูบศีรษะทุยสวยอย่างรักใคร่ ดวงตาคมทอประกาย
ความห่วงใยชัดเจน
“พ่อคิดว่าหนูคงจะมีเวลาฟังคำอธิบายของพ่อบ้าง”
“ค่ะ”
“ตอนนั้นบริษัทของเรากำลังแย่ พ่อกำลังจะล้มละลาย และที่สำคัญแม่ของหนูจด
ทะเบียนสมรสกับพ่อ ถ้าพ่อล้ม แม่ของหนูจะไม่เหลืออะไรเลย พ่อไม่อยากเห็นแก่ตัว ไม่อยากเห็น
คนข้างหลังต้องมาล้มกับพ่อ ตอนนั้นพ่อเครียดบวกกับความโมโห พ่อไม่คิดที่จะอธิบายให้แม่ฟังถึง
เหตุผลข้อนี้ พ่อคงจะบ้ามากถึงได้กล้าทำแบบนั้น และพ่อไม่เคยรู้เลยว่าการกระทำของพ่อจะทำให้
แม่จากหนูไปโดยไม่มีวันหวนคืน...พ่อขอโทษ”เขาโอบร่างเล็กที่โผเข้ากอด ก่อนจะลูบศีรษะสวย
นั้นด้วยความรักใคร่ ภาพที่เขาจับมือบอบบางของพิยดาประทับลงบนสัญญาการหย่า คงดูใจร้ายและ
เลือดเย็นในสายตาของลูกสาวอย่างเป็นที่สุด
“ฟางเข้าใจแล้วค่ะ”
“พ่อดีใจที่หนูเข้าใจ”
ภาณุมองสองพ่อลูกที่กอดกันแน่น ก่อนจะอุ้มเจ้าตัวแสบที่สะกิดแขนเขายิกๆขึ้นมา
“แม่ร้องไห้ทำไมหรอคับ”
“แม่เขาดีใจครับ”
“ดีใจทำไมคับ”เขายีผมดำขลับของไอ้ตัวแสบอย่างหมั่นเขี้ยว ช่างซักเหมือนใครวะ
“อืม...เอายังไงดีล่ะ”เขาครุ่นคิด ก่อนจะหยิบเยลลี่สีสวยเข้าปากเจ้าตัวเล็กที่มองเขา
ตาแป๋ว นี่คงเป็นวิธีปิดปากไอ้ตัวแสบที่ดีที่สุดเท่าที่ภรรยาเขาค้นพบมากระมัง และก็ได้ผลยิ่งกว่าได้
ผล เมื่อไอ้ตัวแสบหันเหไปสนใจเยลลี่ในจานมากกว่าคำถามที่เขาให้คำตอบไม่ได้
แขนแกร่งโอบกอดร่างเล็กของภรรยาสาว สายตาคมทอดมองร่างตุ้ยนุ้ยของเจ้าตัวแสบ
ที่นอนฟังนิทานที่คนเป็นแม่เล่าให้อย่างสบายอารมณ์ เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อตอนนี้เขารู้สึกชัดเจน
เหลือเกินว่าภรรยาของเขากำลังมีความสุขมากถึงมากที่สุด
“เชื่อพี่หรือยังว่าวันนี้ฟางจะมีความสุขมากที่สุด”
“เชื่อแล้วล่ะค่ะ วันนี้ฟางมีความสุขที่สุดเลย”เขาบีบจมูกโด่งรั้นของคนตัวเล็กอย่างหมั่น
เขี้ยว ก่อนจะโน้มตัวลงจูบริมฝีปากอิ่มเบาๆ
“พี่ก็ดีใจที่ฟางมีความสุขครับ”
“ฟางขอบคุณนะคะ ถ้าฟางไม่มีพี่ป๊อป ฟางคงไม่มีวันนี้”เขายิ้ม ก่อนจะเกลี่ยแก้มใส
อย่างทะนุถนอม
“ถ้าพี่ไม่มีฟางกับลูก พี่ก็ไม่มีวันนี้เหมือนกันครับ ผู้ชายคนนี้โง่จนเกือบจะทำลายหัวใจ
ตัวเอง ถ้าไม่ได้เรา พี่คงไม่มีความสุขเหมือนอย่างวันนี้ พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณเรา”เขามองดวง
หน้าหวานที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ ก่อนจะหลับตาลงเตรียมรับจุมพิตแสนหวานจากภรรยาสาว
“ป๊าพูดยาวจังคับ หนูไม่เข้าใจ แม่คับแล้วนิทานหนูล่ะ”
“ไอ้ตัวแสบ...กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่แล้วเชียว”
“คนบ้า พูดอะไรไม่อายลูกบ้าง”มือเล็กๆตีเข้าให้ที่แขนแกร่งของเขา ก่อนแม่ตัวดีจะหัน
ไปเล่านิทานให้ลูกจนลืมจูบหวานๆของเขาไปเลย
“คืนนี้ไปนอนกับคุณตานะ”เขาเอ่ยกับไอ้ตัวยุ่งที่นอนหนุนตักคนเป็นแม่อย่างสบาย
อารมณ์ แต่แล้วดวงตากลมโตสีดำสนิทก็มองเขา ก่อนจะเบ้หน้า
“ทำไมล่ะคับ”
“ไม่รู้...”
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ