i'm not&you don't [Yaoi NC18+] END หนังสือถามได้คะ

9.2

เขียนโดย Pierre

วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 02.28 น.

  49 chapter
  69 วิจารณ์
  260.57K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559 22.56 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

39) 30 - And Then…

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

30 - And Then…

 

ผมกำลังทำอะไรอยู่?

 

หายใจ? อ่านหนังสือ? ดูทีวี? นั่งเฉยๆ?

 

คำตอบคือผมกำลังทำทั้งหมดที่กล่าวมา แต่ใจไม่ได้จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเลย เสียงละครหลังข่าวที่ดังออกมาจากโทรทัศน์มันลอยไปลอยมา จับไม่ได้ความ สัมผัสนุ่มของผ้าห่มที่กำลังนั่งทับแต่บนตักมีหนังสือเล่มหนากางอยู่ ลมหายใจผ่อนเข้า-ออกอย่างสม่ำเสมอ ให้รู้ว่ายังมีชีวิตไปพร้อมๆกับหัวใจที่เต้นได้

 

รู้ทั้งรู้ว่าอีก3วันจะสอบไฟนอล แต่ในสมองกลับกลวงเปล่า ไม่มีความรู้ที่จะต้องนำไปใช้สอบ แล้วแบบนี้มันจะผ่านมั้ย? คะแนนมิดเทอมก็ใช่ว่าจะดี

 

RRRRRRRRRRRRR

 

“...”

/กินข้าวรึยัง?/

 

เสียงที่ได้ยินทุกวัน ไม่มันก็ต้องเป็นไอ้แทนที่โทรมา กิ๊งบ้าง เมฆบ้าง เผลอๆโยยังโทรมาเลย

 

“แล้ว”

/เออ กูกำลังจะไปแดกเหล้ากับไอ้แต๊ง ไอ้บิ๊กไปมะ?/

“ไม่”

/เหยดดดดดด เป็นไปได้ ไอ้แกรนด์ปฏิเสธ หึหึ เหล้าฟรีนะครับ/

“กูอ่านหนังสืออยู่”

/อ่อ อืมๆ โอเค งั้นเดี๋ยวกูแดกเหล้าในส่วนของมึงเอง ฮ่าๆๆ กูไม่กวนละ มีไรโทรมาได้ตลอด/

 

ไอ้ทัชก็เป็นแบบนี้ เป็นห่วงเสมอ ถามนู่นถามนี่ เข้ามายุ่งวุ่นวาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยซักถามเรื่องที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ ดังนั้นผมจึงรู้สึกไม่รำคาญเลยสักนิด

 

ไม่ใช่ว่าไม่อยากกินเหล้า แต่มันไม่มีอารมณ์จะกิน ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น รสชาติข้าวเป็นยังไง? แล้วยอดข้าวล่ะ? ห่างหายไปนาน

 

ผมกินข้าว แต่กินแบบไม่รับรู้รส จืดสนิท ทั้งๆที่กินต้มยำเข้าไป คนอื่นกินกันอย่างเอร็ดอร่อย แต่ผมไม่อร่อย ยกช้อนตักเข้าปากได้ไม่ถึง5คำก็วางแล้วดื่มน้ำตาม ที่ดื่มน้ำไม่ใช่เพราะเผ็ด แต่ดื่มเพราะรู้สึกว่าจิตใต้สำนึกมันบอกว่าต้องทำแบบนี้เป็นประจำหลังกินเสร็จ

 

เช่นเดียวกับการอาบน้ำ เดินไปมหาลัย จดสิ่งที่อาจารย์พูดว่าจะออกข้อสอบ โต้ตอบกับผู้คนตามมารยาท ทั้งหมดนั่นทำลงไปเพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่สมควรทำ ซ้ำไปซ้ำมา

 

อยู่ที่มหาลัยยังดีว่ามีเพื่อนๆรอบข้างคอยพูดคุยหัวเราะ เป็นสีสันให้กับชีวิต ยกเว้นตัวผมที่ดูเหมือนจะเป็นสีเทาอยู่คนเดียว

 

ไอ้ทัชบอกให้ผมไปอยู่คอนโดกับมัน แต่ผมเกรงใจ ไม่เอาแล้ว ไม่ต้องการเป็นภาระให้ใคร

 

“มึงไม่เป็นไรแน่นะ?” แทนมันเคยถาม

“กูโอเค สบายดี”

 

ไม่อยากพูดว่า ‘ไม่ต้องเป็นห่วง’ นั่นจะยิ่งทำให้คนที่ถามเป็นห่วงมากขึ้นทวีคูณ

 

“ไอ้สัด เชื่อตายห่า”

“...”

“ลุกขึ้นๆๆๆๆๆๆๆ” แล้วไอ้แทนมันก็เข้ามาดึงตัวผม

“ไปไหน?” ผมปลิวไปตามแรงของมัน

“มานี่ๆๆ” ไอ้แทนลากผมไปแถวๆห้องน้ำแล้วหยุดลงตรงหน้าเครื่องชั่งน้ำหนัก ผมหันหน้าไปมองมัน ซึ่งมันก็มองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว “ชั่งล่าสุดหนักเท่าไหร่”

“ไม่รู้ จำไม่ได้”

“โว้ววว ช่างแม่ง ขึ้นๆ กูออกให้หนึ่งบาท คืนกูด้วยสัด” มันบ่นงุ้งงิ้งไรไม่รู้ หยอดเหรียญลงไป ตัวเลขสีแดง0.00ตัวควายๆโผล่ขึ้นมา “ขึ้นไปเด้”

 

มันผลักตัวผมให้ขึ้นไปยืนบนแท่นชั่งจนได้

 

ตัวเลขแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆจนมันคงที่

 

55.5

 

“หูวว ตองห้า..เอ๊ยไม่ใช่...ไอ้แกน มึงแอบไปตัดลำไส้ทิ้งมาใช่มั้ย??? เบาเหี้ยๆ” ไอ้แทนวิจารณ์น้ำหนักผม แล้วก็ลามมาถึงเรื่องความสูง “แต่เอ...มึงก็สูงเท่านี้...หรือว่าจะสมส่วนวะ?...ไม่ดิๆๆ ต้องหาค่า BMI ปะๆๆ กลับซุ้ม ให้ไอ้พวกนั้นคิด กูขี้เกียจ”

 

ขี้เกียจคิดเลข? แต่มึงก็สามารถลากสังขารกูมาถึงหน้าห้องน้ำได้เนี่ยนะ?

 

ผมกับมันเดินกลับไปที่ซุ้ม

 

ล่าสุดที่ชั่งคือตอนตรวจร่างกายเพื่อเอาใบรังรองแพทย์มายืนยันในการเข้ารับการศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ตอนนั้นรู้สึกจะหนัก 60 กิโลกรัม แต่พอเข้ามาเรียน ผมกินดีอยู่ดีจนรู้สึกว่าแน่นและอึดอัดตัวเองมาก น้ำหนักคงขึ้น แต่ก็ไม่ได้ชั่งเพราะตราบใดที่พุงยังไม่ยื่น ผมก็ไม่แคร์

 

แต่นี่เหลือแค่ 55.5 กิโลกรัม

 

“หา? อีแกรนด์หนักเท่าไหร่นะ?” เสียงของส้มโอ ตาโตกับน้ำหนักของผม “เชี่ยแกรนด์มึงลดยังไง บอกเคล็ดลับกูมาเดี๋ยวนี้!”

“แต่เราก็ว่าแกรนด์ผอมลงเยอะเลยนะ กินน้อยลงอะ” กิ๊งออกความเห็นบ้าง

“มันหนัก55.5 แล้วกูคิดว่ามันน่าจะหนักน้อยกว่ามึงด้วยนะนังส้ม”

“อ๊ายยยยยยย อีแทนนนนนนนนนน!!!”

 

ส้มโอมันกรีดร้องพร้อมทำตาขวางใส่ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด

 

“อีแกรนด์มึงรับไขมันกูมั้ย? เผื่อมึงจะอ้วนขึ้นบ้าง กูยินดีบริจาค แถมเงินด้วยเอ้า!!”

“โธ่อีส้ม ต่อให้มึงตัดกระเพาะหรือลำไส้ทิ้งน้ำหนักมึงก็80เท่าเดิมละว้า..”

“อีเหี้ยแทนนนน!!!!!”

 

เข้าสู่วังวนเดิมๆ ผมยิ้ม อย่างน้อยก็ยังมีพวกนี้ที่คอยอยู่ข้างๆ ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวซะหน่อย...

 

 

 

แหวนวางอยู่ตรงนั้น...

 

แหวนที่ใครบางคนเคยให้

 

แหวนที่เคยใส่มาตลอด

 

แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นแหวนที่ใส่ไม่ได้

 

ทั้งขนาดวง...

 

และ...

 

สถานะ...

 

วันที่กลับห้องมาแล้วไม่เหลืออะไร วันนั้นเป็นวันเดียวที่ผมร้องไห้ มีคนเคยบอกว่า เกิดเป็นลูกผู้ชายห้ามร้องไห้เกิน3ครั้ง...แต่เอาเข้าจริงๆ ผมว่าก็ไม่มีใครทำได้หรอก เพราะเกิดมาเป็นทารกก็ร้องไห้อุแว้ๆกันแล้ว

 

นอกซะจากเริ่มนับตั้งแต่ตอนโต ช่วงเข้าสู่วัยรุ่น วัยที่มีเรื่องราวมากมาย

 

ไม่อยากให้ใครเห็น ไม่ใช่ว่าอยากทำตัวเข้มแข็ง เพราะรู้ดีว่าตัวเองทำไม่ได้

 

“แกรนด์...พี่พอสโทรมา” ทัชยื่นโทรศัพท์ให้ มันยังไม่รับสาย

 

เพราะแบบนี้ไงถึงต้องหนี ต้องหลีกเลี่ยงไปให้ไกล ทุกวันนี้ที่เป็นอยู่กูยังไม่แย่พอใช่มั้ย? ทำไมต้องเข้ามาหา ทำไมต้องตาม ทำไมต้องตะโกนเรียก ทำไม ทำไม ทำไม

 

ทำไม!?

 

ทุกครั้งที่สบสายตา น้ำตามันพาลจะไหล

 

“มึง...จะคุยรึเปล่า?”

 

ถ้ากูอยากคุยกูรับโทรศัพท์มันไปนานแล้วทัช

 

มันเหมือนจะรู้คำตอบผม กดรับซะเอง

 

“ครับ...ก็..เอ่อ...ดีครับ...ครับ...ได้ครับ”

 

ผมแพ่งมองลายมือตัวเอง ที่เขียนเป็นคำตอบในกระดาษ สายตาทุกคู่มองมาที่ผมอย่างเป็นห่วง

 

กูขอเวลาหน่อยเถอะวะ...แล้วจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม...ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม...เหมือนตอนที่ยังไม่รู้จักกับคนคนนั้น...

 

เที่ยวเล่น ฟันหญิง แดกเหล้า ดูดบุหรี่ เฮฮาตามประสา ปากหมาไปทั่ว กร่างซะจนคนหมั่นไส้

 

เหมือนตอนต้นเทอม..เหอะๆ...ช่วงเวลาที่ได้เจอกับมัน...

 

ไม่เอาไม่คิด...ทำไมต้องคิดถึงมันอีกแล้ว...ทั้งๆที่พยายามห้ามใจไม่ให้คิด ไม่อยากพูดถึง ไม่อยากได้ยิน

 

ปิดหนังสือ ล้มตัวนอน หลับตาลง

 

กี่คืนแล้วนะที่ต้องนอนคนเดียว

 

แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็เช้าแล้ว แค่ข่มตาให้หลับก็เท่านั้นเอง

 

พรุ่งนี้ไอ้ทัช ไอ้แทน กิ๊ง เมฆ ส้ม นัดติวที่ม.

 

พรุ่งนี้ผมไม่ได้อยู่คนเดียว

 

 

 

บรรยากาศเงียบสงบ สายลมพัดอ่อนๆ ใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นปลิวไปว่อนไปตามพื้น ไม่มีแดดเปรี้ยงอย่างเคย เหมือนฝนจะตก แต่มันก็ยังไม่ตก พวกผมเลยกะว่าจะรอให้มันตกก่อน ค่อยย้ายสถานที่สถิตกันใหม่

 

ไม่มีนักศึกษาเดินพลุกพล่านอย่างปกติเพราะทางมหาลัยประกาศปิดแล้ว เหลือแต่วันสอบอย่างเดียว

 

ผมนั่งอ่านหนังสือไปเงียบๆ โดยมีเสียงเมฆอธิบายประกอบบ้างในจุดที่ไม่เข้าใจ บนโต๊ะม้าหินอ่อนเต็มไปด้วยหนังสือ กองชีท เอกสารต่างๆ รวมไปถึง เครื่องดื่ม ขนม ที่ซื้อกันมากิน

 

“ตาอ่าน สมองทำความเข้าใจ มือขวาถือหนังสือ มือซ้ายหยิบขนมป้อนเข้าสู่ปาก ส่งพลังงานเข้าสู่สมอง มันจะทำให้เราเข้าใจวัตถุทรงตันที่เกิดจากการหมุนพื้นที่รอบแกนพิกัดฉากได้มากยิ่งขึ้น”

 

“????????”

 

หน้าของทุกคนเมื่อส้มโอพูดเสร็จ

 

“หลักการอะไรของมึงวะ?...แดกเอาๆแบบนั้น กูว่ามันจะทำให้พวกกูเข้าใจวัตถุทรงตันอย่างมึงมากกว่า”

“โธ่ โง่ก็เงี้ย...อีสี่เหลี่ยมคางหมู!!”

“มึงด่ากูเหรอห๊ะ?”

“ปล๊าวววววววว ใครอยากรับก็รับไป หึหึ”

“ดอกส้ม...”

 

ยังไม่ทันที่นายแทนจะได้ตอกกลับ ก็มีคนเดินเข้ามาหา

 

“เห้ยยย พี่รอย พี่วอร์ม พี่โกเม่ สวัสดีคร้าบบบบบ” พวกผมทุกคนหันไปยกมือไหว้ พวกพี่ๆทั้ง3คนก็พยักหน้าให้

“มาทำไรกัน?” พี่รอยเริ่มถามก่อน

“โหยพี่ เล่นเป่ากบอยู่มั้งครับ”

“อ่าวเหรอ งั้นพี่เล่นด้วย ฮ่าๆๆๆ”

“พอเลยสัด ปัญญาอ่อนทั้งพี่ทั้งน้อง” เสียงโหดของพี่วอร์มดุห้าม

“กวนตีนไปงั้นแหละ...ว่าแต่พวกพี่มาทำไรอะ?”

“มาส่งใบสมัครค่าย...ไปด้วยกันมั้ยน้องทัช” พี่โกเม่เป็นคนตอบพลางส่งกระดาษที่ถือในมือมาให้พวกผมอ่าน

“โหยย นั่งกันตั้ง4 แต่กลับชวนทัชคนเดียวอะพี่โก ผมงอนแล่ว” ไอ้แทนทำหน้าทำตาได้น่าถีบมาก

“โอ๋ๆๆๆๆ ไปกันหมดเนี่ยล่ะ? ไปมั้ย? มีใบสมัครเหลืออยู่ เอาไปกรอกกันเลย เดี๋ยวพี่เดินไปส่งให้”

 

พวกผมหันมามองหน้ากัน ราวกับต้องการให้คนใดคนหนึ่งตัดสินใจ

 

“ไปหลังปิดเทอม ประมาณ2สัปดาห์ ได้ชั่วโมงกิจกรรมตั้ง80ชั่วโมงนะ สนป่าววววว”

“80เลยเหรอพี่?”

“อื้อ ครบทุกด้าน” พี่รอยช่วยสมทบ “ค่ายเนี้ยส่วนใหญ่พวกพี่ไปกันหมด เพราะรับคนเยอะอยู่ ไปสร้างโรงเรียนให้เด็กๆน่ะ”

“อ่อครับ”

“พี่วอร์มไปรึเปล่าค่ะ?” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครถาม...ไม่ใช่กิ๊งแน่นอน

“ไปครับ” พี่วอร์มตอบ ก่อนจะหันมาทางผม “มึงก็ไปด้วยกันสิวะ มัวแต่นั่งทำหน้าขี้ไม่ออกอยู่ได้ กูเห็นแล้วขัดใจ”

 

ครับ ใครจะไปหล่อเหมือนคุณพี่ละครับ...

 

“เอ่อ...” ผมกำลังจะค้าน

“เออ มึงอะ ต้องไป กูสั่ง ห้ามขัด!”

 

แม่งเอ๊ยยยยยยยย พี่รหัสใครวะ ดุอย่างกะหมาล่าเนื้อ

แล้วไม่ทราบว่าคุณพี่มึงจะถามความสมัครใจกูหาพระแสงอะไรหรือ?

 

“ทำหน้าๆ เดี๋ยวเถอะมึง...”

“เห้ยไอ้วอร์ม ขัดใจหมิงไม่ได้เลยมาลงที่ไอ้แกนเหรอว่ะ กร๊ากกกกกกกกก” พี่รอยขำกับท่าทางกร่างใส่ผมของเพื่อนตัวเอง “มึงนี่นะ...หลงเด็กดัดฟันจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วมั้ง ฮ่าๆๆๆ”

 

หืม? มันทะแม่งๆนะ

 

“คว-“ อวัยวะเพศชายถูกกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งๆ แต่ดูก็รู้ว่าคนพูดไม่คิดจะแก้ตัว

“อะแน่ะ เถียงไม่ออกละซิ หึหึ”

“หุบปากไปเลยไอ้โก...แล้วตกลงว่าไง ไอ้แกนไปแล้ว คนที่เหลือไปเปล่าครับ?” แหม ท้ายประโยคนี่ไพเราะเชียว

 

“ถ้าไอ้แกนไป กูก็ไป”

“เอ่อ..ถ้า...กิ๊งไป...ผมก็ไปครับ”

“ถ้าส้มโอไป กิ๊งก็ไปค่ะ”

“ถ้าพี่วอร์มไป ส้มโอก็ต้องไปอยู่แล้วค่ะ!”

 

เหลือคนเดียวที่ยังไม่ยืนยัน ทุกคนหันไปมองกดดัน

 

“อะไร ทำไมมองกูแบบนั้น...กูไม่พลาดเรื่องสนุกๆอยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” ไอ้แทนมันหัวเราะ ไม่รู้ว่าแม่งหัวเราะอะไร ผมไม่เห็นว่าค่ายอาสามันจะสนุกตรงไหน

 

ปิดเทอมที่คิดว่าจะกลับไปนอนบ้านให้หายคิดถึงเป็นอันต้องยกเลิกสินะ คงต้องโทรไปบอกแม่ก่อน เล่นโดนมัดมือชกขนาดนี้ ไอ้พี่รหัสเฮ็งซวยเอ๊ยยยยย

 

“เอ้า กรอกๆๆๆ ให้ครบนะจ๊ะ” พี่โกเม่แจกกระดาษแต่ละแผ่นให้ทุกคน ผมอ่านที่หัวกระดาษซึ่งเป็นรูปเกียร์พ่วงต่อกัน3เฟือง อันเป็นสัญลักษณ์ของค่ายนี้

 

‘วิศวะฯอาสา พัฒนาชนบท’

มหาวิทยาลัยXXX ครั้งที่ 18 วันที่ 14-25 ตุลาคม

ณ โรงเรียนSSS ต.GGG อ.HHH จังหวัด กาญจนบุรี

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา