มันคงเป็นความรัก
4) มันคงเป็นความรัก 003 Gee
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ดิฉัน เอ่ย! ครับ ผมชื่อ สุกฤษ แก้ววิเศษ …จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยผมครับผมทุ่มเทให้กับการเป็นเชียร์ลีดเดอร์เป็นอย่างมากว้ายไม่เอาๆจะบ้าเหรอเราทำไมแนะนำตัวเองยังงั้นแหมฟังดูเหมือนเราไม่สนใจเรียนน่ะซิแถมเชียร์ลีดเดอร์..โอ่ย..เดี๋ยวก็โดนจับได้หรอกว่าเราเป็น กระเทยอีแอบ แย่ๆๆๆ”
เอาใหม่ๆ
“สวัสดีครับ ผมชื่อ สุกฤษ แก้ววิเศษ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวัดลิงขบ งานอดิเรกของผมคือ การอ่านหนังสือ เล่นกีฬา กีฬาๆอะไรคะ เชียร์ลีดเดอร์ครับ ว้ายยย! ถ้ามีคนขึ้นมาล่ะแย่เลย…ไม่เอาๆ อ๋อย อีเสือ พี่กระทิง สงสัย กำลังใจที่พวกเธอส่งให้ฉันเมื่อคืน มันคงช่วยอะไรฉันไม่ได้แล้วมั้งเนี้ย”
เมื่อพูดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ฉันไปปรึกษาเพื่อนๆเรื่องกลัวความสาวแอบของฉันจะเป็นสาวแตกจนได้กำลังใจอย่างท่วมท้นมาจากเพื่อนๆมันก็น่าจะทำไห้ความกังวลของฉันลดลงไปได้เยอะนะแต่ยิ่งเดินไปคิดไปซักเท่าไหร่แค่เทคนิคการพูดแนะนำตัวที่คิดว่าจะสร้างความประทับใจเมื่อแรกเห็นจากฝ่ายตรงข้ามก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้เรื่องได้ราวซักที…
เพื่อนๆจะกังวลแบบเราไหมนะ
สุกฤษเดินไปแผนกที่ตนต้องประจำอยู่โดยจะว่าโชคดีก็ได้มั้งที่ คุณธีรเดช วงพันพัว หัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคล เป็นคนพาไปเองเลย
คุณธีรเดชเป็นผู้ชายที่ดูดีมากๆ รูปร่างหน้าตาดี อือ ฮือ หล่อจัง แต่…โอ้ย…บ้า! ลาม้างเรามีเรื่องให้กลุ้มอีกตั้งเยอะแต่ดั้นมัวเหม่อมองผู้ชายนี่ถ้าพวกแจจุงกับพี่ภัสสรอยู่ด้วยต้องโดนแขวะแน่เรา… อ๋อย…วันนี้ขออย่าให้คนสวยต้องโชคร้ายเลยนะคะ”
ทันใดนั้นเองธีรเดชหยุดเดินอย่างกะทันหันทำให้สุกฤษที่กำลังจมอยู่ในช่วงความคิด ต้องชนหลังเขาอย่างจัง
ตู้ม “ว้าย แหก…อุ้ย!ขอโทษครับ” สุกฤษที่เผลอเดินชนหลังธีรเดชอย่างจัง กล่าวขอโทษอย่างเร็วจนเกือบหลุดสาวแตกออกมา
“อ่า ไม่เป็นไรครับ”ธีรเดชนิ่งไปสักพักแล้วก็ตอบรับคำขอโทษของสุกฤษด้วยท่าทางสงสัย
โอ้ย..อย่าให้เค้าจับได้เลยนะคะพระเจ้า..ได้โปรด สุกฤษภาวนาในใจ
“กลุ่มคนที่คุณจะต้องใช้ชีวิตทำงานร่วมกันหลังจากนี้ไป รออยู่หลังประตูบานนี้ ขอให้คุณรีบทำตัวให้คุ้นเคยกับบรรยากาศของแผนกที่ 4 โดยเร็วที่สุดนะครับ”
“คะ..ครับ..ครับ…เฮ้อ…” สุกฤษรอบถอนหายใจ
ดีจังที่คุณธีรเดชเขาไม่ฉุกคิดติดใจในเรื่องคำอุทานของเราเมื่อกี้
“ก๊อกๆๆๆ” เมื่อธีรเดชเคาะประตูห้องแผนกที่ 4 สักสองสามทีตามมารยาท และบิดลูกบิดประตูแล้วเปิดออก
กลุ่มพนักงานจำนวนมากได้หันหน้ามาทางประตูที่มีธีรเดชและหนุ่มน้อยร่างบางยืนอยู่สุกฤษที่อยู่ข้างหลังชายหนุ่มรู้สึกประหม่าเหมือนกับโสเภณีที่เพิ่งทำงานเป็นครั้งแรกไม่มีผิด
“ทุกๆ ท่านวันนี้ผมพาสมาชิกใหม่ของคุณมาแนะนำครับ”ธีรเดชผายมือออกเป็นการบอกให้หนุ่มน้อยแนะนำตัวเองกรายๆ
“คะ…ครับ…สวัสดีครับ...พี่ๆ ทุกคน…ผะ...ผม..สุกฤษ แก้ววิเศษครับ ตะ..ตั้งแต่วันนี้ไป..ผมๆ..จะมาทำงานที่แผนกที่ 4แผนกส่งเสริมการขายแห่งนี้..ค...ครับ…ฝะ..ฝากตัวฝากใจด้วยนะคะ เอ้ย! ครับ..”
“แปะๆๆๆๆ” เสียงปรบมือต้อนรับสมาชิกใหญ่ของพนักงานประจำแผนกที่ 4 ดังแซงแซ่ขึ้น
“เฮ่อ…สำเร็จ…”ในที่สุดก็พูดแนะนำตัวเองจนสำเร็จได้ถ้าร่างบางไม่เกรงว่าเพศที่สามเป็นเพศที่สังคมไม่ยอมรับ เขาคงพูดว่าขอฝากตัวฝากใจด้วยนะคะ คุณพี่รูปหล่อไปแล้วนะสุกฤษคิดในใจ
หลังจากที่แนะนำตัวเองกับเพื่อนร่วมงานแล้วธีรเดชหัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลก็บอกสุกฤษว่า
“คุณสุกฤษจากวันนี้ไปคนที่คุณจะต้องฟังคำสั่งก็คือหัวหน้าแผนกฝ่ายส่งเสริมการขาย คุณอธิชาติ ชุมนานัน….เชิญทางนี้หน่อย คร้าบ…คุณอธิชาติ”
ลักษณะคำพูดที่ใช่สนทนากับร่างบางนั้นดูเป็นทางการแตกต่างจากการพูดถึงบุคคลที่ชื่อว่าอธิชาติโดยสิ้นเชิง
“…ครับ…” และแล้ว ชายคนหนึ่งก็ก้าวช้า ๆ เข้ามายืนอยู่ตรงหน้าสุกฤษ
โอ้วว..นิ..นี่นะเหรอ..หัวหน้าของเรา…คุณอธิชาติ ชุมนานัน
เมื่อได้พบคนที่รู้ว่าเป็นหัวหน้าของตัวเอง ร่างบางถึงกับอึ้งไป
สิ่งที่ทำให้สุกฤษถึงกับอึ้งไปนั้น เกิดจากความประทับใจครั้งแรก ไม่ใช่แค่เพียงเสียงทุ้มต่ำๆ นั้น แต่เป็นเพราะชายในสูทสีเทาเข้มนั้น ดูสมบูรณ์แบบ เพรียบพร้อมไปด้วยความสง่างามที่ไม่แพ้ธีรเดชเลย
หัวหน้าแผนกฝ่ายส่งเสริมการขาย อธิชาติ เป็นผู้ชายที่ดูมีอำนาจสมตำแหน่ง รูปร่างสูงใหญ่ แผงไหล่กว้าง ทำให้รู้ได้ว่าเขาผ่านการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สูทสีเทาเข้มชุดนี้ ไม่สามารถซ่อนความ แข็ง..แกร่งของร่างกายเขาได้เลย
เสื้อผ้าที่สวมใส่บ่งบอกว่าเป็นคนที่เนียบมากๆสูทสีเทาเข้มและเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทที่อยู่ภายใน นั้นไม่มีรอยยับแม้แต่นิดเดียว รวมทั้งเนคไทสีม่วงที่จัดเข้ากับปกเสื้ออย่างดี แสดงให้เห็นถึงความเป็นคนเจ้าระเบียบมาดเนียบจริงๆ
หลักฐานที่บ่งบอกให้รู้ว่าเขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นเอาใจใส่แต่เรื่องงานที่ทำอยู่
แสดงออกมาทางทรงผมที่ผ่านการตัดและจัดจนอยู่ทรงด้วยมูสปอยผมสีดำที่ตกลงมาทางหน้าผาก ฟ้องถึงความมั่นใจในตัวเองสูงของเขา
แต่กลับไม่มีความอ่อนโยนในดวงตาคมประดุจดั่งเหยี่ยวนั้นเลยแววตานั้นหากได้จ้องไปที่ผู้คิดจะต่อต้านแม้เพียงแวบเดียว คนๆนั้นก็คงเกิดกลัวเสียจนเลิกคิดเสี่ยงเป็นแน่
เค้า..ไม่หล่อ..พี่ณเดชหล่อกว่าด้วยซ้ำ
สุกฤษคิดในใจ แต่ทุกสิ่งที่รวมเป็นเค้ากลับดูสง่างาม สมบูรณ์แบบ เสียจนชวนมองซ้ำ
ริมฝีปากเรียวได้รูปแต่แลดูเหี้ยมของเขาขยับ! เหมือนกับรู้สึกขัดข้องใจในการมาของจุนซู
“สำหรับเรื่องงานหลังจากนี้ไปให้ถามจากคุณอธิชาตินะครับ” ธีรเดชยังคงพูดจากับร่างบางอย่างเป็นทางการ
“ คะ…ครับ ” พอรับคำจากหัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลแล้ว สุกฤษก็หันกลับไปหาหัวหน้าของตัวเอง
ใบหน้าของอธิชาติ แสดงอารมณ์ที่ไม่อาจบ่งบอกได้ ไม่สามารถบอกได้เลยว่ากำลังโกรธหรือจ้องจับผิดอยู่ รอยย่นระหว่างคิ้วดกดำและดวงตาคมสีดำสนิทนั้น ช่วยให้ผู้พบเห็นจดจำไปไม่มีวันลืม
สุกฤษยิ้มเก้อๆด้วยความประหม่าอีกครั้งพลางเค้นคำพูดออกมาอย่างสุดความสามารถ
“ ขะ…ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับบ…หัวหน้า”
ในทันทีทันใด อธิชาติก็นิ่งเงียบแล้วมองหนุ่มน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า และเอ่ยอย่างเนิบ ๆ ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า
“ยินดีต้อนรับสู่…นรกแผนกที่ 4”
To be Con
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ