สัญญารักลวง...

10.0

วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.08 น.

  36 ตอน
  12 วิจารณ์
  76.58K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 20.50 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

นิยายเรื่อง สัญญารักลวง

 

ตอนที่4 แผนพลิก

 

 

 

ชายหนุ่มทอดสายตามองรูปของสาวหน้าหวานในมือถือที่เจ้าตัวขยันส่งมาให้เขา ทั้งๆที่เขาแทบจะไม่ได้ตอบกลับ

 

 

เธอเลยด้วยซ้ำ แต่เขาบอกตามตรงว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะชอบเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง แต่ก็ขี้อ้อน

 

 

เอาใจเก่ง เป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งที่เขาอยากให้มีในตัวภรรยาในอนาคต ซึ่งมันไม่ได้มีอยู่ในตัวพิมประภา แต่จะให้

 

 

พูดกันจริงๆเขาบอกตามตรงว่าเขาชอบพิมประภามากกว่าเด็กแสบไม่รู้จักโตอย่างฟาง เอ แต่ที่น่าแปลกก็คือยัยตัว

 

 

เล็กไม่มายุ่งวุ่นวายกับเขาอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น จะคิดว่าเธอถอดใจไปแล้วก็ไม่น่าใช่ ในเมื่อสุดท้าย เธอยัง

 

 

ตะโกนใส่หน้าเขาว่าเขาต้องแต่งงานกับเธอ แล้วเธอหายไปไหนเสียเล่า

 

 

 

“ก็แล้วทำไมต้องคิดถึงด้วยวะ”ชายหนุ่มทึ้งหัวตัวเอง ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นห่ม แล้วข่มตาให้หลับภายใต้สมองที่เต็ม

 

 

 

ไปด้วยรอยยิ้มสดใสของคนตัวเล็กที่ตามมาหลอกหลอนเขาจนนอนไม่หลับ...อย่างทุกวัน

 

 

 

                     มือเล็กกำยาแคปซูลในมือแน่น ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างหมายมาด ก่อนรอยยิ้มก็ต้องหุบฉับ

 

 

 

“ถ้าเขาโกรธล่ะ...จะทำยังไงดี”คนตัวเล็กปายานอนหลับติดฝาผนังห้องสีชมพู ก่อนจะนั่งจ้องมันอยู่นาน ถ้าเขา

 

 

 

โกรธเธอ ถ้าเขาเกิดจับได้ขึ้นมาแล้วไม่ยอมแต่งงานกับเธอล่ะ เขาก็จะยิ่งห่างเหินกับเธอไปมากกว่านี้อีก หัวใจดวง

 

 

 

น้อยยิ่งบีบรัดอย่างแรง เมื่อคิดว่าเขาจะห่างเหินกับเธอยิ่งกว่านี้ ตลอดหนึ่งเดือนที่เขากลับมาเธอแทบไม่ได้พูดคุย

 

 

 

 

กับเขาอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น...ป่านนี้เขาจะหายโกรธเธอรึยังนะ แต่คนที่สมควรจะโกรธคือเธอต่างหาก ในเมื่อเขา

 

 

 

เองเป็นคนที่ไม่รักษาสัญญา แล้วเขามีสิทธิ์อะไรจะมาโกรธเธอ...

 

 

 

“จะโทษฟางไม่ได้นะ เพราะว่าพี่ป๊อปนั่นแหละทำให้ฟางต้องทำแบบนี้”เธอหันไปพูดกับรูปถ่ายของเขาที่ติดอยู่

 

 

 

บริเวณฝาผนัง ก่อนจะคลานเข่าไปหยิบยาเม็ดแคปซูลที่นอนแน่นิ่งที่พื้น ก่อนจะเก็บมันไว้ที่กระเป๋าสะพาย

 

 

 

                   เสียงเพลงอึกทึกของผับที่เต็มไปด้วยอบายมุขและผีเสื้อราตรีทั้งหลาย ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ดีกับ

 

 

 

ร่างเล็กมากนัก เธอเดินบนส้นสูงอย่างไม่มั่นใจ จนเพื่อนสาวต้องสะกิด

 

 

 

“ไม่ต้องกลัวหรอกน่ายัยฟาง รับรองเพื่อนของฉันไว้ใจได้ทุกคน”เธอพยักหน้าเบาๆ ก็พอจะเข้าใจนะ ขึ้นชื่อว่า

 

 

 

เพื่อนของแอนนี่แล้ว ก็คงไม่มีใครเป็ยชายแท้สักคน แต่ไอ้ที่กลัวเนี่ย เธอกลัวสายตาหยาบคายของพวกผู้ชายที่

 

 

 

จ้องมองแทะโลมอย่างเปิดเผยมากกว่า ไม่รู้สาวๆที่นี่ทนกันได้ยังไงนะ คิดแล้วขนอ่อนในกายก็ลุกซู่

 

 

 

“โต๊ะนี้ก็แล้วกันเนอะ”แก้วพูดขึ้น ก่อนพวกเธอจะนั่งลง เพื่อนรักสั่งเครื่องดื่มให้ตัวเองและยังเผื่อแผ่มาถึงเธอ โดย

 

 

 

ไม่ถามสักคำเลยว่าเธอดื่มมันได้หรอ

 

 

 

 

“ฉันดื่มไม่ได้หรอกนะ มันแรงเกินไป เดี๋ยวก็เมากันพอดี”

 

 

 

“เอ้า แกก็จิบบ้าง เวลาจะลงมือจะได้ไม่ต้องคอยเถียงกับจิตใต้สำนึกอันสูงส่งของแกไงล่ะฟาง”เธอประเคนค้อนวง

 

 

 

ใหญ่ให้เฟย์ ก่อนจะเอ่ยถามถึงผู้ร่วมแผนการคืนนี้

 

 

 

“ไหนล่ะเพื่อนแก”

 

 

 

“เดี๋ยวก็มานังพีชมันไม่เคยมาสายหรอก รับรองว่าแผนการของแกสำเร็จแน่ ทุกอย่างเป๊ะเวอร์”

 

 

 

“ชิ ขอให้ได้อย่างที่แกพูดจริงๆเถอะเอกพล”แอนนี่ตาโต ก่อนจะแผดเสียงโวยวายเมื่อเธอเอ่ยชื่อจริงของนางออก

 

 

 

มา

 

 

 

“ต๊าย!ยัยฟาง ฉันทั้งตัดทั้งตอน แล้วก็ศัลย์เรียบร้อยแล้วย่ะ ถ้าแกเรียกอีกฉันจะไม่ช่วยแกแน่”

 

 

 

“โอเคๆ ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”ก่อนเธอจะลุกขึ้นเพื่อไปเข้าห้องน้ำ มือเล็กเก็บแท่งลิปสติกเข้ากระเป๋า ก่อนเท้า

 

 

เรียวภายใต้รองเท้าส้นสูงสง่าจะเดินออกมา เธอมองไปรอบๆอย่างไม่วางใจ ก็ในเมื่อชีวิตนี้ของเธอเข้าผับแค่สอง

 

 

 

ครั้ง แล้วจะไม่ให้เธอกลัวได้อย่างไร

 

 

 

“ว้าย!”เธอร้องอย่างตกใจ เมื่อเครื่องดื่มกลิ่นฉุนจัดหกรดบนเดรสรัดรูปสีดำของเธอ

 

 

 

 

“ขอโทษครับ เอ่อ เดี๋ยวผมเช็ดให้นะ”เธอหลบตัวจากผ้าเช็ดผ้าของเขาแทบไม่ทัน ก่อนจะดันมือของเขาออก

 

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเช็ดเองได้”

 

 

 

“ขอโทษนะครับที่ผมเดินไม่ดูตาม้าตาเรือจนชนคุณแบบนี้”เขายิ้มกริ่ม แววตาแบบนั้นมันไม่น่าไว้วางใจสักนิด เธอ

 

 

 

พยักหน้าก่อนจะยิ้มบางให้ แล้วเลือกที่จะเดินออกมาจากตรงนั้น แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเดินตามเธอมา

 

 

 

“ผมกวินนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเอ่อ...”เธอหันไปมองคนข้างกายอย่างไม่พอใจ แต่นั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องเก็บไว้ใน

 

 

 

ใจ เธอเลี่ยงที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะตอบคำถามของเขา

 

 

 

“ฟางค่ะ”เป็นอีกครั้งที่เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

 

 

 

“คุณฟางนั่งโต๊ะไหนครับ ผมขอนั่งด้วยคนได้รึเปล่า”หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่น่าไว้วางใจ

 

 

 

“ฟางมากับเพื่อนค่ะ มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น คุณคงไม่สนุกหรอกค่ะถ้าจะนั่งร่วมโต๊ะกับพวกเรา”เธอตอบอย่างอ้อมค้อม

 

 

พยายามรักษาน้ำใจของเขาไว้ให้มากที่สุด เพราะอย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังให้เกียรติเธออยู่ ไม่ได้ทำอะไรรุ่มร่าม

 

 

 

“ผมเข้าได้กับทุกคนอยู่แล้วครับ”เธอลอบถอนหายใจ ก่อนจะเดินนำเขาไปที่โต๊ะ อย่างน้อยมีเพื่อนอยู่ด้วยดีกว่า

 

 

 

เธออยู่กับเขาเพียงสองคน

 

 

 

“เอ้า ไปไหนกันหมดแล้วเนี่ย”หญิงสาวบ่นกับตัวเองเบาๆเมื่อเพื่อนที่น่ารักหายไปหมดแล้ว ทิ้งเธอไว้คนเดียว

 

 

 

แล้วจะทำอย่างไรล่ะทีนี้

 

 

 

“ไหนล่ะครับเพื่อนคุณฟาง”เธอเกาท้ายทอยแก้เก้อ ก่อนจะหันมาพูดกับเขา

 

 

 

“เอ้อ สงสัยออกไปยืดเส้นยืดสายน่ะค่ะ เชิญคุณนั่งก่อนสิคะ”เธอเชื้อเชิญเขาตามมารยาท เขานั่งลงก่อนจะหันมา

 

 

 

คุยกับเธอ แล้วอย่างนี้เธอจะปลีกตัวออกไปได้ยังไงล่ะ นี่ก็ใกล้เวลาที่แผนจะเริ่มเข้าไปเต็มทีแล้ว

 

 

 

“คุณฟางดูเบื่อๆนะครับ สงสัยผมจะคุยไม่สนุก”เขาเอ่ยอย่างเกรงใจ เธอรีบส่ายหน้า แล้วแก้ตัวเป็นพัลวัน เพราะ

 

 

 

บางทีเธออาจจะเผลอแสดงท่าทีที่ทำให้เขารู้สึกแย่ไปก็ได้

 

 

 

“เปล่าหรอกค่ะ”

 

 

 

“งั้นเดี๋ยวผมจะขอตัวกลับแล้ว แต่ก่อนไปขอฉลองให้กับมิตรภาพของเราหน่อยนะครับ”เธอพยักหน้า ก่อนเขาจะ

 

 

 

เรียกบริกรมาสั่งเครื่องดื่มให้เธอ เธอเหลียวหลังไปมองหาเพื่อนรัก

 

 

 

‘หายไปไหนกันหมดนะ จะถึงเวลาอยู่แล้วนะ’เธอแอบค่อนขอดเพื่อนอยู่ในใจที่ปล่อยให้เธอต้องรับหน้ากับผู้ชาย

 

 

 

แปลกหน้าคนนี้

 

 

 

“คุณฟางครับ...ค็อกเทลครับ”

 

 

 

“ค่ะ”เธอยื่นมือไปรับแก้วน้ำส้ม ก่อนจะดื่มจนหมดแก้วแล้ววางลงบนโต๊ะ

 

 

 

“หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะครับ...ยินดีที่ได้รู้จักครับ”เขายื่นมือมาให้เธออย่างเป็นมิตร ดูจากหน้าแล้วเขาน่าจะ

 

 

เป็นลูกครึ่ง คงรับวัฒนธรรมตะวันตกมามากและไม่ยึดถือวัฒนธรรมไทยเท่าไหร่ คงไม่คิดอะไรหรอกมั้ง เธอยื่นมือ

 

 

 

ไปจับ เขายิ้มให้ก่อนจะปล่อยมือเธอลงอย่างสุภาพ เขาหันหลังเดินจากไป...

 

 

 

          ภาพในจอตาเริ่มพร่ามัว สมองมันมึนไปหมด ความร้อนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนพุ่งเข้าสู่ทุกส่วนของร่างกาย

 

 

เหงื่อเม็ดโตเริ่มผุดบริเวณขมับ ลมหายใจที่เคยสม่ำเสมอกลับติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ ภาพผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา

 

 

 

ใกล้ ก่อนเขาจะประคองเธอให้ลุกขึ้น ภาพตอนนี้มันพร่ามัวเสียจนเธอไม่รู้ว่าเขาคือใคร เธอพยายามขืนตัวออกจาก

 

 

 

อ้อมกอดของเขา แต่เพียงแค่มือที่ประคองตัวเธอเอาไว้กลับเกิดความร้อนวูบวาบอย่างประหลาด

 

 

 

“ฟางครับ...”

 

 

 

“พี่ป๊อป..”เธอพยายามเงยหน้าขึ้นมองเขา แต่ภาพมันก็เบลออยู่ดี

 

 

 

“เอ่อ ครับ...ป๊อปก็ป๊อปวะ”เธอรู้สึกว่าเขาพาร่างของเธอเดินออกมาจากด้านในของผับ เดินไปเรื่อยๆ แต่ทำไมเธอ

 

 

 

ถึงได้ไม่รู้สึกตัวเลยนะ แต่ที่แน่ๆคือเธอเริ่มมั่นใจแล้วว่าคนข้างกายไม่ใช่เขาคนนั้นแน่

 

 

 

“นายเป็นใคร...ปล่อยนะ”น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก นี่เธอกำลังเจอกับอะไร

 

 

 

 

“ปล่อยก็โง่แล้ว”

 

 

 

 

 

...............................................................................................................................

ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยย อะไรกันนักกันหนากับฉัน โทษนะบอกหน่อยได้มั้ยว่าป้ายฟิคแค้นร้ายกลายรักมันไปเหมือน

ของเรื่องไหน เราถึงได้ถูกด่าเอาด่าเอาอย่างนี้ แถมยังหาว่าลอกพล็อตนิยายคนอื่นอีก เม้นก็น้อย เหนื่อยนะคะ

แต่งนิยาย ตลอดเวลาเราไม่เคยขอเม้นเลย แต่นี่มันน้อยเกินไปจริงๆ เห็นยอดวิวกับเม้นแล้วก็เหนื่อยถ้าปัญหามัน

เยอะนักก็จะไม่แต่งมันแล้วนิยาย ออกจากเว็บนี้โดยถาวรไปเลย ไปตั้งกลุ่มในเฟสให้คนที่พร้อมให้กำลังใจเรา

แล้วอยากอ่านนิยายเราจริงๆอ่านดีกว่า เราขอความเห็นทุกคนอยู่นะ ตอบหน่อยก็ได้ไม่ว่าอะไรเลยจ้ะ...บอกตาม

ตรงตอนนี้โคตรท้อ

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา