i'm not&you don't [Yaoi NC18+] END หนังสือถามได้คะ

9.2

เขียนโดย Pierre

วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 02.28 น.

  49 chapter
  69 วิจารณ์
  260.55K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559 22.56 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

38) The Other Side VI [Pause Part]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

The Other Side VI [Pause Part]

 

ผมแอบใช้เส้นสายนิดหน่อยขอเข้าดูทะเบียนนักศึกษา อ้างนู่นอ้างนี่ไปนิดหน่อยก็ได้ประวัติแกรนด์มาไว้ในมือ ตกเย็นผมแวะซื้อขนมและกะว่าจะซื้อดอกไม้สักช่อ แต่คิดไปคิดมามันคงได้ปาใส่หน้ากลับมามากกว่าจะชื่นชมความสวยงาม ออดี้สีขาวตรงไปยังเส้นทางที่เป็นที่ตั้งของบ้านคนที่หลบหน้าผม บ้านแกรนด์หาไม่ยากเพราะเป็นโรงงานไม้ ทาวเฮ้าส์2คูหาติดกัน ข้างหน้าเป็นแผงหนังสือ ด้านบนติดป้ายชื่อร้านขนาดใหญ่

 

ผมจอดรถไว้ใกล้ๆและเดินลงไปสวัสดีหญิงมีอายุคนหนึ่งที่กำลังนั่งพัด ส่วนอีกข้างก็ถือนิตยสารกอซซิบ

 

“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณน้าเป็นแม่ของแกรนด์รึเปล่าครับ?” คุณน้าหยุดพัด ลดหนังสือลง หันมามองหน้าผมอย่างงงๆแต่ก็ยอมตอบคำถาม

“ใช่แล้วจ้า” แม่แกรนด์ตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมรอยยิ้ม

“ผมชื่อพอสครับ เป็นรุ่นพี่ของแกรนด์ นี่เป็นขนมที่ผมซื้อมาฝากครับคุณน้า” ผมยื่นถุงขนมไปให้ นี่ผมไม่ได้เข้าทางแม่เลยนะ แค่มีน้ำใจเฉยๆ

“โหวว พ่อคุณ หล่อแล้วยังน้ำใจงาม...ว่าแต่มีอะไรรึเปล่าจ้ะ? หรือแกรนด์มันทำตัวไม่ดี...”

“ไม่ใช่ครับๆ คือผมแค่จะมาหาแกรนด์ครับ ไม่ทราบว่าแกรนด์อยู่รึเปล่า?”

“หืม? แกรนด์ไม่อยู่นะลูก เจ้าตัวดีมันไม่ได้กลับมาบ้านตั้งแต่ช่วงสอบมิดเทอมแล้ว” คุณน้าบอกผมอย่างงงๆ แต่ผมเนี่ยสิ งงหนักกว่า

 

แกรนด์ไม่ได้กลับบ้าน...แล้วไปอยู่ไหน?

 

“ลองไปหาที่หอรึยัง?”

“อ่อ...ยังเลยครับ”

 

ท่าทางแม่แกรนด์จะไม่รู้ว่าลูกตัวเองมีปัญหาหัวใจ ผมเลยขอปิดไว้ก่อนแล้วกัน

 

“อ้าว คุยอยู่กับใครละเนี่ย?”

 

จู่ๆก็มีชายสูงวัยท่าทางทะมัดทแมงลงมาจากรถกระบะที่จอดข้างหน้าเดินเข้ามาทัก พร้อมกับแย่งพัดในมือคุณน้าไปเฉย

 

“อ๋อ นี่พอส เป็นรุ่นพี่เจ้าแกรนด์ที่มหาลัย...ส่วนนี่พ่อของแกรนด์จ้ะพอส” แม่ของแกรนด์แนะนำ ผมยกมือไหว้

 

บทจะเจอทีก็จะทั้งครอบครัวเลยเนอะ..ยกเว้นแต่คนลูกเนี่ยละ ที่ตามหาไม่เจอสักที

 

“อืมๆ มีไรรึเปล่าล่ะ?”

“ไม่มีไรหรอก ป๊าเข้าไปข้างในก่อนเถอะ เพิ่งไปหาลูกค้ามาหมาดๆ” แล้วคุณพ่อของแกรนด์ก็เดินเข้าไปด้านใน ผมมองตามก่อนจะหันมาถาม

“เอ่อ..คุณพ่อของแกรนด์ทำงานเกี่ยวกับไม้แปรรูปเหรอครับ?”

“จ้า ทั้งไม้รูปพรรณ ไม้เนื้อแข็ง เนื้ออ่อน แล้วยังรับทำกรอปรูปด้วยนะ”

“ครับ เอ่อ...ผมสนใจอยากขอดูรายละเอียดงานได้มั้ยครับ? คือพอดีผมอยากทำกรอบรูปแต่งงานเป็นของขวัญให้พี่ชายน่ะครับ” ผมเปล่าเข้าทางพ่อจริงๆนะ แค่อยากให้ของขวัญพี่พีทกับพี่เนยบ้างก็เท่านั้นเอ๊งงงงงงง

“ได้สิจ้ะ แต่ว่า...วันนี้มันก็เย็นมากแล้ว คงไม่สะดวก ไว้พรุ่งนี้หรือไม่ก็วันหลังได้มั้ยเอ่ย?”

“อ๋อได้ครับ ไม่มีปัญหาครับ”

 

แล้วผมก็จะมาบ่อยๆด้วย

 

“งั้นวันนี้ผมขอลานะครับ สวัสดีครับ”

“จ้า ขอบใจมากสำหรับขนม”

 

ผมเดินกลับมาที่รถ แม่ของแกรนด์ดูเป็นคนจิตใจดี เข้าหาง่าย แต่พ่อของแกรนด์เนี่ยสิ...ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ผมขับกลับไปแถวมหาวิทยาลัยเพื่อไปที่หอแกรนด์เหมือนเดิม

 

มันไปไหน?

 

หรือบางทีมันอาจจะกลับก่อนแล้วอยู่บนห้อง...

 

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมจะขึ้นไปบนห้องแกรนด์นับจากวันที่มันหนีขึ้นแท็กซี่ไป หยิบกุญแจพ่วงหมายเลขห้องที่เจ้าของห้องเคยให้ผมไว้ เดินตรงไปยังห้องที่ผมเคยบ่นว่ามันเล็ก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ชอบที่ห้องมันเล็กแบบนี้

 

อยู่แล้วอบอุ่น เหมือนได้ใกล้ชิดกันตลอดเวลาเพราะพื้นที่ใช้สอยมีไม่มาก ต่างกับคอนโดผม มีหลายห้อง จนบางทีต้องตะโกนหาว่ามันอยู่ส่วนไหน

 

กริ๊ก

 

เสียงลูกบิดปลดล๊อคดังเบาๆ ผมดันประตูเข้าไปด้านใน ไฟยังมืดสนิท ไม่มีวี่แววเจ้าของห้องที่ประจำผมจะเจอมันนั่งเล่นเกมส์อยู่หน้าคอม ข้าวของเครื่องใช้มันยังอยู่เหมือนเดิม ไม่มีร่องรอยว่าจะถูกใช้ ส่วนข้าวของของผมก็ยังอยู่ในจุดๆเดิม แม้มีไม่มากแต่ก็พอรับรู้ได้ว่าในห้องนี้มีคนอาศัยอยู่2คน

 

บ๊อกเซอร์สีน้ำเงินเข้มเน่าๆยังพาดอยู่ตรงระเบียง

ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พาดอยู่ข้างๆกัน ทดแทนเสื้อคลุมที่คอนโดผมเวลาอาบน้ำเสร็จ

แปรงสีฟันที่ตั้งอยู่ในแก้วคู่กับแปรงสีฟันอีกอันก็ยังอยู่ในมุมเดิม

เสื้อเชิ้ตนักศึกษาไซส์ใหญ่ที่สุดในตู้ถูกแขวนไว้ริมสุด ตามด้วยเสื้อนักศึกษาขนาดเล็กกว่าอีก3ตัวเรียงต่อมา

ช้อนส้อมคู่เดิมกับจานข้าวใบเดิมๆที่ผมหยิบออกมาใช้ในวันที่ผมกลับดึก

ชีท เอกสาร หนังสือ กองๆรวมไว้ตรงโต๊ะคอม

 

แค่นี้แหละที่มี...

 

หรือบางทีที่มันไม่ยอมกลับมานอนที่ห้อง...เพราะข้าวของพวกนี้รึเปล่า?

 

ไม่แปลกที่มันจะทนไม่ได้ถ้าเห็นของที่ผมเคยใช้จนไม่ยอมกลับมา

 

ผมควรจะเอาของพวกนี้ไปให้ไกลๆตาสินะ

 

ผมเดินไปหยิบทุกอย่างที่กองๆไว้รวมกัน ทิ้งตัวนอนหงายลงบนเตียงทับผ้าห่มที่ไม่ได้พับ จ้องมองเพดานสีขาวและดวงไฟสว่างจ้าตรงกลาง

 

มึงอยู่ไหน...

กูบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าหายไป...

 

ร่างสูงบนเตียงหลับตาลง

 

ทำไมวะ? ทำไมกูถึงทำอะไรๆได้แย่แบบนี้...ทั้งๆที่เมื่อก่อน ไม่ว่าจะปัญหาไหน ก็สามารถหาทางออกได้อย่างเสมอ แค่ตามหาคนๆเดียว แถมเป็นคนที่ตัวเองรัก...ยังหาไม่เจอเลย

 

เริ่มท้อ...

 

แต่จะท้อไม่ได้ เพราะถ้าแค่นี้ยังท้อแท้ หมดกำลังใจ แล้วในอนาคตเจอเรื่องที่แย่กว่านี้ผมจะไม่เป็นคนหนีปัญหาอีกเหรอ?

 

แม่งเอ๊ยยยยยย ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยว่ะ!?

 

กูตามหามึงไปทั่ว ไม่มีคำว่าศักดิ์ศรี หากใครรู้ว่ามึงอยู่ที่ไหนกูก็พร้อมจะก้มกราบ ยอมเสี่ยงกับครอบครัว อยากให้มึงเป็นส่วนหนึ่ง ทำทุกวิถีทางเท่าที่กูจะคิดได้

 

แต่ทำไมมึงไม่กลับมา...มึงหนีกู..มึงหายไปจากกู

 

อยากให้กูเป็นบ้าก่อนใช่มั้ยแกรนด์?...

 

หากอยู่แบบนี้ต่อไป...ได้เสียสติจริงๆแน่...

 

ผมลืมตา ลุกขึ้นจากเตียง รวบข้าวของทั้งหมดเดินไปปิดไฟ ปิดประตูตามหลัง และสอดกุญแจห้องไว้ช่องว่างแคบๆระหว่างพื้นกับบานประตู

 

มือกำลูกบิดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังให้ เดินจากไปไม่คิดจะมองประตูบานนั้นอีกเลย...

 

 

 

 

 

โดยที่ร่างสูงไม่มีวันได้รู้เลยว่าอีกหนึ่งชั่วโมงต่อจากนี้คนที่อยากเจอมากที่สุดได้กลับมาซ้ำรอยการกระทำของเขาตั้งแต่เปิดประตูจนถึงนอนแผ่กับเตียง...

 

แต่ต่างกันตรงที่ว่า

 

คนหนึ่งกำลังเป็นบ้า

ส่วนอีกคนมีน้ำตา...

 

 

.

.

 

.

 

 

.

 

“เหี้ยพอส มึงจะทำตัวเป็นนักบุญเหรอว่ะ แค่นี้ชั่วโมงกิจกรรมก็เกิน200ชั่วโมงแล้วนะสัด ยังจะลงชื่อไปค่ายอาสาที่กาญฯอีกทำไม?” ไอ้โอเชี่ยนหันมาด่าผม ขณะที่ผมกำลังกรอกรายละเอียดของตัวเองลงใบสมัครค่าย

“คงงั้นมั้ง กูว่างๆเบื่อๆ”

“ว่างมากเลยสิมึง ลงชื่อค่ายจนตารางแน่นเอี๊ยดยิ่งกว่าเวลาเรียน”

“แถมยังไม่พอ ยาวเหยียดไปจนถึงปิดเทอมเดือนตุลา...มึงคิดอะไรของมึงเนี่ย?” ไอ้เติ้ลพูดสมทบ ไม่เข้าใจกับการกระทำของผม

 

อย่าว่าแต่มันเลย...ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องสมัครค่ายซะจนไม่มีวันหยุด ทำไมต้องเหนื่อยเกินความจำเป็น ทำไมต้องทำให้ตัวเองไม่มีเวลาว่าง

 

สาเหตุคงเป็นเพราะร่างผอมๆที่ผมพยายามมองหาอยู่ทุกวันนั้น...ไม่ได้สวมแหวน...

 

เวลาของผมคงหมดลงแล้ว…

 

ทั้งบล็อกเฟซบุคผม บล็อกไลน์ผม ทุกๆทางที่สามารถติดต่อกับมันได้ ยกเว้นเบอร์โทรศัพท์ที่ผมยังโทรติด แต่ทว่าไม่เคยมีคนรับสายเลยสักครั้ง

 

ผมต้องหาอะไรบางอย่างทำ ไม่ให้คิดถึงใบหน้าที่โหยหาติดจะซูบผอมลงกว่าแต่ก่อน และวิธีที่ผมคิดออกตอนนี้ก็คือ...เข้าค่ายอาสา

 

ถือโอกาสไปไกลๆ ทำงานก่อสร้างหนักๆ ไม่ก็สอนหนังสือ เพื่อที่จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ผมไม่อยากกินเหล้าให้ความมึนเมาดับอาการนี้ ไม่อย่างนั้น ผมจะยิ่งแย่ และก็จะทำให้พ่อกับแม่เป็นห่วงด้วย

 

“มึงไปมั้ยล่ะ?”

“เออ ไปๆ ไปแม่งหมดเนี่ยละ มึงไปแต่ขาดพวกกูได้ไงวะ ไอ้นักกิจกรรมขวัญใจอาจารย์คุณชายพอส” ไอ้โอมันว่า ซึ่งก็จริงของมัน แต่ไอ้แซคมันก็โวยวายทันที

“เห้ย อะไร กูไม่เกี่ยวสัด กูไม่ปายยยยยยยยยยยยยยย”

“มึงต้องไป กูกรอกใบสมัครชื่อมึงส่งไปแล้ว” ดีมากเพื่อนโอ ถ้าไม่ทำแบบนี้ไอ้แซคมันก็ไม่ไปหรอกครับ

“เชี่ย ไม่ถงไม่ถามเรื่องความสมัครใจกูซ๊ากคำ” มันก็บ่นไปงั้นแหละครับ แต่ถ้าจริงๆมันก็คงไป แต่ถ้าเลือกได้มันก็ไม่ไป งงกันมั้ยครับ? ช่างเถอะ

“แล้วไอ้ค่ายกาญฯนี้ไปวันไหนวะ?” ไอ้เติ้ลถาม

“วันที่14-25ตุลา” ผมตอบเรียบๆแบบไม่ได้กังวลว่ามันจะเป็นวันที่สอบไฟนอลเสร็จพอดี ในขณะที่มือกำลังรวบรวมใบสมัครของเพื่อนๆทุกแผ่นเข้าไว้ด้วยกัน

“เหี้ยพอสสสสสสสสสสสสส เพิ่งสอบไฟนอลเสร็จนะสาดดดดดดดดดดดดดด” คนถามด่าผมแบบให้รับรู้ถึงคณะบริหาร เสียงแม่งดังได้อีก “แม่งเอ๊ยย กูไม่น่าหลวมตัวเลย เอาปิดเทอมอันสุดแสนจะสบายของกูกลับคืนมา ฮืออออออออ”

“ร้องไห้หาพ่อเธอหรือ?” โดนไอ้แซคกวนตีนเข้าให้

“เห็นเธอตะโกนหาพ่อ” สัดเติ้ลยังจะร้องต่อ

“คว- กูตะโกนหาไอ้ต่อ ไอ้เฟิส ไอ้แจ๊ค ไอ้ไอ้บัง นังเปียต่างหาก” เติ้ลมันหมายถึงคนอื่นๆที่สนิทกับผมเหมือนกัน คือพวกนี้จะเป็นเพื่อนชุดเดียวที่ชอบเสนอตัวเป็นอาสาสมัครและช่วยกิจกรรมเหมือนกันผมตั้งแต่ปี1

“มึงก็รู้ว่าไอ้พวกนี้พอปิดเทอมแล้วมันจะต้องกลับบ้าน” คือพวกที่ไปไม่ได้ด้วยเนี่ย...พวกมันกลับบ้านเกิดภูมิลำเนากันครับเลยทำให้เหลือแต่ไอ้แซค ไอ้เติ้ล ไอ้โอเชี่ยนเนี่ยละที่พอจะไปค่ายอาสากับผมได้

“เออๆ แม่งงงง กูกลับบ้านละ ใกล้สอบ ต้องทำตัวดีๆ ไปละ บายยยย” แล้วไอ้เติ้ลมันก็คว้ากระเป๋าแล้วเผ่นแน่บไปอย่างรวดเร็ว

“โธ่สัดเติ้ล แม่งอ้าง จะรีบไปหาเมียละสิไม่ว่า”

“เหมือนใครบางคนแถวนี้...” คนพูดปรายสายตามาทางผม จงใจให้รู้ว่ากูเหน็บมึงนะ

“เชี่ยโอ!” ไอ้แซคขัด ทำให้ไอ้โอทำหน้าเจื่อนๆ

“เห้ยพอส คือ...เอ่อ กูไม่ได้ตั้งใจ”

“ช่างเหอะ กูเอาใบสมัครไปส่งก่อนนะ” แล้วผมก็ลุกออกมาจากตรงนั้นเลย

 

ไม่อยากให้พวกมันสงสารผม ผมไม่ต้องการคนปลอบใจ คนๆเดียวที่จะทำให้ผมพ้นจากอาการนี้ก็คือแกรนด์...

 

กี่วันแล้วที่ไม่ได้คุยกัน? กี่วันแล้วที่มันหลบผมตลอด?

 

ป่านนี้คนเค้ารู้กันทั้งมหาลัยแล้วล่ะมั้งว่าผมกับมันทะเลาะกัน แล้วผมก็เป็นคนง้อ ก็เล่นตะโกนเรียกเสียงดังทุกครั้งที่เจอ แต่ผลก็เหมือนเดิม คนถูกเรียกรีบพาร่างซูบผอมของมันหนีหายไป

 

ต้องให้กูทำยังไงว่ะแกรนด์...บอกกูหน่อยได้มั้ย?

 

จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่รู้ว่าขับรถมาถึงบ้านได้ยังไง ดีที่ไม่ชนหรือประสบอุบัติเหตุเข้าซะก่อน เดินเข้าบ้านผ่านห้องรับแขกก็ยกมือไหว้แบบอัตโนมัติ ส่วนแม่เห็นป้าน้อยบอกว่าแม่ไปโรงพยาบาลตามที่หมอนัดเพื่อทำเทสหัวใจ

 

ผมเดินขึ้นห้องตัวเอง หยิบกระเป๋าเดินทางออกมา รื้อเสื้อผ้าออกมากองๆกันไว้ ของใช้ที่จำเป็นก็ถูกนำมาวางรวมกัน ทั้งหมดถูกจัดใส่เข้ากระเป๋า

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

“ฉันเอง” เสียงพ่อพูดขึ้น

“เข้ามาได้เลยครับ”

“นี่แกรักไอ้หนุ่มน้อยนั่นจนถึงขนาดจะหนีตามกันไปเลยเหรอ?” พ่อมองผมที่กำลังรื้อหาเสื้อยืดสีดำ

“ก็อยากอยู่ครับ” ในเมื่อเล่นมาก็เล่นกลับ ถึงแม้ในใจจะอยากหนีตามไปจริงๆ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า แค่หน้ามันยังไม่อยากมองผมเลย แล้วจะให้หนีตามกันไปได้ยังไง?

“ลองดูสิ ฉันจะตัดแกออกจากกองมรดก!”

“โธ่พ่อ...พรุ่งนี้ผมต้องไปค่ายครับ” ผมบอกแบบเนือยๆ คนแก่ก็งี้ เล่นมุขเองแต่กลับจริงจังซะเอง

“ไปอีกละ ที่ไหนละ แล้วไปกี่วัน”

“สุพรรณฯครับ แค่3วัน วันอาทิตย์นี้ผมก็กลับแล้ว”

“เออดี อาทิตย์ที่แล้วก็เพิ่งกลับจากปราจีนบุรี .. แล้วคืนดีกับไอ้หนุ่มน้อยนั่นรึยัง?...อ้อ...คงยังสินะ ไม่งั้นฉันคงไม่เห็นหัวแก แล้วแกก็คงไม่อยากเสียสละเพื่อเด็กตาดำๆตามชนบทยากไร้ขนาดนี้”

“...”

“เอาเถอะ มันปัญหาของใครของมัน จัดการเองแล้วกัน ฉันไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว”

 

พ่อเดินออกไปจากห้อง ส่วนผมไม่มีอารมณ์จะจัดของต่อ ได้แต่มองปฏิทินที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน วงกลมสีแดงวงรอบตัวเลขซึ่งเป็นวันที่จัดสอบปลายภาคของทางมหาวิทยาลัยเด่นชัด ตัดกับพื้นหลังสีขาว

 

แต่สิ่งที่ผมคิดไม่ได้เกี่ยวกับวันที่จะสอบเลยสักนิด

 

1 เดือนแล้ว...ที่ไม่ได้คุยกัน

 

แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นหน้า...ได้เห็นแค่เสี้ยววินาทีก็ยังดีกว่าไม่ได้เห็นอีกเลย...

 

.

.

 

.

 

 

.

หลังจากผมกลับมาจากค่าย ผมก็โดนโทรตามจองผองเพื่อนสุดที่รักอย่างไอ้คีย์ทันที ไม่ต้องเดาหรอกครับว่ามันโทรหาผมทำไม

 

/แดกเหล้า ร้านเดิม มึงหายหัวไปนานแล้วสัด ห้ามอ้าง แต่งตัวแล้วออกมาเลย/

 

เชี่ยคีย์แม่งง...มันไม่ฟังเลยสักนิดว่าผมมีอารมณ์จะไปแดกกับมันมั้ย? แล้วนี่กูเพิ่งกลับมาจากค่าย ห่าเอ๊ยย เหนื่อยก็เหนื่อย เสือกมาสั่งกูอีก ถ้าไม่ใช่เพื่อนกูได้ด่ากลับไปแล้ว

 

ถึงแม้ในใจจะหงุดหงิด แต่นับจากนั้นไม่นานออกดี้สีขาวก็ออกตัวจากที่จอดรถของคอนโด สถานที่นัดหมายคือที่เดิม ร้านเหล้าที่ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าพวกเพื่อนสมัยม.ปลายของไอ้แกรนด์ก็ชอบมากินเหมือนกัน

 

ถ้าได้เจอมันก็คงดี

 

แต่ผมเข้าร้านมาแล้วเจอแต่ตัวใหญ่ๆของรุ่นน้องที่ตั้งชื่อได้เหมาะสมกับตัวมาก แล้วก็แต๊งกิ้วที่ควบสถานะเพื่อนเมียและเมียเพื่อนไปด้วย ไอ้ทัชก็มาด้วยแต่เห็นมันซดเอาๆแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ส่วนคนที่ผมหวังว่าจะได้เจอนั้น...ไม่เห็นแม้แต่เงา

 

สาวๆหลายคนที่ผมจำชื่อได้บ้างไม่ได้บ้างหรือแม้แต่หน้าใหม่ๆที่ไม่รู้จักต่างก็ส่งสายตาท่าทางมาให้ แต่เวลานี้ผมไม่อยากจะคุยกับสาวคนไหนทั้งนั้น ผมเลิกนิสัยนี้ตั้งแต่ตอนที่ไปพิสูจน์ตัวเองและมอบสถานะให้แกรนด์แล้ว

 

“กว่าจะเสด็จมาได้นะมึง หายหัวไปเลย” ไอ้วาครับ มันทักผมคนแรก

“กูยุ่งๆเรื่องค่าย” ตอบมันพร้อมกับนั่งลงข้างๆไอ้คีย์

“ตลอดแหละสัด นักเรียนดีเด่น เอ๊ย ไม่ใช่ ต้องเป็นนักศึกษาดีเด่นสินะ หึหึ” ไอ้ใหม่พูดพลางตักน้ำแข็งใส่แก้วให้ผม

“เออแล้วนี่มึง...ยกเลิกงานหมั้นกับหมอนแล้วจริงดิ” คีย์ถามตรงๆ

“เออ”

“หงุดหงิดไรมาวะ” คนนั่งข้างๆถาม

“เปล่า...ช่างแม่งเถอะ”

“หรือเพราะไอ้ฮาร์ท”

 

ไอ้วาเดา แต่พอผมได้ยินชื่อมันแล้วชักจะอยากได้กระสอบทรายตงิดๆ

 

จะว่าไป...ยังไม่ได้เคลียร์กับมัน

 

“มันไปเข้าห้องน้ำ”

“เรื่องนี้เป็นเรื่องของกูกับไอ้เหี้ยฮาร์ท พวกมึงไม่ต้องเสือกยื่นตีนเข้ามา” ผมสั่งพวกมันก่อนจะลุกตามที่วาบอกทันที เป้าหมายคือห้องน้ำ ก็ดีเหมือนกัน มีเรื่องในนั้น คนในร้านจะได้ไม่ต้องโดนลูกหลง

 

ก้าวเดินไปเรื่อยๆ ระยะทางหดสั้น เสียงเพลงในร้านเบาลง จนพอที่จะได้ยินอะไรบางอย่างออกมาจากห้องน้ำชาย

 

“ไอ้เหี้ยพอส!!” เสียงไอ้ฮาร์ท

 

ผมเปิดประตูเข้าไปทันที

 

“กูอยู่นี่ ไม่ต้องเรียกไอ้สัด!”

“มึงยกเลิกงานหมั้นทำไม!?” มันตะโกนใส่หน้าผม

“เสือกเหี้ยไร? ทีมึงเสือกเรื่องของกูล่ะ?” ผมตอบกลับไปแบบยียวน ตั้งใจจะยั่วโมโหมัน

“มึง...หมอนร้องไห้เพราะมึง!!!”

 

พลั่วะ!!!!

 

แม่ง ชกเข้ามาเต็มๆแบบไม่ทันให้ตั้งตัว รู้สึกชาที่ข้างแก้มลามเข้ามาในปาก ผมเอาลิ้นเลียๆข้างในสำรวจความเสียหาย

 

อืม...ไม่มีเลือด

 

“เออ!! แล้วทำไม!? แล้วมึงมีปัญญาทำอะไรได้บ้างนอกจากตามรังควาญกูไปวันๆ!!” พูดจบผมก็ไม่รอให้มันได้เถียงกลับ หมัดลุ่นๆกระทบเข้าที่ข้างแก้มมันแรงไม่แพ้ที่ผมโดนมันชกเมื่อกี้

 

ไอ้เหี้ยฮาร์ทเซ ยืดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาแข็งกร้าว

 

“หมอนดีขนาดนี้แต่มึงยังจะทิ้งหมอนไปหาอีตุ๊ดนั่น!”

 

ผลั่วะ!!!

 

อีกสักหมัด จัดไป คราวนี้ไม่รอให้มันได้ไหวตัว ผมจับหลังคอเสื้อมันกระแทกเข้ากับผนังตามจังหวะคำพูด

 

“อย่า มา ด่า แกรนด์ ว่า ตุ๊ด!” ผมพูดช้าๆเน้นย้ำทีละคำ เสียงตึงๆระหว่างคำที่ผมเว้นช่องว่างไว้ แต่แค่นี้มันยังไม่สะใจผม “ห้าม ยุ่ง กับ แกรนด์ อีก!!”

 

กระแทกไปอีก5ครั้ง ไม่ได้กะเอามันตายหรอกครับ แค่ให้มันไม่มีสติพอที่จะป้องกันตัวเอง

 

ผมปล่อยตัวมันร่วงนั่งลงกับพื้น เลือดสีแดงสดของมันไถลเปื้อนผนังนิดหน่อย ที่ขมับคงเป็นแผลเพราะมันหันข้างเข้าผนัง ผมยืนมองดูมันเอามือแตะๆดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามอง

 

“ถามจริง มึงไม่ดีใจเหรอไงที่กูยกเลิกงานหมั้น?” ผมนั่งลงยองๆถาม

“...”

“หมอนเคยมีใจให้มึง ทำไมมึงไม่ลองพยายามอีกสักนิดวะ?”

 

คนเจ็บตัวเงียบ คาดว่ามันคงกำลังสับสน ผมเลยลุกขึ้นกะว่าจะออกไปจากทีนี่ แต่ก็ต้องชะงักมือค้างเพราะประโยคที่เอ่ยขึ้นมา

 

“กูไม่รู้ว่ะ...หมอนพูดถึงแต่มึง...กูเลยคิดว่าอย่างน้อยให้หมอนมีความสุขก็น่าจะดี” มันพูดเบามาก แต่ผมก็ได้ยินและหันกลับไปหาอีกครั้ง

 

“มึงไม่ใช่พระรองนะไอ้สัด”

“มึงก็ไม่ใช่พระเอกเหมือนกันแหละน่า”

“อย่างมึงมันตัวร้าย”

“งั้นมึงก็หัวหน้าบอส”

 

แปลก...ที่จู่ๆมุมปากผมก็เชิดสูง และไม่ใช่แค่ผม...ไอ้เหี้ยฮาร์ทก็เหมือนกัน

 

“เห็นว่าหมอนจะหาหนุ่มฝรั่งล่ำๆน่ากินๆ”

“...” มันมองผมอย่างงงๆ

“จะขอก็รีบขอ...กูไปล่ะ”

“เดี๋ยว”

 

ผมหยุดนิ่ง

 

“กูจะไม่พูดว่าขอโทษ กูจะไม่พูดขอให้มึงให้อภัย..แต่...มึงยังเป็นเพื่อนกับกูใช่มั้ยว่ะ?” เสียงแผ่วเบา คล้ายไม่กล้าถาม แต่สำหรับคนอย่างมันพูดออกมาได้ขนาดนี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว

 

“ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนป่านนี้มึงได้นอนที่โรงบาลแล้วสัด”

“เออ ไอ้เหี้ย ดีนะกูหันข้าง ไม่งั้นดั้งกูแหมบแน่ๆ” มันพูดพลางคลำจมูกตัวเอง “ส่วนเรื่องแกรนด์...กูว่า...ไอ้นั่นมันรักมึง ถึงกูจะไม่รู้จักมัน แต่จากสีหน้าท่าทางวันนั้น...มันดูผิดหวังในตัวมึงมาก”

 

ใช่ กูเองก็ยังจำได้ติดตา

 

“รีบๆไสหัวมึงไปปรับความเข้าใจกับเมียมึงได้ละ ... ผู้ชายนะมึง ไม่ใช่ผู้หญิง ถึงกูจะบอกว่าเกลียดเกย์แต่ที่จริงแล้วกูก็เฉยๆนะ”

“เออ”

“มีไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน”

 

 

 

 

ผมมาอยู่คอนโดเหมือนเดิมเพราะต้องการอ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาค แม้ว่าบางเวลาที่อ่านนั้นสติคล้ายจะหลุดลอยคิดถึงใครอีกคนแต่ผมก็สามารถดึงมันกลับมาได้

 

คิดถึงอนาคต คิดถึงเกรด คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดเยอะๆเข้าไว้ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งกังวลเรื่องอื่น

 

มันเองก็คงกำลังตั้งใจอ่านหนังสืออยู่สินะ

 

จำได้เลยตอนสอบมิดเทอม มันตัดขาดกับผม ไม่ยอมนอนกับผม (หมายถึงนอนเฉยๆครับ คุณคิดไปไหนครับ?) ต่างคนต่างอยู่ ตั้งใจอ่านทบทวนบทเรียน แต่นั่น...ผมยังสามารถติดต่อและคุยกับมัน ได้รับคำอวยพรกวนตีนๆจากมัน เท่านั้นผมก็มีกำลังใจในการสอบแล้ว

 

ทว่าตอนนี้มันกลับไม่ใช่...แตกต่างราวฟ้ากับเหว

 

สมาธิทั้งหมดทุ่มไปกับบทเรียนที่จะต้องสอบอีกครั้ง ตั้งมั่นในใจว่าอย่าคิดถึงมัน

 

แต่ไม่ให้คิดถึง มันก็ยิ่งคิดถึง...

 

ไม่ ไม่ ไม่ ไม่!! สนใจทฤษฎีตรงหน้าสิวะไอ้พอส

 

ผมสะบัดหัว ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา นาฬิกาบอกเวลา4ทุ่ม ยังเหลือเวลาที่จะอ่านอีก3ชั่วโมงก่อนสอบ

 

ไฟติ้ง!!!

 

คว้ามดมาเลี้ยงทำรังให้ได้!!

 

ทั้งเกรดทั้งคน ง้อกลับมาเป็นเหมือนเดิมเอาให้หวานเลี่ยนจนเอียนไปเลย!!

 

 

 

 

 

Talk

อืดๆเอื่อยๆตามคอมเม้นต์

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา