สัญญารักลวง...

10.0

วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.08 น.

  36 ตอน
  12 วิจารณ์
  75.54K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 20.50 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

34)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

นิยายเรื่อง สัญญารักลวง ตอนที่34

 

 

 

                       หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งบริเวณลานจอดรถ เธอถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนจะยกมือขึ้น

 

 

เช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างไม่รู้จักหมดจักสิ้น สายตาทอดมองแหวนเพชรน้ำงามที่สวมอยู่

 

 

เธอสาบานว่าจะไม่ถอดมันเด็ดขาด ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นแหวนแต่งงานที่ไม่มีค่าที่สุดในโลก เมื่อเจ้าบ่าวไม่ได้ตั้งใจ

 

 

จะให้เจ้าสาวอย่างเธอ

 

 

“อยู่นิ่งๆ ส่งของมีค่ามาให้หมด”แผ่นหลังของเธอชาวาบ เมื่อรู้สึกถึงปลายมีดแหลมคมที่จ่ออยู่ข้างเอว

 

น้ำเสียงดุดันและลำแขนดำคล้ำล็อกคอเธอไว้จากทางด้านหลังของม้านั่ง เธอหยิบกระเป๋าถือที่วางไว้ข้างตัว

 

หยิบเอากระเป๋าสตางค์ก่อนจะส่งเงินให้คนร้ายจนหมด

 

 

“สร้อยคอกับนาฬิกาด้วย”เธอพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะถอดสร้อยคอและนาฬิกาข้อมือให้กับมันไป ตอนนี้เธออยากจะ

 

ร้องไห้ออกมาดังๆเหลือเกิน อยากจะร้องให้คนช่วยแต่ตรงนี้มันชั้นใต้ดิน

 

คงไม่มีใครเผ่นพล่านไป-มามากมายนักหรอก

 

 

“ดี เอ๊ะ แกมีแหวนด้วยนี่ ส่งมา!”ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัวกับน้ำเสียงที่แสดงถึงความโลภมากของโจรชั่ว ก่อนจะมอง

 

แหวนแต่งงานที่สวมอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้าย ไม่ว่าจะอย่างไร เธอก็จะไม่มีทางยอมให้มันเอาแหวนของเธอไป

 

เพราะนี่มันคือตัวแทนของเขา และมันคือหัวใจของเธอ

 

 

“ไม่ได้ นี่มันแหวนแต่งงานของฉัน ที่แกได้ไปก็มากพอแล้ว”

 

 

“เรื่องมากนะนังนี่!” มือหยาบกร้านจัดการดึงแหวนจากนิ้วเรียวออก ก่อนจะวิ่งหนี หากแต่มือเล็กของสาวร่าง

 

บอบบางฉุดรั้งมันไว้สุดแรง

 

 

“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”หมัดเล็กๆทุบตีเข้าที่ร่างผอมแห้ง หากแต่แรงผู้หญิงหรือจะสู้ผู้ชายได้ ร่างเล็กถูกผลัก

 

กระแทกกับม้านั่งอย่างแรง เลือดสีแดงฉานอาบใบหน้าแสนหวานอย่างมากมาย

 

 

“เอาแหวนฉัน...คืนมา”ภาพตรงหน้าของเธอเริ่มพล่ามัว มองเห็นร่างผอมแห้งของโจรวิ่งไปอย่างรวดเร็ว มันวิ่งไป

 

พร้อมกับหัวใจของเธอ เรี่ยวแรงที่เคยมีกลับหดหาย ภาพเบื้องหน้าที่เคยปรากฏแก่สายตาดับแสงลงพร้อมๆกับ

 

สติสัมปชัญญะของหญิงสาว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                   ชายหนุ่มเดินเรื่อยมา เขาตัดสินใจว่าจะเดินห้างเล่นเสียหน่อย บางทีอาจจะทำให้อารมณ์เขา

 

สดชื่นขึ้นกว่านี้ หากแต่สายตาปะทะเข้ากับเหล่าไทยมุงที่ก่อตัวหนาอยู่บริเวณทางเข้าของชั้นใต้ดิน เขาสาวเท้า

 

เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ด้วยลางสังหรณ์แปลกๆแบบที่เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า...

 

ทำไมต้องเต้นแรงขนาดนี้

 

 

“ขอโทษนะครับ เกิดอะไรขึ้นครับ”เขาเอ่ยถามหญิงสาวร่างท้วมที่มุงดูเหตุการณ์อย่างสนอกสนใจพร้อมกับเล่า

 

เรื่องให้เหล่าไทยมุงฟังอย่างออกรสออกชาติ

 

 

“อ๋อ ก็น้องเขาน่ะค่ะ คิดว่าน่าจะถูกชิงทรัพย์ เลือดงี้ไหลเยอะมาก ท่วมหน้าหมดเลย สงสัยหัวคงแตก คิดว่าแผล

 

น่าจะใหญ่อยู่เหมือนกัน นี่ไม่รู้ว่าจะรอดรึเปล่านะคะเนี่ย แต่มีคนโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลแล้วล่ะค่ะ” เขาพยักหน้า

 

รับรู้ก่อนจะมองผ่านเหล่าไทยมุง เห็นม้านั่งตัวยาว มองเรื่อยมาเห็นกระเป๋าถือ...ของฟาง!!!

 

 

“ฟาง!!!!”เขาตะโกนสุดเสียง เดินทะลุผู้คนมากหน้าหลายตาที่มองมายังชายหนุ่มร่างสูงอย่างตกอกตกใจ ตามมา

 

ด้วยเสียงซุบซิบมากมาย หากแต่ป๊อปปี้ไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้ว นอกเสียจากร่างเล็กของภรรยาที่นอนจมกองเลือด

 

อยู่บนพื้นเบื้องหน้า

 

 

“ฟาง ฟางตื่นสิคนดี”เขาตบที่ใบหน้าสวยหวานเบาๆ น้ำตาลูกผู้ชายหยดเผาะเมื่อดวงหน้าหวานอาบไปด้วยเลือด

 

นิ้วเรียวกรีดเช็ดเลือดออกจากใบหน้าของคนรักอย่างทะนุถนอม เขาโอบเอาร่างเล็กกอดไว้แนบอก

 

น้ำเสียงที่เคยมีกลับหดหาย เหมือนมีใครสักคนเอาก้อนหินก้อนใหญ่ทุบลงกลางหัวเขาอย่างจัง มันรู้สึกเหมือนสติ

 

เลื่อนลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหมือนกันจะขาดใจตายให้ได้เสียเดี๋ยวนี้ เขาไม่ปรารถนาที่จะเห็นเธอเจ็บตัวซ้ำแล้ว

 

ซ้ำเล่า แต่ทำไมฟ้าถึงไม่เห็นใจเขา ทำไมต้องคอยซ้ำเติมความเจ็บปวดให้เขาอย่างไม่ปราณีปราศรัย

 

 

“คุณครับ ใจเย็นๆนะครับ ตอนนี้ผมขอพาคนไข้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อน”เสียงบุรุษพยาบาลเรียกเขาให้ตื่น

 

ขึ้นจากภวังค์ เขาช้อนอุ้มร่างเล็กไปวางไว้บนเตียงเข็น ก่อนจะกระโดดขึ้นรถพยาบาลตามไปที่โรงพยาบาลด้วย มือ

 

หนากุมมือเล็กอย่างแนบแน่น ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากริมฝีปากหยักลึก มีเพียงน้ำตาลูกผู้ชายเท่านั้นเป็นตัว

 

บ่งบอกความรู้สึกของเขา น้ำตาที่ไม่เคยเสียให้ใครคนไหน แต่กลับผู้หญิงตรงหน้านี้เขากลับทนไม่ได้

 

แค่คิดว่าเธอต้องเจ็บปวดอีกหนเขาก็ทนไม่ได้ ทำไมไม่เป็นเขา เขาพร้อมจะทำทุกอย่างเพียงแค่เธอไม่ต้องเจ็บตัว

 

ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครั้งแล้วก็เป็นเขาที่ทำให้เธอต้องเจ็บ และครั้งนี้ก็เป็นเขาที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องเจ็บ

 

 

หากเป็นไปได้เขาอยากจะย้อนเวลากลับไปเหลือเกิน เขาเลือกที่จะยอมรับกับหัวใจของตัวเอง จะไม่ปล่อยให้

 

ความถูกต้องนำพาหัวใจเขาอีกแล้ว เขาสัญญาว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้เธอต้องเสียน้ำตาและเสียใจ

 

เขาจะรักเธอจนวันตาย...

 

 

“ญาติรอข้างนอกก่อนนะคะ”นางพยาบาลพูด ก่อนจะดันเขาให้ห่างจากร่างเล็ก เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวที่วาง

 

เรียงแถว มือของเขายังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของหญิงสาว เขาซบหน้าลงบนฝ่ามือราวกับจะส่งกำลังใจไปให้

 

คนตัวเล็กในห้องฉุกเฉิน เขานั่งรออยู่พักใหญ่ คุณหมอวัยกลางคนก็เดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าตึงเครียด

 

 

 

“คุณเป็นสามีของคนไข้รึเปลล่าครับ คือ หมออยากให้คุณเซ็นใบรับรองให้หน่อย เพราะตอนนี้คนไข้อาการหนัก

 

มาก ศีรษะถูกกระทบกระเทือนอย่างแรง ทำให้เลือดคลั่งในสมองต้องได้รับการผ่าตัดให้เร็วที่สุด”

 

 

“แล้วเมียผมจะเป็นอะไรมากไหม”

 

“โอกาสรอด50/50ครับหากได้รับการผ่าตัดเอาเลือดคลั่งออกให้เร็วที่สุดจะทำให้โอกาสรอดของคนไข้สูงขึ้น

 

เรื่อยๆ แต่ผลข้างเคียงหมอไม่รับประกัน”แววตาความวิตกกังวลฉายบนดวงตาคมอย่างเปิดเผย เขาสูดลมหายใจ

 

เข้า ขอให้เธอปลอดภัย ขอแค่ให้เขาได้รับรู้ว่ามีเธออยู่ข้างเขา ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร

 

เขาพร้อมยอมแลกทั้งนั้น

 

 

“ครับ ผมยินยอมเซ็น”เขาพยักหน้า ก่อนนางพยาบาลจะเดินเอาเอกสารมาให้เขา เขาจรดปลายปากกาอย่างไม่

 

ต้องเสียเวลาคิด มือเหี่ยวย่นตบไหล่แกร่งของเขาอย่างให้กำลังใจ ก่อนคุณหมอจะเดินออกไปจากบริเวณนั้น

 

พร้อมๆกับร่างเล็กของภรรยาที่นอนแน่นิ่งไม่ได้สติอยู่บนเตียงถูกเข็นออกมา ใบหน้าสวยหวานซีดเผือดจนเขา

 

ใจหาย เขาเดินตามร่างเล็กของภรรยา สายตายังคงจับจ้องดวงหน้าหวานที่หลับตาพริ้ม

 

ริมฝีปากอิ่มที่เขาเคยลิ้มลอง บัดนี้กลับซีดไร้เลือดฝาด เธอคงเจ็บมากสินะ

 

“คุณหมอช่วยเมียผมด้วยนะครับ ผมรักเธอมาก”เขาเอ่ยอย่างไม่อายปาก

 

ตอนนี้จะให้บอกกับคนทั้งโลกก็ได้ว่าเขารักเธอ ขอแค่เธอปลอดภัย...

 

 

“ครับ หมอสัญญา...”ร่างท้วมของนายแพทย์วันกลางคนเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้

 

ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้โทรบอกที่บ้านของเขาและเธอเลย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะกดโทรหาที่บ้าน

 

 

“ฮัลโหล นมแจ่มผมขอสายคุณแม่หน่อยครับ”เขารออยู่ชั่วอึดใจ น้ำเสียงหวานของแม่ยายก็ตอบกลับมา

 

 

“ว่าไงตาป๊อป สบายดีหรือลูก มีอะไรหรือเปล่า”เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ท่านจะว่าอย่างไร หากรู้ว่าเขา

 

ทำให้ลูกสาวคนเดียวของท่านต้องเจ็บตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 

“ผมสบายดีครับ แต่น้อง...”เขาสูดลมหายใจเข้าก่อนจะพูดออกไป

 

 

“น้องอยู่โรงพยาบาล”

 

 

“วะ ว่าไงนะ ยัยหนูเป็นอะไร ฮึก ฮือ”เสียงโทรศัพท์กระแทกลงพื้นพร้อมๆกับเสียงของคนเอะอะโวยวาย เขาเดา

 

ว่าคุณพริมาต้องเป็นลมแน่ๆ เขากำลังจะตัดสาย หากแต่น้ำเสียงเข้มของคุณวิสุทธิ์เอ่ยรั้งไว้

 

 

“ตาป๊อป ยัยหนูเป็นอะไรนะ”

 

 

“น้องอยู่โรงพยาบาลครับ ตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู”ปลายสายตอบรับเบาๆ ก่อนจะตัดสายไป ไม่รู้ว่าพวกท่านจะ

 

เสียใจและตกใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้มากแค่ไหน แต่หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่คงจะเจ็บน่าดูเมื่อรับรู้ว่าแก้วตาดวงใจ

 

กำลังได้รับบาดเจ็บ เป็นเพราะเขา เพราะเขาคนเดียว ถ้าเธอเป็นอะไรไป...

 

 

เขาจะอยู่ยังไง...

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

..................................................................................................................................

วันนี้จะอัพสองตอนนะ อัพจนจบภาคแรก แต่ตอนที่35 รอสองทุ่มนะจ้ะ แล้วจะลงภาคต่อให้ก่อน1ตอน ค้างไว้

ก่อนเพราะไม่รู้ว่าเราจะได้อัพอีกทีวันไหน เพราะจะหนีไปเที่ยวแล้ว อิอิ

 

</p

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา