เอล คนทะลุมิติ chapter 1
เขียนโดย pong43
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.34 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 20.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
41) เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 41 รอดหรือไม่รอด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
รอดหรือไม่รอด
ย้อนไปเหตุการณ์ก่อนหน้า
เอล...
ลองก์พึมพำเมื่อรู้สึกว่าได้ยินเสียงของเอล
เสียงเจ้าเอล... แล้วร่างนี้ล่ะ
ลองก์มองร่างของเอลที่นอนอยู่ที่พื้นด้วยความตกใจ เขาคิดว่าเอลอาจหมดลมหายใจไปแล้วก็ได้ ..
“ตายไม่ได้นะเอลลลลลล” ลองก์ร้องลั่นยืนตัวสั่นด้วยความสับสน
เอลรู้ว่าลองก์ได้ยินเสียงของตนแล้ว แต่จะทำอย่างไรต่อไปล่ะ
ยังไงลองก์คงต้องแตะร่างของตนแน่
ฉับพลันลองก์ก็ตัดสินใจว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าเอลตายไปแล้วหรือยัง
เขาก้มลงเพื่อสัมผัสร่างของเอล
“อย่าทำแบบนั้นนะลองก์กกกกกกกกกกกก”
เสียงเอลดังก้องในโสตประสาทอีกครั้งทำให้เขาเปลี่ยนใจลุกขึ้นยืนเหลียวซ้ายแลขวา เสียงนั้นเปรียบเสมือนคำยืนยันว่าเอลได้ตายไปแล้ว เพราะเสียงไม่ได้ออกมาจากร่างแน่นิ่งที่พื้นนี่นา
“นายอยู่ไหน นายอยู่ไหน”
“..ฉันยังไม่อยากตายนะโว้ยไอ้บ้าล้องก์ อย่าแตะร่างฉันนะ..ไอ้บ้าออกไปจากห้องฉัน ออกไปสิโว้ย” เอลแผดเสียงอย่างสับสน เขารู้ว่าเมื่อครู่ลองก์ได้ยินเสียงของเขา
“กลัวตายด้วยเหรอ ฉันนึกว่าแกไม่กลัวตายเสียอีกเอล” จิตฮัคพูดขึ้น
“มันคนละเรื่องกันเว้ยไอ้บ้า ยังไงเสียฉันต้องรอดไปจากที่นี่ ฉันต้องรอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“มันจะแตะร่างแกแล้ว แกตายแน่ ไม่มีทางรอด ฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่า”
กลับกลายไปว่ายิ่งล้องก์ได้ยินเสียงเอลเท่าไหร่ กลับยิ่งอยากเข้าไปเขย่าเอลเสียให้รู้แล้วรู้รอดว่าตายหรือไม่ตาย
ทันใดนั้นล้องก์ก็คว้าหมับเข้าที่แขนของเอล
“ไอ้บ้า”
เอลตาเหลือกลาน ตัวแข็งตะลึงลาน ทุกสิ่งในหัวนั้นว่างเปล่า เหมือนโลกกำลังจะดับสูญลงไปตรงหน้า มือชะงักค้าง
ทำไมไม่เป็นอะไรล่ะ...
ถ้าเป็นอย่างที่วายร้ายพูดก็ต้องเกิดอะไรแล้วสิ แต่นี่ไม่เห็นมีอะไร
หรือว่าเจ้านั่นโกหก...
เขาค่อยๆ หันหน้าไปดูจอมวายร้าย
“ใครเข้ามาในห้องฉัน..”
ฮัคร้องลั่นออกมาแค่นั้นก็ถึงกับชะงักค้าง เนื้อตัวสั่นเหมือนเจ้าเข้า
“เป็นอะไรของมัน...”
เอลเห็นอาการของวายร้ายซึ่งตาเหลือกโพลง ตัวสั่นรุนแรง อ้าปากค้าง ร้องไม่มีเสียงออกมา ก่อนที่จะใช้มือลูบคลำหน้าอกและลำคอไปมาสุดท้ายก็ยกมือไขว่คว้าอากาศธาตุเหมือนคนหายใจไม่ออก
“เป็นอะไรของมัน..”
เอลยกมือจับหน้าอกตนเองบ้าง เราไม่เป็นแบบมัน…หรือว่า
“เราโดนจับแล้วนี่นา แต่ทำไมมันเป็น...”
ต้องเกิดอะไรขึ้นกับมันแน่....
“ใคร... ใคร..ทำฉัน...โอ้ย......อ๊อคคค.. ใคร..เข้าไป..ห้องของ..ฉัน.... ฉัน..จะ...ตายแล้ว..หรือนี่..เจ้านั่นนนนนนนนนนนนนนอ๊าคคคคคค” ฮัคแผดเสียงลั่นก่อนที่จะล้มลงไปกับพื้นชักตาตั้ง
พริบตานั้นร่างนั้นก็แตกกระจายคล้ายกระจกแตกกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจัดกระจายไปต่อหน้าต่อตาเอลซึ่งกำลังหอบหายใจแรงด้วยความตกใจ
“หรือว่ามีคนไปแตะมันก่อนเรา..มัน มันแพ้เราแล้วหรือนี่..ไชโยยยยยยยยยยยย”
เอลร้องลั่นด้วยความดีใจ แต่จู่ๆ เขาก็เซถลา เขายืนไม่ติดคล้ายมีลมมหาศาลกำลังจะดูดเขาจากทางด้านหลังคล้ายกำลังถูกดูดด้วยเครื่องดูดฝุ่นขนาดยักษ์ เขาเกร็งสุดตัวเพื่อต้านแรงนั้น
“ย๊าคคคคคคคคคคค มีอะไรที่น่ากลัวกว่านี้อีกมั้ยเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
ทันใดนั้นร่างของเขาก็ถูกดูดหายไปในความดำมืดของโลกลึกลับนั้น
.............................................................................................................
“ผีหลอก”
ที่ห้องพักของเอล
ล้องก์ร้องลั่นเมื่อร่างของเอลที่คว้าหมับลงไปนั้นอันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาของเขา
“อะไรกันนี่...”
เขานั่งลงไปกับพื้นห้องด้วยใจระทึก ขยี้ตาหลายรอบเพื่อมองหาว่าเพื่อนรักหายไปไหน เหงื่อไหลซิกๆ ด้วยความตกใจ
“เอลลลลลลลลล...แกหายไปไหนวะเนี่ย....”
ล้องก์ตาเหลือกลาน เขาไม่ได้ตาฝาดนี่นา เมื่อครู่เอลยังอยู่ตรงนี้แท้ๆ แต่มันไปไหนกันล่ะ
เขาสำนึกได้ว่าถูกผีหลอกเข้าให้แล้ว
“..ผีหลอกเราเหรอ...”
ล้องก์เลิ่กลั่กมองไปทั่วห้อง หวนคิดไปถึงเรื่องที่เอลมักเคลื่อนไหวรวดเร็วจนมองตามแทบไม่ทันนั้น แม้เขาเห็นมาจนชินแต่ก็สงสัยเรื่องนี้มานานแล้ว เขาถามเอลเสมอว่าทำอย่างไรทำไมชอบทำเหมือนหายตัวได้ แต่เอลไม่เคยบอกเขาว่าทำได้อย่างไร
แต่ตอนนี้นายคงไม่ได้ทำเรื่องพิสดารแบบนั้นอยู่หรอกนะ....
“หรือว่าเราตาฝาดไปเอง...”
นั่นไม่ใช่ผีเอล...ที่จริงมันไม่มีแต่แรกแล้ว…
เขาเคาะศีรษะตัวเองสองสามที พยายามนึกย้อนกลับไปดูว่าก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ เขาไปทำอะไรมา
“แค่แอบซดเบียร์กระป๋องที่พ่อเปิดทิ้งไว้นิดหน่อย..ไม่น่าจะทำให้เบลอได้ขนาดนี้เลยนี่นา...ตาฝาดไปเองมากกว่า.. ห้องนี้ก็มืดด้วย เลยคิดไปเองว่าเอลนอนอยู่”
ล้องก์ยกมือตบท้ายทอยตนเองสองสามทีก่อนที่ตัดสินใจกลับบ้าน
“กลับก่อนดีกว่า...เดี๋ยวเจ้านั่นก็โทรไปหาเราเองแหละ”
ล้องก์ปิดไฟและล๊อคห้องกลับบ้านไปอย่างงงๆ
……………………………………………
เอลรู้สึกตัว แต่กลับพบว่าตนเองถูกดูดมายังสถานที่หนึ่ง
แม้ว่าเขาจะชนะฮัคแล้วแต่กลับพบว่าตนเองยังคงนอนอยู่ที่ใดที่หนึ่งซึ่งมืดมนอนธกาลยิ่งกว่าเมื่อครู่เป็นไหนๆ
“เจ้าบ้านั่นคงตายไปแล้ว..มันโดนอะไรเล่นงานเข้าเหรอ...มันแพ้เราแล้ว แต่ทำไมเราออกไปจากที่นี่ไม่ได้ล่ะ ทำไมจิตเราไม่กลับคืนร่างที่ห้องล่ะ”
แล้วนี่เรามาอยู่ที่ไหนกันล่ะ
เขาพยายามมองหาแสงสว่างในที่มืดมิด ถ้าพบก็น่าจะหาทางออกได้
เราอาจจะอยู่ในห้องก็ได้ เพียงแต่เรามองไม่เห็นเท่านั้น..
แต่ถ้าเรายังอยู่ในแดนมรณะของเจ้านั่นล่ะ....
เอลเพิ่งสำนึกได้ว่าเขาน่าจะยังอยู่ในแดนมรณะที่ว่านั้นมากกว่า ไม่เช่นนั้นคงกลับเข้าร่างได้แล้ว
จะออกไปจากที่นี่ได้ยังไงกัน...
เอลพึมพำด้วยความกลัว
“เจ้านั่นอาจจะตายไปแล้ว แต่เราจะออกไปได้ยังไงกัน หรือว่าต้องท่องมนตรานั่นอีกครั้ง ให้ตายสิ เราจำไม่ได้แล้วด้วย”
หรือว่า...เราจะต้องอยู่ในนี้จนตาย...
คิดแล้วก็ให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที
..................................................................................................................................
เวลาผ่านไปนานมากแล้ว
เอลนั่งคิดเรื่อยเปื่อยจนเหนื่อยอ่อนและฟุบหลับไปเพราะความเหนื่อยล้ามาสองรอบแล้ว จนเมื่อเขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“ทำไมเพลียแบบนี้นะ…”
“ต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้... มันต้องมีทางออกสิน่า”
มนตราสำหรับการออกไปจากแดนมรณะอาจจะไม่จำเป็น มันเป็นเรื่องที่เจ้านั่นกุขึ้น อาจจะมีทางอื่นก็ได้ ต้องหาทางอื่น
เอลรวบรวมกำลังทั้งหมดหลับหูหลับตาวิ่งฝ่าความมืดไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต การวิ่งฝ่าเข้าไปในความมืดซึ่งไร้แสงสว่างนั้นทำให้ความคิดต่างๆพรั่งพรูออกจากสมองที่สับสน
เราจะพิสูจน์ให้ได้ว่า พวกเดียวกันไม่จำเป็นต้องห้ำหั่นฆ่าฟันกันแบบนี้.. กฎเหนือโลกบ้าบอนั่นไม่ใช่ความจริงมันเป็นความคิดของเจ้าเอ็ทคนเดียวแต่เที่ยวปั่นหูให้เราเชื่อ เราไม่ยอมให้ชีวิตเราขึ้นอยู่กับกฎบ้านั่นเด็ดขาด...เราไม่ยอมมมมมมมมมมมมมม
ความคิดแว่บหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจ
อาจจะมีพวกเดียวกันที่เป็นคนดีก็ได้นะ
เขารู้สึกถึงพลังที่อยู่ไกลๆ
พลังนั้นเป็นมิตรนี่นา...
จะมีบางคนมาช่วยเรา...เราสัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้...
เอลคิดว่าสัมผัสนั้นคือพวกเหนือมนุษย์ที่เป็นมิตร
เหมือนอยู่ใกล้ๆ นี่นา...
เอลยังคงวิ่งเขามองไปรอบๆตัว ก็ไม่พบอะไร
…อย่าให้เป็นพวกเลวๆแบบสองตัวนั่นเลยนะ ให้ตายสิ....
เอลวิ่งต่อไปด้วยความหวังว่าจะพบทางออกและมีคนมาช่วย แต่ลึกๆ กลับมีแต่ความสิ้นหวังแทรกเข้ามาตลอดเวลา
“เราจะต้องตายอยู่ในนี้หรือนี่...เราอาจจะกลายเป็นหลงทางพวกนั้นก็ได้ พระเจ้าช่วย”
ที่สุดเขาก็หมดแรงจะวิ่งต่อและล้มกลิ้งลงไปนอนหงายแผ่ที่พื้นอันมืดสนิทนั้น และหลับไปโดยไม่รู้สึกตัว
จิตของเขากำลังย่ำแย่และหมดสมาธิ
เวลาผ่านไป
จู่ๆเอลก็ตื่นขึ้นมาอีก เขายันกายลุกขึ้นนั่ง
นี่เราหลับไปนานแค่ไหนกันนี่...
เอลรู้ว่าร่างกายแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงเหลือสักนิด จะลุกขึ้นเดินและวิ่งแบบเมื่อครู่ก็คงทำไม่ได้แล้ว
“คงเป็นเพราะจิตแยกออกจากร่างนานเกินไป ทำให้ร่างกายอ่อนแรงแบบนี้..หากเราไม่รีบกลับไป มีหวังตายแน่ๆ เราจะไม่ยอมหลงทางเด็ดขาด เราจะต้องกลับคืนให้ได้”
นี่มันเวลาอะไรกันแล้วนี่...
แล้วร่างเราที่บ้านล่ะ.. ถ้าเจ้าล้องก์คิดว่าเราตายไปแล้วล่ะ...อย่าเป็นแบบนั้นนะ..
แต่เอลกลับคิดว่าล้องก์อาจไม่เห็นร่างของเขาก็ได้ ป่านนี้อาจจะกลับบ้านไปแล้วก็ได้
ฮัค เฟนดีล่ะ
เอลคิดว่าถ้าเป็นไปตามเกมที่ฮัคพูดจริงๆ ฮัคน่าจะถูกใครแตะร่างก่อนและจิตของมันสูญสลายไปแล้ว
สมน้ำหน้า...
เขาเริ่มปลงกับชะตากรรมของพวกเหนือมนุษย์แล้ว
หรือว่ากฎที่ว่ามีจริง.....
ยอมรับกฎเหนือโลกซะ.... คำพูดของเอ็ทยังก้องหู
ถ้ายอมรับมันแล้วจะเป็นอะไรนะ...
ถึงตรงนี้เขากลับจำไม่ได้ว่าเอ็ทพูดอะไรต่อ เขานั่งเหยียดขาที่พื้นและคิดว่า
ใครกันนะที่แตะร่างเจ้านั่น...จะขอบใจหรือต่อว่าดีนะ...
เอลคิดว่าถ้าฮัคไม่ตายเขาอาจยังมีทางออกไปจากที่นี่ได้ แต่ถ้ามันตายไปแล้ว เขาอาจจะถูกกักขังไว้ในนี้จนตายไป หรือไม่มีทางออกจากที่นี่แล้วจริงๆ
“ฉันไม่ยอมตาย ไม่ว่ายังไง ฉันไม่ยอมตายที่นี่หรอกน่า….”
เอลรู้สึกสับสนถึงขีดสุด เขาเองก็กลัวความตายอยู่เหมือนกันนะ เขายังไม่มีเมีย ยังไม่ได้ทำอะไรอีกตั้งเยอะ จะให้มาตายแบบนี้ เขาไม่ยอมหรอกนะ
“ฉันไม่ยอมตายยยยยยยยยยยยยยยย.......ฉันไม่ยอมตายแบบนี้เด็ดขาด”
เอลส่งเสียงร้องลั่นเหมือนคนคลุ้มคลั่ง
น้ำตาไหลพรากเป็นทางยาว เกิดมาไม่เคยสิ้นหวังแบบนี้มาก่อน
แต่ไม่ว่าจะร้องอย่างไร ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงของเขา
..................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ