KAEW'S SECRET ความลับของฉัน...'แก้ว FFK'
10.0
เขียนโดย StrawberryTKCuTe
วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.34 น.
2 ตอน
13 วิจารณ์
9,825 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 19.45 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความSF: Kaew x Tomo
KAEW’S SECRET...ความลับของฉัน ‘แก้ว FFK’
I always needed time on my own I never thought I'd need you there when I cry And the days feel like years when I'm alone
And the bed where you lie is made up on your side
ฉันใช้เวลาอยู่กับตัวเองเสมอมา
ไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะต้องการเธอมากขนาดนี้เวลาที่ฉันเสียใจ
วันที่เธอไม่อยู่ข้างๆแค่เพียงวันเดียวกลับรู้สึกเหมือนนานแสนนาน
และเตียงข้างที่เธอนอน...ก็ยังถูกจัดไว้อย่างดี
‘สาวน้อยวัยใสหัวใจสลายสะบั้นรักกับพระเอกรุ่นพี่...ว่าที่มือที่สามก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...เพื่อนสนิทร่วมค่ายนั่นเอง...’
เหอะ...
ปึก!
ฉันโยนหนังสือพิมพ์หน้าข่าวบันเทิงลงบนโต๊ะด้วยอาการเซ็งจัดเหมือนอย่างเคย ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ข่าวแรกและช่วงนี้ข่าวของฉันกับพี่เขา...ก็ลงบ่อยถี่ยิบแทบจะทุกหน้าหนังสือ จะว่ายังไงล่ะ ฉันก็ยังตอบไม่ได้หรอก...ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่ป้องก็ยังจัดอยู่ในฐานะ ‘แฟน’ เหมือนเดิมนั่นแหละ แค่เราห่างกันด้วยเรื่องของงานและอีกหลายเหตุผลเล็กๆน้อยๆ ซึ่งเป็นเหตุทำให้เราทะเลาะกันบ่อยด้วย ส่วนหนึ่งก็คือ....เรื่องนี้แหละ
“จะอะไรอีก...แก้วบอกแล้วว่าไม่มีอะไร พอเถอะ...อย่าเพิ่งคุยตอนนี้เลยค่ะ” ฉันวางสายพี่เขาลงด้วยอาการเหนื่อยใจ เขาไม่เชื่อใจฉัน...เขากลัวว่าฉันกับเพื่อนสนิท จะมีอะไรเกินเลยกันเหมือนที่ข่าวลงจริงๆ...
เขาบอกเองก่อนที่เราจะคบกันไม่ใช่หรือไงว่าเราควรเชื่อใจกันมากกว่าคนอื่น โอเค...การที่เราคบกันมันก็มีคนหลายกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันไป ทั้งแง่ดีและแง่ลบ แค่นี้มันก็บั่นทอนกำลังใจของฉันมากเกินพอแล้ว ก่อนนั้น...ฉันยังเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ยังไม่เป็นข่าว ไม่ต้องคิดไม่ต้องท่องสคริปต์อะไรเวลาถูกสัมภาษณ์ ฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องมานั่งปวดหัวอะไรแบบนี้...จะผิดมากเกินไปหรือเปล่าถ้าฉันจะบอกว่า....อยากกลับไปเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาๆคนนั้นอีก
งี่เง่าจริง...ฉันได้แต่บ่นตัวเองอยู่ในใจเมื่อรู้ดีอยู่แล้วว่าวันเวลาก็เหมือนสายน้ำ...มีแต่ไหลไปไม่มีวันย้อนกลับ ฉันตัดสินใจด้วยหัวใจของฉันไปแล้ว...ฉันจึงไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก..
วันนี้ทั้งวันฉันปวดหันและวุ่นวายมากพอสมควร ไหนจะข่าว...ไหนจะเรื่องเขาคนนั้น...ไหนจะเรื่องที่ร้ายแรงที่สุดของวันอย่างตอนที่รู้ว่า...เพื่อนของฉันอีกสามคนกำลังจะแยกย้ายกันไป มัน...มันพูดไม่ถูกเลยล่ะ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของฉันมันเต้นระรัวแรงขึ้น ถี่ขึ้น...และฉันก็อยากจะคิดให้มันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น...
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร...” ทันทีที่พบหน้าเขา ฉันเลยได้แต่พร่ำบอกประโยคปลอบใจได้เพียงแค่คำสั้นๆ ....ฉันไม่รู้จะพูดอะไรได้ดีกว่านี้ ฉันพูดไม่ออก...ฉัน....ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมต้องรู้สึก ‘เจ็บ’ ขนาดนี้...
“อย่าร้องไห้นะ แก้วอยู่ตรงนี้เสมอ...อย่าทิ้งกันก็พอ”
และฉันก็สวมกอดเขา...
‘โทโมะ’ ยิ้มให้ฉันเหมือนเคย...เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนถึงแม้จะเจือจางไปด้วยความเศร้าโศกก็เถอะ เขาไม่เคยทำให้ฉันต้องรู้สึกในแง่ลบกับทุกๆเรื่อง ทั้งที่ฉันรู้อยู่แล้วว่าในตอนนี้...โทโมะกำลังอ่อนแอ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่แสดงออกให้ฉันหรือแม้กระทั่งแฟนคลับของเขาได้เห็น เขาจะเก็บมันไว้ทำไม...ทำไมเขาไม่ชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเองในทุกๆเรื่องเสียที...
“ขอบคุณนะ”
เราพูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยค จากนั้น...เขาก็เดินจากฉันไป ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างที่ซ่อนเร้นความว่างเปล่าเฉยชาเอาไว้ด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขากำลังจะจากฉันไป...ทั้งที่เราไม่เคยอยู่ห่างกันนานเป็นเดือนเป็นปีแบบนั้น ฉันได้ข่าวมาว่าเขาอาจจะกลับไปญี่ปุ่นหลังเรียนจบและฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าโทโมะคิดจะไปอยู่ที่นั่นถาวรเลยหรือเปล่า เขาจะกลับมามั้ย? จะกลับมาหาฉันหรือเปล่า...
แล้วทำไมฉันจะต้องมานั่งวิตกอยู่แบบนี้ในเมื่อนั่นเป็นทางที่โทโมะเลือก...ฉันไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นอันใดได้เลย
“โถ่แก้ว...”
น้ำเสียงของพี่ป้องตัดพ้อฉันอยู่ในทีที่ฉันสะบัดมือออกจากเขาหลังจากที่เขาอาสามาส่งฉันที่บริษัท ฉันยังไม่พร้อมจะคุยอะไรตอนนี้ คุยไปก็มีแต่จะทะเลาะกันเปล่า...ฉันเบื่อและฉันก็อยากเลี่ยงเต็มทน เขาไม่ไว้ใจฉันแล้วฉันล่ะ...ฉันไว้ใจอะไรเขาได้บ้าง บอกตรงๆนะ ทุกวันนี้ฉันยังกลัวเรื่องความเจ้าชู้ของเขาอยู่เลยให้ตายเหอะ...ฉันหมดอารมณ์กับวันนี้ไปแล้วจริงๆ
“ไว้ค่อยคุยกันนะคะ” ฉันเลี่ยงออกมาก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายสบถอย่างหัวเสียไม่แพ้กันและเขา...ก็ขับรถออกไปด้วยความรวดเร็ว
ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างกำลังโถมเข้าหาฉันอย่างที่ฉันเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว...ถ้าโทโมะไปจากฉันอีกคน จะมีใครปลอบใจฉันได้บ้าง เขาคือเพื่อนรักอีกคนของฉัน...และในเวลานี้ฉันกลับรู้สึกต้องการเขาเหลือเกิน นั่นไง...โทโมะยังอยู่ที่ห้องซ้อม ทั้งที่มันก็ไม่ได้ห่างไกลจากจุดที่ฉันยืนอยู่สักนิด แต่ทำไมฉันกลับรู้สึกก้าวขาไม่ออก...ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองถูกพันธนาการไว้ด้วยอะไรบางอย่าง เขาอยู่แค่นั้นเอง...แต่ฉันกลับเดินไปหาเขาไม่ได้เลย
ทั้งที่ตอนนี้โทโมะเองก็ไม่ได้มี ‘ผู้หญิง’ คนนั้นอยู่ข้างกายเหมือนเมื่อก่อนแล้วแต่ทำไมฉันถึงเดินเข้าไปหาเขาไม่ได้ล่ะ? ทำไมฉันถึงต้องเป็นฝ่ายถอยเสียทุกครั้งไป ใช่แล้ว...เป็นฉันที่ยอมถอยออกมาเพื่อให้เขากับเธอคนนั้นเลิกมีปัญหาผิดใจกันเสียที ตอนนั้นฉันคิดแค่เพียงอยากจบปัญหาทุกอย่างด้วยตัวฉันเอง...ฉันต้องยอมรับความจริงว่าฉันกับโทโมะเป็นเพียงแค่ ‘เพื่อนสนิท’ กันเท่านั้น
แค่นั้นจริงๆ!
“เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายเหรอทำไมดูซึมๆล่ะ?” โทโมะเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ฉันยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แต่กลับเป็นเขาที่เดินเข้ามาหาฉันเอง...หลังมือเย็นๆถูกทาบลงบนหน้าผากของฉันเบาๆ และเหมือนกับว่าโทโมะจะรู้สึกอะไรบางอย่างเลยรีบชักมือออกแบบนั้น...
ทำไมล่ะ...กับการที่จะแตะต้องฉันเหมือนเคยแค่นี้ทำไมเขาต้องทำเหมือนกับว่าฉันเป็นสิ่งต้องห้ามไปแล้ว เหอะ! ใช่สิ เขากับฉันต่างก็เป็นสิ่งต้องห้ามระหว่างกันและกันมานานแล้วเพียงแต่ว่าตอนนั้นเขาคือคนที่ฉันไม่ควรเข้าใกล้และตอนนี้ฉันต่างหากคือคนที่เขาไม่ควรเข้าใกล้...เพราะมันจะทำให้ ‘คนของอีกฝ่าย’ เข้าใจผิด...
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยชะมัด!
When you walk away I count the steps that you take Do you see how much I need you right now
เมื่อเธอเดินจากไป ฉันนับตามทุกย่างก้าวที่เธอเดิน เธอเห็นไหม ว่าตอนนี้ฉันต้องการเธอมากแค่ไหน
“แก้วดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไม่ๆ แค่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โอเคยังตอนนี้...”
ฉันพยักหน้ารับเบาๆเป็นเชิงบอกว่าฉันยังไหว โทโมะเองก็ไม่ต่างจากฉัน...เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะขอตัวออกไป ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างสะท้อนความว่างเปล่าเฉยชานั่นด้วยอาการหัวใจกระตุกวูบ ไม่รู้เมื่อไหร่ที่อาการแบบนี้เกิดขึ้นกับฉันและมันจะเกิดขึ้นเฉพาะกับเขาเท่านั้น ตอนนี้...ฉันกับโทโมะดูห่างเหินกันเหลือเกิน ไม่เข้าใจเลยว่าอะไรที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ ไม่เข้าใจ…
“เดี๋ยว โทโมะเดี๋ยวก่อน...” เป็นฉันเองที่เป็นฝ่ายวิ่งตามเขาไป ฉันกระชากแขนแข็งแรงของเขาเอาไว้และดูโทโมะจะขืนตัวนิ่งไว้ไม่ยอมหันกลับมามองหน้าฉัน ทั้งที่เขาได้ยินเสียงเรียกของฉัน...แต่เขากลับเลือกที่จะหันหลังเหมือนอย่างเคย
“ทำไมถึงไม่หันมา รังเกียจอะไรแก้วนักหนาเหรอ?”
“...”
“ทำไมแก้วรู้สึกว่า...เรา...เราไม่เหมือนเดิม ทำไมต้องเปลี่ยนไป...ทำไม!” ฉันรู้ดีว่าตอนนี้ทำตัวไม่น่ารักเอาซะเลย
ฉันขึ้นเสียงใส่โทโมะจนเขาต้องหันกลับมา จะด้วยเพราะความรำคาญหรืออะไรก็ตามแต่...อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าการที่เขาหันหลังให้ฉันอยู่แบบนี้ แววตาของโทโมะเต็มไปด้วยคำถามมากมายและฉันก็พอรู้ว่าเขาจะถามเรื่องอะไร คงไม่พ้นเรื่องที่ฉันกำลังทำอยู่ตอนนี้เป็นแน่...
นั่นสิ ฉันทำอะไรอยู่นะ!?
“แก้ว...” เสียงเรียกของเขาดึงสติของฉันให้หวนกลับคืน นัยน์ตาคู่นั้นมองฉันอย่างมีความหมายเพียงแต่ฉันไม่รู้ว่า...เขากำลังสื่ออะไรถึงฉัน ในตอนนี้ฉันรู้สึกน้อยใจผู้ชายตรงหน้านี้มากกว่าจะยอมรับฟังเหตุผลอะไรของเขาทั้งนั้น ฉันน้อยใจทั้งที่ไม่มีสิทธิ์อะไรเลย
“บอกมาสิว่าเป็นอะไร ต้องการอะไรแก้วจะได้ทำตัวถูก!”
“....”
“บอกมาสิ...!!!” ฉันเกลียดโทโมะจริงๆให้ตายเหอะ! ทำไมเขายังยืนนิ่งให้ฉันทุบตีอยู่แบบนี้ได้...ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือไง
ฉันทุบหน้าอกเขาดังอั้กด้วยความรู้สึกหลากหลายผสมปนเปกันจนมั่วไปหมด โกรธ?...เสียใจ?...น้อยใจ? ทำไมล่ะ ทำไมฉันต้องรู้สึกอะไรแบบนี้กัน! ทั้งที่เขาเฉยเมยใส่แทบตาย...เขาทำได้ยังไงกันนะ ทนนิ่งเฉย มองฉันด้วยสายตาว่างเปล่าใจร้ายแบบนี้ได้ยังไงกัน
“แก้วเป็นอะไร มาตีโทโมะทำไม...’เจ็บ’ นะ” โทโมะรวบมือของฉันเอาไว้ทั้งสองข้าง ก่อนจะยอมพูดอะไรกับฉันหลังจากที่เขานิ่งเฉยมานาน
ดูเหมือนคำว่า ‘เจ็บ’ ของเขาจะไม่ได้หมายถึงเรื่องที่ฉันทำร้ายเขาเมื่อกี้ ขอโทษนะ...ขอโทษจริงๆที่ฉันทำร้ายเขามาตลอด แต่เขาจำไม่ได้หรือไงว่าคนอย่างฉันคนนี้ก็เคยโดนเขาทำร้ายมาแล้วครั้งนึงด้วยเรื่องของผู้หญิงคนนั้น ฉันถึงต้องยอมถอยออกมา แล้วอย่างนี้เขาจะมาเจ็บอะไรกัน...คนที่เจ็บมันควรจะเป็นฉันไม่ใช่หรือไง?
“เจ็บเหรอ...เจ็บแค่ไหนกัน แก้วเจ็บมากว่านั้นอีก”
“แก้วพูดไม่รู้เรื่องแล้ว...ขอตัวนะ” โทโมะสะบัดมือออกจากฉันและเขาพร้อมที่จะเดินจากฉันไปได้ทุกเมื่อตามแต่ใจเขาต้องการ เขาไม่แคร์ฉันเหมือนที่ฉันแคร์เขาเลยสักนิด เหอะ! แค่ช่วยทำเป็นห่วงใยในวินาทีสุดท้ายของกันและกันหน่อย เขาทำให้ฉันไม่ได้เลยหรือไง อยากให้เราต้องจากกันด้วยความไม่เข้าใจแบบนี้ใช่มั้ยเขาถึงจะพอใจ!
“โทโมะ!” เป็นฉันเองที่ดื้อดึงและทำตัวได้น่ารำคาญที่สุด ฉันดึงเสื้อของเขาไว้แล้วพาตัวเองเข้าใกล้เขา...ใบหน้าของเราสองคนแทบจะชนชิด ลมหายใจรินรดเป่ารดซึ่งกันและกัน...และฉันทำได้เพียงแค่กระซิบเบาๆเพื่อขอร้องเขาบางประการ
ฝ่ามืออุ่นเลื่อนขึ้นแตะข้างแก้มฉันทั้งสองข้างเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลาอันแสนคุ้นเคยของเพื่อนสนิทที่คุ้นหน้ากันมานานค่อยๆเคลื่อนเข้าหาฉันใกล้ขึ้น...ใกล้ยิ่งขึ้น...และแล้ว ปลายจมูกของเราก็สัมผัสฉันอย่างเฉียดฉิวผิวเผิน เป็นช่วงเวลาที่หัวใจของฉันตื่นเต้นกระชับรัวจนแทบจะหลุดติดมือเขาออกมา...ริมฝีปากร้อนซ่านคลอเคลียเบาๆอยู่แถวๆริมฝีปากของฉัน ฉันปิดเปลือกตาลงแน่นให้กับสัมผัสร้อนแรง ทว่า...บางเบาเหมือนปุยเมฆบนท้องฟ้าโปร่งกว้าง
“คืนนี้ออกมาหาแก้วหน่อยได้มั้ย มีเรื่องจะคุยด้วย” ทุกการกระทำของโทโมะชะงักลงหลังจากที่ฉันพูดประโยคนี้ออกไป ฝ่ามืออุ่นของเขาละออกจากใบหน้าของฉันพร้อมกับใบหน้าที่แนบชิดกันเมื่อครู่ห่างเหินกันออกไป...และเขาก็กลับมาทำเย็นชาใส่ฉันอีกระลอก
“ไม่รับปากว่าจะออกมาได้นะ”
“ถ้าโทโมะไม่มา...แก้วจะไปหาเอง”
โทโมะไม่แม้แต่จะมองหน้าฉันเลยสักนิด เขาเดินเฉียดหัวไหล่ฉันไปอย่างไม่สนใจใยดีอะไรเลยด้วยซ้ำ วันนี้...เขาเดินจากฉันไปเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วกัน ทั้งชีวิตของเขาทำเป็นอยู่อย่างเดียวคือการ ‘เดินหนีความจริง’ หรือยังไงนะ
ไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจโทโมะ และก็ไม่เข้าใจตัวเองด้วย!
When you're gone
The pieces of my heart are missing you When you're gone The face I came to know is missing too When you're gone The words I need to hear to always get me through the day and make it ok I miss you
เมื่อเธอจากไป
ทุกห้องหัวใจของฉันเรียกหาเธอ
เมื่อเธอจากไป
ฉันคิดถึงใบหน้าที่แสนคุ้นเคยของเธอ เมื่อเธอจากไป คำพูดเพียงคำเดียวที่ฉันต้องการได้ยินเพื่อให้ข้ามผ่านวันเวลาไปได้ คือฉันคิดถึงเธอ
22.55 PM
‘แก้ว อยู่ไหน รับโทรศัพท์พี่ด้วย’
ฉันกดปิดข้อความบนโทรศัพท์เมื่อเห็นว่าอีกคนส่งข้อความมา ฉันรู้...ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่นิสัยไม่ดีนักแต่ฉันก็เลือกที่จะทำมันลงไปแล้ว ฉันย้อนกลับไปแก้ไขอะไรในอดีตไม่ได้อีกต่อไปแต่สิ่งเดียวที่พอจะทำได้ในตอนนี้คือปัจจุบันอันแสนโหดร้ายและอนาคตที่กำลังจะเดินทางมาเยี่ยมเยือน
ฉันถอนหายใจยาวอย่างหมดหวังเมื่อเวลากับจุดนัดพบยังไม่มีใครเดินเข้ามานอกจากฉันที่ยืนนิ่งอยู่คนเดียวตามลำพังแบบนี้ สวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยพุ่มไฟเล็กๆที่ถูกจัดขึ้นตามเทศกาลวันคริตมาสต์ดูสวยและเสียงดนตรีในงานภายในสวนอีกฟากหนึ่งดังแว่วเข้ามาจนฉันรู้สึกเหงาจับใจ ฉันอยู่อีกมุมนึงของสวนแห่งนี้มาสักพักใหญ่ๆแล้วเมื่อคนที่ฉันนัด...เขาไม่ยอมมา
งั้นฉันก็จะขอทำตามสิ่งที่ตัวเองได้พูดเอาไว้
ถ้าเขาไม่มาหาฉัน...ฉันจะไปหาเขาเอง!
กริ้ก~
ทันทีที่ลูกบิดประตูดังขึ้นพร้อมกับบานประตูที่ถูเปิดกว้าง กลิ่นแอลกอฮอลล์ภายในห้องรวมถึงจากตัวคนที่เดินมาเปิดประตูให้ฉันด้วยอาการเมาหนักจนตาแทบจะลืมไม่ขึ้น ฉันเดาว่าเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่เขาเดินมาเปิดประตูให้เป็นฉัน...ยิ่งเดินเข้ามาภายในห้องฉันก็ยิ่งพบว่าสาเหตุของการผิดนัดของโทโมะคืออะไร...ขวดเหล้าทั้งที่หมดแล้วและยังเหลือเต็มขวดวางกองกันระเกะระกะอยู่บนโต๊ะกระจกใสภายในห้องรับแขก...
ทำไมโทโมะถึงต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย เขาไม่ใช่คนดื่มจัดแบบนี้นี่!
“นี่...!!! ทำไมถึงดื่มขนาดนี้” ฉันหันไปคาดโทษคนที่นั่งคอพับคออ่อนอยู่บนโซฟาและเมื่อเขาไม่ตอบฉันเลยลุกขึ้นไปยืนเผชิญหน้ากับเขาแบบจังๆ พร้อมทั้งกระชากคอเสื้อยืดสีน้ำเงินเข้มนั่นขึ้นด้วยความโมโหที่เขาทำตัวเหลวไหลแบบนี้
“ทำไมทำตัวแบบนี้ โทโมะก็รู้ว่าแก้วเกลียดคนดื่มจัด! แล้วทำไมถึงทำอีก?!”
“แก้ว...แก้วเหรอ...” โทโมะสะลืมสะลือถามฉันก่อนที่เขาจะรวบตัวฉันไว้แล้วดึงลงไปกอดเต็มแรง แน่นอนว่าฉันขัดขืนเต็มที่...แต่บางสิ่งบางคำที่เขาหลุดพูดออกมาทำให้ฉันต้องอยู่นิ่งเฉยแล้วปล่อยให้เขากอดแต่โดยดี เพราะความอยากรู้...ฉันอยากรู้ว่าแท้จริงแล้วภายในใจของเขาคิดอะไรกันแน่
“คิดถึงแก้วจัง...”
“....”
“อยากกอดอีกจัง...อย่าเพิ่งรีบกลับนะ...ขอกอดทีนะเด็กดี” ไม่กอดเปล่า ใบหน้าซนๆของเจ้าตัวยังเลื่อนมาซุกตรงซอกคอฉันอีก เขาเหมือนเด็กผู้ชายตัวเล็กๆไม่มีผิดเลยล่ะ เหอะ! ขอกอดเหรอ...ที่ตอนนั้นทำมาเป็นเย็นชาใส่ แค่คุยยังไม่อยากจะหันมามองหน้ากันเลย
“รักแก้วเหรอ...”
ฉันตัดสินใจตะโกนถามออกไปส่งผลให้ทุกอย่างชะงักงัน สักพักโทโมะก็คลายอ้อมกอดออกจากฉันพร้อมทั้งดันตัวฉันออกและถ้าให้เดา...เขารู้สติแล้วล่ะ ถึงได้ลุกขึ้นยืนทำหน้ารู้สึกผิดให้กับฉันแบบนี้ ทำไมกัน แค่คำๆเดียวมันสามารถเปลี่ยนคนๆนึงไปได้ขนาดนี้เชียวเหรอ ‘รักงั้นเหรอ’ คำๆนี้มันมีอิทธิพลต่อคนเราได้มากน้อยแค่ไหนกันเชียว?!
“แก้ว...มาไง...”
“เพราะคนบางคนเบี้ยวนัดแก้วเลยต้องมาที่นี่...ทำไม การที่จะออกไปเจอหน้ากันมันเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากนักใช่มั้ย?”
“...”
“ทำไมต้องหลบหน้า ทำไมต้องไม่รับสาย ทำไมทุกอย่างระหว่างเราถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้!”
โทโมะเงียบไป...เขาได้แต่ยืนจ้องฉันไม่ละสายตาราวกับว่าหากเขาประพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว...ร่างของฉันจะอันตธานหายไป ทำไมล่ะ ถ้าเขากลัวที่จะเสียฉันไปอีกครั้ง...ทำไมเขาไม่เข้ามายื้อฉันบ้าง หรือจะต้องรอให้ฉันไปกับคนอื่นต่อหน้าต่อตาเขาก่อน...แบบนี้ใช่มั้ยถึงจะพอใจ!
“แล้วจะให้ทำยังไง ทุกวันนี้แก้วก็มีความสุขดี มีคนที่แก้วรักแล้วเขาก็รักแก้ว...เชื่อใจกัน รักกันมากขนาดนั้นแล้วจะให้โทโมะทำยังไงก็ตอบมาสิ”
“ไม่ต้องทำอะไร ยืนดูแก้วเฉยๆแค่นั้นพอ!” ฉันหมดความอดทนกับโทโมะในที่สุด ถ้าเรื่องทุกอย่างจะต้องจบลงแบบนี้ฉันเองก็ยินดี
ยอมรับ..ว่าฉันประชดแรงเกินไป ฉันยอมคบคนอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับโทโมะ ยอมทุกอย่างเพื่อจบเรื่องวุ่นวายระหว่างผู้หญิงคนนั้นกับแฟนคลับของฉัน แล้วไง...ใครเจ็บ เป็นฉันไม่ใช่เหรอที่เจ็บกว่าใครเพื่อน จะว่าไป โทโมะเจ็บได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของฉันด้วยซ้ำ! เขาไม่เคยมองเห็นความเจ็บปวดในแววตาฉันบ้างเลยหรือไง...หรือตลอดเวลาที่ผ่านมาเขามองฉันแค่เพียงแง่มุมเดียวของเขา...
ฉันเคยเลิกที่จะสนใจโทโมะไปหลังจากที่ฉันบอกความจริงเรื่องระหว่างฉันกับพี่ป้องให้ทุกคนรับรู้ จากนั้น...เราสองคนก็ห่างกันมาเรื่อยๆ จากคำว่าเพื่อนสนิทก็กลับหลายเป็นเพียงคำว่าเพื่อนธรรมดา ที่แทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลยด้วยซ้ำ! จนวันนึง...ที่เขามีอันต้องเลิกรากับผู้หญิงคนนั้นไป ฉันเคยคิด...จะมีบ้างมั้ยที่ฉันกับโทโมะจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม สนิทกันเหมือนเดิม..แบบว่า...ทุกอย่างเหมือนเดิมเหมือนก่อนหน้านั้น...ก่อนที่เรายังไม่รู้จักคำว่า...
รัก...
“ที่ผ่านมา...ก็ยืนมองมาโดยตลอดอยู่แล้ว...”
“...”
“มองต่อไป ทำไมจะทำให้ไม่ได้ล่ะ” โทโมะยิ้มออกมานิดๆ มันเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ยตัวเองราวกับว่าเขาสมเพชตัวเองเหลือเกินที่ต้องมาคอยยืนมองฉันนั่งรถไปกับคนอื่นทุกวัน...ทุกวัน...แบบนั้น
“....”
“แต่วันนี้ แก้วยืนอยู่ตรงหน้าโทโมะแล้ว…ถ้าจะทำมากกว่ามอง แก้วจะอนุญาตหรือเปล่า”
“....”
โทโมะเอื้อมมือทั้งสองขึ้นมาประคองแก้มฉันไว้ นัยน์ตาสีนิลคมเฉียบจับจ้องมองฉันไม่วางตา...พร้อมกับใบหน้าหล่อเหล่าค่อยๆขยับเคลื่อนเข้ามาใกล้ฉันอีกนิด....อีกนิด...จนปลายจมูกของเราสัมผัสกันเบาๆ ลมหายใจรินร้อนผสมผสานด้วยกลิ่นแอลกอฮอลล์เย็นๆส่งผลให้ฉันร้อนซ่านไปโดยปริยาย ร่างกายแข็งแกร่งรุมร้อนบดเบียดแนบชิดจนแทบไม่เหลือช่องว่างระหว่างเราสักน้อย...น่าแปลก...ทั้งที่ฉันขัดขืนเขาได้แท้ๆ แต่ทำไม...
ฉันไม่ทำ...
“เป็นเด็กดีแบบนี้...ถือว่าแก้วอนุญาตแล้วกันนะ”
โทโมะไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้ตอบคำถามอะไรหรือไม่ก็เพราะเขาแน่ใจแล้วว่าคำตอบของฉันเป็นอย่างไร...ริมฝีปากร้อนซ่านคลอเคลียอยู่บนริมฝีปากของฉันอย่างแผ่วเบาๆ...โทโมะเพียรจูบซ้ำๆ...ย้ำๆ...ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความลึกซึ้งกว่านั้นจนฉัน...แทบหลอมละลาย เปล่าเลย เขาไม่ได้จุมพิตฉันด้วยท่าทีเร่าร้อนรุนแรงอะไรทั้งนั้น แค่สัมผัสช้าๆ...หนักๆ...ราวกับว่าเขาต้องการจะสัมผัสฉันไม่ลึกซึ้งเกินกว่าใครทั้งหมด และฉันก็ทำได้เพียงปิดเปลือกตาลงรับสัมผัสหวานละมุนอ่อนโยนนั่นด้วยความยินดี...
ทั้งที่มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นระหว่างเราทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย...
“แก้ว...แก้ว...” เสียงทุ้มแผ่วกระซิบชิดริมฝีปากของฉันหลังจากที่เราผละออกจากกันเพียงเสี้ยววินาที...แค่เพียงเสี้ยววินาทีจริงๆที่เราห่างกัน
หลังจากนั้น...ความลึกซึ้งแผ่วระโหยก็กลับคืนสู่ฉัน อ้อมแขนแข็งแกร่งกอดรัดร่างของฉันไม่แน่นแนบชิดนำพาความอบอุ่นที่ขาดหายเติมเต็มให้ฉัน...จนไม่หลงเหลือเค้าของความหนาวเหน็บอีกต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...ฉันยอมรับแล้วว่าฉัน...ต้องการให้เรื่องทุกอย่างในคืนนี้ จบลงแบบนี้...
นัยน์ตาคมเข้มสบมองฉันอย่างลึกซึ้งอ่อนหวานจนฉันเขินอายต่อสายตาที่จับจ้องนั่น ริมฝีปากร้ายๆยกยิ้มขึ้นนิดๆที่เห็นฉันเงอะงะทำอะไรไม่เป็นจนต้องค้อนขวักให้เขาอยู่อย่างนี้ บ้าจริง! เขาต้องแอบหัวเราะเยาะฉันในใจแน่ๆคนบ้า และดูเหมือนโทโมะจะรู้ว่าฉันกำลังงอนเขา เจ้าตัวถึงได้คว้าฉันไปจูบหนักๆเพื่อเป็นการขอคืนดี...เหอะ
ตบหัวแล้วลูบหลังชะมัดยาดเลยคนนิสัยไม่ดี!
“มองอะไรอยู่ได้...อ้ะ”
“มองแก้วไง...มีแค่แก้วคนเดียวเท่านั้นแหละที่อยู่ในสายตาของโทโมะนะเด็กดี” ริมฝีปากร้ายๆเลื่อนขึ้นมาจุมพิตฉันอีกครั้งอย่างไม่รู้จักอิ่ม โทโมะ ‘กอด’ ฉันอย่างแนบชิดและฉัน...ก็ไม่คิดปฏิเสธเขาแม้แต่นิดเดียว...
เค้าอัพวันนี้กับพรุ่งนี้น้าจากนั้นขอลาไปตั้งใจเรียนสักพัก
แล้วจะกลับมารักโทโมะแก้วต่ออิอิซ่าห้าห้าบวกบวกบวกก+0+
นุก : มันเป็นเรื่องต่อจาก TOMO'S SECRET นะเคิ้บบ สองตอนจบ ไม่เศร้าน่ะจริง!! อิอิ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ