โรงเรียนป่วน ชวนให้ซ่า
เขียนโดย prince_ice
วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 19.34 น.
แก้ไขเมื่อ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 14.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
20) ภารกิจตามล่าไอ้แว่น (อดีตอันแสนเจ็บปวด) ตอนแรก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ" แก้ว part "
วันนี้พวกเรา FFK มีภารกิจที่สำคัญ คือจะต้องตามสืบบุคคลที่ฉันคิดว่าจะมีข้อมูลมากที่สุดในกลุ่ม ยัยมีนเคยบอกว่าไอ้หมอนี่ไม่เคยพูดเคยจา คนอะไรไม่พูดเลยสักนิด คนแบบนี้ก็มีด้วยเหรอเนี่ย คราวนี้ล่ะจะต้องรู้ให้ได้เลยว่าไอ้แว่นจูงเป็ดบ้านั่น มันเป็นใครกันแน่ ตอนนี้ฉัน ยัยฟางและยัยเฟย์ ก็กำลังเดินตามหาไอ้แว่นนั่นที่ไม่รู้ว่ามันอยู่แห่งหนไหนกันแน่ แต่พวกเราก็ไม่ท้อหรอก หลังจากสืบข้อมูลจากไอ้พวกK-Otic บ้านั่นมาแล้ว 3 คน แล้ว มันก็สอนให้เรารู้ว่า ความสำเร็จจะมีได้ ก็ต่อเมื่อเราพยายามมากแค่ไหนก็เท่านั้น ดังนั้นพวกฉันก็คงต้องเดินร่อนเร่ตามหาหมอนั่นต่อไป
" ยัยแก้ว เธอคิดว่าไอ้หมอนั่นมันจะมุดหัวอยู่ไหนกันล่ะ " ยัยฟางถามฉันขึ้นมา ดูคุณเธอท่างทางจะเหนื่อยหน้าดู
" แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไง ฉันไม่ใช่แฟนมันซะหน่อย " ฉันตอบกลับอย่างเซงๆ
" ก็เธออยู่ห้องเดียวกับมันนี่ " คำพูดของยัยเฟย์ทำให้ฉันนึกอะไรบางอย่างออก
" จริงด้วยสิ ฉันอยู่ห้องเดียวกับมันนี่นา ตอนฉันออกมาก็เห็นมันนั่งอยู๋ในห้องอยู่เลย " ฉันอธิบายให้เพื่อนของฉันเข้าใจ เห้ออ~!!! ฉันนี่โง่จริงๆเลย จากนั้นพวกเราก็รีบแว้นไปที่ห้องเรียนทันที
------------------------------------------------------------------------------------------------
>>>> ม.5 ห้อง A <<<<
พอพวกเราที่เรียกได้ว่าใช้ความเร็วในการวิ่งที่สูงที่สุด ก็มาถึงจุดหมาย ในห้องเรียนของฉันในช่วงพักกลางวันเนี่ย ไม่มีคนอยู่สักคน (เพราะไปกินข้าวกันหมดน่ะสิ) แต่ก็มีไอ้แว่นนั่นที่ตอนนี้ มันนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว
" ยัยแก้ว เพื่อนเธอนี่แปลกแฮะ ตั้งแต่เห็นมันมาก็มั่วแต่อ่านหนังสืออยู่นั่นแหละ ทำตัวบ้าเรียน น่าเบื่อที่สุด " ยัยเฟย์บ่นออกมา
" ใครบอกว่าฉันเป็นเพื่อนกับเจ้านั่นล่ะห่ะ " ฉันตอบยัยเฟย์ ด้วยท่าทางที่หงุดหงิด
" ทำไมเธอต้องวีนใส่ฉันด้วยล่ะ " ยัยเฟย์ถามฉัน แต่ดูเหมือนเธอกำลังจะร้องไห้ จากนั้นไอ้แว่นที่เมื่อตะกี้ยังนั่งอ่านหนังสือ ตอนนี้เขากลับเงยหน้ามองมาทางพวกเรา ด้วยแววตายังกับคนไร้ความรู้สึก
" ดูหมอนั่นดิ น่ากลัวชะมัด เอาแต่จ้องพวกเราอยู่ได้ ฉันว่ารีบออกจากห้องนี่กันเถอะ " ยัยฟางพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นระริก อย่างกับกลัวอะไรบางอย่าง
" ไม่ได้ ยังไงๆ วันนี้พวกเราต้องเค้นข้อมูลของมันออกมาให้ได้ " ฉันพยายามปลอบใจทุกคน
" งั้นเธอก็เข้าไปคุยกับมันเองล่ะกัน " ยัยฟางทิ้งระเบิดให้ฉันแท้ๆเลย เอาไงดีเนี่ย ที่จริงก็กลัวใบหน้าของมันเหมือนกันนะเนี่ย เอาวะ ถึงจะน่ากลัว แต่มันก็คนเหมือนกับฉันนี่ล่ะ ว่าแล้วฉันก็เดินเข้าไปหามันเพียงลำพัง ที่ตอนนี้เพื่อนๆสุดเลิฟของฉัน ต่างหลบอยู่หน้าประตูห้อง ถ้าเกิดไอ้แว่นนี่คิดจะทำอะไรฉันล่ะก็ รับรองได้เลยว่ามันต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสมแน่
" นี่ไอ้แว่น ฉะๆๆ ฉัน..มีเรื่องจะถามนาย " ฉันถามหมอนั่นอย่างกล้าๆกล้ว เพราะตั้งแต่มาเรียนก็ไม่เห็นมันพูดเกิน 2 ประโยคสักที
" เธอคิดจะทำอะไร " ไอ้แว่นตอบเสียงเรียบ
" นายพูดเรื่องอะไรของนายย่ะ " ฉันถามเจ้านั่น อย่างหงุนงง? แต่หมอนั่นก็ไม่ตอบกับมา แต่มันกลับมองหน้าฉันนิ่ง ราวกับเสือที่เห็นกวางตัวน้อย
" นี่ฉันพูดกับนายอยู่น่ะ ไม่ได้ยินหรือไง " ฉันเริ่มใช้ถอยคำที่รุนแรงมากขึ้น แต่มันก็ยังเฉย แถมดูจะไม่สนใจคำพูดของฉันเลยสักนิด
" ไอ้....จูง......เป็ดดดดดด ~!!!! " คราวนี้ฉันตะโกนใส่หน้ามันอย่างแรง ทันใดนั้นมันก็ลุกและกำลังจะเดินหนีฉัน แต่ว่าฉันก็จับทีแขนของมันไว้ทัน
" แค่นี่ก็ป๊อดแล้วหรอวะ ไอ้แว่น " ฉันต่อว่ามันทันที
" ทำไมเธอถึงคิดอยากจะเป็นศัตรูกับพวกเรานักล่ะ " ไอ้แว่นหันมาพูดกับฉัน
" นี่นาย พูดให้มันรู้เรื่องหน่อยไม่ได้รึไง " ฉันชักจะรำคาญเต็มทน
" ปล่อยฉัน " ไอ้แว่นใช้น้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
" ทำไม ฉันต้องทำตามที่นายพูดด้วย แค่จับนิดหน่อย ทำเป็นห่วงตัวไปได้ ไอ้ขี้แยเอ้ย " ฉันพยายามยั่วให้มันโกรธ เพราะไอ้หน้าติ๋มเคยบอกว่า ถ้ามันโกรธแล้วมันจะกลายเป็นปีศาจร้าย ซึ่งฉันเองก็อยากจะลองมานานแล้วเหมือนกัน ว่าปีศาจที่ไอ้หน้าติ่มว่ามันจะแน่สักแค่ไหน
" ฉัน-บอก-ให้-ปล่อย " เสียงของหมอนั่นเริ่มเปลี่ยนไป อย่างกับซาตานจากขุมนรกแน่ะ แต่ว่าเสียงแบบนั้น มันไม่ทำให้ฉันตื่นกลัวหรอกน่า
" แล้วนายจะทำไมฉันห่ะ อย่าบอกนะ ว่าจะต่อยกับฉันน่ะ " ฉันท้าทายมันไปเรื่อยๆ
" เธอเกลียดการใช้ความรุนแรงไม่ใช้รึไง แล้วก็ฉันคิดว่าพ่อของเธอน่ะ แย่ที่สุดเท่าที่โลกเคยรับรู้มาแล้วล่ะ " ไอ้แว่นจูงเป็ดทำให้ฉันอึ้งกับคำพูดของมัน แล้วก็จับที่ไหล่ของฉันไว้แน่น นี่มันรู้เรื่องของฉันได้ยังไงกัน เรื่องนี้มีแต่ฉัน ยัยเฟย์และยัยฟางเท่านั้นที่รู้
" นี่นายจะดูถูกพ่อของแก้ว มากไปแล้วนะ " ยัยฟางที่ดูเหตุการณ์ก็โผล่ออกมา พร้อมต่อว่าไอ้แว่นใหญ่เลย
" ใช่ ชักจะมากเกินไปแล้วนะ ป่ะพี่ฟางเอาเลือดหัวมันออกมาดูหน่อยสิว่าสีอะไรกันแน่ " ยัยเฟย์ดูท่าทางเอาเรื่องมาก
" ฉันว่า ฉันพูดไม่ผิดหรอก มีอย่างที่ไหนเป็นลูกของตัวเองแท้ๆ กลับทิ้งลูกไปง่ายๆ ชังเป็นพ่อที่ใช่ไม่ได้เสียจริง " ไอ้แว่นพูดอย่างเย้ยยั๋น ทำเอาฉันทนการดูถูกไม่ได้เสียแล้ว ตอนนี้ฉันโกรธมาก อยากจะฆ่าใครสักคนแล้วซิ
" แล้วพ่อแม่นายล่ะ วิเศษมาจากไหนกัน " ฉันโต้ตอบบ้าง แต่พอไอ้แว่นได้ยินฉันพูดถึงพ่อกับแม่มันแล้ว มันกลับบีบที่ไหล่ของฉันแน่นขึ้น แน่นขึ้น จนฉันรู้สึกเจ็บขึ้นมา แถมใบหน้ามันดูเหมือนจะไม่พอใจมากๆ
" อย่า-พูด-ถึง-พวกมัน-ให้-ฉัน-ได้ยิน-อีก " ไอ้หมอนี่ดูจะเริ่มกลายเป็นปีศาจแล้วซินะ
" นี่นายกล้าเรียกพ่อแม่นายว่ามันเชียวเหรอ นายมันลูกอกตัญญูดีๆนี่เอง " ยัยฟางดูจะไม่พอใจที่เจ้านี่กล้าว่าพ่อกับแม่ของตัวเอง
" พวกเธอจะไปรู้เรื่องอะไร ฉันน่ะ ต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดนั่นตลอดเวลา อย่างพวกเธอเนี่ยน่ะ แค่มีกิน เที่ยวเล่นไปวันๆ ยังจะมาบอกว่าคนนั้นดี คนนั้นไม่ดีอีก " ไอ้แว่นเริ่มปากมากแล้ว แต่แววตามันเหมือนเคยผ่านอะไรมายังไงยังงั้น ว่าแต่ความเจ็บปวดนั่นมันคืออะไรกัน แล้วทำไมถึงบอกว่าพ่อกับแม่ของมันเป็นคนไม่ดีล่ะ นายนี่ต้องมีความลับอะไรเก็บซ่อนไว้แน่ๆ
To Be Continued
>>>> เกร็ดความรู้จากโรงเรียนป่วย ชวนให้ซ่า <<<<
วันนี้เราจะมารู้จักคุณชายที่เต็มไปด้วยปริศนามากมายของกลุ่ม K-Otic กัน จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก จองเบนั่นเอง จองเบเป็นบุตรชายคนเดียวของตระกูล ปาร์ค โดยตระกูลนี้ในอดีตเป็นถึงที่ปรึกษาของพระเจ้าโจซอน ซึ่งตระกูลปาร์คเองมีความเชี่ยวชาญด้านเวทมนต์ขั้นสูง ถึงขนาดสามารถอ่านใจศัตรูได้ แต่ทว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป เทคโนโลยีก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้เวทต่างๆไม่มีอะไรจะทำ ส่วนหนึ่งจึงหันมาเปลี่ยนอาชีพเป็นพ่อค้า ไม่ก็เปิดกิจการส่วนตัว ในขณะที่รัฐบาลเล็งเห็นความหน้ากลัวของผู้ใช้เวทขึ้น จึงออกอุบายไปว่า "เวทมนต์เป็นสิ่งที่อันตรายดังนั้นเราควรที่จะกำจัดมันซะ"
จากนั้นเหล่าผู้ใช้เวทในอดีตต่างถูกฆ่า โดยการเผาทั้งเป็นคล้ายกับแม่มดในฝรั่ง ผู้ใช้เวทที่เก่งกาจต่างล้มตายกันไปเป็นจำนวนมาก และแล้วก็เหลือตระกูลปาร์ค ซึ่งเป็นตระกูลผู้ใช้เวทตระกูลสุดท้าย ซึ่งในเวลานั้นจองเบลูกของผู้นำตระกูล มีอายุเพียงแค่ 5 ขวบเศษ ในที่สุดรัฐบาลของเกาหลีก็ตามมาพบแหล่งที่ซ่อนสุดท้ายของตระกูล พวกรัฐบาลเข้ามาจับตัวพ่อกับแม่ของจองเบไป และทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม
โดยจองเบนั้นได้แต่แอบดูเหตุการณ์ในตู้เสื้อผ้า จากนั้นรัฐบาลก็จับพ่อกับแม่ของเขามัดไว้ และลงมือเผาต่อหน้าต่อตาจองเบผู้เป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล หลังจากนั้นจองเบที่ตอนแรกเป็นเด็กร่าเริงคุยเก่ง เข้ากับคนได้ง่าย ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน กลายเป็นเด็กเก็บตัวเงียบ และไม่พูดไม่จากับใครทั้งนั้น เขาโทษพ่อกับแม่ของตัวเองตลอดเวลาว่าเป็นคนไม่ดี ที่ใช้วิชาบ้าๆบอๆจนตัวเองต้องตาย และทิ้งให้จองเบต้องอยู่คนเดียว (ที่จริงคนที่ผิดก็คือฝ่ายรัฐบาลมากกว่า) เขากะเสือกกะสนมากับแม่นม ที่พาตัวเขารอดออกมาได้ จนมาอยู่ที่เมืองไทย แม่นมคือคนที่่จองเบเปิดใจมากที่สุด
อุปนิสัย จะเป็นคนที่เงียบตลอดเวลา จนดูหน้ากลัวราวกับปีศาจ จองเบไม่ชอบเวทมนต์ ถึงตัวเขาจะเป็นลูกของผู้ใช้เวทก็ตาม แต่ด้วยสายเลือดจอมเวทที่ติดตัวมา ทำให้เขามีความสามารถในการล่วงรู้จิตใจของคนอื่น (โดยสัมผัสความคิดจากพลังงานไฟฟ้าสถิตที่อยู่ในสมอง) จองเบเกลียดการร้องไห้เป็นที่สุด และไม่ถูกกับเหล้าอย่างแรง ในยามปกติดูเหมือนเขาจะไม่สนใจ หรือรู้สึกรู้สาอะไร แต่จริงๆแล้วเขาเก็บซ่อนเจ็บปวดที่เขาแบกรับ ไว้ในส่วนลึกของจิตใจเสมอมา
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ