i'm not&you don't [Yaoi NC18+] END หนังสือถามได้คะ

9.2

เขียนโดย Pierre

วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 02.28 น.

  49 chapter
  69 วิจารณ์
  260.58K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559 22.56 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

31) 26 - I'm yours (1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

26 - I'm yours (1)

 

 

“อุ๊ย T1 นายเห็นเหมือนที่เราเห็นมั้ย?”

“เห็นสิT2 เด่นตำตาที่นิ้วนางเลยล่ะ”

“จะแต่งเมื่อไหร่ก็บอกด้วยนะจ๊ะว่าที่เจ้าสาว จะไปเป็นประตูเงินประตูทองให้”

“สัด! หุบปากแล้วตั้งใจเรียนไปเลยพวกมึง”

“เอ้าๆ แซวมาก แกรนด์เค้าเขินหน้าแดงไปหมดแล้วครับทัชแทน” นี่มึงก็เป็นไปกับเค้าด้วยเหรอวะไอ้เมฆ

 

ไอ้พวกเพื่อนๆแซวกันอย่างสนุกปาก คนที่ซวยจะเป็นใครละครับถ้าไม่ใช่ผม

ไอ้เหี้ยพอสสสสสสสสสสสส เพราะมันคนเดียวววววววววววววว

 

เสือกใช้ด้ายที่มันเด่นกว่าชาวบ้านยังไม่พอ มันดันมาผูกบนนิ้วนางให้ผมอีก ไอ้เมื่อคืนน่ะก็ดีใจจนลืมไปว่าวันพรุ่งนี้ต้องพบกับอะไร ทันทีที่ผมเข้าห้องมา หูตาไวอย่างไอ้ทัชมันก็เห่าทันที ส่วนไอ้แทนก็ไม่รอช้าสมทบ ตบท้ายด้วยนายเมฆอย่างที่เห็นนั่นแหละครับ กิ๊งที่นั่งข้างๆก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

 

“อีแกรนด์มึงแย่งว่าที่สามีกู!!!”

 

นั่นไงครับ เจ้าแม่ที่แอบอ้างว่าคนหล่อเป็นผัวตัวเองได้ทุกสารทิศ ไม่สนว่าคนๆนั้นจะเป็นใครและมีเมียแล้วหรือยัง นังส้มโอมันสามารถมโนภาพว่ามันได้เสียกับคนหล่อคนนั้นได้โดยไม่รู้สึกผิดครับ

 

ผมไม่ได้ตอบกลับอะไรมันไป ไว้ค่อยเคลียร์หลังเลิกคลาส เพราะตอนนี้อาจารย์ที่กำลังบรรยายหน้าห้องหันมามองที่กลุ่มพวกผมอย่างตำหนิๆแล้วครับ

 

แม้จะรู้สึกแปลกบริเวณนิ้วเพราะไม่ผมไม่ชอบสวมใส่เครื่องประดับทุกชนิด อยากจะถอดเพื่อตัดปัญหาไม่ต้องพบกับสายตาของคนอื่นที่มองมาอย่างจับผิด ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย คนพวกนั้นตวัดสายตามาที่มือผมแล้วมองหน้าผมทันที แต่พอผมมองกลับไป คนพวกนั้นก็รีบหลบสายตาแล้วหันไปซุบซิบกันแทน ตลอดทางที่เดินไปโรงอาหาร ผมเจอกับสายตาเหล่านี้

 

มันมีทั้งดีและร้ายในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกเหมือนตัวประหลาด โดนประณามจากสังคม จนในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว ขอเลือกที่จะถอดเส้นด้ายที่ผูกอยู่บนนิ้วนางออกเก็บใส่กระเป๋าดีกว่า ไว้ตอนเจอไอ้เหี้ยพอสค่อยใส่ก็ได้

 

แต่ยังดีที่ไอ้ทัช ไอ้แทน เมฆ กิ๊ง ส้มโอ มันเข้าใจ พวกมันเลยไม่ล้ออะไรมากมาย อีกทั้งยังมีคำพูดปลอบแบบหมาๆส่งมาให้กำลังใจด้วย

 

“สาดดดด กลัวเรตติ้งตกเหรอมึง รีบถอดออกเลยนะ” ไอ้แทนเข้ามาตบไหล่ผม “หึหึ แต่ถึงยังไงเรตติ้งก็สู้กูไม่ได้อยู่ดี”

“จ้า พ่อขวัญใจมหาชน กร๊ากกกกกกกกก”

“ไอ้ส้ม เดี๋ยวเถอะมึง” ไอ้แทนมันด่าแล้วหันไปเดินกับส้มโอที่ตามมาด้านหลัง เสียงทะเลาะของ2ตัวนี้ดังตลอดทาง ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

 

 

RRRRRRRRRRRRRRRRRRR

 

 

“มีไร?”

/อยู่ไหน/

“โรงอาหาร”

/เออ หาไรแดกซะ จะได้โตไวๆ/

“สัด”

/กูไม่ได้ไปกินข้าวด้วยอย่างร้องไห้นะ/

“พ่อมึงสิ”

/พอดีติดประชุมกับพวกชมรมบาส เข้าใจนะ อย่างอแง/

“ถ้ามึงยังไม่เลิก กูจะวาง”

/ฮ่าๆๆๆ เออ แค่นี้แหละ/

“มึงก็อย่าลืมหาไรแดกด้วย”

/เป็นห่วงกูเหรอ?/ น้ำเสียงไอ้เหี้ยพอสมันล้อเลียนจนผมหมั่นไส้

“ชอบคิดไปเองวะ”

/ฮ่าๆๆๆ/ เสียงตะโกนเรียกชื่อมันจากไกลๆดังเข้ามาในสาย /โดนตามละ แค่นี้นะ/

 

“โว้วววววว กูเบื่อคนอินเลิฟฟฟฟฟฟฟ” เอาละครับ ทันทีที่วางสายต่อมล้อเลียนของไอ้แทนก็ทำงานทันที

 

“มึงก็หาคนให้กระชุ่มกระชวยหัวใจมั่งสิวะ” ไอ้ทัชมันหันไปบอก

 

“อย่างไอ้ส้มโอหัวใจมันก็ว่างนะ”

 

“เชี่ยแกรนด์ อย่าพูดอะไรให้กูขนลุกได้มั้ย?” ฮ่าๆๆๆ ดูหน้าส้มโอมันกระอักกระอ่วนยังไงชอบกล

“ขนลุก ดีกว่าอย่างอื่นลุกนะจ๊ะ” ห่าแทนนี่ก็ด้านเกิน ผมแซวมันกับส้มโอยังเสือกลากเข้าเรื่องใต้สะดือได้

“อะไรลุก”

“ไม่รู้ววววววววว ไปหาไรกินดีกว่า” มันทิ้งให้ไอ้ส้มโองง แต่ผมพอจะเดาออกแหละครับว่าส้มโอมันรู้ว่าหมายถึงอะไร เพียงแต่เลือกที่จะตีหน้าใสซื่อไว้ก็เท่านั้น

 

ผู้หญิงนี่น่ากลัวนะครับ เห็นใสๆซื่อบางทีรู้ดีกว่าพวกผมอีก

 

ผมเดินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวแล้วมานั่งประจำที่ แต่ละคนก็สรรหาของกินมาเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน

 

“เห้ยๆ พวกมึงดูตรงโต๊ะที่อยู่ตรงเสาดิ น่ารักสัดๆ ขาวอึ๋มน่าฟัดสุดๆ” ไอ้แทนมันเรียกให้พวกผมหันไปมอง ซึ่งพวกผมก็บ้าจี้หันกันทั้งโต๊ะ “เชี่ย หันทีละคนดิวะ แบบนั้นเป้าหมายก็รู้ตัวหมด”

 

เออจริงของมัน

แต่คนที่มันให้พวกผมดูน่ารักขาวอึ๋มจริงอย่างที่ว่านั่นแหละครับ ขาวๆตัวเล็กๆอวบๆหน่อยใส่กระโปรงทรงเอกับเสื้อนักศึกษาที่กระดุมปริเล็กน้อย

 

“เห็นแล้วอึดอัดแทน อยากจะเข้าไปช่วยปลดกระดุมพวกนั้นจัง”

“หื่นตลอด” น่าน โดนกิ๊งว่าเข้าให้

“ไม่จริงนะกิ๊ง ทำไมกิ๊งชอบใส่ร้ายเรา”

“โธ่พ่อขวัญใจมหาชน อย่างมึงถ้าไม่เรียกหื่นแล้วจะให้เรียกว่าอะไร”

“เห้ยๆๆ คนที่กำลังเดินผ่านหน้าร้านข้าวมันไก่แจ่มใช้ได้” ไอ้แทนมันไม่ตอบส้มโอ แต่กลับเรียกให้ดูอีกคน สาวที่เป็นเป้าสายตาพวกผมนั้นสูงสวยดูมั่นใจแต่ก็ดูไม่หยิ่ง

“หื่นไม่พอ แถมยังเจ้าชู้อีกนะครับแทน” เมฆเงยหน้าจากราดหน้าของมันมาว่าไอ้แทนบ้าง ซึ่งไอ้แทนหันขวับกลับมาหาไอ้เมฆทันทีเลยครับ

“เจ้าชู้ไม่ใช่นิสัยพี่ ไว้น้องหน้าตาดี แล้วน้องจะเข้าใจ” มีการยักคิ้วแถมท้าย

 

กูละหมั่นไส้มันจริงๆ

 

“ไปขอเบอร์ให้กูหน่อยดิไอ้แกรนด์”

“เรื่อง”

“น่า...ไม่งั้นเดี๋ยวกูจะไปฟ้องลุงรหัสกูว่ามึงนอกใจแอบส่องสาว”

“ก็เหี้ยละ มึงเป็นคนเรียกให้กูดูทั้งนั้น”

“คิดเอาละกันนะแกรนด์ ว่าถ้ากูไปบอกพี่พอสว่า ‘แกรนด์อยากซั่มสาวคณะมนุษย์ที่ชื่อxxx’ แล้วจะเป็นยังไง”

“ไอ้เลววววววววววววววววววววววววววววว”

“อย่าชม กูขอร้อง”

 

แม่งเอ๊ยยย ทำไมกูต้องตกเป็นเบี้ยล่างมันด้วยวะ?

 

“เออ ไอ้ห่า เดี๋ยวกูไปขอให้”

“ไม่ได้ไม่ต้องกลับมานะมึง”

“สัด ลากเค้ามานั่งนี่ด้วยเลยมั้ย?”

“ได้ก็ดี”

 

คือกูประชด

 

“แล้วทำไมแทนไม่ไปขอเองละครับ” ดีมากไอ้เมฆ สมกับเป็นเพื่อนที่ดีของกูจริงๆ

“กูกลัวว่าเค้าจะไม่ให้เบอร์...แต่ให้เลขห้องมาแทนอะดิ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”

 

เอามันไปเก็บทีครับ

 

“ไอ้แกน ทำไมมึงไม่ไปขอเบอร์ให้กูสักทีวะ”

“ก็คนนั้นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้วะ”

“เวรกรรม เตี้ยแล้วยังเต่าอีก พี่พอสชอบเข้าไปได้ไงวะแม่งงงง”

 

อ๊ากกกกกกกกก ไอ้แทนนนนนนนนนนนนนนน

มึงเคยคิดถึงหัวอกกูมั้ยว่ากูจะเขินรึเปล่า สาดดดดดดดดดดดดดด

 

กูนึกว่ามึงจะเลิกแซวกูไปแล้วนะเนี่ย ห่า วกกลับมาได้ไงวะ

 

แต่ผมฟอร์ม ทำเป็นไม่สนใจ คีบเส้นในชามแล้วเอาเข้าปากเรื่อยๆจนหมดชาม

 

 

“มะม่วงเปรี้ยวมั้ย?” ขณะที่ถามมือยาวๆของนังส้มก็เอื้อมไปขโมยในถุงผลไม้ของไอ้แทนแล้วละครับ

“มัน” เจ้าของมะม่วงตอบ คนแย่งก็เอามะม่วงเข้าปาก แต่พอได้กัดคำแรกเท่านั้นแหละ...

“เหี้ย เปรี้ยวจี๊ดน้ำตาไหล มันตรงไหนวะ?” ส้มโอรีบคายแทบไม่ทัน

“มันเปรี้ยว”

“ฟวยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ” สงสัยการได้แกล้งส้มโอทำให้ไอ้แทนมีความสุขจริงๆ

 

ไอ้แทนก็ยังคงกวนตีนส้มโอไปเรื่อย แต่แล้วจู่ๆสายตาเหมือนก็มองเลยไปข้างหลังผมแล้วก็รีบหันมาบอกว่า

 

“ไอ้แกนๆ มึงรีบใส่แหวนเลย!”

“หา?”

“ไม่หงไม่หาแล้ว เพราะความซวยกำลังจะถึงตัวมึงใน 3 2 1 ... เอ่อ สวัสดีคร้าบ” คนที่นั่งตรงข้ามยกมือไหว้ใครบางคน ไอ้ทัชที่นั่งข้างผมมันเลยหันตัวกลับไปไหว้ด้วยเช่นกัน

“อ้าวพี่พอส หวัดดีครับพี่”

 

เมื่อกี้ไอ้ทัชมันสวัสดีใครนะ...?

พี่พอสงั้นเหรอ?

 

ไหนว่ามีประชุมกับชมรมบาสไง?

 

เหอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

ใครก็ได้ช่วยกูด้วยยยยยยยยยยยย T______T

 

“...”

 

รุ่นพี่อย่างมันไม่รับไหว้ใครทั้งนั้น แถมยังยืนนิ่ง สายตาจับจ้องมายังมือผมที่กำลังถือแก้วน้ำค้าง เอ่อ...แล้วทำไมกูต้องถือแก้วน้ำด้วยมือซ้ายด้วยวะเนี่ย T^T

 

ไอ้เหี้ยพอสมันไม่มองหน้าผมเลยอะ

 

มันยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก รังสีบางอย่างที่มันปล่อยออกมาทำให้พวกผมเริ่มอึดอัด ขนาดไอ้แทนที่น่าจะสนิทกับลุงรหัสตัวเองยังไม่กล้าทำลายบรรยากาศตึงเครียดแบบนี้

 

แล้วมันก็เดินจากไป...

 

ทิ้งให้พวกผมมองหน้ากัน

 

“ไอ้แกนเอ๊ยยย งานเข้าแล้วมึง” ขอบคุณสำหรับกำลังใจว่ะทัช

“เอาละสิแกรนด์น้อย พี่พอสโหมดงอน ถ้าไม่ใช่มึงพวกเราก็คงไม่มีวันได้เห็นนะเนี่ย” ส้มโอนั่งเคี้ยวมะม่วงต่อ(ไหนว่าเปรี้ยว?) สิ่งที่มันพูดทำให้ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูง

“เอาวัดไหนดีครับแกรนด์ เดี๋ยวผมจะจองไว้ให้ ศาลาไหนบอกมาได้เลย” ไอ้เมฆพูดหน้าเครียด ทำเอาผมเริ่มเครียดตามมัน

“เอ่อ..แกรนด์ตามไปง้อพี่เขาดีกว่านะ” กิ๊งแนะนำ

 

ง้อ?

คำๆนี้มันไม่มีในพจนานุกรมกับคนแบบผมเลย

 

ผมนั่งกลุ้ม ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เกิดมาไม่เคยง้อคน และไม่คิดว่าจะง้อด้วย ทั้งๆที่คิดว่าถอดแหวนแป๊บๆคงไม่เป็นไรแต่ไหงดันมาเจอเจ้าของในเวลาถึงไม่ถึงชั่วโมงแบบนี้เนี้ย

 

ซ้ำยังไม่พอ ไอ้คนที่ผมควรจะไปง้อดันเป็นผู้ชายที่ผมบอกรักมันไปเมื่อวาน

ผู้ชายตัวควายๆ เรื่องแรงไม่ต้องพูดถึง ผมจะโดนต่อยจนต้องเข้าโรงพยาบาลมั้ย? อันนี้ต้องอาศัยดวงอย่างเดียว

 

“หน้าอย่างมึงคงง้อใครไม่เป็นสินะ ดีแต่ปากหมา” นังส้มเริ่มพูด “งั้นเดี๋ยวกูจะช่วยบอกวิธีการง้อก็แล้วกัน ถือซะว่าสงสารพี่พอสที่ต้องมาเจอคนแบบมึง”

 

มันแปลกๆ ตกลงจะช่วยหรือจะด่ากู เอาสักอย่าง

 

“อันดับแรก หยิบแหวนขึ้นมาใส่ซะ”

.

.

 

.

 

 

.

 

ตลอดทั้งวันไอ้เหี้ยพอสมันไม่ยอมคุยกับผมเลย ไลน์ก็ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ กะว่าเลิกเรียนแล้วจะไปหามันแต่ปัญหาคือตัวผมเองก็ไม่รู้จะไปตามมันที่ไหนเนี่ยสิ

 

โว๊ยแม่งงงงงง จะเล่นตัวไปถึงไหนวะ

 

ผมได้แต่บ่นในใจ แต่ความจริงนั้นก็ยังไม่ละทิ้งความพยายามที่จะติดต่อมัน ผมตัดสินใจเดินไปยังโต๊ะประจำที่พวกเพื่อนๆมันชอบนั่ง

 

โต๊ะหน้าห้องสโมนั่นเอง

 

ดีที่ว่าเหลือแต่พี่แซค พี่โอ และพี่ๆอีกสัก2-3คนที่ผมไม่รู้จัก

 

“หวัดดีครับพี่” ผมพูดพร้อมกับยกมือไหว้ พี่แซคกับพี่โอหันมารับไหว้ผม

“หลานรหัสกูถ่อมาถึงนี้ มีไรวะ”

“เอ่อ....” ผมอึกอัก สายตาแต่ละคนที่จับจ้องมาเล่นเอาคำพูดที่จะถามกลืนหายลงคอไปหมดเลย

“มาหาไอ้เชี่ยพอสล่ะสิ” กลายเป็นพี่โอที่พูดขึ้นแทน สายตาที่เหมือนกับได้เห็นของเล่นนั้นทำเอาผมนึกหวาดระแหวง เอาอะไรแน่นอนกับคนพวกนี้ไม่ได้หรอกครับ ยิ่งเป็นเพื่อนไอ้พี่พอสแล้วด้วย พวกพี่เค้าคบด้วยกันได้แสดงว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกันอย่างแน่นอน

“อยากรู้มั้ยว่ามันอยู่ไหน?” คนที่ถามเป็นรุ่นพี่ที่ผมไม่รู้จักชื่อ แต่คาดว่าคงเป็นเพื่อนในกลุ่ม ต่อจากสายตาที่ราวกับว่าผมเป็นของเล่นที่น่าสุกของพี่โอ ต้องมาเจอกับสายตาท้าทายของพี่คนนี้อีก

 

จะเอาอะไรกับกูหนักหนาวะ?

 

“แหวนที่นิ้วนางเก๋ดีนะ เหมือนเส้นด้ายของไอ้พอสที่บายศรีให้รุ่นน้องเลย หึหึ”

 

นั่น ผมว่าแล้วว่าต้องไม่พ้นประเด็นนี้

 

“กูยังจำได้เลยตอนที่มันเข้ามาขอตังค์ตอนรับน้องอะ ปากหมาสัด .. แต่ไหงกลับเป็นงี้ได้วะเนี่ย”

“หึหึ โดนไอ้พอสปราบมาอะดิ มึงไม่น่าถาม”

“มันเปลี่ยนรสนิยมจากข้างหน้ามาเป็นข้างหลังแล้วเหรอวะ ไม่ยักรู้”

“อย่าบอกนะว่าที่มันเดินไปบอกเลิกสาวแต่ละคนพร้อมกับโดนตบกลับมาเพราะไอ้เด็กนี่”

 

คือพวกพี่จะคุยกันอีกนานไหมครับ กูรีบ

 

ผมชักสีหน้า ซึ่งพี่แซคเห็น

 

“เอ้า ทำหน้าแบบนั้น ไม่พอใจไรก็บอกตรงๆได้นะ” เหมือนจะหาเรื่อง แต่เปล่า...ผมรู้เพราะไอ้ลุงรหัสมันยังยิ้มๆอยู่เลย “แต่ถ้าไม่พอใจไรจริงๆก็จะมาโทษพวกพี่ไม่ได้ ไปบอกไอ้พอสมันเองแล้วกัน มันอยู่ที่โรงยิม ซ้อมบาสวะ โชคดีนะหลานรัก ฮ่าๆๆ”

 

ผมรีบยกมือไหว้ขอบคุณแล้วตรงดิ่งไปยังสถานที่ที่ไอ้ตัวต้นเหตุให้ผมมาพบเจอกับสายตาแปลกๆของทั้งมหาลัยทันที

 

ผมทำเป็นไม่เห็นสายตาเหล่านั้น ทนๆใส่ตามคำแนะนำไอ้ส้ม ระหว่างทางที่เดินไปก็กำหมัดแน่น อยากจะชกใครสักคน และจะยินดีเป็นอย่างยิ่งถ้าหมัดนี้ได้อยู่บนหน้าหล่อๆที่ทำให้ผมวุ่นวายกับชีวิตตัวเองแบบนี้

 

ไม่นานนักผมก็มาถึงโรงยิม เสียงตะโกนดังไปทั่วบริเวณพร้อมๆกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดของรองเท้าและลูกบาส ผมพยายามทำตัวลีบ ลอบเดินเข้ามาอย่างเนียนๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังสนามบาสที่ผมเคยลงเล่น(แม้จะชั่วคราวก็เถอะ) บนพื้นที่โล่งๆมีเส้นหนาขัดแบ่งสัดส่วนขอบเขตอย่างชัดเจนมีผู้เล่นทั้ง10คนกำลังวิ่งไปมาเพื่อแย่งลูกกลมๆลูกเดียว

 

หนึ่งในนั้นคือคนที่ผมต้อง ‘ง้อ’

 

มันอยู่ในมาดนักกีฬาที่สาวๆหลายคนพอได้เห็นแล้วเป็นต้องหลง ด้วยเสื้อยืดสีเข้มธรรมดาๆที่โชกไปด้วยเหงื่อกับกางเกงบอลที่มีขายตามท้องตลาดซึ่งขัดกับรองเท้าแบรนด์หรูดูดีมีระดับ และที่เหลืออีก9คนนั้นก็มาในมาดนี้เช่นกัน แต่ไอ้เหี้ยพอสมันใส่แล้วทำให้ราคาเสื้อกับกางเกงพุ่งขึ้นสูงผิดกับคนอื่นที่ใส่แล้วก็สามารถตีราคาเสื้อได้อย่างสบายๆ

 

ระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าจะรอดักมันตรงไหนดี จู่ๆก็มีเสียงเรียกของเพื่อนมันที่ทำให้ผมอยากจะเข้าไปต่อยปาก

 

“เห้ย! นั่นมันไอ้เตี้ยที่อยากดั้งค์แล้วไม่เจียมสังขารนี่หว่า!”

 

พรึ่บ!

 

คนหันมามองทั้งโรงยิม

 

ขอบคุณไอ้กร๊วกนั่นที่ทำให้กูเป็นจุดเด่นได้โดยไม่ต้องพึ่งหน้าตา

 

แม่งงงงงงงงงงงงงง

 

เป้าหมายกูรู้ตัวเลยไอ้สาด เห็ยมั้ยว่ามันทิ้งลูกบาสปล่อยให้มันเด้งไม่มีใครสนใจแบบเมื่อกี้แล้วเดินเข้าห้องเปลี่ยนชุดเลย

 

สาบานเลยว่ามันหันมามองผมเพียงแค่แว๊บเดียวจริงๆ ไม่ถึง1วิด้วยซ้ำ

 

เจ็บสัดๆเลยวะ

 

แต่ขอโทษเถอะนี่กูมาง้อมึงนะ ทำเมินกูเหรอ เดี๋ยวได้โดน

 

มันหายเข้าไปในห้องสักพักก็เดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าเป้ที่คาดว่าข้างในคงไว้สำหรับบรรจุเสื้อผ้าและรองเท้าสำหรับเปลี่ยนซ้อม ส่วนตัวมันใส่กางเกงยีนส์รองเท้าหนังและเสื้อยืดที่คลุมด้วยเสื้อช็อปทับอีกชั้น

 

“กูไปก่อนนะ”

 

ไอ้เหี้ยพอสมันบอกลากับคนในทีมก่อนจะก้าวไปยังทางออกแบบไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัว

 

แม่งจะรีบไปไหนวะ

 

แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะครับนอกจากวิ่งตามมันไป ได้แต่คาดโทษไอ้คนที่บังอาจทำให้เป้าหมายผมรู้ตัวไว้ในใจ

 

คราวหน้าเจออีกกูทบต้นทบดอกแน่มึง ทั้งตะโกนให้กูอับอาย ทั้งทำให้ไอ้เหี้ยพอสมันรู้ตัว

 

ด้วยความที่ขาไอ้เหี้ยพอสยาว ไอ้เหี้ยพอสเดินเร็ว ทำให้มันนำผมไปไกลลิ่ว เห็นแค่แผ่นหลังมันว่าเลี้ยวหายไปทางจอดรถของคณะ

 

รู้สึกผิดที่ตัวเองขาสั้นก็งานนี้แหละครับ

 

ถ้าหากผมยังคงเดินแบบนี้มีหวังไอ้เหี้ยพอสได้ขับรถหนีไปไกลก่อนที่ผมจะถึงตัวมันอย่างแน่นอน ดังนั้นผมจึงเริ่มออกวิ่ง คิดซะว่าตัวเองเป็นนักกีฬาวิ่งมาราธอนสักระยะก็แล้วกัน ใส่สปีดเต็มที่ เร่งเครื่องเต็มกำลัง เส้นชัยอยู่ไม่ไกลจากนี้แล้ว

 

และนั่น มันกำลังเปิดประตูรถ

 

แรงเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ผมขออุทิศให้กับการวิ่งครั้งนี้

 

“แฮ่ก..แฮ่ก..ไอ้เหี้ย กูวิ่งประเพณี...แฮ่ก..ยังไม่เหนื่อยเท่าวิ่งตามมึงเลยสัด” ผมหอบหายใจอย่างแรง จับที่อก ก้มตัวลง ส่วนมืออีกข้างก็พยุงหัวเข่าไว้

 

ไอ้เหี้ยพอสสภาพที่กำลังจะก้าวขึ้นรถแต่กลับต้องค้างไว้เพราะผมดันมาปรากฏตัวเสียก่อน

 

“เสือกขาสั้นเอง ช่วยไม่ได้”

 

คนชมรมบาสแม่งชอบด่าคนอื่นว่าขาสั้นหรือไงวะ!

 

อยากจะสวนกลับ แต่ไอ้อาการเหนื่อยหอบมันไม่เอื้ออำนวย เลยได้แต่มองค้อนกลับไป

 

แต่ก็ยังดี...ที่มันพูดกับผมแล้ว

 

“แล้วจะยืนเป็นหมาหอบแดดอีกนานมั้ย ขึ้นรถสิวะ”

 

เออ!

.

.

 

.

 

 

.

ไฟสีแดงจากท้ายรถกำลังส่องเข้าตาผม ไม่ว่าจะโตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน มาสด้าที่จอดนิ่งสนิท นับตั้งแต่ขับออกจากมหาลัยมาไอ้คนที่ขับก็นั่งเงียบ ไม่ปริปากกวนตีนผมสักคำ

 

ดูจากเส้นทางแล้วมันคงจะกลับคอนโด...

 

นั่นทำให้ข้อแนะนำข้อที่สองของนังส้มโอมันผุดขึ้นมาในหัวผมทันที

 

 

‘จากนั้นมึงก็ตามหาพี่พอสซะ หาให้เจอด้วยนะ ไม่เจอพี่พอสก็ไม่ต้องมาเจอหน้าพวกกู’ ไอ้ทัช ไอ้แทน กิ๊ง เมฆก็หยักหน้าอย่างเห็นด้วย

‘แล้วพอเจอจะให้กูทำไงต่อ’

‘ลากไปที่คอนโดพี่พอสหรือไม่ก็โรงแรมหรูๆ แต่ไม่เอาห้องรังหนูของมึงนะ’

‘ลากไปทำไมเหรอครับ’ หน้าซื่อๆแบบไอ้เมฆทำให้ผมคิดไม่ลงจริงๆว่ามันตอแหล

‘พอถึงห้องปุ๊ป มึงก็จัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองแล้วพูดว่า.. แกรนด์พร้อมจะให้พี่พอสลงโทษแล้วครับ .. แอร๊ยยยยยยยยยย กูฟินค้า อุ๊บ’

เท่านั้นแหละครับ เม็ดมะม่วงก็ถูกยัดใส่ปากของคนที่เอ่ยปากว่าจะช่วยทันที 

 

 

ต่อให้ไอ้เหี้ยพอสมันโกรธมันเกลียดผมยังไง ผมก็ไม่มีทางที่จะใช้วิธีอุบาทว์ๆของนังส้มโออย่างแน่นอน

 

แต่...มันนั่งเงียบแบบนี้ กูจะทำยังไงดีวะ

 

“กูหิว”

 

ไอ้คนที่กำลังขับรถมันเหลือบมามองผมนิดนึงก่อนจะกลับไปมองท้ายรถคันข้างหน้าต่อ

 

นี่เรื่องปากท้องกูก็ไม่เป็นห่วงเลยงั้นสิ?

 

เอาสิวะ มึงไม่พูด กูก็ไม่พูด ปล่อยให้แม่งอึดอัดตายกันไปข้าง วัดกันไปเลยว่ารังสีกดดันของมึงกับเสียงท้องร้องของกูใครจะชนะ

 

สุดท้ายเสียงท้องร้องของผมก็ชนะ เพราะมันหักพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายที่แยกหน้า ซึ่งเป็นคนละทางกับคอนโดมัน

 

เย้! ผมชนะล่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ (ควรภูมิใจ?)

 

มันพามากินห้างครับ โอ้แม่เจ้า ห้างครับ ห้างสรรพสินค้า ผมตื่นเต้น บอกตรงๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมกับมันมาเดินห้างด้วยกัน

 

ยานยนต์สุดหรูหาที่จอดได้ไม่ยาก แต่ผมสงสารรถที่จอดอยู่ขนาบข้างจัง ถ้าเจ้าของรถทั้ง2กลับมาคงได้ก่นด่าไอ้เหี้ยพอสในใจส่ามึงจะเอารถหรูมาจอดเทียบรถพวกกูทำไม ฮ่าๆๆ

 

ต่อไปมาลุ้นกันละครับว่าไอ้เหี้ยพอสจะพาผมไปกินอะไร

 

มันเดินนำครับ ผมก็เดินตามเรื่อยๆ พอให้รู้ว่ามาด้วยกันแต่ไม่เดินข้างกัน มีปัญหาไรมะ? แต่พอก้าวขึ้นบันไดเลื่อนเท่านั้นละ ผมต้องรีบแทรกตัวมันขึ้นไปอยู่ชั้นที่สูงกว่า

 

สะใจโว๊ยยยยยย

สูงกว่าไอ้เหี้ยพอสแล้วววววววววววววววววว

 

ผมใช้เวลาอันน้อยนิดที่อยู่บนบันไดเลื่อนเหยียดยิ้มก้มลงมองคนที่อยู่ขั้นต่ำกว่า

 

เวลาคนตัวสูงมองคนตัวเตี้ยมันรู้สึกแบบนี้นี่เอง ... มีความสุขจริงๆ

 

ไอ้เหี้ยพอสมันหันหน้าไปอีกทางเลยครับ ทำเป็นดูโน่นนี่ แต่กูเห็นนะว่ามึงแอบยิ้มอะ ลักยิ้มที่แก้มมึงมันบุ๋มจนเห็นได้ชัดเลยวะ

 

แต่ความสุขของผมมันมีแต่ไม่กี่วินาทีหรอกครับ เพราะเมื่อถึงภาคพื้นเรียบผมก็ต้องก้มหน้าก้มตาเดินตามหลังมันต่อไป แล้วแต่บุญกรรมว่ามันจะหาอะไรให้ผมกิน

 

คุณเคยเห็นดารานักแสดงหรือคนที่มีชื่อเสียงมาสถานที่สาธารณะมั้ยครับ?

 

ไอ้เหี้ยพอสให้อารมณ์แบบนั้นเลย ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก้าวยังไง มือแกว่งกี่องศา(?) ก็จะมีคนจับตามองเสมอ ทำเอาผมเหมือนเป็นคนขับรถให้คุณชายอย่างมันไปเลย

 

รูปร่างร่างสูงโปร่ง ผิวอย่างลูกผู้ดี ผมดำขลับเพราะไม่เคยผ่านการทำสี ถึงแม้จะไม่ได้เซ็ททรงแต่ก็ยังดูดี คิ้วหนาแต่ก็ไม่ได้หนาแบบชินจังเพราะมันได้รูปกับดั้งโด่งๆที่ผมอิจฉามาตลอด นัยน์ตาสีดำชวนให้น่าค้นหา เวลามันยิ้ม เม้มปากหรือหัวเราะก็จะมีสัญลักษณ์ที่เชื่อว่าใครมีแล้วจะสวยหล่อติดอยู่ข้างแก้มซ้าย(มันมีลักยิ้มข้างเดียว) แล้วไหนจะริมฝีปากที่เคยสัมผัสนั่นอีก ทุกอย่างถูกสรรค์สร้างมาอย่างลงตัว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆถึงได้มองและสาวๆถึงได้หลงใหลในตัวมันขนาดหนัก

 

แล้วถ้าหากคุณสละเวลาสักนิด เลยมองมายังด้านหลังของชายหนุ่มรูปหล่อ คุณก็จะเห็นไอ้หนุ่มมาดแมน ถึงความสูงจะมาตรฐานชายไทยแต่หน้าตาไม่เป็นสองรองใครนะคร๊าบบบบบ

 

วงเล็บเปิดในกรณีที่ไม่นับไอ้หล่อข้างหน้าวงเล็บปิด

 

 

 

ชาบู ... ชาบู ... ชาบูววววววววววววววววว ชิ!

 

เสียงโฆษณาที่ได้ยินบ่อยๆดังเข้ามาในหูทันทีที่มันหยุดอยู่หน้าร้านนี้ ผมเหลือบไปมองไอ้คนที่กำลังบอกพนักงานว่า2ที่อย่างงงๆ

 

นี่มันเอาจริงดิ กะให้กูรอจนหิวตาลายเลยใช่มั้ย?

ช่างหาวิธีการทนมานดีแท้

 

ผมยืนรออยู่บริเวณที่มีคนรอกินเหมือนกัน จากการกะด้วยสายตาคร่าวๆมีไม่ต่ำกว่าสิบ ไอ้คนมาพาเลี่ยงไปยืนหลบอยู่ตรงมุมเสา ผมอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปถาม

 

“อีกนานปะวะ”

 

ไอ้เหี้ยพอสไม่ตอบ แต่กลับยื่นกระดาษสี่เหลี่ยมเล็กที่มีตัวเลข 124 หราอยู่บนแผ่น ผมหันไปดูตัวเลขดิจิตอลบนทางเข้าร้าน

 

115

 

อูยยยยยยยยยยย เจ็บปวดครับ

 

“เห้ย กูหิว หาร้านอื่นแดกเถอะ”

 

แต่มันนิ่งครับ ไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อนแต่อย่างใด

 

“กูหิวจริงๆ มึงไม่สงสารกูเหรอวะ”

 

เหยดเข้ พูดออกมาได้นะกู ... แต่งานนี้มันต้องทุ่มสุดตัวครับ เพราะว่าผมหิวมาก และไม่อยากรออะไรที่มันนานแบบนี้ด้วย

 

จากการพูดมันได้ผลนิดนึงคือไอ้เหี้ยพอสมันมองผมแต่ก็ยังยืนนิ่งพิงเสาอยู่ที่เดิม

 

แปลง่ายๆ...มันจะแดกชาบูชิ! และถ้าไม่ใช่ชาบูชิมันก็ไม่แดก!

 

ไอ้ชิบหาย เสือกอยากแดกไรตอนนี้วะ

 

เห้อออออออออออ ไม้ตายสุดท้าย

 

“แดกอย่างอื่นเถอะ กูเลี้ยงเอง”

 

ไอ้เหี้ยพอสเด้งตัวขึ้นมาทันที หันมายิ้มให้ผมแล้วพูดว่า

 

“กูอยากกินตับห่านวะ”

 

ห๊ะ ห๊ะ ห๊ะ!! ตับห่าน!! จะไปหาที่ไหนแดกครับ

 

“กูมีร้านที่รู้จัก”

 

แล้วมันก็เดินนำลิ่วผิวปากสบายอารมณ์ ส่วนสมองผมกำลังตีรวน...

 

บางที กูควรรอชาบูชิ

 

หรือบางทีมันอาจจะเป็นการดีก็ได้ถ้ามันได้หินตับห่าน...ไม่อย่างนั้นผมมีลางสังหรณ์ว่าผมต้องถวายตัวเองให้มันกินตับแทน

.

.

 

.

 

 

.

 

“รู้มั้ยว่าจานละเท่าไหร่” ไอ้คนตรงข้ามที่ยกผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ดมุมปากเสร็จก็ถามผมพร้อมกับยิ้มระรื่นอย่างสุขใจ สมที่ได้กินตับห่าน

 

นี่เป็นประโยคแรกที่มันพูดกับผมหลังจากที่ออกมาจากห้างนั้นและเข้ามานั่งในร้านอาหารสุดหรูแบบนี้ แอบสงสัยนิดหน่อยว่าเค้ายอมให้ผมกับมันเข้าร้านได้ยังไง คงเป็นเพราะบารมีไอ้เหี้ยพอสละมั้ง ผมถึงมีบุญได้มานั่งกินตับห่านในที่ไฮโซแบบนี้ ระหว่างการกินก็ไม่มีใครพูดอะไร ผมก็ละเลียดชิมตับห่านไปเรื่อยๆ

 

แม่งก็เหมือนตับหมูตับไก่ที่ปิ้งข้างทางนั่นแหละว้า

 

“พันห้า” มันยังคงยิ้ม ราวกับนี่เป็นตัวเลขที่ใช้คำนวณหาค่าพลังค์

 

แต่ผมเนี่ยสิ....น้ำตาจะไหล เจ็บที่กระเป๋าแหกแหวกโค้งหลุดโลกกับไอ้ราคาจานละ1500

 

แล้วเสือกสั่งมา2จาน

 

ใครจะไปรู้ละครับว่ามันจะแพงได้ขนาดนี้...เห็นเขียนบนเมนูเป็นภาษาอังกฤษว่า Foie Gras ด้วยตัวอักษรสีทองอร่ามตา ซึ่งเป็นเมนูขึ้นชื่อของร้าน แต่ไม่มีราคาบอก อยากจะสั่งไวน์มาจิบให้สมกับที่มาร้านอาหารหรูแต่...อย่าดีกว่าครับ แสงโสมก็เมาได้เหมือนกันแถมกับแกล้มก็คงไม่ต้องถึงจานละพันห้าหรอก

 

ผมก็ดันโง๊ โง่ ที่ดันสั่งมาให้มัน1จานและตัวผมเองอีก1จาน ดีนะที่หักห้ามใจไม่ให้สั่งอย่างอื่นอีก ไม่อย่างนั้นผมคงต้องเป็นเด็กล้างจานๆไปสักปี2ปี

 

ขอแอบเปิดกระเป๋าตังค์ตัวเองสักนิด คงไม่เสียมารยาทใช่ไหม?

 

แบงค์ม่วง1ใบ แบงค์แดง2ใบ แบงค์เขียวอีก3ใบ เศษเหรียญทีคาดว่าไม่น่ามีมูลค่าเกิน20บาท

 

“เอ่อ...เดี๋ยวกูมานะ จะไปเข้าห้องน้ำวะ ปวดท้องสุดๆ” ผมทำหน้าแหยแก ให้มันรู้ว่ากูปวดจริงๆ

“อย่าชิ่ง”

“โธ่...กูปวดจริงๆ”

“อั้นไว้”

 

ไอ้เหี้ยยยยยยยยย

 

“กินของหวานก่อน” มันบอกผมแล้วหันไปทางบริกรที่ยืนรออยู่แล้ว ซึ่งแค่มองตาก็รู้ใจว่าลูกค้าอยากได้อะไร ไม่นานนักพายแอ๊ปเปิ้ลชิ้นโตก็มาเสิร์ฟอยู่ตรงหน้าผมพร้อมกับถ้วยที่มีหูจับทำด้วยกระเบื้องขนาดเล็ก ข้างในบรรจุครีมซอสไว้สำหรับราดกินด้วยกัน

 

กูไม่ได้สั่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

 

เชี่ยเอ๊ย จะแกล้งกูไปถึงไหน มึงไม่เห็นน้ำตากูเหรอไอ้ห่าพอส มันจะไหลแล้วนะว้อยยยยยยย กูอยากจบมีงานดีๆทำ ไม่อยากเป็นหนี้สินให้พ่อแม่ต้องลำบากใจนะ

 

ไอ้คนตรงข้ามยังนั่งยิ้มด้วยมาดหล่อเหมือนเดิม ตัวมันเองก็มีทีรามิตสุวางอยู่ตรงหน้าเช่นกัน

 

แอบไปสั่งมาตอนไหนวะ

 

เอาเถอะ ไหนๆก็ไม่มีปัญญาจะจ่ายละ กินๆเข้าไปให้มันแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานไว้ใช้ในการล้างจานก็แล้วกัน

 

ผมมองช้อนที่เงาวับจนสะท้อนภาพใบหน้าจนๆแต่เสือกสะเออะบอกว่าจะเลี้ยงไอ้หนุ่มไฮโซอยากแดกตับห่านที่ไม่ได้เข้ากับสถานที่เลยสักนิด เบาะนุ่มที่รองตูดผมถ้าให้เดา ข้างในก็คงยัดด้วยขนฟลามิงโกสินะ พรมที่ปูเป็นทางเดินก็คงนำเข้าจากมองโกเลีย เชิงเทียนที่คั่นใบหน้าผู้ที่มาด้วยกันให้ขัดใจเล่นๆก็คงทำทางทองที่ขุดมาตั้งแต่สมัยสเวนเซ่นเปิดใหม่ๆ

 

ไอ้คุณหญิงโต๊ะโน้นจะมองมาทำไมครับ ไอ้ตัวผมไม่มีกระบังลมคุณหญิงเลยดูแปลกตางั้นสิ

 

พาลครับพาล

 

จากที่จะมาง้อมัน กะเลี้ยงข้าวให้หายงอน แต่ตอนนี้กูกลับไม่มีอารมณ์นั้นหลงเหลือแม้แต่นิดเดียว

 

ได้แต่จ้วงแป้งนุ่มๆที่สอดไส้แอ๊ปเปิ้ลหวานๆเข้าปาก ราดครีมซอสเยอะๆเพราะมันอร่อยดี ก้มหน้าก้มตากินไม่สนคงที่กำลังนั่งมองอยู่ตรงข้ามเลยสักนิด

 

กึก

 

หืม? อะไรแข็งๆในปากวะ

 

กึก กึก

 

แอ๊ปเปิ้ลทองเร๊อะ!?

 

ผมว่ามันแข็งเกินไปที่จะกินได้แล้วนะ

 

ตัดสินใจหยิบผ้าเช็ดปากที่วางบนตัก เอี้ยวตัวหลบมุมนิดๆเพื่อไม่ให้เสียมารยาทบนโต๊ะอาหาร(ที่มีมันกับผมแค่2คน) เอาผ้ามาบังปากไว้แล้วคายไอ้เนื้อแข็งๆที่เคี้ยวไม่ได้ออกมา

 

“เกือบเคี้ยวแหวนเข้าไปแล้วนะครับแกรนด์”

 

แหวนเกลี้ยงอยู่บนฝ่ามือผม ไม่อยากจะบรรยายเลยว่ามีเศษแป้งกับแอ๊ปเปิ้ลที่เคี้ยวละเอียดเกาะติดแบบหยึยๆอยู่ด้วย ผมใช้ผ้าเช็ดปากนั่นแหละเช็ดๆขัดๆถูๆแหวนจนมันสะอาด

 

และเมื่อสังเกตดูดีๆก็จะพบกับเลขแปดในแนวนอนระนาบไปกับแหวนถูกสลักไว้อยู่ตรงกลาง

 

“ขอโทษนะครับ ที่ทำให้ต้องลำบากใจกับแหวนเน่าๆ” คนฝั่งตรงข้ามเริ่มพูด สายตามองมายังเส้นด้ายขาวสลับเลือดหมูที่มันเป็นคนผูกให้เองกับมือ “พี่รู้ว่าวันนี้แกรนด์ต้องเจอกับสายตาของคนที่มองมา พี่รู้ว่าแกรนด์อึดอัด พี่ไม่โกรธแกรนด์เลยว่าทำไมแกรนด์ถึงถอดมันออก ทั้งๆที่พี่อยากให้คนทั้งโลกรู้ด้วยซ้ำว่าแกรนด์เป็นของพี่แล้ว..”

 

“ไอ้บ้าลามก...”

 

“พี่ช่วยอะไรแกรนด์ไม่ได้เลย ขนาดแค่ว่าให้คนอื่นมองเราแบบคนทั่วไป...พี่ยังทำไม่ได้...” เสียงสั่นๆนั้นเงียบไป ผมนำแหวนวางลงบนโต๊ะ

 

ความรู้สึกที่ได้ฟัง...มันบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยครับ

 

ผู้ชายคนนี้รักผม ไม่แปลกที่จะแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ผมกลับทนไม่ได้กลับสังคมรอบข้างจนต้องถอยออกมา

ผมเห็นแก่ตัว อยากอยู่ในสังคมแบบปกติ ยังแคร์สายตาคนรอบข้าง...

 

‘มึงคิดเหรอว่าพี่พอสจะไม่โดนแบบมึง เผลอๆอาจจะหนักกว่ามึงด้วยซ้ำ...พี่เค้าเป็นคนทำแหวนนี้เองกับมือ แสดงว่าพี่เค้าต้องคิดมาอย่างดีแล้วล่ะ’

 

แต่พี่พอสกลับไม่คิดแบบนั้น ไม่แคร์สายตาคนรอบข้าง แคร์แต่ผม...ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองใช่มั้ย?

 

เส้นด้ายสีขาวสลับพันเกลียวด้วยสีเลือดหมูถูกถอดออกเป็นครั้งที่สองด้วยฝีมือผม แต่หากแทนที่ด้วยโลหะเกลี้ยงเกลาที่เย็นเฉียบ คนสวมให้ก็ไม่ใช่ใคร คนเดิมกับที่ทำแหวนน่ารักๆอันเก่านั่นแหละ

 

“พี่อาจไม่ใช่คนดีถึงขนาดจะพูดว่ารักแกรนด์ตลอดไปหรอกนะ...”

 

ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองสิ่งที่ถูกสวมอยู่บนนิ้วพร้อมกับลูบไล้ไปตามสัญลักษณ์อินฟินิตี้ที่ถูกสลักลงบนแหวน

 

“คำว่าตลอดไปของใครหลายๆคนอาจจะยังไม่พ้นปี แต่เรื่อยๆของพี่คนนี้คือมีตลอดไป”

 

 

 

 

 

 

Talk

คอมเม้นต์หายยยยยยยยยยยยยย T^T

หมดกำลังใจจะลง แงๆ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา