มันคงเป็นความรัก

10.0

เขียนโดย wonderlady

วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21.11 น.

  9 ตอน
  1 วิจารณ์
  19.45K อ่าน
แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

4) มันคงเป็นความรัก 003 Gee

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“ดิฉัน เอ่ย! ครับ ผมชื่อ สุกฤษ แก้ววิเศษ …จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยผมครับผมทุ่มเทให้กับการเป็นเชียร์ลีดเดอร์เป็นอย่างมากว้ายไม่เอาๆจะบ้าเหรอเราทำไมแนะนำตัวเองยังงั้นแหมฟังดูเหมือนเราไม่สนใจเรียนน่ะซิแถมเชียร์ลีดเดอร์..โอ่ย..เดี๋ยวก็โดนจับได้หรอกว่าเราเป็น กระเทยอีแอบ แย่ๆๆๆ”

เอาใหม่ๆ

“สวัสดีครับ ผมชื่อ สุกฤษ แก้ววิเศษ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวัดลิงขบ งานอดิเรกของผมคือ การอ่านหนังสือ เล่นกีฬา  กีฬาๆอะไรคะ เชียร์ลีดเดอร์ครับ ว้ายยย! ถ้ามีคนขึ้นมาล่ะแย่เลย…ไม่เอาๆ อ๋อย อีเสือ พี่กระทิง สงสัย กำลังใจที่พวกเธอส่งให้ฉันเมื่อคืน มันคงช่วยอะไรฉันไม่ได้แล้วมั้งเนี้ย”

เมื่อพูดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ฉันไปปรึกษาเพื่อนๆเรื่องกลัวความสาวแอบของฉันจะเป็นสาวแตกจนได้กำลังใจอย่างท่วมท้นมาจากเพื่อนๆมันก็น่าจะทำไห้ความกังวลของฉันลดลงไปได้เยอะนะแต่ยิ่งเดินไปคิดไปซักเท่าไหร่แค่เทคนิคการพูดแนะนำตัวที่คิดว่าจะสร้างความประทับใจเมื่อแรกเห็นจากฝ่ายตรงข้ามก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้เรื่องได้ราวซักที…

เพื่อนๆจะกังวลแบบเราไหมนะ  

สุกฤษเดินไปแผนกที่ตนต้องประจำอยู่โดยจะว่าโชคดีก็ได้มั้งที่ คุณธีรเดช วงพันพัว หัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคล เป็นคนพาไปเองเลย

คุณธีรเดชเป็นผู้ชายที่ดูดีมากๆ รูปร่างหน้าตาดี อือ ฮือ หล่อจัง แต่…โอ้ย…บ้า! ลาม้างเรามีเรื่องให้กลุ้มอีกตั้งเยอะแต่ดั้นมัวเหม่อมองผู้ชายนี่ถ้าพวกแจจุงกับพี่ภัสสรอยู่ด้วยต้องโดนแขวะแน่เรา… อ๋อย…วันนี้ขออย่าให้คนสวยต้องโชคร้ายเลยนะคะ”

ทันใดนั้นเองธีรเดชหยุดเดินอย่างกะทันหันทำให้สุกฤษที่กำลังจมอยู่ในช่วงความคิด ต้องชนหลังเขาอย่างจัง

ตู้ม “ว้าย แหก…อุ้ย!ขอโทษครับ” สุกฤษที่เผลอเดินชนหลังธีรเดชอย่างจัง กล่าวขอโทษอย่างเร็วจนเกือบหลุดสาวแตกออกมา

“อ่า ไม่เป็นไรครับ”ธีรเดชนิ่งไปสักพักแล้วก็ตอบรับคำขอโทษของสุกฤษด้วยท่าทางสงสัย

โอ้ย..อย่าให้เค้าจับได้เลยนะคะพระเจ้า..ได้โปรด สุกฤษภาวนาในใจ

“กลุ่มคนที่คุณจะต้องใช้ชีวิตทำงานร่วมกันหลังจากนี้ไป รออยู่หลังประตูบานนี้ ขอให้คุณรีบทำตัวให้คุ้นเคยกับบรรยากาศของแผนกที่ 4 โดยเร็วที่สุดนะครับ”

“คะ..ครับ..ครับ…เฮ้อ…” สุกฤษรอบถอนหายใจ

ดีจังที่คุณธีรเดชเขาไม่ฉุกคิดติดใจในเรื่องคำอุทานของเราเมื่อกี้

“ก๊อกๆๆๆ” เมื่อธีรเดชเคาะประตูห้องแผนกที่ 4  สักสองสามทีตามมารยาท และบิดลูกบิดประตูแล้วเปิดออก 

กลุ่มพนักงานจำนวนมากได้หันหน้ามาทางประตูที่มีธีรเดชและหนุ่มน้อยร่างบางยืนอยู่สุกฤษที่อยู่ข้างหลังชายหนุ่มรู้สึกประหม่าเหมือนกับโสเภณีที่เพิ่งทำงานเป็นครั้งแรกไม่มีผิด

“ทุกๆ ท่านวันนี้ผมพาสมาชิกใหม่ของคุณมาแนะนำครับ”ธีรเดชผายมือออกเป็นการบอกให้หนุ่มน้อยแนะนำตัวเองกรายๆ

 “คะ…ครับ…สวัสดีครับ...พี่ๆ ทุกคน…ผะ...ผม..สุกฤษ แก้ววิเศษครับ ตะ..ตั้งแต่วันนี้ไป..ผมๆ..จะมาทำงานที่แผนกที่ 4แผนกส่งเสริมการขายแห่งนี้..ค...ครับ…ฝะ..ฝากตัวฝากใจด้วยนะคะ เอ้ย! ครับ..”

            “แปะๆๆๆๆ” เสียงปรบมือต้อนรับสมาชิกใหญ่ของพนักงานประจำแผนกที่ 4 ดังแซงแซ่ขึ้น

“เฮ่อ…สำเร็จ…”ในที่สุดก็พูดแนะนำตัวเองจนสำเร็จได้ถ้าร่างบางไม่เกรงว่าเพศที่สามเป็นเพศที่สังคมไม่ยอมรับ เขาคงพูดว่าขอฝากตัวฝากใจด้วยนะคะ คุณพี่รูปหล่อไปแล้วนะสุกฤษคิดในใจ

หลังจากที่แนะนำตัวเองกับเพื่อนร่วมงานแล้วธีรเดชหัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลก็บอกสุกฤษว่า

“คุณสุกฤษจากวันนี้ไปคนที่คุณจะต้องฟังคำสั่งก็คือหัวหน้าแผนกฝ่ายส่งเสริมการขาย คุณอธิชาติ ชุมนานัน….เชิญทางนี้หน่อย คร้าบคุณอธิชาติ”

ลักษณะคำพูดที่ใช่สนทนากับร่างบางนั้นดูเป็นทางการแตกต่างจากการพูดถึงบุคคลที่ชื่อว่าอธิชาติโดยสิ้นเชิง

“…ครับ…” และแล้ว ชายคนหนึ่งก็ก้าวช้า ๆ เข้ามายืนอยู่ตรงหน้าสุกฤษ

โอ้วว..นิ..นี่นะเหรอ..หัวหน้าของเรา…คุณอธิชาติ ชุมนานัน

เมื่อได้พบคนที่รู้ว่าเป็นหัวหน้าของตัวเอง ร่างบางถึงกับอึ้งไป

สิ่งที่ทำให้สุกฤษถึงกับอึ้งไปนั้น เกิดจากความประทับใจครั้งแรก ไม่ใช่แค่เพียงเสียงทุ้มต่ำๆ นั้น แต่เป็นเพราะชายในสูทสีเทาเข้มนั้น ดูสมบูรณ์แบบ เพรียบพร้อมไปด้วยความสง่างามที่ไม่แพ้ธีรเดชเลย

หัวหน้าแผนกฝ่ายส่งเสริมการขาย อธิชาติ เป็นผู้ชายที่ดูมีอำนาจสมตำแหน่ง รูปร่างสูงใหญ่ แผงไหล่กว้าง ทำให้รู้ได้ว่าเขาผ่านการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สูทสีเทาเข้มชุดนี้  ไม่สามารถซ่อนความ แข็ง..แกร่งของร่างกายเขาได้เลย 

เสื้อผ้าที่สวมใส่บ่งบอกว่าเป็นคนที่เนียบมากๆสูทสีเทาเข้มและเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทที่อยู่ภายใน นั้นไม่มีรอยยับแม้แต่นิดเดียว รวมทั้งเนคไทสีม่วงที่จัดเข้ากับปกเสื้ออย่างดี  แสดงให้เห็นถึงความเป็นคนเจ้าระเบียบมาดเนียบจริงๆ 

หลักฐานที่บ่งบอกให้รู้ว่าเขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นเอาใจใส่แต่เรื่องงานที่ทำอยู่

แสดงออกมาทางทรงผมที่ผ่านการตัดและจัดจนอยู่ทรงด้วยมูสปอยผมสีดำที่ตกลงมาทางหน้าผาก ฟ้องถึงความมั่นใจในตัวเองสูงของเขา

แต่กลับไม่มีความอ่อนโยนในดวงตาคมประดุจดั่งเหยี่ยวนั้นเลยแววตานั้นหากได้จ้องไปที่ผู้คิดจะต่อต้านแม้เพียงแวบเดียว คนๆนั้นก็คงเกิดกลัวเสียจนเลิกคิดเสี่ยงเป็นแน่

เค้า..ไม่หล่อ..พี่ณเดชหล่อกว่าด้วยซ้ำ

สุกฤษคิดในใจ แต่ทุกสิ่งที่รวมเป็นเค้ากลับดูสง่างาม สมบูรณ์แบบ เสียจนชวนมองซ้ำ

ริมฝีปากเรียวได้รูปแต่แลดูเหี้ยมของเขาขยับ!   เหมือนกับรู้สึกขัดข้องใจในการมาของจุนซู

 “สำหรับเรื่องงานหลังจากนี้ไปให้ถามจากคุณอธิชาตินะครับ”   ธีรเดชยังคงพูดจากับร่างบางอย่างเป็นทางการ

“ คะ…ครับ ” พอรับคำจากหัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลแล้ว   สุกฤษก็หันกลับไปหาหัวหน้าของตัวเอง

ใบหน้าของอธิชาติ แสดงอารมณ์ที่ไม่อาจบ่งบอกได้ ไม่สามารถบอกได้เลยว่ากำลังโกรธหรือจ้องจับผิดอยู่ รอยย่นระหว่างคิ้วดกดำและดวงตาคมสีดำสนิทนั้น ช่วยให้ผู้พบเห็นจดจำไปไม่มีวันลืม

สุกฤษยิ้มเก้อๆด้วยความประหม่าอีกครั้งพลางเค้นคำพูดออกมาอย่างสุดความสามารถ

“ ขะ…ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับบ…หัวหน้า”

ในทันทีทันใด อธิชาติก็นิ่งเงียบแล้วมองหนุ่มน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า และเอ่ยอย่างเนิบ ๆ ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า

“ยินดีต้อนรับสู่…นรกแผนกที่ 4”

To be Con

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา