KAEW'S SECRET ความลับของฉัน...'แก้ว FFK'

10.0

เขียนโดย StrawberryTKCuTe

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.34 น.

  2 ตอน
  13 วิจารณ์
  9,766 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 19.45 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

“หืม?”  คิ้วเข้มของคนที่นอนซบซุกฉันอยู่เลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อฉันลากไล้ฝ่ามือพาดผ่านแผ่นหลังเขาเบาๆและสะดุดเข้ากับรอยแผลเป็นทางยาวบริเวณท้ายทอยของโทโมะ น่าแปลก...ปกติแล้วเขาไม่เคยมีรอยแบบนี้นี่นา...หรือเพิ่งจะไปเกิดอุบัติเหตุมา ถ้าอย่างนั้นทำไมเขาไม่บอกฉันล่ะ?

 

 

 

“รอยพวกนี้...ไปโดนอะไรมา”  โทโมะชะงักไปนิดนึงอย่างครุ่นคิดก่อนที่เขาจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วส่ายหน้าปฏิเสธอย่างขอไปที

 

 

“เปล่าหรอก โทโมะซุ่มซ่ามเอง ไม่มีอะไร...”

 

 

 

“เป็นอะไร...”

 

 

 

“เปล่า”

 

 

 

“โทโมะ...อย่ามาดื้อ...” ฉันย้อนคำพูดเขาเอาคืนเมื่อโทโมะตั้งใจจะปกปิดอะไรบางอย่างกับฉัน แต่ก็เอาเถอะ...ฉันคงไม่ได้มีความสำคัญพอที่เขาจะบอกได้ในทุกๆเรื่องอยู่แล้วนี่ เพราะฉะนั้นมันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ฉันจะต้องไปรู้เรื่องของเขาเมื่อเจ้าตัวเขาไม่ยินดีจะบอก!

 

 

“ขอโทษที่ก้าวก่าย”  ฉันเตรียมจะพลิกตัวนอนหันหลังให้เขาแต่โทโมะกลับคว้าฉันไว้เสียก่อน เขาวางพาดแขนลงบนเอวของฉันพลางกอดเอาไว้หลวมๆ ฝ่ามืออุ่นร้อนลากไล้ไปมาเบาๆตามแผ่นหลังของฉันอย่างงอนง้อ ใบหน้าหล่อเหลาซุกซนเลื่อนขึ้นมาจูบแก้มฉันอย่างแผ่วเบาพร้อมกระซิบซาบข้างหู...

 

 

 

“เป็นอุบัติเหตุจริงๆนะ โทโมะไม่ได้มีความลับกับแก้ว...รักแก้วนะเด็กดี”

 

 

 

                ฉันผลักแผ่นหลังกว้างของเขาให้คว่ำลงก่อนจะพบรอยแผลเป็นยาวเกือบคืบบริเวณท้ายทอยเหมือนเจ้าตัวถูกฟาดด้วยของแข็งอะไรสักอย่างมากกว่าจะเป็นเพราะอุบัติเหตุ แต่ช่างเถอะ...โทโมะบอกว่าเป็นอะไรฉันก็ควรจะเชื่อต่อให้รู้ว่ามันเกิดจากอะไรฉันก็ทำได้เพียงแค่ปลอบโยนเขาอยู่ดี...

 

 

 

                ฉันจุมพิตเบาๆลงบนรอยแผลนั่นพร้อมปัดเป่าเอาความเจ็บที่เคยปวดของเขาออกไปให้ไกลพ้นและไม่ต้องการให้โทโมะรู้สึกเจ็บปวดอีกไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ช่วงนาทีนั้น...อ้อมแขนแข็งแรงอบอุ่นของเขาก็คว้าฉันกลับเข้าไปกอดอีกครั้ง...ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ไม่ห่างจากใบหน้าที่ฉันกำลังแหงนมองเขาอยู่เท่าไหร่นัก...แค่ลมหายใจพัดผ่านกันเท่านั้น...

 

 

 

“ขอบคุณนะแก้ว แต่แก้วไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้...”  น้ำเสียงเจือเศร้าของเขาสั่นสะท้านจนฉันเองอดที่จะสะท้อนใจไม่ได้ นิ้วเรียวลูบไล้ข้างแก้มแตะผิวผ่านแผ่วเบาก่อนที่โทโมะจะจุมพิตหนักหน่วงลงมาอีกครั้งอย่างเต็มกลืน...

 

 

 

“...”

 

 

 

“แก้วไม่ควรมาที่นี่เลยด้วยซ้ำ...”

 

 

 

“แต่ก็มาแล้ว แล้วก็ได้รู้อะไรหลายๆอย่างที่แก้วควรจะรู้มาตั้งที่แรกแต่ใครบางคนกลับเลือกที่จะไม่พูดแล้วปล่อยให้แก้วรวมถึงตัวเขาเอง...ไม่สิ ใครอีกหลายๆคนด้วยที่จะต้องเจ็บปวดกับความไม่ชัดเจน...”

 

 

 

“...”

 

 

 

“...ไม่กล้าพอ...และไม่มั่นใจ”

 

 

“...”

 

 

 

“แก้วพูดถูกใช่มั้ยล่ะ?”

 

 

 

 

                นัยน์ตาสีนิลสนิทคู่นั้นมองฉันอย่างเจ็บปวดเมื่อเขารู้ตัวดีว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริงทุกประการ เขาไม่เคยบอกฉัน...ไม่เคยแสดงให้ฉันรับรู้...ไม่เคยทำอะไรเหมือนที่ผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังหลงรักผู้หญิงคนนั้นให้...ฉันไม่รู้ว่าแววตาของเขาทุกครั้งที่มองฉัน โทโมะจะสื่ออะไรไว้หรือเปล่า...ฉันไม่รู้...ไม่แน่ใจ...และไม่กล้าคาดหวังอะไรจากเขาเลย...ฉันเจ็บปวดทุกครั้งเวลาที่แฟนคลับพยายามเชียร์ให้ฉันกับเขากลายเป็นคู่รักกันจริงๆ ทั้งๆที่ตอนนั้น...เขาก็มีผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ข้างๆแล้ว...เรื่องระหว่างฉันกับโทโมะมันสายเกินไปจริงๆเหรอ?

 

 

 

มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยใช่มั้ย!

 

 

 

“แต่แก้วเป็นของคนอื่นไปแล้ว แก้วมีเจ้าของแล้วและที่สำคัญแก้วก็ดูรักเขามากด้วย...แล้วแก้วจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร จะรู้คำตอบของโทโมะไปทำไมในเมื่อสุดท้าย...มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่ดี!”

 

 

 

“...”

 

 

 

“มันอาจจะช้าเกินไปที่โทโมะจะบอก...แต่แค่ได้บอกก็พอใจแล้วล่ะ สุดท้ายเราก็ต้องกลายเป็นแค่เพื่อนหรือไม่ก็คนแปลกหน้าต่อกันอยู่ดี ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปได้หรอก”

 

 

 

                โทโมะพูดราวกับว่า...

                เรื่องที่เกินขึ้นมีแต่คำว่า ‘ผิดพลาด’ ระหว่างเรา ก็เท่านั้น...

              

 

               ไม่ว่าจะเป็นฉัน...หรือ...เขา...เราต่างก็ต้องหันหน้ายอมรับความจริงที่มันเกิดขึ้นไปแล้ว และที่สำคัญเราทั้งคู่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้เลย...ฉันสบมองนัยน์ตาว่างเปล่าคู่นั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย...น้อยใจ...เสียใจ...ด้วยเหตุผลเดียวที่ว่า...เขาไม่แคร์ฉันเลยสักนิด!

 

 

 

                โทโมะความจำเสื่อมไปแล้วหรือยังไง...เขาจำได้หรือเปล่าเมื่อกี้เรายังสองคนลึกซึ้งกันแค่ไหน...อ้อมกอดอบอุ่นจนเกือบร้อนแรงเผาผลาญร่างกายจนจนแทบหลอมละลาย...รอยจุมพิตหนักๆยังคงติดตึงฝังลึกอยู่บนริมฝีปากของฉัน...เหมือนกับว่า...ฉันยังถูกเขาสัมผัสเบาๆอยู่ตลอดเวลา...นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นยังสบมองฉันอย่างมีความหมายผิดกับตอนนี้ลิบลับ...แตกต่างกันราวกับว่าเจ้าของดวงตาคู่นี้เป็นคนละคน!

 

 

 

แล้วกันสิ...ทำไมเรื่องบ้าๆแบบนี้ถึงตามหลอกหลอนฉันมาจนเกือบสี่ปีด้วย!?

 

 

 

 

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว...แก้วรู้ดี”

 

 

 

 

                น่าแปลก...ทั้งที่ฉันยังนอนซบเขาอยู่แบบนี้ แทนที่ฉันจะรู้สึกอบอุ่นกับอ้อมกอดของเขา น่าแปลกจริงๆ...ทำไมฉันถึงรู้สึกเหน็บหนาวกับสายตาว่างเปล่าที่ทอดมองฉันตลอดเวลา...เฉยชา จนเหมือนกับว่าโทโมะเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่บังเอิญตื่นขึ้นมาพบฉับ...บนเตียงเดียวกัน

 

                เท่านั้นเอง...

 

 

 

 

“ความจริงโหดร้ายกับมนุษย์เราเสมอ แก้วควรยอมรับเหมือนกับที่โทโมะเอง...ก็ยอมรับมันมาตลอด”

 

 

 

“...”

 

 

 

“ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ผูกเราสองคนไว้ โทโมะจะเป็นคนแก้ไขมันเอง...”

 

 

 

 

                ฉันไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้...ผู้ชายที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆแล้วเป็นฝ่ายถอยออกไปโดยไม่คิดจะรั้ง...หากสิ่งที่เขายอมปล่อยคือคนที่ตัวเองกล้าพูดได้เต็มปากว่า ‘รัก’ แต่...จะโทษเขาก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นฉันก็ทำแบบเขาเหมือนกัน  ฉันยอมถอยออกมาเพราะคิดว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ยอมถอยทั้งที่ไม่ได้รู้สึกยินดีเหมือนกับสีหน้าที่แสดงออกไปสักนิด...

 

 

 

แล้วมันก็ได้ผลดีด้วยล่ะ เหอะ!

                ผลที่ตามมาของความคิดและการกระทำงี่เง่าของฉัน...นำพาความเจ็บปวดกลับคืนมาให้ฉันทุกรูปแบบ ก็อย่างที่โทโมะพูด...ความจริงมันโหดร้ายเสมอเลยล่ะ

 

 

 

 

                ค่ำคืนที่แสนยาวนานพ้นผ่านไปอย่างช้าๆ ทั้งที่ยังคงมีอีกคนที่นอนหันหลังอยู่อีกฝากบนเตียงเดียวกันแต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนว่าตัวเองนอนอยู่ลำพัง...ทั้งที่เขาอยู่ใกล้ฉันแค่นี้  แค่จะเอื้อมมือมากอดฉันไว้เขาก็ไม่ทำ เราสองคน...ได้แต่นอนตะแคงหันหลังให้กันและกัน...ก่อนที่ฉันจะค่อยๆปิดตาลง...ปล่อยทุกอารมณ์และห้วงความรู้สึกให้ผ่านเลยไป....

 

 

 

ทรมาน...และเจ็บเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมาพบกับคามเป็นจริง!

 

 

 

 

 

 

 

 

                                                                 I've never felt this way before
                                       Everything that I do reminds me of you

                                   And the clothes you left, they lie on the floor
                        And they smell just like you, I love the things that you do

     

                                                    ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
                                              ทุกๆสิ่งที่ฉันทำมันทำให้ฉันคิดถึงคุณ
                                              เสื้อผ้าที่คุณทิ้งเอาไว้ มันยังอยู่บนพื้น

                                  มันมีกลิ่นของคุณติดอยู่ และฉันรักทุกๆอย่างที่เป็นคุณ

 

 




 

 

 

 

            ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อแสงสว่างจากภายนอกเริ่มสาดส่องเข้ามามันเป็นอย่างนี้เช่นทุกวันไปผันเปลี่ยน...เมื่อคืนนี้มีพระจันทร์...กลางวันนี้ก็ย่อมมีพระอาทิตย์ ทุกสิ่งคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง...สิ่งที่เปลี่ยนตอนนี้ก็เห็นจะมีแต่ฉัน..และบนเตียงกว้างไร้เงาของร่างสูงที่เมื่อคืนเขายังคงนอนอยู่ไม่ไปไหน...บนหัวเตียงมีโพสอิทสีเขียวแปะไว้พร้อมลายมือยุกยิกของเจ้าของห้องเขียนกำกับว่า...

 

 

 

‘ขอโทษที่รู้สึกสับสนมานานถึงสี่ปี ความจริงโทโมะควรจะบอกรักแก้วไปตั้งแต่ปีแรกแล้ว...’

 

 

 

 

                น้ำตาของฉันร่วงผล็อยลงเมื่ออ่านข้อความสั้นบาดใจนั่นจบ เขารักฉัน...รักฉันมานาน...แต่เขากลับไม่พูดออกมาและปล่อยให้เวลาคร่ากินหัวใจของเรายาวนานถึงขนาดนี้ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมกับผู้ชายคนนี้ทุกอย่างถึงดูสายไปหมด ฉันรีบกวาดเสื้อผ้าที่ถูกนำมาวางอยู่ข้างเตียงอย่างเรียบร้อยและจัดการธุระส่วนตัวด้วยเวลารวดเร็วเพื่อกลับไปแก้ปัญหาที่ตัวเองก่อไว้...แต่

 

 

 

                ก่อนออกจากห้องโทโมะ ฉันเหลือบเห็นประตูเสื้อผ้าที่เปิดแง้มเอาไว้...ฉันค่อยๆรวบรวมสติเดินย้อนกลับไปดูว่าภายในเกิดอะไรขึ้นบ้างและฉันก็พบคำตอบ...คำตอบจากตู้เสื้อผ้าว่างเปล่าไม่เหลืออะไรเลย...โทโมะกำลังจะเดินออกไปจากชีวิตฉันอีกครั้งแล้ว...ทำไมกัน ทำไมเขาต้องเดินหนีฉันตลอดเวลาด้วย!

 

 

 

 

“คนบ้า! แก้วเกลียดโทโมะที่สุดในโลกเลย!”

 

 

 

 

 

 

                สุดท้ายฉันก็ต้องนั่งแท็กซี่ย้อนกลับไปที่บริษัทอีกครั้งเมื่อรู้จากการอัพเดตของแฟนคลับว่าเขาเข้าไปที่นั่น ทั้งที่รู้สึกโกรธจนอยากต่อยหน้าเขาแทบตาย แต่ทำไมฉันต้องพาตัวเองมาหาเขาด้วยก็ไม่รู้ แย่ที่สุดเลยโทโมะน่ะ!  ฉันน่าจะเล่นตัวสักนิด ทรมานเขาสักหน่อย...แล้วไง สุดท้ายคนที่ทรมานก็เป็นฉันอยู่ดี

 

 

 

                เมื่อรถจอดสนิทฉันก็รีบวิ่งลงมาเพื่อดักหน้าเขาที่กำลังจะขึ้นรถของตัวเองเพื่อขับออกไป ฉันเดินตามโทโมะไปทางที่จอดรถเงียบก่อนจะตรงเข้าไปหาแต่...ก็ต้องมีชะงักฝ่าเท้าเพราะมีใครบางคนเดินเข้าไปหาเขาก่อนฉัน และใครคนนั้นคือคนที่ฉันไม่คิดว่าเจอเขาอยู่กับโทโมะด้วยซ้ำ!

 

 

 

“หวังว่าเรื่องคงจะจบซักทีนะ ไปได้ก็ดีแล้วก็เลิกยุ่งกับแฟนฉันด้วย”  พี่ป้องเดินเข้าไปดักหน้าโทโมะเอาไว้ก่อนจะค่อยๆเผยในสิ่งที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อนในชีวิตว่าเขาจะกล้าทำแบบนั้น...

 

 

 

“...”

 

 

 

“ถ้าฉันยังเห็นแกเข้ามายุ่งวุ่นวายกับแฟนฉัน คราวหน้ามันจะไม่ใช่แค่เก้าอี้ที่ฟาดหลังแก ไอ้เด็กอ่อนหัด!”

 

 

 

รอยแผลเป็นนั่น...

 

 

 

           เกิดจากฝีมือของพี่ป้องงั้นสิ บ้าเหอะ! ทำไมโทโมะถึงไม่บอกความจริงกับฉัน ทนเก็บเอาไว้เพื่ออะไร ต้องการให้มันเป็นที่ระลึกความเจ็บปวดหรือไงคนบ้า!

 

 

 

“ผมกับแก้วเราเป็นแค่เพื่อนกันครับ คุณไม่ต้องห่วง”

 

 

“...”

 

 

 

“แล้วก็จะเป็นแค่เพื่อนตลอดไป...”  พอพูดจบแค่นั้น โทโมะก็หุนหันขึ้นรถตัวเองแล้วขับออกไปด้วยความรวดเร็วทันที ฉันไม่รู้เลยว่าควรจะทำยังไงต่อไป สิ่งเดียวที่ทำอยู่ตอนนี้ก็คือ...วิ่งตามรถเขาไปให้ทันเท่านั้นพอ

 

 

 

“จะไปไหนแก้ว!”  เสียงเรียกอันดังฉุดสติของฉันให้กลับคืนเมื่อพี่ป้องตรงเข้ามากระชากแขนฉันเอาไว้ ทันทีที่เขาเห็นฉันปรากฏตัวอยู่ที่นี่

 

 

 

“ปล่อยนะ! อย่ามายุ่งกับแก้ว พี่มันคนนิสัยไม่ดีทำไมต้องไปทำร้ายโทโมะแบบนั้น แน่จริงก็ทำแก้วด้วยสิ ถ้าพี่จะโกรธเขาเพราะเรื่องข่าวนั่นก็ควรจะโกรธแก้วด้วย!”  ฉันขึ้นเสียงใส่กับเขาด้วยความโกรธที่เขาทำอะไรรุนแรงกับโทโมะเกินไป

 

 

 

“ปกป้องมันแบบนี้จะให้พี่คิดว่ามันเป็นแค่ข่าวลือหรือไงแก้ว พี่โตแล้วนะแล้วก็มีวุฒิภาวะมากพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าแก้วไม่มีอะไรกับมัน มันจะมีข่าวแบบนี้หรือไง!”

 

 

 

“...”

 

 

 

“ทำอะไรไว้อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะแก้ว กลับกับพี่เดี๋ยวนี้ เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว!”  พี่ป้องพยายามจะลากฉันกลับไปกับเขาหากแต่ฉันยื้อเอาไว้สุดฤทธิ์และใช้แรงสุดท้ายสะบัดมือออกจากเขาทันที ให้เดานะ...พี่เขาคงโกรธฉันอยู่ไม่น้อยเหมือนกันล่ะ แต่บอกไว้เลยว่าฉันโกรธเขามากกว่าที่เขาทำกับ ‘เพื่อน’ ของฉันแบบนั้น!

 

 

 

“ไม่! พอกันทีไม่มีเรื่องที่เราจะต้องคุยกันอีก พี่ไม่ให้เกียรติเพื่อนของแก้ว แก้วก็จะไม่ให้เกียรติพี่เหมือนกัน ต่อไปนี้ไม่ต้องมาเจอกันอีก...เราจบกันเท่านี้!”

 

 

“แก้ว! พูดบ้าอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า..แก้ว...แก้ว!!...”

 

 

 

“....”

 

 

 

 

 

                ฉันรีบเดินหนีเขาออกมาจากลานจอรถก่อนจะโบกมอเตอร์ไซค์โดยสารเพื่อตรงไปยังสนามบินทันที ฉันรู้...ว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีเลยที่ทำตัวแบบนี้ แต่ขอทีเถอะ ฉันไม่ต้องการเจ็บปวดกับอะไรอีกแล้ว ฉันจะไม่ยอมเสียสละเพื่อความสุขของใครอีก...ฉันขอแค่ฉันกลับมาเป็นแก้วคนเดิม มีเพื่อนคนเดิม ไม่มีใครมายุ่งวุ่นวายกับฉันแค่นั้นพอ...

 

 

 

 

                และฉันไม่คิดว่ามันจะทันเลยด้วยซ้ำ...ทันทีที่ถึงสนามบิน ฉันมองเห็นแต่ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา...ผู้ชายที่ฉันรู้สึกรัก หัวใจของฉันเริ่มเต้นเป็นจังหวะช้าๆ มันบีบเข้าหากันแน่นจนคล้ายจะแตกออกเป็นเสี่ยงเมื่อฉันตรงเข้าไปถามเที่ยวบินไปญี่ปุ่นจากพนักงานและพบว่า...มันกำลังจะออกในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว...และฉันก็ทำได้เพียงแมสเซจหาโทโมะและหวังว่าเขาจะตอบกลับมาก็เท่านั้น...ฉันทำอะไรอื่นไม่ได้เลย...

 

 

 

‘โทโมะ อย่าไปนะ! แก้วเลิกกับเขาแล้ว ...ไม่ไปได้มั้ย...’

 

 

 

 

 

                ฉันไม่อาจทนรอให้เขาตอบกลับมาได้ ภาพเครื่องบินลำใหญ่ยักษ์ที่กำลังหมุนล้อเคลื่อนไปตามพื้นถนนในท่าอากาศยานกำลังทำร้ายหัวใจขอฉันจนแทบจะยับเยิน ในขณะที่ฉันทำได้เพียงแค่วิ่งตามอยู่ข้างๆโดยมีกรงตาข่ายเป็นแนวกั้นไม่ให้ผู้คนเข้าไปเดินอยู่ภายในได้  วิ่งตาม...ทั้งที่เหนื่อยแทบขาดใจ...วิ่งตาม...ทั้งที่รู้ว่ายังไงฉันก็ไปไม่ถึงอยู่ดี...

 

 

 

“โทโมะ ไม่! ...ฮึก...”  เครื่องบินลำนั้นเหินขึ้นฟ้าไปแล้ว สายลมพัดแรงๆส่งผลให้ฝุ่นทรายปะปลิวเข้ากระทบดวงตาของฉันจนฉันต้องปิดเปลือกตาลงทั้งที่ยังร้องไห้อยู่ไม่ขาด โทโมะไปจากฉันแล้ว...และฉันไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขาจะกลับมาหาฉันหรือเปล่า ไม่รู้เลย...

 

 

 

 

 

                          When you walk away I count the steps that you take
                                Do you see how much I need you right now

                                   เมื่อคุณเดินจากไป ฉันนับตามทุกย่างก้าวที่คุณเดิน
                                    คุณเห็นไหม ว่าตอนนี้ฉันต้องการคุณมากแค่ไหน

 

 

 

 

                ผ่านไปหลายนาทีแล้ว...สายลมสงบเงียบแล้ว...แต่ฉันยังคงนั่งทรุดตัวอยู่ที่เดิม ไม่รู้ทำไมฉันถึงไม่ยอมไปเสียที...ฉันคือคนที่เขาเฝ้ามองมาตลอดไม่ใช่หรือไง แต่ทำไมวันนี้เป็นฉันเองที่คอยมองเขาผ่านเครื่องบินลำนั้น ...เขาต้องมาหาฉันสิไม่ใช่ปล่อยให้ฉันร้องไห้อยู่โดดเดี่ยวแบบนี้ ทุกครั้งที่ฉันรู้สึกแย่...โทโมะจะอยู่ข้างฉันเสมอไม่ใช่หรือไง เขาไม่มีสิทธิ์ทิ้งฉันแบบนี้...

 

 

 

                ทว่า...เสียงหนึ่งทำให้ฉันหยุดสะอื้นลง เสียงลากฝีเท้าเบาๆของใครบางคนทำให้ฉันต้องเงยหน้าเปื้อนน้ำตาขึ้นมองอย่างไม่อาจหักห้ามความคิดได้ ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นความฝันลมๆแล้งๆว่าเขาจะกลับมา แต่ฉันก็มีสิทธิ์จะฝันไม่ใช่หรือไง ...

 

 

 

“โทโมะ!”  ใครบางคนยืนกางแขนให้กับฉันอยู่ลิบๆ และนั่นก็คือเขา!

 

 

 

 

                โทโมะย้อนกลับมาหาฉันจริงๆ แล้วฉันจะรอทำไมล่ะ...ฉันควรลุกขึ้นวิ่งแล้วเข้าไปกอดเขาให้เต็มแรงให้สมกับความเจ็บปวดเหนื่อยล้าที่ได้เจอมาสิถึงจะถูก  ฉันค่อยๆลุกขึ้นและวิ่งอย่างรวดเร็วที่สุด...วิ่งไปให้ถึงตัวของเขา...อ้อมแขนอบอุ่นที่อ้าออกรอรับร่างของฉันเข้าไปกอดรัดนั่น ...ถ้าถึงตัวเขาเมื่อไหร่ฉันจะบอกรักเขาดังๆ...บอกให้รู้ว่าฉันคนนี้เคยผิดพลาดไปเหมือนกับเขา

 

 

‘ฉันควรบอกเราโทโมะตั้งแต่ปีแรก ไม่อย่างนั้นเราทั้งคู่คงไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้...’

 

 

 

 

“โทโมะ แก้ว...” 

 

 

 

“....”

 

 

 

“โทโมะ!”  

 

 

 

 

                ยังไม่ทันที่ฉันจะได้บอกอะไร ภาพของเขาที่ยืนยิ้มรอรับฉันกลับค่อยๆเลือนรางออกไปและสุดท้าย...ก็อันตธานจางหายไปกับสายผมที่พลิ้วไหว ไม่มีเขา...ไม่มีใคร...ไม่มีแม้แต่ข้อความตอบกลับมา ฉัน...ฉันฝันไปอย่างนั้นเหรอ...ไม่นะ...มันต้องไม่ใช่แค่ความฝัน

 

 

 

 

                ฉันเงยหน้าขึ้นจากเข่าที่ฟุบอิงและพบว่าตัวเองยังคงนั่งทรุดตัวอยู่ที่เดิม ไม่ได้วิ่งไปหาใครที่ไหนทั้งนั้น เป็นฉันเองที่เผลอวูบไปและทึกทักเอาเองว่าโทโมะกลับมาหาฉัน เหอะ...น่าสมเพชดีจัง ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ ...นี่คือชีวิตจริงของฉันไม่ใช่นิยาย ไม่ใช่ละครหลังข่าว...ที่พระเอกจะกลับมาหานางเอกได้ทันเวลา

 

 

 

มันไม่ใช่...

 

 

 

 

“ไม่ใช่แค่ความจริงหรอกนะโทโมะที่โหดร้าย...ความฝันของคนเราน่ะ ก็โหดร้ายไม่แพ้กันเลย..”

 

 

 

“...”

 

 

 

“ยังไงนะเหรอ...”

 

 

 

“....”

 

 

 

“ก็ตรงที่รู้ว่าตื่นขึ้นมาแล้วยังไงมันก็เป็นได้เพียงความฝัน ไม่ใช่ความจริงยังไงล่ะ”

 

 

 

“...”

 

 

 

“นั่นแหละ...เจ็บปวดที่สุด...”

 

 

 

 

 

 

 

 

                                              We were made for each other
                                                       Out here forever
                                                  I know we were, yeah
                                      All I ever wanted was for you to know
                                 Everything I'd do, I'd give my heart and soul
                    I can hardly breathe I need to feel you here with me, yeah

   

                                                        เราเกิดมาเพื่อคู่กัน

                                                            ที่นี่ตลอดไป   

                                                  ฉันรู้ว่าเราจะต้องเป็นแบบนั้น
                                                ทั้งหมดนี้ฉันต้องการให้คุณรู้ว่า
                                          ทุกสิ่งที่ฉันทำ ฉันทำมันออกมาด้วยหัวใจ
                                   ฉันไม่อยากหายใจ ฉันต้องการให้คุณอยู่ที่นี่กับฉัน…

 

 

 

 

 

 




 

                                                   -FINISH STORY-

 

 

 

 


 

ควรจะเลิกอัพป้ะ5555555555555-,-

 

วันไหนถ้านุกเลิกอัพไปไม่ได้หมายความว่าจะไม่รักทีเคและทุกคนนะจุ้บ

 

555555555555 #น่ารักกกอิอิซ่า

 

ตอนนี้แฮปปี้เว่อนี่พูดเลย อยากแฮปปี้จริงเจอกันภาคสุดท้าย จู้บบบบ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา