สลับขั้วมาลุ้นรัก

9.4

เขียนโดย Water_Fall

วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 21.31 น.

  14 ตอน
  45 วิจารณ์
  24.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556 23.41 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2) คำโกหก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                       "งานเข้าแล้วไงยัยกิ่งแก้ว" ใบหน้ายุ่งเหยิ่งกับผมเผ้าที่ดูรุงรัง เอียนสายตาจับจ้องไปที่งานชิ้นแรกที่พี่สาวสุดที่รักมอบหมายให้ ภายใต้โต๊ะทำงานขนาดกระทัดรัดที่เพิ่งจะถูกนำมาวางไว้ไม่นาิน ห้องทำงานส่วนตัวที่ดูไม่ใหญ่มากนัก ถูกตกแต่งไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ตรงกลางมีต้นไม้น้อยบ้างใหญ่บ้างเรียงรายเบียดเสียดกับชั้นวางเอกสารของเธอ สถาปนิกสาวมองดูงานที่ตนเองต้องรับผิดชอบอย่างซีเรียส ทางด้านน้องชายที่นั่งฟังเพลงอยู่ที่เดียวกัน ก็เบือนสายตามาที่สถาปนิกสาว ที่ตอนนี้เจ้าหล่อนดูจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างขมักเขม้น  
 
 
                      "โห ระดับบิ๊กเลยนะนั่น" เมื่อเห็นแผ่นงานที่วางอยู่บนโต๊ะของแฝดพี่สาว ต้นกล้าถึงกับอ้าปากหวอ เพราะแบบแปลนบ้านที่เจ้าสาวเพิ่งได้รับ มันคือบ้านหลังใหญ่โตมโหฬารพื้นที่ขนาดสิบกว่าไร่ ชวนท้าทายมันสมองของหญิงสาวผู้เป็นพี่อย่างยิ่งยวด
 
 
                       "นี่ว่างมากใช่ไหมห่ะ ไอ้กล้า" 
 
 
                       "เฮ้ๆ โกรธแล้วเหรอยัยทอมเถื่อน"  
 
 
                       "ไอ้ต้นกล้า นี่นายไม่คิดจะหางานทำเลยหรือไงวะ เอาแต่นั่งลอยหน้าลอยตาคอยกวนประสาทคนอื่นอยู่แบบนี้ มันน่ารำคาญรู้หรือป่าว" แฝดพี่ชักจะโมโหกับเจ้าน้องชายตัวป่วน เธอพลันด่าเจ้าหมอนั่นอย่างหัวเสีย ก่อนที่เธอจะนั่งทำงานของตนต่อ
 
 
                        "ทำไมเธอไม่ลองไปดูสถานที่จริงเลยล่ะ มานั่งขีดๆเขียนๆใส่กระดาษอยู่แบบนี้ เมื่อไรมันจะเสร็จสักที แล้วก็ ตั้งแต่เข้างานมาเธอก็ไม่ได้กินข้าวเลยไม่ใช่เรอะ" คำพูดของแฝดน้องทำเอาแฝดพี่นึกบางอย่างออก เธอผละออกจากงานที่รักทันที ก่อนจะตบป้าบไปที่ไหล่ของน้องชาย
 
 
                         "ไม่เลวเหมือนกันนี่พ่อยอดศิลป์ แล้ว เราจะไปกันได้หรือยังล่ะ" สถาปนิกสาวทำท่าจะออกจากห้องทำงาน ยิ่งทำให้แฝดผู้น้องแปลกใจอยู่ไม่น้อย ว่าทำไมยัยกิ่งแก้วถึงได้สลัดจากงานนั้นได้ เพราะปกติแล้ว กิ่งแก้วคนนี้นับเป็นคนที่บ้างานเอามากๆ ถ้าเกิดอยู่ในช่วงเวลาทำงาน เธอจะไม่สนใจสิ่งอื่นใดโดยเด็ดขาด แต่วันนี้ช่างแปลก ที่คุณเธอยอมผละออกจากโต๊ะทำงานของเธอได้
 
 
                          "ไปไหนของเธอ นี่มันยังเป็นเวลางานอยู่เลยนะ ขืนเล่นโดดงานออกไปแบบนี้ มีหวังพี่ฟางได้เอาเธอตาย"
 
   
                          "จะชักช้าอยู่ทำไมล่ะน้องพี่ รีบๆไปกันได้แล้วน่า"
 
 
                          "เฮ้ยเดี๋ยวก่อนสิยัยทอมเถื่อน" แฝดผู้พี่ไม่ฟังคำคัดค้านอันใดของน้องชาย เธอคว้าแขนแฝดน้องทันควันและพาเขาไปกับเธออย่างรวดเร็ว
 
   
                  รถสปอร์ตสีแดงแบบเปิดประทุน แล่นมาถึงจุดหมายด้วยเวลาเพียงแค่สามสิบนาที ท่ามกลางบ้านหลังน้อยใหญ่ในหมู่บ้านจัดสรรแถวๆชานเมือง ตรงกลางหมู่บ้านมีอาณาเขตแสดงถึงอำนาจมืดบางอย่าง บ้านหลังใหญ่ที่ยังไม่เสร็จดีปรากฏอยู่ตรงหน้าของสองแฝด เมื่อได้เห็นตัวบ้านในเชิงสามมิติ ทำเอาสองแฝดดูจะตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ครั้นจะแล่นรถผ่านเข้าไปในตัวบ้าน ก็ปรากฏรปภ.ร่างท้วมยืนขวางพวกเขาทั้งสองด้วยสีหน้าเซงแซ่ปนหงุดหงิด
 
 
 
                           "พวกคุณเป็นใคร ที่นี่ไม่ใช่ว่าจะเข้าออกกันง่ายๆหรอกนะ" 
 
 
                           "อ๋อ พอดีฉันมาจาก@FKKน่ะค่ะ ว่าจะเข้าไปดูโครงสร้างของบ้านสักหน่อย นี่นามบัตรฉัน" หญิงสาวยื่นนามบัตรให้รปภ.คนนั้น เมื่อเห็นว่า แฝดทั้งสองดูจะไม่มีอันตรายใดๆ ก็ปล่อยพวกเขาเข้าไปข้างในแต่โดยดี 
 
                           รถลีมูซีนจอดอยู่หน้าประตูหลังใหญ่ ก่อนที่นักธุรกิจหนุ่มจะก้าวเดินลงมาอย่างใจเย็น เมื่อเห็นเช่นนั้น รภป.ร่างท้วมถึงกับกรูเข้าไปทักทายเจ้านายของเขาทันที
 
 
                           "นั่นรถใครน่ะ" ชายหนุ่มตวัดสายตามองไปรอบๆ และก็มาหยุดตรงรถสปอร์ตสีแดงที่จอดกินที่อยู่ในตัวบ้าน 
 
 
                           "เห็นว่ามาจาก@FKKน่ะครับ นี่นามบัตรของพวกเขา" รปภ.ร่างท้วมยื่นนามบัตรที่หญิงสาวเพิ่งจะเอาให้ไปเมื่อสักครู่ เมื่อได้ตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว ชายหนุ่มคนดังกล่าวก็โวยใส่รภป.คนนั้นทันที
 
                           
                           "แล้วทำไมไม่ไปคุมพวกเขา เกิดข้าวของๆผมเสียหายขึ้นมา คุณมีปัญญาจ่ายหรือไง" โทโมะนักธุรกิจชื่อดังแห่งยุค หลังจากที่เพิ่งกลับมาเมืองไทยเพราะไปสัมนาที่ญี่ปุ่น ก็ไม่ลืมที่จะแวะมาเยี่ยมเยียนบ้านหลังใหม่ ที่อีกไม่นานคงจะเสร็จสิ้นในเร็ววัน และเมื่อเป็นบ้านของนักธุรกิจชื่อดังอย่างเขา จึงจำต้องหานักออกแบบมือฉกาจ มาสรรสร้างศิลปะให้ดูมีระดับในวงการไฮโซแห่งนี้
 
 
                           "อะเอ่อ..." พลันได้ยินดังนั้น รภป.เคราะห์ร้ายถึงกับหน้าเสียทันที เขาก้มหัวลงอย่างสำนึกผิด  
 
 
                       เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังโมโห ชายหนุ่มอีกคนที่อยู่บนรถ ก็ก้าวลงมาสมทบกับนักธุรกิจหนุ่มเพื่อนสนิท พลันเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีของรปภ.คนดังกล่าว เขาก็รีบไปห้ามทัพโดยเร็ว 
 
    
                       "ไม่เอาน่าไอ้คุณโมะๆ พี่เขาก็บอกแล้วว่าไม่ได้ตั้งใจน่ะ" 
 
 
                       "แต่เขาทำหน้าที่ผิดพลาด สมควรที่จะถูกไล่ออก" ชายหนุ่มจ้องรปภ.ร่างท้วมตาเป็นมัน เขาเริ่มจะแผ่รังสีอำมหิตออกมาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้รปภ.คนนั้น ถึงกับทรุดลงในทันใด 
 
 
                       "นายก็เป็นซะแบบนี้" 
 
 
                       "ถ้าผิดพลาดนิดๆหน่อยๆ ก็พอจะให้อภัยได้ แต่ผิดซ้ำซากแบบนี้ฉันไม่ยกโทษให้เด็ดขาด" พลันได้ยินเสียงอันทรงพลังของชายหนุ่ม ร่างท้วมในชุดรปภ.รีบยกมือไหว้อย่างกับคนขอชีวิต 
 
 
                       "ต้องขออภัยด้วยนะครับท่านประธาน แต่ถ้าเกิดผมโดนไล่ออกล่ะก็ แล้วเมียผมที่โรงพยาบาลล่ะครับ ไหนจะลูกสองคนที่กำลังจะชึ้นม.ปลายอีกฯ" ชายร่างท้วมถึงกับเล่าเรื่องในครอบครัวเป็นตุเป็นตะ พลางเข้าไปเลียแข้งเลียขาอย่างไม่อาย 
 
 
                       "เอาไป แล้วก็ใส่หัวออกไปไกลๆเลย" ชายหนุ่มสุดจะทนกับท่าทางที่น่าสังเวชนั่น จึงหยิบเงินจำนวนหนึ่งให้อย่างไม่เสียดาย ก่อนจะเอ่ยปากไล่ตะเพิดชายร่างท้วมให้ออกห่างจากจุดนั้นอย่างเกรี้ยวกราด
 
 
                       "ถึงจะเย็นชายังไง ก็อดสงสารพี่เค้าไม่ได้ล่ะสิ" ป๊อปปี้โปรแกรมเมอร์อัจริยะ ผู้ช่วยคนสำคัญของโทโมะ เอ่ยถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไปไม่นาน เขารู้ว่า ที่จริงเพื่อนของเขาก็ไม่ใช่คนใจจืดใจดำอะไรนัก เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะแสดงออกมายังไงก็เท่านั้นเอง 
 
 
                       ต้นกล้าที่กำลังหาวิิวเหมาะๆสำหรับการวาดภาพ เขามาถึงดาดฟ้าของบ้าน พลันมองออกไปข้างนอก ก็เจอกับแสงอาทิตย์ที่ส่องแสงรอดผ่านหลุมเมฆ ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนแสงจากสวรรค์ที่กำลังรอให้ศิลปินหน้าสวย ได้จดภาพเบื้องหน้าของเขาลงไปในกระดาษสีขาว และเมื่อมองไปทางขวาก็เผอิญไปเจอกับชายหนุ่มท่าทางขรึมๆ ที่กำลังเดินขึ้นบันไดมาอย่างรีบเร่ง หน้าตาของเขาคนนั้นดูคุ้นมาก แต่ต้นกล้าก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็นเขาที่ไหน
 
 
                       "what do you doing" โทโมะนักธุรกิจหนุ่ม ใช้ภาษาอังกฤษกล่าวทักทายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เมื่อเขาสังเกตุเห็นนาฬิกาข้อมือของเด็กหนุ่ม ที่เหมือนจะเป็นของแท้จากอเมริกา ราคาน่าจะราวๆสิบกว่าล้าน ก็เลยจำเป็นต้องใช้ภาษาสากล เพราะนึกว่าเด็กหนุ่มหน้าตาสะสวยที่ยืนจ้องหน้าเขาตาเขม็ง ไม่ใช่คนไทยเป็นแน่แท้
 
 
                      "โคนิจิวะ" พลันเห็นใบหน้าที่คล้ายกับชาวญี่ปุ่น ต้นกล้าจึงเอ่ยทักเขาด้วยภาษาท้องถื่นของฝ่ายตรงข้าม แต่ด้วยเจ้าตัวเอง ก็ไม่ได้เข้าใจภาษาทางตะวันออกนี้มากนัก เขาจึงพูดเป็นแค่คำๆเดียวเท่านั้น
 
                     
                      "นายเป็นคนญี่ปุ่นเรอะ" พลันได้ยินคำกล่าวของหนุ่มนักธุระกิจ ต้นกล้าถึงกับตกใจทันควัน อ้าวไอ้นี่มันคนไทยนี่หว่า 
 
 
                     "ผมชื่อต้นกล้า ไม่ทราบว่าคุณคงเป็นเจ้าของบ้านสินะครับ ว่าแต่ เป็นคนไทยทำไมหน้าของคุณถึงดูเหมือนคนญี่ปุ่นล่ะครับ" ต้นกล้าแปลกใจกับสีหน้าและท่าทางของเขามาก แม้จะเป็นคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ใบหน้าของเขาแลดูเหมือนคนตะวันออกยิ่งนัก 
 
 
                     "ก็เป็นคนญี่ปุ่นนี่ครับ ว่าแต่คุณเถอะมาทำอะไรที่บ้านของผม หรือว่าคุณก็คือสถาปนิกคนนั้น" หน้าแปลกที่เขาเป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆ แต่กลับพูดไทยได้ชัดแจ๋ว ต้นกล้าที่มองใบหน้าของชายหนุ่มไปสักพัก ก็นึกเป็นห่วงแฝดพี่ไม่ได้ นี่ยัยถึกจะต้องมาทำงานกับคนๆนี้จริงๆเหรอเนี่ย แม้ว่าใบหน้าของเขาดูจะโมโหร้ายและเย็นชาเพียงใด แต่ถ้าเกิดมองไปนานๆก็จะพบความน่ารักของเขา หวังว่ายัยกิ่งแก้วคงจะไม่หลงรักเขาคนนี้หรอกนะ ต้นกล้าพลันนึกถึงแฝดพี่ ที่ถ้าเกิดมาเจอเจ้าของใบหน้าอันหล่อเหลาแล้วล่ะก็ คงเป็นเรื่องไม่ดีแน่ เพราะตัวเขาเองก็ไม่อยากให้พี่สาวแต่งงานในตอนนี้ เพราะเนื่องจากอายุที่ยังน้อยอยู่ ประกอบกับตัวเขาเองที่เป็นแฝด ก็ใคร่อยากจะอยู่กับพี่สาวไปนานๆ ถึงแม้สักวันจะต้องจากกันอยู่ดีก็เถอะ เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาก็นึกแผนการอะไรดีๆออก 
 
 
                     "ใช่ครับ ผมคือสถาปนิกหนุ่มจาก@FKKซึ่งพี่สาวของผมเป็นผู้บริหารอยู่ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ หวังว่าคุณจะไม่อคติ สำหรับนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่อย่างผม"
 
 
                     "ผมมองที่ผลงานไม่ใช่ตัวบุคคล ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ"
 
 
                      พอแนะนำตัวกันเสร็จต้นกล้าก็ขอปลีกตัวมาโทรศัพท์สักครู่ เขากดเบอร์ไปหาพี่สาว เพราะกลัวเจ้าหล่อนจะโผล่มาจ๊ะแอ๋กันพอดี และถ้าเป็นแบบนั้นจริง แผนที่วางไว้ ก็จะพังทลายไปทั้งหมด ซึ่งเขาจะโดนอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายตามมาในภายหลัง 
 
 
                     "อยู่ไหนแล้วเนี่ย" 
 
 
                     "นั่งรอแกเป็นชั่วโมงแล้วล่ะ รีบๆมาได้แล้ว รู้สึกว่าเจ้าของบ้านจะมาน่ะ นั่งรถลีมูซีนมาซะด้วย ถ้าเจอก็ฝากทักทายด้วยล่ะกัน" 
 
 
                     "เออๆ เดี๋ยวลงไป" ต้นกล้าวางสายลง ก่อนจะเดินไปหาเจ้าของบ้านสุดขรึมที่ยืนมองเขาอย่างเงียบเชียบ 
 
 
                     "รู้สึกว่าผู้ช่วยของผมที่อยู่ด้านล่างจะปวดท้องน่ะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ" ต้นกล้าเดินกลับไปพลางยกมือไหว้ลาเจ้าของบ้าน ชายหนุ่มที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเดินกลับก็เอ่ยประโยคสุดท้ายออกมา
 
 
                     "ผมหวังว่า เราคงจะเจอกันบ่อยมากขึ้นนะครับ" 
 
                    
                    "เจอกันบ่อยยังงั้นเรอะ คิดแล้วมันน่าโมโหจริงๆ" ต้นกล้าบ่นเล็กน้อย ก่อนจะนำใบหน้ากึ่งสวยกึ่งหล่อนั่นกลับลงไปหาแฝดพี่สาวโดยเร็ว
 
 
ตอนที่สองแล้วนะครับ ยังไงก็ฝากติดตามหน่อยนะ 

 
 
                          
 
 
 
            
 
       

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา