CHANGMINHO AGORA

10.0

เขียนโดย AGORAROMIA

วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 10.33 น.

  5 session
  0 วิจารณ์
  11.47K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556 14.26 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

3) [SF] Not Enough

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
Not Enough
Title : Not Enough
Author : winx
Pairing : Changmin x Minho
Rate : NC-17
 
 
 
           ไม่รู้จริงๆว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนมันเริ่มจากตรงไหน
           ...เขาที่อยู่ในอ้อมของผม...
 
           ผมก็แค่เด็กหนุ่มม.ปลายที่มีความต้องการ ดังนั้นแล้วบางครั้งในหัวก็มีแต่เรื่องอย่างว่าเต็มไปหมด อ๊ะๆ..อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นกันสิ ผมก็แค่เด็กหนุ่มธรรมดาๆคนหนึ่งนะ ความต้องการมันก็เลยพุ่งสูงตามระดับฮอร์โมนเท่านั้นเอง หื้ม?? อะไรนะ ไม่เชื่อผมงั้นเหรอ ให้ตายสิผมไม่หื่นขนาดนั้นหรอกน่า
           “อื้ออ..”เสียงครางหวานดังขึ้นเป็นระยะ บอกให้รู้ถึงอารมณ์ในช่วงเวลานั้น
           “อาา อ้าขากว้างกว่านี้หน่อยสิ”
           มือหนาดันเรียวขาขาวให้แยกออกกว้างขึ้น ก่อนจะค่อยๆสอดแกนกายแข็งขึงเข้าไปในช่องทางรักสีหวาน เมื่อเข้าไปจนสุดลำรักร่างสูงผู้คุมเกมรักก็ถอดถอนท่อนเนื้อแข็งออกมาก่อนจะกระแทกกลับไปเข้าอย่างแรงซ้ำๆ สร้างความกระสันให้กับผู้กระทำมันเป็นอย่างดี แต่สำหรับร่างที่นอนทอดกายอยู่เบื้องล่าง แม้จะรู้สึกดีเพียงใดแต่ความรู้สึกจุกและเจ็บก็ยังมีมากจนต้องเอ่ยปากบอก
           “อึ่ก..ด..เดี๋ยวสิ เบาๆหน่อย...อ๊า”มือเรียวบีบแรงๆลงไปบนบ่ากว้างระบายความเจ็บระคนเสียวซ่านที่เกิดขึ้น
           “อ่าา ไม่ต้องห่วงน่า”แม้ปากจะบอกให้ไม่ต้องกังวลแต่การกระทำกลับตรงกันข้าม เมื่อแรงสอดใส่ยังคงแรงในระดับเดิม กระทบกับจุดกระสันซ้ำๆ บอกแล้วว่าถึงจะรู้สึกดีแต่มันก็เจ็บเกินไป
           “อ..โอ้ยย จ..เจ็บ มันเจ็บ!!”
           เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเสียที คนที่ทนเจ็บไม่ไหวจึงร้องออกมาเสียงดัง จนคนที่เอาแต่ทำต้องเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะตกใจจนลนลานเพราะใบหน้าหวานๆนั้นมีน้ำใสปริ่มอยู่ ก่อนจะทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วงโลก
           “เจ็บมากเลยเหรอ ฉ..ฉันขอโทษ”ร่างหนาโน้มตัวลงกอดร่างบางไว้ บรรจงจูบซับน้ำตา สองมือหนาลูบหน้าลูบหลังเบาๆเพื่อปลอบโยน
           “ฮึกก ก..ก็บอกว่าเจ็บๆ ก็ไม่ยอมหยุด”
           “...ขอโทษ~ จะไม่ทำแรงๆอีกแล้ว งั้น..มาต่อกันนะ ^^”
จากที่กอดและลูบหลังปลอบกลายมาเป็นลูบไล้แผ่นหลังเนียน จากจูบซับน้ำตาริมฝีปากหนาก็ค่อยๆลากเลื้อยมาถึงซอกคอขาวกรุ่นกลิ่นหอม ก่อนจะขบเม้มจนเกิดเป็นรอยแดง
           “อื้ออ ไม่เอานะชางมิน พอ..แล้ว”เสียงหวานร้องห้าม สองมือเรียวคอยผลักอกหนาให้ออกห่าง แต่แรงของคนตัวเล็กกว่าจะสู้คนตัวโตได้อย่างไร
           “น่านะมินโฮ แค่รอบเดียวก็ได้ จะทำให้รู้สึกดีสุดๆเลย”ไม่อ้อนแค่น้ำเสียง แต่ยังส่งสายตาอ้อนๆไปเป็นของแถม จนทำให้อีกคนเริ่มจะใจอ่อน
           “แต่..อ๊ะ ไอ้..ชางมิ..น บ้า”
           ช่องทางด้านหลังที่ยังคงมีแกนกายฝังตัวอยู่และไม่มีท่าทางว่าจะถอนกายออกไปง่ายๆ หากยังไม่ได้ปลดปล่อยสักรอบสองรอบเสียก่อน ชางมินขยับกระแทกเบาๆเป็นเชิงเร่งให้ตัดสินใจ ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์
           “นะ มินโฮ ตรงนี้ของฉันมันจะหลับลงได้ยังไง ถ้ายังไม่ได้ปล่อยในตัวนายน่ะ”พูดถ้อยคำเห็นแก่ได้จบก็ไม่ฟังเสียงร้องห้ามที่ดังขึ้นเพียงไม่นานก่อนที่เสียงครางหวานจะเข้ามาแทนที่
           ไอ้บ้าชางมินแล้วจะมาขอทำไมเล่า!!
           สุดท้ายบทรักก็ผ่านไปถึงสามรอบไม่ใช่แค่รอบเดียวอย่างที่บอก ทำเราร่างบางหลับทันทีที่รอบที่สามจบลง ชางมินที่ยังไม่หลับ นอนมองดวงหน้าหวานที่หลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยอ่อน บนใบหน้าหล่อเหลาที่รอยยิ้มบางๆประดับอยู่ แววตาที่ทอดมองคนที่หลับไหลเต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปจูบหน้าผากเนียนแล้วรั้งร่างบางเข้ามากอดเอาไว้
           อาา...อะไรจะมีความสุขขนาดนี้ ถ้าได้กอดคนๆนี้ทุกวันก็ดีสินะ ฮ้าา อ..อ้าว อะไรกันพวกคุณยังไม่ไปอีกเหรอ จะแอบพวกผมอีกหรือไง หืม?? ผมลืมแนะนำตัว?? โอเคๆรู้แล้วน่าไม่ต้องมองอย่างนั้นเลย
           ผมชิมชางมิน นักเรียนม.ปลายปีสอง ส่วนคนน่ารักที่นอนให้ผมกอดอยู่นี่ชื่อชเวมินโฮ เราเรียนอยู่ห้องเดียวกัน พูดให้ถูกคือเราเป็นเพื่อนกัน แต่ถ้าถามว่าทำไมเราสองคนถึงกลายมาเป็นแบบนี้ได้ นั่นเพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วในชั่วโมงคหกรรมอันแสนน่าเบื่อสำหรับผม แน่ล่ะ ก็มันเป็นเรื่องของพวกผู้หญิง ตอนที่ผมกำลังยกหม้อน้ำที่ต้มจนร้อนลงจากเตาอย่างทุลักทุเล มินโฮที่ดูจะมีทักษะเรื่องงานบ้านมากกว่าผมเข้ามาช่วย แต่เพราะผมดันซุ่มซ่ามทำน้ำต้มในหม้อหกรดมือของเขา จากเหตุการณ์นั้นผมเลยต้องเสนอตัวมาช่วยดูแลจนกว่ามือเขาจะหายเจ็บ และเพราะเหตุนี้เราจึงมีเวลาให้กันมากขึ้น และเกิดความสัมพันธ์ลับๆที่รู้กันแค่เราสองคน
           ...นอนกับผู้ชายด้วยกัน...
           เราที่ต่างก็ยังไม่มีแฟน อาจเพราะความใกล้ชิดหรือเพราะความเหงา ผมจึงใช้เรือนร่างของเขาเป็นที่ปลดปล่อย แม้ครั้งแรกจะแปลกใจที่เขาไม่ขัดขืน แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร และพอได้รับรู้รสชาติดีๆครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งที่สองก็ตามมา สุดท้ายมันก็หยุดไม่ได้ แม้เราจะผูกพันกันแค่ทางร่างกายแต่มันก็แค่ความคิดในช่วงแรกของผมเท่านั้น มาถึงตอนนี้ผมไม่แน่ใจแล้วว่าความรู้สึกที่ผมมีคืออะไร
           ...แม้ผมจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร
...แต่ผมก็ไม่คิดจะเปลื่ยนแปลสิ่งที่เป็นอยู่นี้
...ไม่คิดจะปล่อยมือคู่นี้ไปแน่นอน
 
 
โรงเรียนมัธยมยังจู
“มินโฮ~ มือหายดีแล้วเหรอ”เสียงของนักเรียนหญิงที่เป็นเพื่อนร่วมห้องของมินโฮเข้ามาถามไถ่อาการ
“นั่นสิ เราเป็นห่วงนะ”นักเรียนหญิงอีกคนที่ยืนอยู่ด้วยเอ่ยสำทับ
“อ๋อ..หายแล้วล่ะ เขียนหนังสือได้แล้วด้วย เห็นมั้ย”มินโฮหันไปตอบพร้อมรอยยิ้ม ทั้งยังขยับมือและเขียนหนังสือให้ดูว่เขาน่ะหายแล้วจริงๆ
 เฮอะ!!
 จะแจกยิ้มเรี่ยราดไปถึงไหน ผมนั่งมองมินโฮจากโต๊ะของตัวเองนานแล้ว ยังไม่เห็นว่ามินโฮจะหุบยิ้มสักที ใครเข้ามาคุยด้วยก็ยิ้มให้เขามั่วไปหมด อะไรจะป๊อบขนาดนั้น!!
แต่กับผมแค่หางตายังไม่มองมาด้วยซ้ำลำเอียงชะมัด ตั้งแต่ที่มือของมินโฮหายจากบาดเจ็บนี่ก็ผ่านมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว และเป็นอาทิตย์หนึ่งที่ผมไม่ได้เข้าใกล้เขาเลย แม้ว่าตอนพักกลางวันเราจะไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันเพราะเป็นกลุ่มเดียวกันก็เถอะ แต่ความรู้สึกไม่พอนี่มันอะไรกัน แค่ได้อยู่ใกล้ๆมันยังไม่พอ
ผมรู้สึก...อยากกอดเขา...อยากกอดมินโฮ
เฮ้ย! นี่ผมคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย ผมสะบัดหัวแรงๆเผื่อว่าไอ้ความคิดบ้าๆนี่มันจะหลุดออกจากหัวของผมบ้าง แต่แล้วผมก็ต้องหยุดการสะบัดหัวแล้วหันไปตามเสียงกรี๊ดกร๊าดของพวกผู้หญิงที่รุมล้อมมินโฮอยู่ ผมพยายามเงี่ยวหูฟังอย่างเต็มที่ อ๊ะๆ ผมไม่ได้แอบฟังนะก็พวกนั้นอยากคุยกันเสียงดังให้มันมาเข้าหูผมทำไมล่ะ มันได้ยินเอ๊ง จริงจริ๊ง
หลังเงี่ยหูอยู่สักพักก็ได้รู้ว่าเสียงกรี๊ดนั่นเกิดจากรอยที่อยู่บนคอของมินโฮ นั่นมัน...รอยจูบของผม มันจางลงมากแล้วถ้าไม่สังเกตดีๆก็คงไม่เห็น พวกผู้หญิงนี่ตาดีชะมัด
“กรี๊ดดด นี่มันรอยจูบ”ห๋า...รอยจูบ?? ผมรีบยกมือขึ้นจับต้อนคอตรงที่ถูกชี้ทันที
“ม..ไม่ใช่ๆ แค่ยุงกัดน่ะ ฮ่าๆ”ผมแก้ตัวตามด้วยเสียงหัวเราะแห้งๆ มือของผมยังคงจับที่รอบจูบเจ้าปัญหาที่ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ พลางคิดไปถึงเจ้าของมัน เฮ้ออ ผมรู้สึกว่าตั้งแต่ที่มือผมหายเจ็บ ผมกับชางมินเหมือนจะห่างกันมากขึ้น ชางมินไม่มาวนเวียนคอยมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆเหมือนเคย อาจเป็นเพราะมือผมหายแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องมาดูแลอะไรผมอีก หรืออาจเป็นเพราะเขาอยากจะเลิกกอดผมแล้วก็ได้
...และไม่ว่าด้วยเหตุผลไหน มันก็ทำให้ผมรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจได้ทั้งนั้น
...หรือจะมีแค่ผมที่รู้สึกอยู่คนเดียว...
ยุงกัด!! นี่ผมกลายเป็นไอ้ตัวดูดเลือดไปแล้วงั้นหรือ?? รอยจูบของผมมันน่าอายจนไม่กล้าบอกใครเลยอย่างนั้นสินะ แต่...ผมคงลืมอะไรบางอย่างไป ก็ผมกับมินโฮไม่ได้เป็นอะไรกัน นอนจากเพื่อนร่วมห้องและ...”เพื่อนนอน”
ไม่แปลกที่มินโฮจะแก้ตัวออกไปอย่างนั้น ทั้งๆที่รู้อย่างนั้นทำไมต้องไม่พอใจและหงุดหงิดกับคำพูดของมินโฮด้วยล่ะ แล้วไอ้อาการโมโหที่มีคนอื่นมายุ่งกับมินโฮนี่มันอะไรกัน
...ใครก็ได้ช่วยบอกผมที...
ผมเดินไปโรงอาหารพร้อมกับอาการสับสนในตัวเอง แต่ก่อนจะถึงที่หมายสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นคนที่ทำให้ผมคล้ายจะเป็นบ้า ตอนนี้เขาคนนั้นกำลังอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่คุ้นหน้า และที่ทำให้ผมช็อคสุดๆก็คือรอยยิ้มหวานนั่น พร้อมด้วยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข
...รอยยิ้มในแบบที่ผมไม่ได้รับ เสียงหัวเราะที่ผมไม่เคยได้ยิน ความสุขที่ผมได้รับมันแค่จากร่างกายของเขา นี่...ผมกำลังอิจฉาผู้หญิงคนนั้น??
 
 
ท่าทางหยอกล้ออย่างกับคนรัก..คนรักอย่างนั้นหรือ..เขามีแฟนแล้วทำไมไม่บอกผมล่ะ
ผมเดินหนีจากตรงนั้นด้วยอาการสับสนมากกว่าเดิม ก้าวเท้าเร็วๆและเร็วขึ้นจนกลายเป็นวิ่งให้ไปให้ถึงดาดฟ้าของตึกเรียนที่ประจำของกลุ่ม เพื่อหลบให้พ้นจากภาพๆนั้น ไม่นานผมก็วิ่งมาถึง พวกเพื่อนที่รออยู่ก่อนต่างตกใจกับท่าทางของผม
“เฮ้ย ชางมินแกเป็นไรเปล่าวะ หิวถึงขนาดต้องวิ่งมาเลยเหรอ ฮ่าๆ”ไอ้ปาร์คนึกว่ามันถามเพราะห่วงดันแซวแถมยังหัวเราะซะงั้น
“นั่นดิไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ กูไม่แย่งมึงกินหรอก กร๊ากกก”ไอ้นี่อีกคน เออ เอาเข้าไป หัวเราะกันเข้าไปกูเครียดเนี่ยพวกมึงคิดจะมองเห็นกันบ้างมั้ย!!
“นายสองคนอย่าแซวชางมินอย่างนั้นสิ กระเพาะหลุมดำอย่างชางมินก็ต้องรีบมาอยู่แล้ว ฮ่าๆ”จุนซู~ นายก็เป็นไปกับด้วยเหรอเนี่ย สงสัยจะอยู่ไอ้ปาร์คมากเกินไป ไม่น่าเลย...
“พวกนายสามคน พอได้แล้วน่า~”นั่นครับเสียงนางฟ้ามาโปรด ไอ้ตัวแสบทั้งสามที่แหกปากกวนประสาทผมอยู่ถึงกับเงียบกริบ
“มีอะไรรึเปล่าชางมิน ทำไมต้องวิ่งมาด้วยล่ะ หน้านายซีดๆนะไม่สบายหรือเปล่า”คำถามของแจจุงทำเอาผมน้ำตาแทบไหล แจจุงนายมันนางฟ้าจริงๆ ผมคิดอย่างนั้นก่อนจะส่ายหน้าแล้วตอบคำถามยาวของเพื่อนหน้าสวย
“เปล่าหรอก ฉันแค่ง่วงนอนน่ะ”ผมบอกไปอย่างนั้น แต่ดูแจจุงไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
“.............”
“ฉันแค่ง่วงจริงๆ เมื่อคืนเล่นเกมดึกไปหน่อย”
“แล้วนายจะไม่กินอะไรก่อนหน่อยเหรอ ยุนโฮกับยูชอนซื้อมาเผื่อนายด้วยนะ”เฮ้อ...แจจุงนายเลิกคบกับไอ้หมีปากเสียแล้วกลับขึ้นสวรรค์ไปเถอะ นายมันคนดีเกินไป
“ขอบใจนะแจจุง แต่ไม่ล่ะขอฉันนอนก่อนแล้วกัน นายช่วยเก็บส่วนของฉันไว้ให้ด้วยแล้วกัน แล้วก็..ขอบใจนะแจจุง”ผมพูดขอบคุณเพื่อนผู้แสนดีเบาๆ อีกฝ่ายพยักหน้าและยิ้มให้ผมน้อยๆก่อนจะหันกลับไปทานข้าวที่ซื้อมา
ผมเดินไปที่นอนประจำของผม ล้มตัวลงแล้วหลับตาในหัวย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ผมไม่ทันจะได้หลับสมใจเสียงประตูดาดฟ้าก็เปิดออก ผมจะสนใจถ้าชื่อที่ได้ยินไม่ใช่ชื่อของคนที่อยู่ในความคิด
“อ้าวมินโฮ ทำไมเพิ่งมาล่ะ มาๆ..มากินข้าวด้วยกัน”เสียงเจ้าพวกนั้นเอ่ยเรียกคนมาใหม่ให้เข้าไปร่วมวง
“โชคดีไปที่ยังมาทัน นึกว่าพวกนายกินเสร็จไปแล้วซะอีก”
ผมนั่งลงที่ว่างข้างๆแจจุง เปิดกล่องข้าวที่มีอาหารหน้าตาน่าทานอยู่ข้างในออก แต่ก่อนผมจะลงมีทานผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าใครบางคนหายไป ผมกวาดสายตามองหาจนกระทั่งเจอเข้ากับใครคนหนึ่งที่นอนอยู่อีกด้านของดาดฟ้า
ใช่นั่นชางมิน ผมคิดแล้วว่าเขาต้องมาที่นี่ผมถึงได้ตามมา ตอนผมกำลังคุยอยู่กับเพื่อนที่อยู่ต่างห้องแล้วชางมินผ่านไปเจอพอดี ชางมินคงคิดว่าผมไม่เห็นเขาแต่ผิดแล้วล่ะ ผมเห็นตั้งแต่เขาเดินมาแล้ว และผมก็ตั้งใจให้เห็นแบบนั้น
ผมยอมรับได้อย่างเต็มปากว่าผมรักชางมิน แต่ผมไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับผมนะสิ บางครั้งเขาก็ทำเหมือนกับว่าชอบผม จนผมอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ ดังนั้นผมถึงได้ทำให้เขาเห็นอย่างนั้น เผื่อว่าอะไรๆมันจะได้ชัดเจนขึ้นเสียที
 
หลังจากทานมื้อเที่ยงกันจนอิ่มหนำสำราญพวกเรานั่งคุยกันต่อตามประสาเพื่อนที่ได้เรียนห้องเดียวกัน เราหัวเราะกันเสียงดังหลังจากฟังเรื่องตลกที่ยูชอนสรรหามาเล่าให้ฟัง จนกระทั่งเสียงออดเข้าเรียนช่วงบ่ายดังขึ้น
“ว้า ต้องเข้าเรียนแล้วอ่ะ”เสียงเล็กๆของจุนซูบ่นขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงของคนอื่นๆ
“นั่นสิ ว่าแต่ไอ้ชางมินมันไม่ไปเข้าเรียนรึไง เฮ้ยย ชางมินออดเข้าเรียนดังแล้วนะเว้ย!”ยุนโฮตะโกนถามคนที่หลับไม่มีท่าว่าจะขยับเขยื้อนลุก
“เออ พวกนายไปเถอะ วันนี้ฉันโดด”
เสียงงัวเงียตอบกลับมา เมื่อได้ยินอย่างนั้นทุกคนก็ไม่เซ้าซี้อะไรอีก ชางมินมันเรียนเก่งโดดคาบสองคาบคงไม่ทำให้เกรดตกต่ำ ทุกคนจึงต่างแยกย้ายกันไป เหลือแค่มินโฮที่ยังลังเลอยู่ว่าจะไปเรียนหรืออยู่ต่อดี แล้วที่สุดมินโฮก็เลือกที่จะอยู่และทำในสิ่งที่ใจคิดอยู่ สองขาก้าวเดินไปหาคนที่ยังนอนอยู่ แล้วนั่งลงข้างๆ
“นี่ ชางมินอ่ะ ฉันรู้ว่านายไม่หลับ”
“.......................”
“แกล้งหลับอุดจมูก”
“.......................”
ขู่ก็แล้ว ก็ยังได้ความเงียบเป็นคำตอบ มินโฮจึงยกมือขึ้นแล้วบีบจมูกของชางมินไว้แน่น แล้วรอแค่เวลาให้คนที่แกล้งหลับตื่นขึ้นมาเท่านั้นและก็ไม่นานเกินรอ ชางมินปัดมือมินโฮออกก่อนจะเด้งตัวขึ้นมาแล้วรีบหายใจเข้าปอด
“ทำบ้าอะไรของนาย จะฆ่ากันรึไงห๊ะ!!”
พอได้รับอากาศเข้าไปเต็มปอดแล้ว ชางมินก็หันมาตวาดคนที่ทำอะไรรู้จักคิด แต่แล้วก็ต้องหยุดคำพูดที่จะพ่นต่อเพราะใบหน้าหวานที่คอยวนเวียนอยู่ในความคิดมาทั้งวันนั้นโน้มเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆที่ลอยออกมา
“อ่ะ ฮ..เฮ้ย นาย นายจะทำอะไรน่ะ!”
แต่สิ่งที่ทำให้ผมนิ่งค้างไปคือกลีบปากนุ่มที่ค่อยๆแนบลงมาบนปากของของผม ริมฝีปากของเราค่อยๆผละออกจากัน มินโฮจ้องหน้าผมก่อนจะขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น จนผมที่ถูกรุกอย่างไม่ทันตั้งตัวต้องขยับถอยหลังจนชนเข้ากับผนัง และสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนก็คือมินโฮที่กำลังจัดรูดซิปกางเกงของผมลง เพราะมินโฮไม่เคยทำอะไรอย่างนี้กับผมสักครั้ง รู้ตัวอีกทีมินโฮก็ก้มลงไปใช้ลิ้นโลมเลียน้องชายของผมเรียบร้อยแล้ว
“..อ อื้มม ม..มินโ ฮ”
เฮ้ยย ไม่ใช่สิ ไม่ใช่เวลามาเคลิ้มผมต้องหยุดเขาแล้วคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ผมรีบรั้งหัวกลมๆนั่นให้หยุดขยับแต่เหมือนแรงของผมมันหายไปเสียดื้อๆ เพราะฤทธิ์ของลิ้นเล็กๆที่ทั้งดูดทั้งเลียจนผมหายใจหายคอไม่ทัน สองมือที่เคยผลักกลับออกแรงกดให้ปากเล็กรับท่อนเนื้อเข้าไปให้ลึกขึ้นอีก
อาา ทำไมมินโฮเก่งแบบนี้นะหรือว่าเคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน ความคิดนี้ทำเอาผมขัดยอกในอกแต่ความรู้สึกนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อมินโฮดึงความสนใจให้มาจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เขากำลังมอบให้ผมอยู่ ลิ้นเล็กและฟันคมครูดไปกับแท่งรัก ดูดเลียและขยับขึ้นลงเร็วๆซ้ำยังขยับมือสามรูดช่วยอีกแรงทำเอาผมตาพร่าไปหมด
“อึ่ก..อาา”
แล้วสวรรค์ก็มาเยือนผมในที่สุด น้ำรักที่หลั่งออกมาถูกมินโฮกลืนลงคอไป ผมมองเขาตาปรอยสติสตังยังมาไม่ครบเท่าไหร่
“...มินโฮ”
เสียงของชางมินเรียกให้มินโฮช้อนตามองและก่อนจะได้หลบตากับอีกฝ่าย มือหนาก็เชยคางมนขึ้น ใช้มืออีกข้างเช็ดคราบน้ำรักที่ติดอยู่บนใบหน้าหวานออก สองมือหนาโอบประคองแก้มนิ่มที่ตัวเองชอบสูดดมกลิ่นหอมๆเอาไว้ แล้วโน้มหน้าเข้าไปจูบเบาๆบนริมฝีปากบาง ละออกแล้วกดจูบลงไปใหม่เคล้าคลึงให้จูบครั้งนี้ทั้งหวานและหวามไหวก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้าไปทักทายลิ้นเล็ก
ชางมินละริมฝีปากออกเมื่ออีกฝ่ายทำท่าว่าจะหายใจไม่ทัน แต่ริมฝีปากหนาก็ยังคลอเคลียอยู่ไม่ห่างแล้วลากไล้ลงตามลำคอขาว สร้างรอยรักประกาศให้รู้ว่าคนๆนี้มีชิมชางมินเป็นเจ้าของแล้วไว้ทั่ว มินโฮเริ่ดหน้าขึ้นช่วยให้ชางมินทำอะไรให้ถนัด แขนแกร่งโอบรั้งร่างบางให้นั่งคร่อมหน้าขาของเขา เพิ่มแรงรั้งให้ร่างบางแนบชิดขึ้นอีก
ขณะเดียวกันริมฝีปากก็ไม่ได้ว่างเว้นจากหน้าที่ ยังคงกดจูบลามเลียตามทางที่กระดุมเม็ดเล็กถูกปลดออก ในที่สุดกระเม็ดสุดท้ายก็หลุดออกไป เปิดทางให้ริมฝีปากและลิ้นร้อนรุกรานแผ่นอกขาวได้อย่างเต็มที่ แม้แต่ยอดสีสวยก็ถูกชางมินดูดดุนจนมันแข็งเป็นไตสู้ลิ้น ส่วนอีกข้างชางมินก็ใช้มือเค้นคลึงปรนเปรอให้อย่างไม่น้อยหน้ากัน
“อื้ออ ชางมิน~”
เสียงครางที่ชางมินชอบฟังหลุดออกมายิ่งเร่งให้อารมณ์สูงขึ้น ชางมินเลื่อนมือลงปลดกางเกงของมินโฮออก แล้วร่นมันลงและดึงออกจากขาเรียวรวดเดียวพร้อมกับชั้นในตัวบาง
แกนกายเล็กชูชันบอกอารมณ์มีหยาดน้ำใสที่ไหลออกจากส่วนปลาย ถูกมือหนาสาวรูดขึ้นลงจนคนที่ถูกกระทำเสียวแปลบปลาบไปทั่วสันหลัง น้ำขาวขุ่นไหลปริ่มออกมาทีละน้อย และเมื่อชางมินเพิ่มความเร็วในการขยับมือก็ยิ่งทำให้ร่างที่นั่งคร่อมอยู่บนตักสั่นมากขึ้น
“อื้ออ..อ๊ะ”
           มินโฮครางหนักขึ้นเมื่อชางมินสอดนิ้วเข้าไปที่ช่องทางรัก นิ้วยาวขยับเข้าออกจนรู้สึกว่าช่องทางเล็กแคบเริ่มคลายตัวนิ้วที่สองและสามจึงตามเข้าไป แล้วเริ่มขยับทันที เขารู้จักร่างกายนี้ดีว่าทำอย่างไรและตรงไหนถึงจะทำให้มินโฮรู้สึกดีจนต้องกรีดร้อง
           “อ๊าา..อ่ะ..อืมม”
           เสียงครางอื้อึงบ่งบอกถึงความพอใจและยิ่งได้ยินครางมากเท่าไหร่นิ้วทั้งสามก็ยิ่งขยับเข้าออกเร็วมากขึ้น นิ้วยาวกวาดไปทั่วผนังอุ่นนุ่มครูดเล็บเบาๆแค่นั้นช่องทางรัก็ตอบสนองกลับมาเป็นอย่างดี แรงตอดรักมีมากขึ้นจนคนทำแทบจะรอไม่ไหว แล้วคำที่ชางมินรอคอยก็ดังขึ้น
           “อาา..ช..ชางมิน พอ พอแล้ว..อื้อ เข้ามาสักที”
...เสียงสวรรค์...น้ำเสียงร้องขอหอบสะท้านเพราะความเสียวซ่านที่มี คงไม่มีใครจะปฏิเสธคำขอนั้นได้ และเขาก็จะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายรอนาน รีบถอนนิ้วออก จับแขนเรียวให้โอบรอบคอแกร่ง ก่อนจะจับส่วนแข็งขึงจ่อส่วนปลายที่ช่องทางร้อน พร้อมกันกับร่างบางกดร่างลงรับแกนกายเข้าไปจนหมด...ความคับแน่นสร้างความอึดอัดไปทั่วช่องท้อง ชางมินหยุดแช่คาไว้ให้ร่างบางได้ปรับตัว กดจูบแก้มใสเบาๆ
ชางมินที่ไม่ยอมขยับตัวเสียทีและมินโฮที่ทนความอึดอัดไม่ไหวซุกหน้ากับไหล่กว้างก่อนจะเริ่มยกตัวขึ้นลงช้าๆในทีแรก ชางมินก็ให้ความร่วมมือด้วยการสวนกระแทกสะโพกตอบกลับ และเมื่อจังหวะสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว สองร่างต่างก็บดเบียดเข้าหากันอย่างเร่าร้อน เรือนกายโยกคลอนไปตามจังหวะรักที่ทั้งคู่สร้างขึ้น ความรู้สึกสุขสมเกินบรรยาย ไม่ว่ากี่ครั้งที่ได้กกกอดร่างบางนี้ไว้ในอ้อมแขน หัวใจก็พองแน่นจนขับอก รู้สึกสุขจนเอ่อล้น
 
...เข้าใจแล้ว...เขาเข้าใจแล้ว...ว่าทำไม
 
“อ๊าาา...อึ๊กก..มะ..ไม่ไหวแล้ว..อาาา..ชางมิน...อ๊าาา”
“...อื้มม...มินโฮ...”
เสียงครางสอดประสาน เมื่อจุดหมายแห่งความสุขสมมาถึง ชางมินปลดปล่อยคราบรักเข้าไปในช่องทางคับแน่นที่ตอดขมิบรองรับหยาดหยดรักเอาไว้ เช่นเดียวกับมินโฮที่ปลดปล่อยออกมาเต็มหน้าท้องเนียนเรียบของตัวเองและหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยของชางมิน
เมื่อเพลงรักจบลงความเงียบก็มาเยือนมีเพียงเสียงหอบหายใจ แขนแกร่งกอดร่างบางแน่นขึ้นซบหน้ากับบ่าเล็ก ก่อนที่ชางมินจะเอ่ยบางอย่างออกมา
“...รู้แล้ว”
“..?!..”
“...รู้แล้ว..ว่าทำไมฉันถึงกอดนายเท่าไหร่ก็ไม่พอ”
“.......”
“...และถ้ายิ่งไม่ได้กอดไม่ได้อยู่ใกล้นาย มันก็รู้สึกว่างเปล่า...นั่นเพราะ...”
“.......”
“...ฉันไม่พอใจแค่ร่างกายของนาย...”
“.......”
“...ไม่แค่ร่างกายนายที่ฉันต้องการ แต่ฉันต้องการหัวใจของนาย...มินโฮ”
“...ชางมิน~..”
 
คำบอกเล่าที่ได้ยินทำเอามินโฮไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ไม่เคยคิดว่าชางมินจะบอกรักตัวเองแบบนี้ ดวงตากลมโตมีน้ำใสๆเอ่อคลอเพราะความดีใจ แขนเรียวกอดคอแกร่งแน่นขึ้น แรงสะอื้นน้อยๆแต่สำหรับร่างที่แนบชิดกันย่อมรับรู้มันได้เป็นอย่างดี ทำเอาชางมินใจเสีย
“...ฉันขอโทษ ที่รักนาย ทั้งๆที่...นายมีแฟนแล้ว...นายอย่าโกรธฉันเลยนะ”น้ำตาของมินโฮทำให้ชางมินคิดไปไกลว่าร่างบางโกรธที่ตนบอกรัก รีบบอกขอโทษขอโพยทันที แต่มินโฮกลับงงๆกับคำว่าแฟนที่ชางมินพูดถึงหรือว่า??
“ด...เดี๋ยวก่อนๆชางมิน ฉันไม่โกรธนายเลยนะ! แล้วแฟนนั่นหมายความว่ายังไง! ฉันยังไม่มีแฟนสักหน่อย!!”มินโฮดันไหล่หนาออกห่างตัว รีบอธิบายก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าใจอะไรผิดไปมากกว่านี้
“ยังไม่มีแฟน?!!”
“...อือ...”มินโฮพยักหน้ารับ...
“แล้ว...ผู้หญิงที่อยู่กับนายตอนนั้นล่ะ”
“ตอนไหน? ตอนเที่ยง??”มินโฮเอียงคอทำท่าน่ารักถามนิ้วจิ้มริมฝีปากเหมือนครุ่นคิด แม้จะรู้อยู่แล้วว่าชางมินหมายถึงใคร
“ใช่!!”
“..อ๋ออ...คนนั้นเอง เธอเป็นเพื่อนสนิทของฉันแต่เรียนคนละห้องกันน่ะ แล้วบ้านเรา
ก็อยู่ติดกันด้วย แต่ที่โรงเรียนเราไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ นายก็เลยไม่รู้จักมั้ง”มินโฮอธิบายยาวเยียดทำเอาชางมินอ้าปากเหวอในความคิดไปไกลของตัวเอง
“หา!!!”
“อื้ออ ^^ ทำไมนายไม่ถามฉันก่อนล่ะ”
“กะ...ก็ฉันเห็นบรรยากาศนายกับผู้หญิงคนออกจะหวานแหววขนาดนั้นก็เลย...”ชางมินอธิบายเสียงอ่อย
“คิดว่าเราเป็นแฟนกัน”มินโฮช่วยต่อให้จนจบประโยค
“อือ”
“..เฮ้ออ...นายนี่น้าา...ฉันจะไปคบกับใครได้ ก็ฉันน่ะ...รักนายนะชางมิน~”แจจุงส่ายหน้าเชิงระอา แต่ประโยคสุดท้ายที่ตามออกมา คนได้ฟังถึงกับไม่อยากเชื่อหู
“...นาย..ว่าไงนะ??”
“...ฟังให้ดีชางมิน...ฉัน-รัก-นาย...ได้ยินชัดรึยัง จุ๊บ~” เพราะร่างสูงยังเอ๋อไม่เลิกมินโฮจึงพูดช้าๆและชัดให้ยินเต็มสองหู ตบท้ายด้วยการจุ๊บปากหนาเบาๆ
“จริงหรอ?? นายรักฉันๆๆ”
ดีใจสุดๆเลยว้อย ไม่นึกไม่ฝันว่ามินโฮจะรักตัวเอง แม่ง!!นึกว่าจะอกหักตั้งแต่ยังไม่รู้ตัวซะแล้ว อารมณ์ดีใจร่างสูงจึงรั้งร่างบางเข้ามากอดอีกครั้งสุดแรง กอดให้แน่นสมกับอารมณ์ดีใจที่มี แต่คนถูกกอดกลับบ่นอุบ
“..อ๊าา..นี่ๆกอดแน่นไปแล้ว ฉันหายใจไม่ออกนะ”
“ไม่ปล่อยหรอก ฉันจะกอดนายไว้อย่างนี้ ไม่ปล่อยมือจากนายแน่นอน..มินโฮ”
“...อื้อ ^^”
“ฉันรักนายนะมินโฮ”
“ฉันก็รักนายชางมิน”
 
 
FIN.
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา