Just a Dream…หรือแค่ฝันไป
9.4
เขียนโดย koala
วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.59 น.
13 chapter
116 วิจารณ์
33.04K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม พ.ศ. 2556 00.09 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
1) ยินดีที่รู้จัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเป็นโสดทำไม อยู่ไปก็เศร้าเหงาทรวง ไม่คิดจะหาคู่ควง...
ฟังเพลงนี้ทีไรเจ็บจี๊ดทุกทีสิน่า อยู่มาจนป่านนี้ ยังไม่เคยจะมีฟงมีแฟนกับเค้าบ้าง...สาวหน้าหวานคิดในใจ
“นี่ฟาง..ฟาง..ยัยฟางงง” เสียงแก้วเพื่อนสนิทเรียกเธอให้ตื่นจากภวังค์
“จะตะโกนทำไมฮะยัยแก้ว หูแทบแตก” สาวน้อยแหววใส่เพื่อนไปหนึ่งยก
“ก็ฉันเรียกแกตั้งหลายรอบ เห็นแกมัวแต่เหม่ออยู่ นี่แกทำงานหนักจนเอ๋อไปแล้วหรอ” สาวร่างโปร่งเถียงกลับทันควัน
“ไอ้บ้า ฉันปกติดีครบ32ดีจ๊ะ อยากลองดูไหมล่ะ” พลางทำท่านวดหมัด
“โอ้ย ใครจะกล้าหือเจ้าแม่ล่ะคะ”
คนร่างสูงกว่าโบกมือปฏิเสธเพราะทราบถึงฤทธิ์ฝ่ามือพิฆาตของเพื่อนสาวร่างเล็กตรงหน้าเป็นอย่างดี
เห็นตัวแค่นี้แรงเยอะชะมัด
“ดีมาก” คนตัวเล็กเอ่ยอย่างพอใจ
ความจริงไม่มีอะไรหรอกเราก็แกล้งกันเล่นๆนะคะ ฉันกับแก้วเป็นเพื่อนกันมานานแสนนาน เป็นสิบปีจะได้ละ
เราเรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่ป.1ยันจบม.6 เข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน
แต่ดีนะที่คนละคณะไม่งั้นคงเบื่อหน้ากันไปอีกนาน
เพื่อนในกลุ่มของฉันมีหลายคน แต่เอาที่สนิทมากจริงๆก็แก้ว
อีกคนก็ยัยเฟย์ที่ตอนนี้บินหนีพวกเราไปเรียนต่อที่อังกฤษ น่าอิจฉาจริงๆ
อ้อ ลืมบอกไปพวกเราเป็นสาวโสดยกแก๊งค์ค่ะ...
...................................................
หวอ...เสียงไซเรนรถพยาบาลมาถึงที่เกิดเหตุ พบสภาพรถที่ดูจากภายนอกค่อนข้างจะยับเยินพอตัว
หน่วยกู้ภัยกำลังช่วยชีวิตผู้ประสบภัยในรถ เป็นชายหนุ่มอายุประมาณ25ปีซึ่งนอนหมดสติอยู่
หลังจากนำร่างชายหนุ่มออกมาได้
เสียงหวอก็เปิดดังอีกครั้งเพื่อส่งสัญญาณในการนำผู้ประสบอุบัติเหตุไปยังโรงพยาบาล
ณ โรงพยาบาล
“ประกาศขณะนี้มีผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น เรียกทีมCPR เรียกทีมCPR” เสียงประกาศเรียกหน่วยช่วยปั๊มหัวใจดังขึ้น
แพทย์และพยาบาลต่างพากันรีบเข้ามาช่วยชีวิตผู้ป่วยอาการหนักที่เพิ่งมาถึงโรงพยาบาล
“อะดรีนาลีนครับ” เสียงแพทย์สั่งให้ยากระตุ้นหัวใจพลางดูนาฬิกาจับเวลาครบ2นาทีเพื่อคลำชีพจรอีกครั้ง
“คลำชีพจรไม่ได้ ปั๊มต่อครับ” แพทย์หนุ่มบอกผู้ช่วยให้ขึ้นปั๊มหัวใจต่อ
ทีมCPRพยายามช่วยชีวิตหนุ่มผู้ประสบภัยกันอย่างเต็มที่
จนเวลาผ่านไปประมาณ10นาที ชีพจรของชายหนุ่มก็กลับมาเต้นอีกครั้ง
“ติดต่อญาติได้ไหมครับ”
“ยังไม่ได้เลยคุณหมอ คนไข้ไม่ได้พกอะไรติดตัวมาเลย รถก็ไม่ใช่ของตัวเองอีก” พยาบาลสูงวัยบอกนายแพทย์
“ครับ งั้นให้ทำเรื่องนอนโรงพยาบาลไปก่อนละกัน ญาติค่อยหาทางติดต่ออีกที”
1เดือนผ่านไป...
สาวร่างเล็กแต่งตัวด้วยชุดเดรสสีอ่อนก่อนสวมทับด้วยเสื้อกาวน์สั้นปักชื่อด้วยอักษรสีเขียว พญ.ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์
เธอเดินเข้ามาในหอผู้ป่วยทักทายพยาบาลและเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ก่อนมองไปที่กระดานดูจำนวนผู้ป่วยที่เธอต้องดูแลในวันนี้ โชคดีที่วันนี้มีไม่มากนัก
เธอค่อยๆเปิดแฟ้มดูอาการของผู้ป่วยและตรวจผู้ป่วยไปทีละคนๆ จนกระทั่งถึงรายสุดท้าย...
เป็นผู้ป่วยชายอายุ25ปี มาด้วยอาการหมดสติเนื่องจากอุบัติเหตุ...
เขานอนใส่ท่อช่วยหายใจมาร่วมเดือนและยังคงไม่ได้สติ
“เคสนี้นอนมานานแล้วค่ะหมอ ยังไม่เคยเห็นญาติมาเยี่ยมเลยค่ะ ไม่รู้จะทำไง แต่อาการคนไข้ก็เท่าๆเดิมตลอดนะคะ”
เสียงพยาบาลผู้ดูแลผู้ป่วยคนนี้เอ่ยขึ้น
“คนที่นอนห้องนั้นไม่เห็นจะมีใครรอดเลยซักคน จริงๆนะคะคุณหมอ” พยาบาลคนเดิมพูดต่อ
สาวร่างบางพยักหน้ารับรู้ ก่อนเดินเข้าไปตรวจผู้ป่วยคนดังกล่าว
แอ๊ดดด...บานประตูเปิดค่อยเปิดตามแรงผลัก
บรรยากาศห้องนี้มันดูหลอนๆไงชอบกลไม่รู้ ร่างบางคิดในใจ...
พุทโธ ธัมโม สังโฆ...ฉันไม่เชื่อเรื่องผีหรือวิญญาณอะไรนะ แต่ปลอดภัยไว้ก่อนก็ดี
เธอค่อยตรวจร่างกายของชายหนุ่มตรงหน้า แม้ใบหน้าอาจจะดูซูบผอมลงไปแต่เค้าโครงหน้าเดิมคงจะหล่อเอาการอยู่
น่าแปลกที่เธอรู้สึกคุ้นเคยกับคนตรงหน้าเหลือเกิน
นี่ฉันเคยรู้จักนายมาก่อนหรือเปล่าเนี่ย...
ท้องฟ้าภายนอกเริ่มมืดครึ้ม ฝนค่อยๆกลั่นตัวเป็นเม็ดตกลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ละอองฝนเริ่มกระเด็นเข้ามาในห้อง
แพทย์สาวเดินไปเลื่อนปิดหน้าต่าง
‘เปรี้ยง’ สายฟ้าพาดผ่านจากท้องฟ้าสู่พื้นดิน พร้อมกับสาวร่างบางที่ตกใจจนเป็นลมหมดสติไป
“ขวัญอ่อนจริงๆเลยนะคุณ” เสียงเข้มๆลอยเข้าโสตประสาทของหญิงสาว
เธอค่อยๆขยับเปลือกตาขึ้นรับแสงสว่าง เห็นเงาดำๆตรงหน้า พยายามเรียกสติกลับคืนมา
เสียงใครกันนะหรือว่าจะเป็นญาติคนไข้
สายตาค่อยๆปรับให้ชัดเจนขึ้น จนสามารถมองเห็นใบหน้าของต้นเสียง
คนตัวเล็กรู้สึกช็อคไปเล็กน้อยถึงปานกลาง
เพราะสิ่งที่เห็นนั้นคือชายหนุ่มที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงแทบจะเป็นคนเดียวกับคนที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง
“กรี๊ดดดด...ผ..ผ..ผ..ผี ผีหลอก”
เธอพยายามรวบรวมกำลังขาอย่างเต็มที่ แต่ทำไมขาเจ้ากรรมดันไม่ยอมจะขยับเสียนี่
แพทย์สาวหลับตารวบรวมสติ หรือบางทีหมอนั่นอาจจะมีปาฏิหาริย์ฟื้นขึ้นมาเองได้นะ เธอภาวนาให้เป็นอย่างนั้น
แต่ก็ดูไม่เป็นผลเพราะเมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบร่างของชายหนุ่มที่เธอเห็นตรงหน้าเมื่อครู่นอนนิ่งไม่ได้สติอยู่
นี่ฉันฝันหรืออะไรกันเนี่ย โอ้พระเจ้าช่วยลูกด้วย นาทีนี้ศาสนาไหนก็ไม่สำคัญแล้ว ฮือ...
หญิงสาวพนมมือสวดมนต์หลับตาอธิษฐานแผ่ส่วนบุญกุศลแบบจัดเต็ม
~~
~~~
เงียบ...
เธอค่อยๆเปิดตาขึ้นพร้อมกับความว่างเปล่า เฮ้อ...เราหลอนไปเองเหรอเนี่ย
“นี่คุณ” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลังของเธอ หญิงสาวสะดุ้งหันกลับไปมองแล้วช็อคเป็นรอบที่2
“เยส” ชายหนุ่มทำท่าดีใจสุดขีด “คุณเห็นผมจริงๆใช่ไหม” เขาพูดต่อโดยไม่ให้เธอแทรกจังหวะเข้าไปได้
“กรี๊....”
“หยุดเลย ฟังผมก่อน” ชายหนุ่มตรงหน้าพูดก่อนที่เธอจะกรี๊ดอีกรอบ
“ผมไม่ใช่ผีนะครับ ผมยังไม่ตาย คุณก็เห็นอยู่นั่นไง” เขาชี้ไปที่ร่างไร้สติของตัวเอง
“ถ้ายังไม่ตายแล้วที่ฉันเห็นอยู่ตอนนี้มันคืออะไรล่ะ”
สาวร่างเล็กค้านขึ้น เพราะหลักการและทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าได้
นี่มันศาสตร์มืดอะไรเนี่ย ผี วิญญาณ โอ๊ย...ฉันขอเป็นลมอีกรอบจะได้ไหม สาวร่างเล็กคิดในใจ
“จะให้ผมอธิบายยังไงดีล่ะ คือผมยังไม่ตายนะ แต่วิญญาณของผมเข้าร่างไม่ได้” ชายหนุ่มหน้าเข้มพยายามอธิบาย
“คุณเป็นคนแรกที่สามารถมองเห็นและคุยกับผมได้นะ ที่ผ่านมามีคนเข้าห้องนี้มาเป็นสิบไม่เคยมีใครจะเห็นผมซักคน”
เขาพูดต่อพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม
“แต่ฉันไม่ได้อยากเห็นคุณและคุยกับคุณได้นี่นา”
แพทย์สาวตอบทันควัน พลางคว้าสร้อยพระที่คอขึ้นชี้ไปทางหนุ่มหน้าเข้ม
“นี่คุณ ดูละครมากไปเปล่า เก็บสร้อยพระของคุณไปเลย ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่ผี
ผมยังไม่ตาย ที่สำคัญผมเป็นคนดี เคยได้ยินไหม คนดีผีคุ้มอ่ะ” เขาพูดพลางยักคิ้วใส่เธอ
“และที่สำคัญถ้าผมจะทำ ทำไปนานแล้วไม่รอให้คุณมาต่อปากต่อคำกับผมได้ขนาดนี้หรอก”
“ฉันต่อปากต่อคำกับคุณยังไงไม่ทราบฮะ” คุณหมอสาวเถียงต่อ
“เอาเถอะๆ เอาเป็นว่าเรามาทำความรู้จักกันหน่อยไหมครับคุณหมอ”
“นี่ถามฉันหน่อยมั้ยว่าอยากรู้จักคุณหรือเปล่า” คำพูดของเธอทำให้หน้าชายหนุ่มสลดไปเล็กน้อย
“ถ้าคุณไม่อยากรู้จักผมก็ไม่เป็นไร แค่ทักผมบ้างก็พอแล้วล่ะ อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้ว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกใบนี้”
คุณหมอสาวอึ้งไปเล็กน้อยกับคำพูดเมื่อครู่ของชายหนุ่ม เธอจึงเอ่ยขึ้นว่า
“โอเคๆ คุณพูดซะฉันเป็นคนเลวไปเลย” สร้างรอยยิ้มให้บังเกิดบนหน้าของชายหนุ่ม
“งั้นผมป๊อปปี้หรือคุณจะเรียกผมว่าป๊อปก็ได้นะ ยินดีที่รู้จักคุณหมอนะครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวพร้อมกับส่งยิ้มตาหยี
“ฉันชื่อฟาง เออว่าแต่ชื่อจริงนายชื่ออะไร เพราะตอนนี้เขายังหาประวัตินายไม่ได้เลย” คุณหมอสาวถามกลับ
“นี่คุณไม่รู้ชื่อผมจริงๆหรอ” ชายหนุ่มทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่ทำไมไม่มีใครรู้ชื่อเขาเลย
จนอดที่จะคิดไม่ได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้มีคนต้องการให้มันเป็นแบบนี้หรือเปล่า
“งั้นผมขอให้คุณเก็บชื่อผมไว้เป็นความลับก่อนได้ไหม”
คนถามไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่แต่ก็พยักหน้ารับคำสัญญานั้นไป “ก็ได้”
“ผมชื่อ ภาณุ จิระคุณ”
========================================================
เพิ่งหัดแต่งยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ติชมกันได้เลยนะ
ฟังเพลงนี้ทีไรเจ็บจี๊ดทุกทีสิน่า อยู่มาจนป่านนี้ ยังไม่เคยจะมีฟงมีแฟนกับเค้าบ้าง...สาวหน้าหวานคิดในใจ
“นี่ฟาง..ฟาง..ยัยฟางงง” เสียงแก้วเพื่อนสนิทเรียกเธอให้ตื่นจากภวังค์
“จะตะโกนทำไมฮะยัยแก้ว หูแทบแตก” สาวน้อยแหววใส่เพื่อนไปหนึ่งยก
“ก็ฉันเรียกแกตั้งหลายรอบ เห็นแกมัวแต่เหม่ออยู่ นี่แกทำงานหนักจนเอ๋อไปแล้วหรอ” สาวร่างโปร่งเถียงกลับทันควัน
“ไอ้บ้า ฉันปกติดีครบ32ดีจ๊ะ อยากลองดูไหมล่ะ” พลางทำท่านวดหมัด
“โอ้ย ใครจะกล้าหือเจ้าแม่ล่ะคะ”
คนร่างสูงกว่าโบกมือปฏิเสธเพราะทราบถึงฤทธิ์ฝ่ามือพิฆาตของเพื่อนสาวร่างเล็กตรงหน้าเป็นอย่างดี
เห็นตัวแค่นี้แรงเยอะชะมัด
“ดีมาก” คนตัวเล็กเอ่ยอย่างพอใจ
ความจริงไม่มีอะไรหรอกเราก็แกล้งกันเล่นๆนะคะ ฉันกับแก้วเป็นเพื่อนกันมานานแสนนาน เป็นสิบปีจะได้ละ
เราเรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่ป.1ยันจบม.6 เข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน
แต่ดีนะที่คนละคณะไม่งั้นคงเบื่อหน้ากันไปอีกนาน
เพื่อนในกลุ่มของฉันมีหลายคน แต่เอาที่สนิทมากจริงๆก็แก้ว
อีกคนก็ยัยเฟย์ที่ตอนนี้บินหนีพวกเราไปเรียนต่อที่อังกฤษ น่าอิจฉาจริงๆ
อ้อ ลืมบอกไปพวกเราเป็นสาวโสดยกแก๊งค์ค่ะ...
...................................................
หวอ...เสียงไซเรนรถพยาบาลมาถึงที่เกิดเหตุ พบสภาพรถที่ดูจากภายนอกค่อนข้างจะยับเยินพอตัว
หน่วยกู้ภัยกำลังช่วยชีวิตผู้ประสบภัยในรถ เป็นชายหนุ่มอายุประมาณ25ปีซึ่งนอนหมดสติอยู่
หลังจากนำร่างชายหนุ่มออกมาได้
เสียงหวอก็เปิดดังอีกครั้งเพื่อส่งสัญญาณในการนำผู้ประสบอุบัติเหตุไปยังโรงพยาบาล
ณ โรงพยาบาล
“ประกาศขณะนี้มีผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น เรียกทีมCPR เรียกทีมCPR” เสียงประกาศเรียกหน่วยช่วยปั๊มหัวใจดังขึ้น
แพทย์และพยาบาลต่างพากันรีบเข้ามาช่วยชีวิตผู้ป่วยอาการหนักที่เพิ่งมาถึงโรงพยาบาล
“อะดรีนาลีนครับ” เสียงแพทย์สั่งให้ยากระตุ้นหัวใจพลางดูนาฬิกาจับเวลาครบ2นาทีเพื่อคลำชีพจรอีกครั้ง
“คลำชีพจรไม่ได้ ปั๊มต่อครับ” แพทย์หนุ่มบอกผู้ช่วยให้ขึ้นปั๊มหัวใจต่อ
ทีมCPRพยายามช่วยชีวิตหนุ่มผู้ประสบภัยกันอย่างเต็มที่
จนเวลาผ่านไปประมาณ10นาที ชีพจรของชายหนุ่มก็กลับมาเต้นอีกครั้ง
“ติดต่อญาติได้ไหมครับ”
“ยังไม่ได้เลยคุณหมอ คนไข้ไม่ได้พกอะไรติดตัวมาเลย รถก็ไม่ใช่ของตัวเองอีก” พยาบาลสูงวัยบอกนายแพทย์
“ครับ งั้นให้ทำเรื่องนอนโรงพยาบาลไปก่อนละกัน ญาติค่อยหาทางติดต่ออีกที”
1เดือนผ่านไป...
สาวร่างเล็กแต่งตัวด้วยชุดเดรสสีอ่อนก่อนสวมทับด้วยเสื้อกาวน์สั้นปักชื่อด้วยอักษรสีเขียว พญ.ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์
เธอเดินเข้ามาในหอผู้ป่วยทักทายพยาบาลและเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ก่อนมองไปที่กระดานดูจำนวนผู้ป่วยที่เธอต้องดูแลในวันนี้ โชคดีที่วันนี้มีไม่มากนัก
เธอค่อยๆเปิดแฟ้มดูอาการของผู้ป่วยและตรวจผู้ป่วยไปทีละคนๆ จนกระทั่งถึงรายสุดท้าย...
เป็นผู้ป่วยชายอายุ25ปี มาด้วยอาการหมดสติเนื่องจากอุบัติเหตุ...
เขานอนใส่ท่อช่วยหายใจมาร่วมเดือนและยังคงไม่ได้สติ
“เคสนี้นอนมานานแล้วค่ะหมอ ยังไม่เคยเห็นญาติมาเยี่ยมเลยค่ะ ไม่รู้จะทำไง แต่อาการคนไข้ก็เท่าๆเดิมตลอดนะคะ”
เสียงพยาบาลผู้ดูแลผู้ป่วยคนนี้เอ่ยขึ้น
“คนที่นอนห้องนั้นไม่เห็นจะมีใครรอดเลยซักคน จริงๆนะคะคุณหมอ” พยาบาลคนเดิมพูดต่อ
สาวร่างบางพยักหน้ารับรู้ ก่อนเดินเข้าไปตรวจผู้ป่วยคนดังกล่าว
แอ๊ดดด...บานประตูเปิดค่อยเปิดตามแรงผลัก
บรรยากาศห้องนี้มันดูหลอนๆไงชอบกลไม่รู้ ร่างบางคิดในใจ...
พุทโธ ธัมโม สังโฆ...ฉันไม่เชื่อเรื่องผีหรือวิญญาณอะไรนะ แต่ปลอดภัยไว้ก่อนก็ดี
เธอค่อยตรวจร่างกายของชายหนุ่มตรงหน้า แม้ใบหน้าอาจจะดูซูบผอมลงไปแต่เค้าโครงหน้าเดิมคงจะหล่อเอาการอยู่
น่าแปลกที่เธอรู้สึกคุ้นเคยกับคนตรงหน้าเหลือเกิน
นี่ฉันเคยรู้จักนายมาก่อนหรือเปล่าเนี่ย...
ท้องฟ้าภายนอกเริ่มมืดครึ้ม ฝนค่อยๆกลั่นตัวเป็นเม็ดตกลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ละอองฝนเริ่มกระเด็นเข้ามาในห้อง
แพทย์สาวเดินไปเลื่อนปิดหน้าต่าง
‘เปรี้ยง’ สายฟ้าพาดผ่านจากท้องฟ้าสู่พื้นดิน พร้อมกับสาวร่างบางที่ตกใจจนเป็นลมหมดสติไป
“ขวัญอ่อนจริงๆเลยนะคุณ” เสียงเข้มๆลอยเข้าโสตประสาทของหญิงสาว
เธอค่อยๆขยับเปลือกตาขึ้นรับแสงสว่าง เห็นเงาดำๆตรงหน้า พยายามเรียกสติกลับคืนมา
เสียงใครกันนะหรือว่าจะเป็นญาติคนไข้
สายตาค่อยๆปรับให้ชัดเจนขึ้น จนสามารถมองเห็นใบหน้าของต้นเสียง
คนตัวเล็กรู้สึกช็อคไปเล็กน้อยถึงปานกลาง
เพราะสิ่งที่เห็นนั้นคือชายหนุ่มที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงแทบจะเป็นคนเดียวกับคนที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง
“กรี๊ดดดด...ผ..ผ..ผ..ผี ผีหลอก”
เธอพยายามรวบรวมกำลังขาอย่างเต็มที่ แต่ทำไมขาเจ้ากรรมดันไม่ยอมจะขยับเสียนี่
แพทย์สาวหลับตารวบรวมสติ หรือบางทีหมอนั่นอาจจะมีปาฏิหาริย์ฟื้นขึ้นมาเองได้นะ เธอภาวนาให้เป็นอย่างนั้น
แต่ก็ดูไม่เป็นผลเพราะเมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบร่างของชายหนุ่มที่เธอเห็นตรงหน้าเมื่อครู่นอนนิ่งไม่ได้สติอยู่
นี่ฉันฝันหรืออะไรกันเนี่ย โอ้พระเจ้าช่วยลูกด้วย นาทีนี้ศาสนาไหนก็ไม่สำคัญแล้ว ฮือ...
หญิงสาวพนมมือสวดมนต์หลับตาอธิษฐานแผ่ส่วนบุญกุศลแบบจัดเต็ม
~~
~~~
เงียบ...
เธอค่อยๆเปิดตาขึ้นพร้อมกับความว่างเปล่า เฮ้อ...เราหลอนไปเองเหรอเนี่ย
“นี่คุณ” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลังของเธอ หญิงสาวสะดุ้งหันกลับไปมองแล้วช็อคเป็นรอบที่2
“เยส” ชายหนุ่มทำท่าดีใจสุดขีด “คุณเห็นผมจริงๆใช่ไหม” เขาพูดต่อโดยไม่ให้เธอแทรกจังหวะเข้าไปได้
“กรี๊....”
“หยุดเลย ฟังผมก่อน” ชายหนุ่มตรงหน้าพูดก่อนที่เธอจะกรี๊ดอีกรอบ
“ผมไม่ใช่ผีนะครับ ผมยังไม่ตาย คุณก็เห็นอยู่นั่นไง” เขาชี้ไปที่ร่างไร้สติของตัวเอง
“ถ้ายังไม่ตายแล้วที่ฉันเห็นอยู่ตอนนี้มันคืออะไรล่ะ”
สาวร่างเล็กค้านขึ้น เพราะหลักการและทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าได้
นี่มันศาสตร์มืดอะไรเนี่ย ผี วิญญาณ โอ๊ย...ฉันขอเป็นลมอีกรอบจะได้ไหม สาวร่างเล็กคิดในใจ
“จะให้ผมอธิบายยังไงดีล่ะ คือผมยังไม่ตายนะ แต่วิญญาณของผมเข้าร่างไม่ได้” ชายหนุ่มหน้าเข้มพยายามอธิบาย
“คุณเป็นคนแรกที่สามารถมองเห็นและคุยกับผมได้นะ ที่ผ่านมามีคนเข้าห้องนี้มาเป็นสิบไม่เคยมีใครจะเห็นผมซักคน”
เขาพูดต่อพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม
“แต่ฉันไม่ได้อยากเห็นคุณและคุยกับคุณได้นี่นา”
แพทย์สาวตอบทันควัน พลางคว้าสร้อยพระที่คอขึ้นชี้ไปทางหนุ่มหน้าเข้ม
“นี่คุณ ดูละครมากไปเปล่า เก็บสร้อยพระของคุณไปเลย ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่ผี
ผมยังไม่ตาย ที่สำคัญผมเป็นคนดี เคยได้ยินไหม คนดีผีคุ้มอ่ะ” เขาพูดพลางยักคิ้วใส่เธอ
“และที่สำคัญถ้าผมจะทำ ทำไปนานแล้วไม่รอให้คุณมาต่อปากต่อคำกับผมได้ขนาดนี้หรอก”
“ฉันต่อปากต่อคำกับคุณยังไงไม่ทราบฮะ” คุณหมอสาวเถียงต่อ
“เอาเถอะๆ เอาเป็นว่าเรามาทำความรู้จักกันหน่อยไหมครับคุณหมอ”
“นี่ถามฉันหน่อยมั้ยว่าอยากรู้จักคุณหรือเปล่า” คำพูดของเธอทำให้หน้าชายหนุ่มสลดไปเล็กน้อย
“ถ้าคุณไม่อยากรู้จักผมก็ไม่เป็นไร แค่ทักผมบ้างก็พอแล้วล่ะ อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้ว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกใบนี้”
คุณหมอสาวอึ้งไปเล็กน้อยกับคำพูดเมื่อครู่ของชายหนุ่ม เธอจึงเอ่ยขึ้นว่า
“โอเคๆ คุณพูดซะฉันเป็นคนเลวไปเลย” สร้างรอยยิ้มให้บังเกิดบนหน้าของชายหนุ่ม
“งั้นผมป๊อปปี้หรือคุณจะเรียกผมว่าป๊อปก็ได้นะ ยินดีที่รู้จักคุณหมอนะครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวพร้อมกับส่งยิ้มตาหยี
“ฉันชื่อฟาง เออว่าแต่ชื่อจริงนายชื่ออะไร เพราะตอนนี้เขายังหาประวัตินายไม่ได้เลย” คุณหมอสาวถามกลับ
“นี่คุณไม่รู้ชื่อผมจริงๆหรอ” ชายหนุ่มทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่ทำไมไม่มีใครรู้ชื่อเขาเลย
จนอดที่จะคิดไม่ได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้มีคนต้องการให้มันเป็นแบบนี้หรือเปล่า
“งั้นผมขอให้คุณเก็บชื่อผมไว้เป็นความลับก่อนได้ไหม”
คนถามไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่แต่ก็พยักหน้ารับคำสัญญานั้นไป “ก็ได้”
“ผมชื่อ ภาณุ จิระคุณ”
========================================================
เพิ่งหัดแต่งยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ติชมกันได้เลยนะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ