เอล คนทะลุมิติ chapter 1
เขียนโดย pong43
วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.34 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556 20.29 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
17) เอล คนทะลุมิติ ตอนที่ 17
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความที่หน้าเรือนจำ
หลายคืนต่อมา
เวลาประมาณหนึ่งทุ่มตรง
ชายหนุ่มผู้สูญเสียความทรงจำได้มาอยู่ท่ามกลางการชุมนุมของผู้คนนับร้อยที่หน้าเรือนจำกลาง คืนนี้มีผู้คนมากหน้าหลายตาพากันมาชุมนุมกันเต็มลานหญ้าหน้าเรือนจำ
ชายหนุ่มเดินไปรอบๆบริเวณนั้นกวาดสายตาหาใครบางคนที่ตนเองอาจจะรู้จัก
เมื่อเช้านี้ขณะนั่งดูทีวีที่บ้านมีการเสนอข่าวของลีโอและการชุมนุมที่หน้าเรือนจำ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจออกมาจากบ้านหลังนั้นมาที่นี่เพราะคิดว่าที่นี่น่าจะมีหลักฐานบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาอยู่เป็นแน่
ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มพยายามเดินเบียดเสียดเข้าไปในกลุ่มฝูงชนไปจนใกล้ถึงสุดทางที่ทางเจ้าหน้าที่ห้ามไว้เขายืนพิงรั้วกั้นมองไปที่หน้าประตูเรือนจำอันแข็งแกร่งนั้น เจ้าหน้าที่ในชุดปฏิบัติการรัดกุมใส่หมวกกันน๊อคถือไม้กระบองและโล่เตรียมพร้อมรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ชายหนุ่มคิดในใจว่าทำไมต้องแต่งตัวแบบนี้ พวกชุมนุมดูแล้วไม่น่าจะก่อเหตุเลยสักนิด เขามองไปรอบๆบริเวณแต่ก็ไม่สามารถรื้อฟื้นความทรงจำได้
จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าบริเวณนั้นไม่ค่อยมีอากาศหายใจ และนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเขายังคงอิดโรยและไม่ได้ทานอาหารมาตั้งแต่เที่ยง เขาเดินแหวกฝูงชนเพื่อออกไปจากบริเวณนั้น แต่กลับไปสะดุดขาของใครบางคนล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าที่พื้นสนามหญ้า ความอิดโรยทำให้ชายหนุ่มไม่มีแรงจะลุกขึ้นได้
มีมือหนึ่งยื่นมาช่วยดึงเขาให้ลุกขึ้นยืน
“ขอบคุณครับ”
“คุณไม่สบายหรือเปล่าครับ” เด็กหนุ่มคนหนึ่งช่วยประคองเขาให้ลุกขึ้น และสังเกตุเห็นอาการอิดโรยของเขา จึงถามดูแต่เขากลับปฏิเสธและเดินจากไป
เด็กหนุ่มคือเอลนั่นเอง
เอลหันกลับไปให้ความสนใจกับกลุ่มผู้คัดค้านการประหารชีวิตที่จัดเวทีเล็กๆขึ้นกล่าวปราศรัยกัน เสียงร้องขอให้ยกเลิกการประหารชีวิตของเหล่าสาวกลีโอก็ดังขึ้นเป็นระยะ เขายกกล้องวีดีโอคู่ใจเดินเก็บภาพไปเรื่อยๆ
เขาเห็นชายหนุ่มนั้นโซซัดโซเซไปตามทางทำให้อดไม่ได้ที่จะเดินตามไปช่วยแต่แล้วเสียงโห่ของผู้ชุมนุมคัดค้านก็ดังขึ้นเมื่อคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งนัดชุมนุมต่อต้านกลุ่มคัดค้านนี้กำลังเคลื่อนตัวมายังบริเวณนั้น โดยที่กลุ่มผู้ชุมนุมอีกกลุ่มนั้นคือกลุ่มสนับสนุนให้มีการลงโทษประหารชีวิตลีโอ คนกลุ่มนี้มีประมาณสามสิบคน
อะไรกัน ม๊อบชนม๊อบหรือนี่
ความสับสนวุ่นวายเกิดขึ้นเมื่อมีการด่าทอกันเกิดขึ้นระหว่างสองกลุ่มจนขนาดมีการขว้างปาสิ่งของใส่กัน ทำให้ตำรวจที่คอยเฝ้าดูแลความสงบต้องออกมาห้ามปราบ
เอลยกกล้องขึ้นถ่ายในมุมสูงเพื่อเก็บภาพเหตุการณ์ต่างๆ แต่ทันใดนั้นความรู้สึกประหลาดก็เกิดขึ้น
สัมผัสของเรา.. สัมผัสวิญญาณ...
ทันใดนั้นบรรยากาศรอบข้างที่มีผู้คนเบียดเสียดกันอยู่ก็กลายเป็นบรรยากาศอีกแบบ เหมือนโลกมีอยู่แค่เขากับใครอีกไม่กี่คนเท่านั้น และใครคนที่ว่ากำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็ว
สัมผัสวิญญาณรุนแรง อะไรกำลังมา….
เอลรีบเก็บกล้องเข้ากระเป๋าเสื้อคลุม ขณะที่ ชายผู้หนึ่งซึ่งมีหนวดเครารุงรังและเสื้อผ้ามอมแมมวิ่งมาหยุดที่ตรงหน้าเขาและยื่นมือมาจับแขนของเขาทั้งสองข้างไว้แน่น
“แกคือผู้เห็นวิญญาณ แกต้องช่วยฉันแกต้องช่วยฉันนะ...”
เอลพยายามแกะมือของชายนั้นออก
“ปล่อยนะ...” ยิ่งพยายามแกะมือ ชายผู้นั้นยิ่งจับแน่นไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยนะ ปล่อยนะ...”
จู่ๆ เขาก็สังเกตุเห็นความผิดปกติของชายแปลกหน้า ผู้หญิงสองสามคนเดินเบียดเสียดผ่านร่างชายแปลกหน้าเหมือนเดินทะลุไปหน้าตาเฉย
ชายแปลกหน้าเหมือนร่างโปร่งใส เอลรู้ทันทีว่านั่นคือจิต
“จืตมนุษย์หรือนี่...”
“ใช่ ฉันเป็นจิตที่ตายไปแล้วไง ฉันจำได้ว่าฉันเคยอยู่ในนั้น”
จิตนั้นชี้ไปที่เรือนจำกลาง
“เคยอยู่ในนั้นเหรอ” เอลถามอย่างไม่เชื่อหู
“ใช่ คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเป็นนักโทษในนั้น”
เอลฟังจิตนั้นพูดอะไรมากมายแต่เขาไม่ได้สนใจมากกว่าสัมผัสที่กำลังมาหาเขานั้นกลับรุนแรงยิ่งขึ้น
จิตนั้นอาจจะเป็นนักโทษคนหนึ่งซึ่งตายลงในเรือนจำ สีหน้าและท่าทางก็เหมือนจิตของพวกหลงทางคนอื่นๆ
“ช่วยฉันด้วยนะ มีพลังของนายเท่านั้นที่จะช่วยฉันได้...”
“ปล่อยมือฉันก่อนสิ แล้วค่อยพูดกัน..”
จิตนั้นจึงปล่อยมือและพูดต่อ
“ภูตินรกมันเห็นฉันแล้ว มันต้องกินฉันแน่ ช่วยฉันด้วยฉันไม่อยากไปกับมัน” จิตนั้นพูดพลางหันรีหันขวางเพื่อดูสิ่งที่ตนหวาดกลัวนั้น
“ภูตินรกอะไร ฉันช่วยอะไรนายไม่ได้หรอกนะ” เอลตอบอย่างเลิ่กลั่ก พยายามมองหาสิ่งที่จิตนั้นพูดถึง
“ต้องช่วยฉันนะ ฉันรู้ว่าแกไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แกคือผู้มีพลังพิเศษ แกสามารถช่วยฉันได้ ช่วยฉันด้วย ได้โปรดเถิด...”
“ทำไมนายรู้ว่าฉันเป็นผู้มีพลังพิเศษ” เอลสงสัย
“ฉันเห็นแสงสีทองๆเรืองรองที่เปล่งประกายจากตัวแกนั่นยังไง พวกแกเป็นแบบนี้ทุกคนแหละ”
“พวกฉัน นี่หมายความว่านายเคยเจอคนแบบฉันมาแล้ว” เอลรู้สึกดีใจขึ้นมาฉับพลัน
“ฉันเคยเจอคนแบบแกมาก่อน แต่ว่าเจ้านั่นก็ถูกเล่นงานตายไปแล้ว”
“หา.. คนๆ นั้นตายไปแล้วเหรอ” เอลถึงกับตาเหลือก
“ถูกเจ้าภูตินรกฆ่าตายไปแล้ว ตอนนั้นร่างเจ้านั่นค่อยๆ สลายกลายเป็นทรายปลิวหายไปเลย”
“กลายเป็นทรายปลิวหายไป”
“เจ้าภูตินรกมันจะฆ่าแกอีกคนถ้าแกไม่สู้กับมัน แกต้องตายแน่ พวกแกสามารถสู้กับมันได้”
“ฉันจะโกหกแกไปทำไมไอ้หนู”
ทันใดนั้นทางด้านหลังของจิตนักโทษนั้นก็มีเงาดำเป็นกลุ่มก้อนคล้ายก้อนเมฆก่อตัวขึ้น ลักษณะเหมือนเงาดำที่เอลเคยเห็นในโลกต่างมิตินั้น คราวนี้มันก่อตัวเป็นรูปร่างสูงใหญ่และปรากฏเด่นชัด ที่สุดร่างนั้นก็ปรากฏให้เห็นเป็นชุดผ้าคลุมดำทะมึนโบกพริ้วไปมาคล้ายมีลมพัดมาอย่างแรงไม่ยอมหยุด
เอลอ้าปากค้าง...
ร่างนั้นสูงใหญ่กว่ามนุษย์ปกติถึงหนึ่งเท่าตัว
ปีศาจซ่อนหน้าอยู่ในผ้าคลุมสีดำนั้น มันคือปีศาจตนเดียวกันกับที่ปรากฏตัวในเรือนจำและเป็นผู้คร่าชีวิตผู้คุมปริศนานั้น
จู่ๆ ร่างนั้นก็ค่อยๆ เลือนรางลงทำให้เอลมองเห็นไม่ชัด
และทั้งเอลและจิตนักโทษต่างตัวสั่นงันงกพอๆกัน ทั้งคู่ตะลึงอกสั่นขวัญแขวนไม่แพ้กันสักเท่าใดนัก
“ภูตินรก... ”
เอลตาเหลือกโพลงร้องลั่นและถอยร่น เจ้านี่คือสัมผัสรุนแรงเมื่อครู่นี้หรือนี่ เขาเพิ่งเผชิญหน้ากับภูตินรกเป็นครั้งแรกก็ในตอนนี้นี่เอง
……………………………………………………………………………………..
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ