เอล คนทะลุมิติ chapter 1
-
เขียนโดย pong43
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.34 น.
48 ตอน
0 วิจารณ์
56.26K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 20.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
16) เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 16
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเขาคือใคร
เรือนจำกลางแห่งเมืองเกรนาด้า…
ภาพนั้นปรากฏขึ้นเหมือนเทปบันทึกภาพ ที่น่าอัศจรรย์คือเขาสามารถออกคำสั่งกับสายตานั้นได้
นี่คืออะไรกัน พลังอำนาจอะไรกัน...
เขามั่นใจว่านั่นคือภาพจากสายตาของเขา ภาพที่มองจากลูกตาของเขาในอดีต แต่นั่นอาจไม่ใช่มาจากการมองของลูกตาคู่นี้ เขาก้มมองดูเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ เขาใส่เสื้อแขนยาวสีฟ้าตัวหนึ่ง
เขาเพิ่งนึกได้ว่าคงเดินเข้าไปเยี่ยมใครในเรือนจำอย่างแน่นอน
ภาพในสมองเคลื่อนไหวของมันต่อไป ตรงหน้ามีรถเก๋งสีดำคันใหญ่มาจอด ประตูหน้าด้านคนนั่งเปิดออก กระจกอัตโนมัติเลื่อนลงเล็กน้อย เสียงหนึ่งดังออกมาจากในรถ
“เข้ามาสิ”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ในที่นั่งคนขับรถเรียกให้เขาเข้าไปนั่ง
ชายหนุ่มซึ่งยังคงปิดมือไว้กับใบหน้าแปลกใจว่า ทำไมคราวนี้เขาได้ยินเสียงชัดเลยล่ะ เขารู้สึกว่าเสียงนั้นเหมือนมีมนตรา มันทำให้เขาเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย สายตานั้นลดต่ำลงมองไปที่เจ้าของเสียงในรถ
เป็นผู้หญิงจริงๆ ผู้หญิงสวมแว่นตาดำ...
จู่ๆ สายตานั้นก็หันมองไปที่รถมินิคันหนึ่งซึ่งจอดอยู่ในช่องจอดรถยนต์ใกล้ๆ เหมือนจะรู้สึกว่ามันอาจจะเป็นรถของเขา
“เข้ามาสิ จะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟังเอง” หญิงสาวพูดต่อ
จู่ๆ ภาพนั้นก็วูบไป และเริ่มขึ้นใหม่ เขาพบว่าสายตานั้นกำลังจ้องใบหน้าหญิงสาวนั้นอยู่ เขาอยู่ในรถยนต์แล้ว สายตายังจับจ้องใบหน้านั้นไม่มองไปทางอื่น หญิงสาวใส่แว่นกันแดดดำปกปิดหน้าตาเอาไว้ ใบหน้าที่ได้รูปทาปากสีแดงเข้มน่ากลัว เขียนคิ้วโก่งงามสง่า เขารู้สึกว่าเธอคงเป็นคนสวยมากคนหนึ่ง
“หยุดจ้องได้แล้วพ่อรูปหล่อ”
เวลานั้นเขารู้สึกว่าเสียงของหญิงสาวเหมือนมีมนต์สะกดทำให้เขาเคลิบเคลิ้มได้ เขามองเห็นเงาของตนเองในแว่นตาสีดำนั้น
ใบหน้าของเรา...
เงานั้นแม้จะเลือนลางแต่ก็มองออกได้ว่าเป็นใบหน้าของร่างนี้ ทำให้เขามั่นใจว่าสายตาคู่นี้คือสายตาของเขาเอง
หญิงสาวชุดดำพูดกับเขาขณะที่กำลังหมุนพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวรถออกสู่ถนนใหญ่สายหนึ่ง
“ยินดีต้อนรับร่างใหม่ นายท่านสั่งว่าให้นายลืมเลือนเรื่องทั้งหมดสักพักหนึ่ง”
หล่อนพูดพลางยื่นมือมาปิดสายตาของชายหนุ่มซึ่งหมายความว่ากำลังใช้มือปิดหน้าของเขาอยู่ ชายหนุ่มรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกอันประหลาดที่แผ่ซ่านออกมาจากมือนั้น
“อ๊อคคคคคค”
แล้วภาพทั้งหมดก็สลายหายวับไป ชายหนุ่มกดมือปิดหน้าหวังจะเห็นภาพนั้นต่อไป เกรงว่าถ้าปล่อยมือออกจะไม่ได้เห็นภาพเหล่านั้นอีก
ที่สุดก็ไม่มีภาพนั้นอีก ภาพพวกนั้นหายไป เขาถึงกับใจหายวาบ
เขายังอยากดูภาพเหตุการณ์นั้นต่อ เกิดคำถามขึ้นในใจอีกมากมาย
ผู้หญิงชุดดำคนนั้นอาจจะพาเขามาที่นี่...บ้านนี้อาจจะเป็นบ้านของเธอ
ชายแก่ในรูปนั่นล่ะ..
หรือว่าหญิงชุดดำคือหญิงสาวในรูป...ไม่ใช่หรอกไม่เห็นเหมือนเลยสักนิด..เราคงเป็นชายที่เขาพูดถึงในจดหมายนั่น...
ดวงตาของชายหนุ่มเลื่อนลอยเสมือนคนที่ตกอยู่ในโลกแห่งความวิตกกังวลก็ไม่ปาน หลังจากนั่งกุมศีรษะด้วยความเครียดอยู่สักพัก เขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ขึ้นมายืนอีกครั้ง
“ต้องรู้ให้ได้ว่าฉันคือใคร ต้องรู้ให้ได้...”
ชายหนุ่มกำมือแน่นเมื่อมองหน้าตนเองในกระจกที่โต๊ะข้างๆทีวีจอใหญ่ เขามองใบหน้านั้นอยู่นาน ใบหน้าคมเข้มตัดกับแสงไฟสลัวๆในบ้านชวนให้ชายหนุ่มเกิดความรู้สึกประหลาดๆ เขาคิดด้วยความประหลาดใจว่า นี่คือใบหน้าของฉันหรือ..
ชายหนุ่มมือไม้สั่นเอื้อมมือไปลูบที่กระจก
ใบหน้าที่เราเห็นจากสายตานั่นก็คือใบหน้านี้ แต่ทำไมเราถึงไม่เชื่อว่าเราคือคนในกระจกนี้ล่ะ ..
เขาเกิดความคิดว่านี่อาจจะไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงของเขาก็ได้
ถ้านี่ไม่ใช่หน้าของเรา..แล้วคนในกระจกนี่เป็นใครล่ะ
“จะบ้าไปแล้ว...”
มือของเขาสั่นมากยิ่งขึ้น
ฉันไม่ใช่หน้าตาแบบนี้นี่นา…
ชายหนุ่มปล่อยมือยันร่างของตนกับโต๊ะก้มหน้าด้วยความท้อแท้อีกครั้ง
นี่ฉันบ้าไปแล้วหรือนี่..
แต่ยังไงก็จะท้อแท้ไม่ได้...
ชายหนุ่มรวบรวมกำลังใจแน่วแน่ว่าจะต้องรู้ให้ได้ว่าตนเองคือใคร...
.................................................................................................................................
ที่สุด วันนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้อะไรไปมากกว่านั้น
หลายชั่วโมงที่เขาหวังว่าจะมีใครสักคนกลับมาที่นี่ แต่ก็เปล่าประโยชน์ไม่มีใครกลับมา ไม่มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา เขาแอบมองดูคนเดินผ่านริมถนนหน้าบ้าน แอบมองความเคลื่อนไหวรอบๆบ้านจากหน้าต่างบ้านที่มีอยู่ทั้งสี่ด้าน ไม่ว่าเขาจะพยายามนึกอย่างไรก็จำไม่ได้ว่าสถานที่ที่เขาเห็นรอบๆบ้านหลังนี้อยู่ที่ใดในเมือง เขาอยู่ในเมืองเกรนาด้าหรือที่ใด มองไปไกลก็พบชุมชนเล็กๆ มีตลาดสดและมีผู้คนเดินกันขวักไขว่
จำไม่ได้..... สมองของเราเป็นอะไรถึงจำอะไรไม่ได้เลย... เราไม่ควรจะออกไปเดินเพ่นพล่านในตอนนี้ ต้องอยู่แต่ในนี้เท่านั้น...ใกล้จะเย็นแล้ว
เขาขึ้นๆลงๆ ไปมาเพื่อดูบรรยากาศรอบๆบ้าน ที่สุดความอ่อนเพลียก็ทำให้เขาหลับอย่างลืมตัวในห้องนอนที่เขาตื่นขึ้นมาเมื่อเช้านี้ ขณะที่กำลังสลืมสลือจะหลับ ชายหนุ่มอยากให้ทุกอย่างเป็นแค่เพียงความฝัน ตื่นขึ้นมาก็น่าจะจดจำได้แล้วตนเองเป็นใคร
เขาย่อมไม่รู้ถึงเหตุการณ์เมื่อสามสี่วันที่แล้วที่เรือนจำกลาง เขาคือชายผู้ซึ่งเดินทางเข้าไปยังเรือนจำกลางเพื่อเข้าไปเยี่ยมใครบางคนในนั้น
นักโทษประหารคนนั้น
ลีโอ บัสโซ่
เขาคือชายหนุ่มผู้ซึ่งไปเยี่ยมลีโอในเรือนจำกลางแห่งเกรนาด้านั้น
แต่เขากลับจำอะไรไม่ได้สักนิด เรื่องของตนเองยังจำไม่ได้ แล้วเรื่องของลีโอจะไปจำได้อย่างไร
เขายังหลับอยู่ แต่ริมฝีปากของเขาเผยอขึ้นพึมพำเหมือนละเมอ
ลี...
โอ...
ลีโอ...
เขารู้สึกตัวตื่นขึ้น เขาฝันเห็นชายหน้าตาเต็มไปด้วยหนวดเครารุงรังไม่โกนนั่งอยู่ตรงหน้า เขาคุ้นหน้าและชื่อของลีโออย่างมาก
คนที่เราไปหาที่เรือนจำคือลีโอ...แต่ว่า...
แต่ทำไมเขาถึงกลับรู้สึกว่าเขานั่นแหล่ะที่ชื่อลีโอ
เขายกมือเคาะศีรษะอีกครั้ง จะเคาะเพื่อเอาความทรงจำออกมา
เขาจะเป็นลีโอได้อย่างไร..
หากเขาได้รับรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงซึ่งทำให้ความทรงจำของเขาสูญหายไป จิตใจซึ่งบอบบางลงทุกขณะจิตคงระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆเป็นแน่แท้
ลีโอ..ลีโอเท่านั้นที่จะอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้ได้...
ลีโอคนนั้นคงอยู่ในเรือนจำนั้นเป็นแน่ ภาพนิมิตที่เห็นทั้งหมดคงมีช่วงเวลาซึ่งไม่น่าจะห่างไกลจากเวลาในขณะนี้
...............................................................................................................
เรือนจำกลางแห่งเมืองเกรนาด้า…
ภาพนั้นปรากฏขึ้นเหมือนเทปบันทึกภาพ ที่น่าอัศจรรย์คือเขาสามารถออกคำสั่งกับสายตานั้นได้
นี่คืออะไรกัน พลังอำนาจอะไรกัน...
เขามั่นใจว่านั่นคือภาพจากสายตาของเขา ภาพที่มองจากลูกตาของเขาในอดีต แต่นั่นอาจไม่ใช่มาจากการมองของลูกตาคู่นี้ เขาก้มมองดูเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ เขาใส่เสื้อแขนยาวสีฟ้าตัวหนึ่ง
เขาเพิ่งนึกได้ว่าคงเดินเข้าไปเยี่ยมใครในเรือนจำอย่างแน่นอน
ภาพในสมองเคลื่อนไหวของมันต่อไป ตรงหน้ามีรถเก๋งสีดำคันใหญ่มาจอด ประตูหน้าด้านคนนั่งเปิดออก กระจกอัตโนมัติเลื่อนลงเล็กน้อย เสียงหนึ่งดังออกมาจากในรถ
“เข้ามาสิ”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ในที่นั่งคนขับรถเรียกให้เขาเข้าไปนั่ง
ชายหนุ่มซึ่งยังคงปิดมือไว้กับใบหน้าแปลกใจว่า ทำไมคราวนี้เขาได้ยินเสียงชัดเลยล่ะ เขารู้สึกว่าเสียงนั้นเหมือนมีมนตรา มันทำให้เขาเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย สายตานั้นลดต่ำลงมองไปที่เจ้าของเสียงในรถ
เป็นผู้หญิงจริงๆ ผู้หญิงสวมแว่นตาดำ...
จู่ๆ สายตานั้นก็หันมองไปที่รถมินิคันหนึ่งซึ่งจอดอยู่ในช่องจอดรถยนต์ใกล้ๆ เหมือนจะรู้สึกว่ามันอาจจะเป็นรถของเขา
“เข้ามาสิ จะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟังเอง” หญิงสาวพูดต่อ
จู่ๆ ภาพนั้นก็วูบไป และเริ่มขึ้นใหม่ เขาพบว่าสายตานั้นกำลังจ้องใบหน้าหญิงสาวนั้นอยู่ เขาอยู่ในรถยนต์แล้ว สายตายังจับจ้องใบหน้านั้นไม่มองไปทางอื่น หญิงสาวใส่แว่นกันแดดดำปกปิดหน้าตาเอาไว้ ใบหน้าที่ได้รูปทาปากสีแดงเข้มน่ากลัว เขียนคิ้วโก่งงามสง่า เขารู้สึกว่าเธอคงเป็นคนสวยมากคนหนึ่ง
“หยุดจ้องได้แล้วพ่อรูปหล่อ”
เวลานั้นเขารู้สึกว่าเสียงของหญิงสาวเหมือนมีมนต์สะกดทำให้เขาเคลิบเคลิ้มได้ เขามองเห็นเงาของตนเองในแว่นตาสีดำนั้น
ใบหน้าของเรา...
เงานั้นแม้จะเลือนลางแต่ก็มองออกได้ว่าเป็นใบหน้าของร่างนี้ ทำให้เขามั่นใจว่าสายตาคู่นี้คือสายตาของเขาเอง
หญิงสาวชุดดำพูดกับเขาขณะที่กำลังหมุนพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวรถออกสู่ถนนใหญ่สายหนึ่ง
“ยินดีต้อนรับร่างใหม่ นายท่านสั่งว่าให้นายลืมเลือนเรื่องทั้งหมดสักพักหนึ่ง”
หล่อนพูดพลางยื่นมือมาปิดสายตาของชายหนุ่มซึ่งหมายความว่ากำลังใช้มือปิดหน้าของเขาอยู่ ชายหนุ่มรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกอันประหลาดที่แผ่ซ่านออกมาจากมือนั้น
“อ๊อคคคคคค”
แล้วภาพทั้งหมดก็สลายหายวับไป ชายหนุ่มกดมือปิดหน้าหวังจะเห็นภาพนั้นต่อไป เกรงว่าถ้าปล่อยมือออกจะไม่ได้เห็นภาพเหล่านั้นอีก
ที่สุดก็ไม่มีภาพนั้นอีก ภาพพวกนั้นหายไป เขาถึงกับใจหายวาบ
เขายังอยากดูภาพเหตุการณ์นั้นต่อ เกิดคำถามขึ้นในใจอีกมากมาย
ผู้หญิงชุดดำคนนั้นอาจจะพาเขามาที่นี่...บ้านนี้อาจจะเป็นบ้านของเธอ
ชายแก่ในรูปนั่นล่ะ..
หรือว่าหญิงชุดดำคือหญิงสาวในรูป...ไม่ใช่หรอกไม่เห็นเหมือนเลยสักนิด..เราคงเป็นชายที่เขาพูดถึงในจดหมายนั่น...
ดวงตาของชายหนุ่มเลื่อนลอยเสมือนคนที่ตกอยู่ในโลกแห่งความวิตกกังวลก็ไม่ปาน หลังจากนั่งกุมศีรษะด้วยความเครียดอยู่สักพัก เขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ขึ้นมายืนอีกครั้ง
“ต้องรู้ให้ได้ว่าฉันคือใคร ต้องรู้ให้ได้...”
ชายหนุ่มกำมือแน่นเมื่อมองหน้าตนเองในกระจกที่โต๊ะข้างๆทีวีจอใหญ่ เขามองใบหน้านั้นอยู่นาน ใบหน้าคมเข้มตัดกับแสงไฟสลัวๆในบ้านชวนให้ชายหนุ่มเกิดความรู้สึกประหลาดๆ เขาคิดด้วยความประหลาดใจว่า นี่คือใบหน้าของฉันหรือ..
ชายหนุ่มมือไม้สั่นเอื้อมมือไปลูบที่กระจก
ใบหน้าที่เราเห็นจากสายตานั่นก็คือใบหน้านี้ แต่ทำไมเราถึงไม่เชื่อว่าเราคือคนในกระจกนี้ล่ะ ..
เขาเกิดความคิดว่านี่อาจจะไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงของเขาก็ได้
ถ้านี่ไม่ใช่หน้าของเรา..แล้วคนในกระจกนี่เป็นใครล่ะ
“จะบ้าไปแล้ว...”
มือของเขาสั่นมากยิ่งขึ้น
ฉันไม่ใช่หน้าตาแบบนี้นี่นา…
ชายหนุ่มปล่อยมือยันร่างของตนกับโต๊ะก้มหน้าด้วยความท้อแท้อีกครั้ง
นี่ฉันบ้าไปแล้วหรือนี่..
แต่ยังไงก็จะท้อแท้ไม่ได้...
ชายหนุ่มรวบรวมกำลังใจแน่วแน่ว่าจะต้องรู้ให้ได้ว่าตนเองคือใคร...
.................................................................................................................................
ที่สุด วันนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้อะไรไปมากกว่านั้น
หลายชั่วโมงที่เขาหวังว่าจะมีใครสักคนกลับมาที่นี่ แต่ก็เปล่าประโยชน์ไม่มีใครกลับมา ไม่มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา เขาแอบมองดูคนเดินผ่านริมถนนหน้าบ้าน แอบมองความเคลื่อนไหวรอบๆบ้านจากหน้าต่างบ้านที่มีอยู่ทั้งสี่ด้าน ไม่ว่าเขาจะพยายามนึกอย่างไรก็จำไม่ได้ว่าสถานที่ที่เขาเห็นรอบๆบ้านหลังนี้อยู่ที่ใดในเมือง เขาอยู่ในเมืองเกรนาด้าหรือที่ใด มองไปไกลก็พบชุมชนเล็กๆ มีตลาดสดและมีผู้คนเดินกันขวักไขว่
จำไม่ได้..... สมองของเราเป็นอะไรถึงจำอะไรไม่ได้เลย... เราไม่ควรจะออกไปเดินเพ่นพล่านในตอนนี้ ต้องอยู่แต่ในนี้เท่านั้น...ใกล้จะเย็นแล้ว
เขาขึ้นๆลงๆ ไปมาเพื่อดูบรรยากาศรอบๆบ้าน ที่สุดความอ่อนเพลียก็ทำให้เขาหลับอย่างลืมตัวในห้องนอนที่เขาตื่นขึ้นมาเมื่อเช้านี้ ขณะที่กำลังสลืมสลือจะหลับ ชายหนุ่มอยากให้ทุกอย่างเป็นแค่เพียงความฝัน ตื่นขึ้นมาก็น่าจะจดจำได้แล้วตนเองเป็นใคร
เขาย่อมไม่รู้ถึงเหตุการณ์เมื่อสามสี่วันที่แล้วที่เรือนจำกลาง เขาคือชายผู้ซึ่งเดินทางเข้าไปยังเรือนจำกลางเพื่อเข้าไปเยี่ยมใครบางคนในนั้น
นักโทษประหารคนนั้น
ลีโอ บัสโซ่
เขาคือชายหนุ่มผู้ซึ่งไปเยี่ยมลีโอในเรือนจำกลางแห่งเกรนาด้านั้น
แต่เขากลับจำอะไรไม่ได้สักนิด เรื่องของตนเองยังจำไม่ได้ แล้วเรื่องของลีโอจะไปจำได้อย่างไร
เขายังหลับอยู่ แต่ริมฝีปากของเขาเผยอขึ้นพึมพำเหมือนละเมอ
ลี...
โอ...
ลีโอ...
เขารู้สึกตัวตื่นขึ้น เขาฝันเห็นชายหน้าตาเต็มไปด้วยหนวดเครารุงรังไม่โกนนั่งอยู่ตรงหน้า เขาคุ้นหน้าและชื่อของลีโออย่างมาก
คนที่เราไปหาที่เรือนจำคือลีโอ...แต่ว่า...
แต่ทำไมเขาถึงกลับรู้สึกว่าเขานั่นแหล่ะที่ชื่อลีโอ
เขายกมือเคาะศีรษะอีกครั้ง จะเคาะเพื่อเอาความทรงจำออกมา
เขาจะเป็นลีโอได้อย่างไร..
หากเขาได้รับรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงซึ่งทำให้ความทรงจำของเขาสูญหายไป จิตใจซึ่งบอบบางลงทุกขณะจิตคงระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆเป็นแน่แท้
ลีโอ..ลีโอเท่านั้นที่จะอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้ได้...
ลีโอคนนั้นคงอยู่ในเรือนจำนั้นเป็นแน่ ภาพนิมิตที่เห็นทั้งหมดคงมีช่วงเวลาซึ่งไม่น่าจะห่างไกลจากเวลาในขณะนี้
...............................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ