มันคงเป็นความรัก

10.0

เขียนโดย wonderlady

วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21.11 น.

  9 ตอน
  1 วิจารณ์
  19.17K อ่าน
แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

5) มันคงเป็นความรัก 004 คนใจง่าย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ผับแอมาซอนในตอนเช้านั้นจะปิดบริการแต่จะเปิดให้บริการอีกทีก็ต้องมืดค่ำแล้ว ดังนั้น แคทรียา นักร้องสาวสวยและ ภัสสร เจ้าของผับแอมาซอน จึงนั่งรับประทานอาหารเช้ากันที่บาร์เทนเดอร์ใช้ทำงานในตอนกลางคืน (ที่จริงน่าจะเรียกว่าอาหารสายมากกว่าเพราะเวลามันใกล้จะเที่ยงแล้ว)

“พี่กระทิงคะ…นังสิงจะเป็นไงบ้างเนอะ…ไปรายงานตัววันเนี้ย” ฉันแคทรียาพูดถึงสุกฤษเพื่อนรักที่ไปรายงานตัวที่บริษัท S.M.ในวันนี้ด้วยความเป็นห่วง

“โถ…น้องเสือขา…จะไปห่วงอะไรมันหนักหนา…นังสิงเพื่อนรักของคุณน้องน่ะมันอายุ 22 แล้วนะคะ โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว” มาม่าซังแห่งผับแอมาซอน  ตอบคำถามแคทรียาเพื่อนรักรุ่นน้องของหล่อนแบบขอไปที

“พี่ก็…พี่ไม่คิดเหรอคะว่า…นังสิงโตนาเนียมันจะไม่ ตุ๊ดแร็พ แต๊บหลุดน่ะค่ะ”  

“อืม...มันก็จริงนะ  ขนาดเมื่อคืนน้องสิงมันยังร้องครวญครางซะขนาดนั้นเลยนี่นา…ไปรายงานตัวทั้งที…มันก็ต้องมีประหม่าเป็นมาม่าต้มกันบ้างแหละ”

“นั่นซิคะ…หนูกลัวว่ามันจะสะดีดสะดิ้งจนหลุด สาวแตก ออกมามิแย่รึคะ”  แคทรียายังคงบ่นเพราะห่วงเพื่อนรักไม่เปลี่ยนแปลง

 “เออน่า…ถ้าถึงตอนนั้นก็อยู่ที่มันสมองอันน้อยนิดของมันแล้วล่ะ…เราก็ทำได้แค่เป็นกำลังใจให้เพื่อนก็เท่านั้น…เอาไว้ถ้าน้องจุนมันซมซานกลับมา เราค่อยร้องเพลง I Will Survive ปลอบใจมันซะก็สิ้นเรื่อง…นะไม่ต้องห่วงมันแล้วมากินข้าวต่อกันเถอะ อุ้ย กำลังแซบๆ”  

“ค่า…เป็นความคิดที่ดีมากเลย…เพลง I Will Survive ปลอบเพื่อนตอนตกงานเนี่ย” ฉันพูดประชดดาเฮที่ทำท่าจะห่วงกินมากกว่าห่วงเพื่อนซะอีก

“หรือหล่อนจะร้องเพลง กระเทยประท้วง ล่ะยะ…กินข้าวได้แล้ว!” ภัสสร ผละจากอาหารข้างหน้าหันมาแหวใส่แจจุงที่ประชดใส่

“ค่า…มาม่าซัง…”

동방신기

เมื่อเสร็จจากการบริหารปากในยามเช้า(หรือยามใกล้เที่ยงดีล่ะ)  ภัสสรก็เข้านอนต่อที่ห้องพักของตัวเองทันที ตรงกันข้ามกับฉันที่กลับบ้านมานั่งคนเดียวอย่างเหงาๆ เพราะนอกจากเพื่อนๆ แล้วฉันก็ไม่มีใครอื่นนอกจากพ่อแม่

ตั้งแต่เกิดฉันมีพ่อแม่และย่าผู้ซึ่งเป็นทรงอิทธิพลทางจิตใจของพวกท่านมากที่สุด แต่เมื่อฉันเริ่มออกสาวตั้งแต่ยังเล็ก จึงทำให้พวกท่านรับไม่ได้ที่มีลูกหลานเพศชายที่กลายเป็นสาวประเภทสอง

จะว่าไปแล้วครอบครัวส่วนใหญ่ก็มักจะรับไม่ได้ทั้งนั้น ครอบครัวของฉันเองก็เช่นกัน ในช่วงแรกที่รู้ว่าตัวเองเบี่ยงเบนทางเพศนั้น พ่อแม่และย่าของฉันรับไม่ได้ พยายามทุกวิธีเพื่อให้ฉันกลับมาเป็นชายเหมือนเดิม ทั้งให้เรียนนักศึกษาวิชาทหาร ให้ออกกำลังกายอย่างหนัก ห้ามเล่นแบบเด็กผู้หญิงทั่วไป เช่น การที่ฉันเป็นแฟนพันธุ์แท้เซเลอร์มูนการ์ตูนผู้หญิงชื่อดัง เป็นต้นและที่สำคัญก็คือการพูดจาดูถูกเหยียดหยามฉันเรื่องกระเทยนั่นเอง  

แต่เพราะทางกายที่มี ฮอร์โมนเพศหญิง พลุ่งพล่านอย่างมาก ทำให้สภาพร่างกายของเธอที่สมควรจะเติบโตแบบชายกลับกลายเหมาะที่จะเป็นหญิงมากกว่า ทั้งหน้าตาที่สะสวย ผิวที่ขาวเนียนละเอียด รูปร่างที่มีทรวดทรงองเอว หน้าอกที่โตขึ้นตามวัย และอวบอิ่มยิ่งขึ้นจากการกินเสริมฮอร์โมน หรือจะให้พูดง่ายคือฉันน่าจะเกิดมาเป็นผู้หญิงมากกว่านั่นเอง ทำให้ย่าผิดหวังอย่างมาก

ท่านจึงรับอุปการะเด็กที่ท่านคิดว่าจะเป็นหลานชายและหลานสาวที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งย่าก็ได้มีน้องฝาแฝดชายหญิงให้กับฉันจนได้และที่สำคัญไม่โตมาเบี่ยงเบนทางเพศแบบฉันด้วย ท่านแสดงออกอย่างชัดเจนว่าภูมิใจเป็นอย่างมาก

ณ เวลานั้น ฉันตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า ถึงจะเกิดเป็นสาวประเภทสองที่สังคมรังเกียจแต่ฉันจะต้องเป็นคนดีทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจให้ได้

ฉันจึงใฝ่ดี ควบคุมความประพฤติให้ดี ตั้งใจเรียนให้มีผลการเรียนที่ดี จนกระทั้งฉันสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีนั่นแหละที่พ่อแม่ยอมรับฉันได้ในที่สุด เพราะถือได้ว่าฉันประสบผลสำเร็จในชีวิตแล้วครึ่งนึงนั่นเอง

และที่สำคัญฉันก็ถือว่าได้สู้เพื่อสิทธิความเป็นคนของตัวเองสำเร็จไปอีกขั้นนั่นเอง แล้วหวังว่าในภายภาคหน้าสังคมจะยอมรับสาวประเภทสองด้วยเช่นกัน

แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ย่าที่หัวโบราณรู้สึกภาคภูมิใจในตัวหลานชายที่กลายร่างเป็นสาวประเภทสองได้อยู่ดี ท่านจึงหันไปใส่ใจเลี้ยงดูหลานบุญธรรมทั้งสองที่ย่าหามาเลี้ยงเอง ไม่ว่าฉันจะทำตัวดีแค่ไหนก็ตามย่าก็ยังไม่ยอมรับในตัวฉันอยู่ดี แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาหรอกเพราะฉันแคร์พ่อแม่ตัวเองมากกว่า ฉันจึงแยกตัวออกมาผ่อนบ้านอยู่ตามลำพังให้พ้นๆสายตาท่าน ซึ่งพ่อแม่ฉันก็มักจะเยี่ยมเยียนบ่อย

และได้สู้เพื่อสิทธิความเป็นคนของตัวเองสำเร็จไปอีกขั้นนั่นเอง แล้วหวังว่าในภายภาคหน้าสังคมจะยอมรับสาวประเภทสองด้วยเช่นกัน

ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน   ” นี่คือคติประจำใจของฉัน

หลังจากนั้นฉันก็มาทำงานเป็น นักร้องสาวที่ ผับแอมาซอน แห่งนี้จากการชักชวนของ ภัสสร เพื่อนรักที่เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัย ซึ่งเป็นเจ้าของสถานบันเทิงเริงรมณ์แห่งนี้อยู่แล้วนั่นเอง

และอีกแรงบัลดาลใจอย่างนึงที่ทำให้ฉันสู้ได้อย่างไม่ท้อถอย ก็เพราะฉันมีฮีโร่ในดวงใจ ที่ยืดเป็นแบบอย่าง เซเลอร์มูน นั่นเอง

เซเลอร์มูน คือร่างแปลงของเด็กผู้หญิงธรรมดาๆคนนึง ที่ออกจะซุ่มซ่าม ขี้แย่ แถมยังเรียนไม่เก่งอีกต่างหาก แต่ในความอ่อนแอที่ทุกคนตราหน้า เธอกลับเป็นซูเปอร์ฮีโร่สาวที่คอยช่วยพิทักษ์ชาวโลกจากความชั่วร้ายนั้นเอง นี่เป็นบุคคลที่ฉันเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

แม้อายุจะ22 ปีแล้วแต่เพราะฉันเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเซเลอร์มูน จึงทำให้เธอชื่นชอบการ์ตูนเรื่องนี้มาก ขนาดห่อขนมที่ถูกทิ้งแล้วแต่ถ้ามีลายเป็นเซเลอร์มูนเธอก็จะเก็บไปล้างน้ำแล้วนำมาเก็บไว้เป็นของสะสมเลย ไม่ว่าอะไรเกี่ยวกับเซเลอร์มูนเธอก็จะกว้านซื้อมาหมด อย่างเช่นตุ๊กตาเซเลอร์มูนที่เธอกอดอยู่นี่ เธอมักจะหอบหิ้วติดมือไปเสมอ

동방신기

 “เฮ่อ…เบื่อจัง…ออกไปขี่จักรยานออกกะลังกายเล่นดีกว่า”

ว่าแล้วฉันจึงผูกผมแกะสองข้างและคว้าตุ๊กตาเซเลอร์มูนตัวโปรดพร้อมถีบจักรยานออกไป จุดหมายปลายทางคือสวนสาธารณะใกล้ๆ บ้านของเธอเอง ใกล้จะบ่ายแบบนี้คงไม่มีใครไปใช้บริการมากนัก

เพียงครู่เดียวร่างงามก็ได้มานั่งกอดตุ๊กตาเซเลอร์มูนอยู่ในศาลาริมน้ำ

ในขณะที่คิดอะไรเพลินๆ ฉันก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงมอเตอร์ไซต์คันเล็กแต่ตกแต่งเสียงซะดังเกินตัว

เมื่อหันไปมอง…ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใส่เสื้อยืดลายอุลตร้าแมนกำลังบิดคันเร่งเข้ามา  จู่ๆไม่รู้เกิดอะไรขึ้น มอเตอร์ไซต์คันนั้นได้เฉี่ยวรถจักยานเธอล้ม

“ตูม!!!  ว้าย! ต้ายแล้ววว” ฉันรีบควักตลับแป้งผับที่พกมาด้วย มาเปิดดูหน้าตาของตัวเองทันที

ก็กลัวเสียโฉมนี่นา

เมื่อตั้งสติได้ฉันก็กระโจนลุกขึ้นปราดเข้ามายืนประจันหน้ากับผู้ชายคนที่ทำให้ฉันโกรธจนควันจะออกหูแล้วนะเนี้ย

 “นี่แก ไอ้เสื้อยืดลายอุลตร้าแมน แกขี่รถระวังหน่อยซิ เห็นไหมตุ๊กตาเซเลอร์มูนของฉันเปื้อนหมดเลย รู้ป่าวถ้ามันพัง แกจะมีปัญญาหาซื้อใช้ฉันเหรอ ตัวเนี้ยหาซื้อไม่ได้ในประเทศไทยแล้วนะ”

เสียงดังๆ ของเธอทำให้ณเดช คูกิมิยิถึงกับสะดุ้ง มองหน้าแคทรียาด้วยแววตาประหลาดใจ แต่ในทันทีสายตาประหลาดเมื่อครู่ กลับเปลี่ยนเป็นสายตาที่ตกตะลึงในความงามของคนที่ต่อว่าตนในระยะประชิด  

นี่!…เธอ…เธอคนนี้…ที่เป็นนักร้องสาวสุดสวยที่ ผับแอมาซอน นี่นา..โอ้! ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นใกล้ๆ แบบนี้

ผมสีดำเงางามที่ยาวถึงก้นกลมกรึ่ง ใบหน้าที่ขาวนวล  ผิวพรรณที่เนียนละเอียด ช่างเหมาะกับดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกาย แก้มสีชมพูระเรื่อน่าหอม ริมฝีปากเผย่อนิดๆ สีแดง ร่างอวบอั๋นได้ทรวดทรง อกอวบ เอวคอด  สะโพกดินระเบิด โอ๊ว! นางแมวยั่วสวาทชัดๆ

ทั้งๆที่ตั้งใจจะเถียงว่า

 ทำไมโวยวายไปได้เรื่องแค่นี้เอง

แต่พอเห็นสาวสวยสุดเซ็กซี่คนนี่แล้ว..กลับพูดอะไรไม่ออก ต่อว่าไม่ลง…ก็สวยและเซ็กซี่ซะขนาดนี้นี่นา...ในตอนนี้ณเดชรู้สึกหัวใจของตัวเองเต้น เป็นจังหวะ

จั๊ด จา ดา ดา…จั๊ด จา ดา ดา วู้

จั๊ด จา ดา ดา…จั๊ด จา ดา ดา วู้

อย่าทำให้รักเดี๋ยวมันหลงเดี๋ยวมันรัก

ฉันตั้งหลักไม่ทันเดี๋ยวจะรั้งไว้ไม่ไหว

รักมันปักหัวใจทำไง จะดึงออกไปก็ดึงไม่ออก

มันทำให้เคลิ้มตลอด ถ้าเผลอไปกอดแล้วเธจะว่ายังงาย

 “นี่!  ฟังฉันอยู่รึเปล่า ย่ะ” พอได้ยินเสียงต่อว่าอย่างแว่ดๆนั้นเข้า ณเดชก็หยุดเคลิ้มเรียกสติสตังกลับมาได้ทันที

“ขอโทษครับ…ผมไม่ได้ตั้งใจครับ ผมณเดชครับ”

“ขอโทษ…พูดได้แค่เนี้ยเหรอยะ…ไอ้เชื้อราในร่มผ้า ฉันล่ะเกลียดจริ้งงง พวกชอบซิ่งกวนเมืองเนี่ย…ไม่รู้จักทำตัวให้เป็นประโยชน์กับสังคมซะบ้าง…นี่มันถนนนะยะ…ไม่ใช่สนามประลองความเร็วนะไอ้เส้นเลือดขอด ลำพังแค่เสียงแปร๋นๆ ของรถแก เขาก็หนวกหูกันไปทั่วแล้ว หน้าขาวปากแดงยังกับผีญี่ปุ่น คิดว่าตัวเองเท่มากเหมือนเสื้อยืดลายอุลตร้าแมนที่แกใส่รึไง…ไอ้เห็ดหูหนู

เป็นเพราะมาอารมณ์เสียในช่วงที่ฮอร์โมนแปรปรวน อะไรที่ทำให้โมโหนิดหน่อย ก็จะโมโหมากกว่าเดิมอีกซักประมาณ 10 เท่า

ณเดชที่เป็นต้นเหตุของอารมณ์เสียถึงกับเลิกคิ้วเข้มๆ ขึ้นสูง

อะไรวะ!… ด่ากันขนาดนี้เชียวรึ…แม่นี่ไปกินรังแตนที่ไหนมาวะ ใส่กันฉอดๆ หน้าตาก็สะสวยดีอยู่หรอก แต่อาระวาดเป็นนางเสือแบบนี้ ตั้งตัวแทบไม่ทัน…คนอะไรวะ..สวยเซ็กซี่แต่ปากเสียชะมัด

ณเดชนึกขำในใจต่อสีหน้าและน้ำเสียงของสาวสวย ทั้งที่ตั้งใจว่าจะทักทายอย่างดีเพราะไปเที่ยวที่ผับบ่อย ๆ เคยเห็นแต่บนเวที  พอเจอใกล้ๆ เลยตื่นเต้น และยิ่งได้หน้าสวยๆ ที่ปราศจากเครื่องสำอางค์ ซึ่งไม่เหมือนที่เห็นในผับตอนกลางคืนแล้ว…ยิ่งปลื้มใหญ่…แต่เมื่อเจอแบบนี้..เลยสรุปได้ว่า…

แม่นี่…เป็นผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดีเลย…นอกจากสวยไปวันๆ

ว่าแล้วก็อยากยั่วโมโหยิ่งขึ้น ณเดชเลยเหล่มองหน้าอกอวบสวยอย่างจงใจยั่วโมโห ฉันรู้สึกถึงสายตาลามกของชายหนุ่มนั่นจึงถลึงตาใส่  

“ขอโทษคร๊าบ…พอดีรถคันนี้ผมไม่ได้ใช้นานแล้ว  เลยไม่รู้ว่าท่อมันแตก เลยส่งเสียงแปร๋น ๆ อย่างงี้แหละครับ...เอาเป็นว่าถ้าตุ๊กตาเซเลอร์มูนคุณเสียหาย…ผมยินดีแปลงร่างเป็นอุลตร้าแมนเหาะไปญี่ปุ่นซื้อคันใหม่ให้ก็แล้วกัน..นะครับ”

เมื่อณเดชพูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาทเสร็จก็ทำหน้ายียวนกวนโมโหคนสวยต่อ

“ไม่ต้อง!…ฉันไม่สิ้นคิดจนต้องพึ่งอุลตร้าแมนแบบแกหรอกยะ”  ฉันตอบเสียงกระชาก…พร้อมสะบัดหน้าใส่ชายหนุ่มแล้วเดินไปคว้าตุ๊กตาเซเลอร์มูนมากอดและทำท่าจะขี่รถจักยานออกไป

ณเดชอดคันปากไม่ได้

“อ้าว! คุณ ผมว่าตุ๊กตาเซเลอร์มูนนั่น คุณขโมยเด็กที่ไหนมามากกว่ามั้ง…เดี๋ยวเด็กเขาไปฟ้องโดเรม่อนนะ”

คราวนี้ฉันหันมาค้อนใส่ด้วยความโมโหสุดฤทธิ์

“จะบ้าเหรอ…ฉันบอกแล้วว่านี่มันของๆชั้นย่ะ…กลับบ้านไปแปลงฟันไป๊…ไอ้อุลตร้าแมนบ้า”

โอ่ว! สวยเซ็กซี่…แต่ปากร้ายไม่ใช่เล่น  ณเดชกลับรู้สึกท้าทาย…โชคดีที่มีคนช่วยรับฝีปาก…เพราะเขาก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน

“อ๋อ เหรอครับ…แหม…โตขนาดนี้แล้วยังเล่นตุ๊กตาเซเลอร์มูนอยู่อีก…ไม่คิดว่ามัน แก่ เกินวัยเหรอครับ” ได้ผลหล่อนหันคลับมาจ้องมองอย่ากินเลือดกินเนื้อทันที

“นี่!  อย่ามาวิพากษ์วิจารณ์ชั้นนะ ชั้นอายุแค่ 22 เอง…แล้วชั้นจะเล่นอะไร…มันหนักหัวแกรึไงห๊า!”

“โอ้ยเจ็บจางเลย…ต่อให้ไม่มีของๆ คุณ…ของๆ ผมก็หนักพอตัวอยู่แล้วล่ะครับ…เพราะว่า ของๆ มันใหญ่มากกก…จะดูไหมล่ะไม่คิดตังค์นะ”

“ว้าย ไอ้อุลตร้าแมนบ้า…” สาวประเภทสองสุดสวยด่าหนุ่มสุดหล่อไปเสียงแข็งแล้วขี่จักรยานผ่านหน้าไปอย่างโกรธสุดๆ 

ณเดชยักคิ้วให้หนึ่งแผล่บ   จึงได้รับการถลึงตางามๆ ตอบกลับมา

หนอย…นี่ถ้าฉันไม่อยากประหยัดน้ำมัน…เอาเบนซ์เก็บ…เข็นเจ้าแก่มาใช้…ป่านนี้ได้ฉันจะลากเธอขึ้นรถไปหมกป่าแล้ว

“…ยัยเซเลอร์มูนปัญญาอ่อนเอ๋ย…”

To be Con

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา