The Gypsy Death...ต่อให้ตายยังไงก็รัก
9.1
9) เรื่องคืนนี้...
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“นะนาย...ช้ากว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ”
มือหนึ่งจับเบาะรถแน่นส่วนมืออีกข้างยังกุมอยู่ที่ขมับอาการเวียนหัวเริ่มทวีขึ้นมากอย่างรุนแรง แก้วหลุบเปลือกตาลงแน่นเพราะขืนลืมตาต่อไปมีหวังอ้วกพุ่งแน่ๆ คนขับก็ยังไม่ผ่อนขับรถราวกับว่ารถเค้าติดจรวยยังไงยังงั้น
“ถ้าขับอย่างงี้ปล่อยฉันทิ้งไว้ข้างทางดีกว่า”
“อยากโดนฆ่านักรึไงทนๆหน่อย”
โทโมะเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นไปอีกและในที่สุดก็ไม่มีรถขันไหนขับตามมาอีก แก้วถอนหายใจอย่างโล่งอก รถค่อยๆเคลื่อนตัวช้าลงจนกลายเป็นหยุดนิ่ง ใบหน้าหวานซีดเผือดจนเห็นได้ชัด ไม่คิดว่าเธอจะเวีนยหัวจนหน้าซีดได้ขนาดนี้ และเป็นเคราะห์ซ้ำหรือกรรมซัดก็ไม่รู้ที่เมื่อกลับมาสตาร์ตรถเพื่อจะพาไปโรงพยาบาลรถกลับไม่ติด แล้วนี้ขับหนีมาถึงไหนก็ไม่รู้ตอนหนีก็ตั้งหน้าตั้งตาหนีให้พ้นอย่างเดียวพอตอนจะกลับกๆไม่รู้ตอนนี้อยู่ส่ววนไหนของประเทศไทย โทโมะออกมาดูอาการรถใบหน้าหล่อเริ่มมีร่องรอยของความเครียดเกิดขึ้น ตั้งแต่เป็นมาเฟียมาไม่เคยเจอเรื่องยุ่งยากวุ่นวายถึงเพียงนี้ และคนบนรถอาการก็ไม่ดีขึ้นเลย ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ่มลง แสงไฟนีออนจากหมูบ้านไกลลิบคือความเดียวและเหมือนจะเป็นความหวังสุดท้ายของโทโมะและแก้ว
“เป็นไงบ้างไหวไหม”
กลับเข้าไปถามแก้วที่หน้ายังซีดไม่หาย แต่ไร้การตอบรับ โทโมะรวบร่างบางขึ้นมาแล้วอุ้มออกจากรถเดินตรงไปยังแสงไฟที่อยู่ไกลลิบ เห็นเพียงแค่แสงไฟไม่รู้เหมือนกันว่าเดินไปแล้วจะเจอบ้านคนอย่างที่คิดไวรึเปล่า แต่เวลานี้ถ้าเดินไปแล้วเจอบ้านคนจริงๆ อย่างน้อยหญิงสาวในอ้อมกอดก็ยังพอมีที่พักให้อาการดีขึ้น รอยยิ้มแย้มออกเมื่อเดินมาถึงแล้วเป็นบ้านหลังเล็กๆโทโมะเดินเข้าไปเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก~
“มีอะไรรึพ่อหนุ่ม”
ชายสูงวัยคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับสูกสาวตัวเล็ก การแต่งกายที่เรียบง่ายถ้าเดาไม่ผิดที่นี้คงอยู่แถวชายเมืองแน่ๆ
“คือรถผมเสียหน่ะครับ และเอ่ออ...”
จู่ก็กลายเป็นคนพ฿ดจาติดอ่างไปซะเฉยๆ ที่ติดอ่างก็เป็นเพราะไม่รู้จะบอกกับชายสูงวัยตรงหน้าว่าหญิงสาวเป็นอะไรกับตน
“เมียป่วยด้วยรึนั่น หน้าตาซีดเซียว”
“ครับ ลุงพอจะมีที่ให้ผมพักบ้างไหมครับ”
“มีสิบ้านตั้งใหญ่ตั้งโตอยู่กันแค่สามคนพ่อแม่ลูก มีห้องเหลือว่างอีกห้องหนึ่งมาเข้ามาก่อน”
นี้แหละน้ำใจคนไทย มันทำให้ชายหนุ่มตื้นตันอย่างบอกไม่ถูกเค้าเคยอยู่แต่สังคมที่ต้องแข่งขันกันไร้ความมีน้ำใจ มีแต่ความโหดร้าย แต่ที่ประทับใจยิ่งกว่าก็คือชายสูงวัยกล่าวว่าบ้านตั้งใหญ่ตั้งโต ทั้งๆที่บ้านแกหลังเล็กนิดเดียว นี่หล่ะน่าคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก โทโมะเดินตามเด็กตัวเล็กเข้าบ้านมา ผู้หญิงที่นุ่งผ้าถุงเสือคอกระเช้าส่งยิ้มมาให้ก่อนจะกระเถิบให้นั่งลงบนเสื่อด้วยกัน
“นั่งก่อนๆ มาจากไหนกันหล่ะ”
น้าแกคงเล่าให้เมียแกฟงแล้วว่าเค้ารถเสีย
“ต้องเป็นในเมืองแน่เลยดูสิพี่ผู้หญิงคนนี้แต่งตัวน่ารักลูกน้ำอยากได้แต่งบ้างจัง”
เด็กหญิงพูดจาฉะชานเธอเป็นเด็กน่ารักแลดูถมัดแถม่งไม่หน่อมแน่มเหมือนเด็กที่เค้าเคยเห็น แววตาสนใสทอเป็นประกายมองแก้วอย่างชอบใจ
“พอเลยลูกน้ำ มาดูพี่สาวเค้าก่นอสิเป็นอะไรมากรึเปล่า”
ลุกเดินเข้ามาใกล้ๆแก้ว ผินใบหน้างามดูอาการว่าเป็นอย่างไร ผ้าขาวม้าชุบน้ำมาแตะอยู่บนหน้าผากหญิงสาว พอเช็ดเสร็จก็ยิ้มให้โทโมะ
“คงทำไม่เป็นหล่ะซิ แค่เช็ดตัวเองค่อยเช็ดทั้งคืนพรุ่งนี้อาการก็คงจะดีขึ้น”
อธิบายเวลาเช็ดตัวควรจะทำอะไร เพราะดูจากท่าทางเก้งกางของชายหนุ่มแล้วไม่น่าจะทำอะไรเป็น
“ข้าวใหม่ปลามันก็อย่างงี้ ฝึกไว้เผื่ออยู่บ้านเมียเป็นลมอีกจะได้ไม่ต้องไปโรงพยาบาลมันสิ้นเปลือง”
วางผ้าลงใส่มือโทโมะ มือนหาเริ่มเช็ดไปตามใบหน้าลามไปจนถึงแขนเรียวยาว ไม่นานนักทั้งลุงกับป้าก็พาชายหนุ่มมาดูห้องที่จะให้พัก ห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่นักมีผ้านวมซ้อนทับกันสองผื่นวางอยู่กลางห้องกับหมอนอีกหนึ่งใบ
“เดี๋ยวอุ้มเมียมานอนที่นี้นะปิดหน้าตาด้วยหล่ะยุงมันเยอะข้ามีมุ่งแค่หลังเดียวก็คือหลังที่ป้าและก็ลูฏน้ำมันนอนกันพ่อหนุ่มก็คงต้องนอนอย่างนี้นะนอนได้ไหมไหม”
“ได้ครับ”
จะได้หรือไม่ได้ก็ต้องบอกว่าได้เพราะแค่มีที่ให้ได้นอนแถมยังใจดีดูแลหญิงสาวให้อีกก็ถือว่าเป็นโชคดีจองเค้ามากพอแล้วเพราะถ้าเดินมาไม่เจอลุงกับป้าคู่นี้เค้าเองคงจะทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งงุนง่านกับตัวเอง โทโมะเริ่มปูผ้าหนึ่งผื่นเพื่อใช้นอนแล้วเก็นอีกหนุ่งผื่นไว้สำสำหรับห่ม อุ้มร่างบางเข้ามอนอนแล้วปิกหน้าต่าง
“ป้ากับลุงไปนอนก่อนนะ”
“ขอบคุณมากครับ”
“พี่ชายสุดหล่อลูกน้ำไปนอนนะจ๊ะ”
“ครับ”
ทั้งห้องเหลือเพียงแค่เค้าและเธอ ปิดหน้าต่างมาครึ่งชั่วโมงแล้วแต่ยุงก็ยังบินโหลมๆไม่เลิก
เพี้ย เพี้ย!!
วิ่งไล้ตบยุงไปทั่วห้องขืนปล่อยให้มันวิ่งเล่นมีหวังเป็นไข้เลือดออก ร่างบางที่ค่อยๆปรือตาขึ้นมาเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ แต่ด้วยอาการป่วยที่ยังไม่หายดีทำให้เสียงหายไปบ้าง
“มาเฟียตบยุงฮาฮ่า”
“หายแล้วซินะ ฉันจะได้ไม่ต้องมีภาระ”
หยุดตบยุงแล้วนั่งลงข้างๆ ผ้าปูนอนก็ผืนเล็กนิดเดียวเลยบีบให้ทั้งคู่อยู่ใกล้กันมากขึ้น แก้วทำหน้ามุ่ยทันทีที่ได้ยินว่าภาระ
“ก็นายขับรถเร็วเองฉันก็เวียนหัวจนป่วยเพราะฉะนั้นที่ฉันต้องเป็นภาระก็เพราะนาย”
“ที่ต้องขับรถเร็วก็เพราะพาเธอหนีไงหล่ะ แล้วหายดีแล้วเหรอมานอนเถียงเนี่ย”
ยื่นหลังมือไปแตะที่หน้าผากเบาๆ ตัวเริ่มกลับเข้าสูอุณหภูมิปกติแสดงว่าอาการดีขึ้นแล้ว
เพี้ย!
หันกับไปตบยุงที่แขนอีกข้างพอหันกลับมาร่างบางก็หลับไปแล้วถดร่างกายลงมานอนเคียงข้างดึงผ้าห่มคลุมร่างบางจนมิดส่วนตัวเองนอนโดยไร้ผ้าห่ม ครึ่งคืนไปแล้วที่ชายหนุ่มยังคงสู้รบกับยุ่งไม่หยุดหย่อนตบเท่าไหร่ก็ไม่หมด สู้จนยอมแพ้นอนลงแล้วผินใบหน้าบางเค้ามาหาจับให้นอนตะแคงข้างเพราะกลัวว่าถ้าปล่อยให้นอนหงายจะโดนยุ่งตอด มือหนาวางพาดเองแล้ลากเข้ามาปะชิดร่างตัวเองแล้วกอดไว้ ยกหัวแก้วออกจากหมอนแล้วตัวเองหนุนแทนจับหัวแก้วให้นอนอยู่บนท่อนแขนของตนเองเลยกลายเป็นว่าใบหน้าหวานซุกอยู่กับอกแกร่ง
+
+
+
ความหนักอึ้งที่เองทำให้ร่างบางตื่อนจากการนอนหลับ
“เฮ้ย!!”
พลัก!!
ด้วยความที่ไม่เคยโดนใครกอดตอนนอนตื่นมาเลยตกใจที่ตัวเองโดนโทโมะกอดถีบออกไปสุดแรงจนร่างโทโมะไปกระแทกเข้ากับกำแพงห้อง
“โอ๊ยยยย”
โทโมะร้องโอดครวญก่อนจะลืมตาขึ้นมาแล้วจ้องเขม็งมแก้ว
“ขอโทษ...นายมากอดทำไมหล่ะ”
“ถ้าไม่กอดเธอก็โดนยุงมันตอดจนเป็นไข้เลือดออกอีก ฉันก็ต้องมานั่งพาไปหาหมออีก”
“เออๆฉันผิดเองก็ได้ แล้วนี้ที่ไหนอะ”
ใบหน้ากลับมาเรียบเฉยตามเดิม เดินออกไปข้างนอกอย่างไม่สนใจคนที่รอคำตอบ แก้วหมันไส้เดินตามออกมาแต่ก็ต้องตกใจเมื่อลุงป้าและลูกสาวยืนยิ้มให้อยู่ มัยบังคับให้หญิงสาวยิ้มตอบไป
“พี่สาวห่ายยป่วยแล้วเหรอคะ”
“เอออะคะ หายแล้ว”
เด็กหญิงช่างพูดเดินเข้ามาหา สงสัยคงจะชอบที่หญิงสาวน่ารันเดินเข้ามาคุยโน้นคุยนี่พาไปกินข้าวและพาไปเดินเที่ยวจนแก้วลืมไปเลยว่าทำม่เธอถึงมาอยู่ที่นี้
“ตัวเล็กทำไม่พี่มาอยู่ที่นี้หล่ะ”
“ก็เมื่อคืนแฟนพี่บอกว่ารถเสียก็เลยมาขออยู่แล้วบ้านพี่สาวอยู่แถวไหนคะ”
“พี่อยู่ในกรุงเทพจ๊ะ ที่นี้ก็ชานเมืองใช่ไหม่ไม่ไกลเท่าไหร่”
“ไกลจ๊ะแม่บอกว่าไกลมาก ลูกน้ำไม่เคยเค้าไปเลยไม่รู้ว่าในเมืองมีอไรบ้าง”
ลูกน้ำเป็นเด็กน่ารักถึงแม้จะแกน่ไปบ้างตามประสาเด็กชานเมือง แก้วนั่งคุนอะไรหลายๆอย่างจนเวลาเลยมาจนเที่ยง
“กลับบ้าน”
เสียงเรียกจากโทโมะ ตั้งแต่เช้ามาเค้าหาคนมาซ้อมรถจนเสร็จแล้วก็เดินออกมาตาม
“กลับแล้วเหรอคะพี่สาว”
“คงต้องกลับแล้ว”
ลูกน้ำทำเหมือนจะร้องไห้เธอติดแก้วเอามากๆเพราะแถวนี้มีบ้านแค่ไม่กี่หลังเด็กๆเลยมีน้อยตามไปด้วยลูกน้ำคงเหงาพอเจอแก้วก็เหมือนเจอเพื่อนที่ถูกใจเลยติดแจ
“พี่ชายอยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ”
ใบหน้าเรียบเฉยมองเลยผ่านไปแล้วเดินกลับไปราวกับว่าลูกน้ำเป็นเพียงอากาศ แก้วยิ่งเห็นยิ่งหมันไส้เข้าไปใหญ่ นี่กับเด็กตัวเล็กๆน่ารักอีกต่างหากเค้ายังมาเย็นชาได้ลงคออีกเหรอ เดินตามไปกระชากชายเสื้อ
“ที่นายอยู่ก่อนไม่ได้เหรอสงสารน้องเค้า”
“แต่กิจการฉันไม่มีคนดูแล”
“ป๊อปปี้ เขื่อนอะไรพวกนั้นก็อยู่ไม่อะไรหรอกหน้า”
พอไม่ได้อย่างใจแก้วก็ตีเอาตีเอา โทโมะได้แต่ยืนเฉยอยากตีก็ปล่อยให้ตี
.........................................................................................
มาอัพแล้วนะคะฮ่าฮ่าชื่อตอนน่าลบุ้นแต่มันไม่มีอะไรเลยนอกจากยุง555 คอมไรเตอร์พัฃค๊าบทุกวันนี้แอบเอาของพี่เล่นแอบมากด้วย555อย่าลืมนะเข้ามาอ่านแล้วเม้นให้หน่อยค๊าบขอบคุณก๊าบบบ
รักลีดเดอร์จ๊วฟฟม๊วฟฟเม้นเยอะแล้วตอนหน้าจะมาเร็ว^^
มือหนึ่งจับเบาะรถแน่นส่วนมืออีกข้างยังกุมอยู่ที่ขมับอาการเวียนหัวเริ่มทวีขึ้นมากอย่างรุนแรง แก้วหลุบเปลือกตาลงแน่นเพราะขืนลืมตาต่อไปมีหวังอ้วกพุ่งแน่ๆ คนขับก็ยังไม่ผ่อนขับรถราวกับว่ารถเค้าติดจรวยยังไงยังงั้น
“ถ้าขับอย่างงี้ปล่อยฉันทิ้งไว้ข้างทางดีกว่า”
“อยากโดนฆ่านักรึไงทนๆหน่อย”
โทโมะเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นไปอีกและในที่สุดก็ไม่มีรถขันไหนขับตามมาอีก แก้วถอนหายใจอย่างโล่งอก รถค่อยๆเคลื่อนตัวช้าลงจนกลายเป็นหยุดนิ่ง ใบหน้าหวานซีดเผือดจนเห็นได้ชัด ไม่คิดว่าเธอจะเวีนยหัวจนหน้าซีดได้ขนาดนี้ และเป็นเคราะห์ซ้ำหรือกรรมซัดก็ไม่รู้ที่เมื่อกลับมาสตาร์ตรถเพื่อจะพาไปโรงพยาบาลรถกลับไม่ติด แล้วนี้ขับหนีมาถึงไหนก็ไม่รู้ตอนหนีก็ตั้งหน้าตั้งตาหนีให้พ้นอย่างเดียวพอตอนจะกลับกๆไม่รู้ตอนนี้อยู่ส่ววนไหนของประเทศไทย โทโมะออกมาดูอาการรถใบหน้าหล่อเริ่มมีร่องรอยของความเครียดเกิดขึ้น ตั้งแต่เป็นมาเฟียมาไม่เคยเจอเรื่องยุ่งยากวุ่นวายถึงเพียงนี้ และคนบนรถอาการก็ไม่ดีขึ้นเลย ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ่มลง แสงไฟนีออนจากหมูบ้านไกลลิบคือความเดียวและเหมือนจะเป็นความหวังสุดท้ายของโทโมะและแก้ว
“เป็นไงบ้างไหวไหม”
กลับเข้าไปถามแก้วที่หน้ายังซีดไม่หาย แต่ไร้การตอบรับ โทโมะรวบร่างบางขึ้นมาแล้วอุ้มออกจากรถเดินตรงไปยังแสงไฟที่อยู่ไกลลิบ เห็นเพียงแค่แสงไฟไม่รู้เหมือนกันว่าเดินไปแล้วจะเจอบ้านคนอย่างที่คิดไวรึเปล่า แต่เวลานี้ถ้าเดินไปแล้วเจอบ้านคนจริงๆ อย่างน้อยหญิงสาวในอ้อมกอดก็ยังพอมีที่พักให้อาการดีขึ้น รอยยิ้มแย้มออกเมื่อเดินมาถึงแล้วเป็นบ้านหลังเล็กๆโทโมะเดินเข้าไปเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก~
“มีอะไรรึพ่อหนุ่ม”
ชายสูงวัยคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับสูกสาวตัวเล็ก การแต่งกายที่เรียบง่ายถ้าเดาไม่ผิดที่นี้คงอยู่แถวชายเมืองแน่ๆ
“คือรถผมเสียหน่ะครับ และเอ่ออ...”
จู่ก็กลายเป็นคนพ฿ดจาติดอ่างไปซะเฉยๆ ที่ติดอ่างก็เป็นเพราะไม่รู้จะบอกกับชายสูงวัยตรงหน้าว่าหญิงสาวเป็นอะไรกับตน
“เมียป่วยด้วยรึนั่น หน้าตาซีดเซียว”
“ครับ ลุงพอจะมีที่ให้ผมพักบ้างไหมครับ”
“มีสิบ้านตั้งใหญ่ตั้งโตอยู่กันแค่สามคนพ่อแม่ลูก มีห้องเหลือว่างอีกห้องหนึ่งมาเข้ามาก่อน”
นี้แหละน้ำใจคนไทย มันทำให้ชายหนุ่มตื้นตันอย่างบอกไม่ถูกเค้าเคยอยู่แต่สังคมที่ต้องแข่งขันกันไร้ความมีน้ำใจ มีแต่ความโหดร้าย แต่ที่ประทับใจยิ่งกว่าก็คือชายสูงวัยกล่าวว่าบ้านตั้งใหญ่ตั้งโต ทั้งๆที่บ้านแกหลังเล็กนิดเดียว นี่หล่ะน่าคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก โทโมะเดินตามเด็กตัวเล็กเข้าบ้านมา ผู้หญิงที่นุ่งผ้าถุงเสือคอกระเช้าส่งยิ้มมาให้ก่อนจะกระเถิบให้นั่งลงบนเสื่อด้วยกัน
“นั่งก่อนๆ มาจากไหนกันหล่ะ”
น้าแกคงเล่าให้เมียแกฟงแล้วว่าเค้ารถเสีย
“ต้องเป็นในเมืองแน่เลยดูสิพี่ผู้หญิงคนนี้แต่งตัวน่ารักลูกน้ำอยากได้แต่งบ้างจัง”
เด็กหญิงพูดจาฉะชานเธอเป็นเด็กน่ารักแลดูถมัดแถม่งไม่หน่อมแน่มเหมือนเด็กที่เค้าเคยเห็น แววตาสนใสทอเป็นประกายมองแก้วอย่างชอบใจ
“พอเลยลูกน้ำ มาดูพี่สาวเค้าก่นอสิเป็นอะไรมากรึเปล่า”
ลุกเดินเข้ามาใกล้ๆแก้ว ผินใบหน้างามดูอาการว่าเป็นอย่างไร ผ้าขาวม้าชุบน้ำมาแตะอยู่บนหน้าผากหญิงสาว พอเช็ดเสร็จก็ยิ้มให้โทโมะ
“คงทำไม่เป็นหล่ะซิ แค่เช็ดตัวเองค่อยเช็ดทั้งคืนพรุ่งนี้อาการก็คงจะดีขึ้น”
อธิบายเวลาเช็ดตัวควรจะทำอะไร เพราะดูจากท่าทางเก้งกางของชายหนุ่มแล้วไม่น่าจะทำอะไรเป็น
“ข้าวใหม่ปลามันก็อย่างงี้ ฝึกไว้เผื่ออยู่บ้านเมียเป็นลมอีกจะได้ไม่ต้องไปโรงพยาบาลมันสิ้นเปลือง”
วางผ้าลงใส่มือโทโมะ มือนหาเริ่มเช็ดไปตามใบหน้าลามไปจนถึงแขนเรียวยาว ไม่นานนักทั้งลุงกับป้าก็พาชายหนุ่มมาดูห้องที่จะให้พัก ห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่นักมีผ้านวมซ้อนทับกันสองผื่นวางอยู่กลางห้องกับหมอนอีกหนึ่งใบ
“เดี๋ยวอุ้มเมียมานอนที่นี้นะปิดหน้าตาด้วยหล่ะยุงมันเยอะข้ามีมุ่งแค่หลังเดียวก็คือหลังที่ป้าและก็ลูฏน้ำมันนอนกันพ่อหนุ่มก็คงต้องนอนอย่างนี้นะนอนได้ไหมไหม”
“ได้ครับ”
จะได้หรือไม่ได้ก็ต้องบอกว่าได้เพราะแค่มีที่ให้ได้นอนแถมยังใจดีดูแลหญิงสาวให้อีกก็ถือว่าเป็นโชคดีจองเค้ามากพอแล้วเพราะถ้าเดินมาไม่เจอลุงกับป้าคู่นี้เค้าเองคงจะทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งงุนง่านกับตัวเอง โทโมะเริ่มปูผ้าหนึ่งผื่นเพื่อใช้นอนแล้วเก็นอีกหนุ่งผื่นไว้สำสำหรับห่ม อุ้มร่างบางเข้ามอนอนแล้วปิกหน้าต่าง
“ป้ากับลุงไปนอนก่อนนะ”
“ขอบคุณมากครับ”
“พี่ชายสุดหล่อลูกน้ำไปนอนนะจ๊ะ”
“ครับ”
ทั้งห้องเหลือเพียงแค่เค้าและเธอ ปิดหน้าต่างมาครึ่งชั่วโมงแล้วแต่ยุงก็ยังบินโหลมๆไม่เลิก
เพี้ย เพี้ย!!
วิ่งไล้ตบยุงไปทั่วห้องขืนปล่อยให้มันวิ่งเล่นมีหวังเป็นไข้เลือดออก ร่างบางที่ค่อยๆปรือตาขึ้นมาเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ แต่ด้วยอาการป่วยที่ยังไม่หายดีทำให้เสียงหายไปบ้าง
“มาเฟียตบยุงฮาฮ่า”
“หายแล้วซินะ ฉันจะได้ไม่ต้องมีภาระ”
หยุดตบยุงแล้วนั่งลงข้างๆ ผ้าปูนอนก็ผืนเล็กนิดเดียวเลยบีบให้ทั้งคู่อยู่ใกล้กันมากขึ้น แก้วทำหน้ามุ่ยทันทีที่ได้ยินว่าภาระ
“ก็นายขับรถเร็วเองฉันก็เวียนหัวจนป่วยเพราะฉะนั้นที่ฉันต้องเป็นภาระก็เพราะนาย”
“ที่ต้องขับรถเร็วก็เพราะพาเธอหนีไงหล่ะ แล้วหายดีแล้วเหรอมานอนเถียงเนี่ย”
ยื่นหลังมือไปแตะที่หน้าผากเบาๆ ตัวเริ่มกลับเข้าสูอุณหภูมิปกติแสดงว่าอาการดีขึ้นแล้ว
เพี้ย!
หันกับไปตบยุงที่แขนอีกข้างพอหันกลับมาร่างบางก็หลับไปแล้วถดร่างกายลงมานอนเคียงข้างดึงผ้าห่มคลุมร่างบางจนมิดส่วนตัวเองนอนโดยไร้ผ้าห่ม ครึ่งคืนไปแล้วที่ชายหนุ่มยังคงสู้รบกับยุ่งไม่หยุดหย่อนตบเท่าไหร่ก็ไม่หมด สู้จนยอมแพ้นอนลงแล้วผินใบหน้าบางเค้ามาหาจับให้นอนตะแคงข้างเพราะกลัวว่าถ้าปล่อยให้นอนหงายจะโดนยุ่งตอด มือหนาวางพาดเองแล้ลากเข้ามาปะชิดร่างตัวเองแล้วกอดไว้ ยกหัวแก้วออกจากหมอนแล้วตัวเองหนุนแทนจับหัวแก้วให้นอนอยู่บนท่อนแขนของตนเองเลยกลายเป็นว่าใบหน้าหวานซุกอยู่กับอกแกร่ง
+
+
+
ความหนักอึ้งที่เองทำให้ร่างบางตื่อนจากการนอนหลับ
“เฮ้ย!!”
พลัก!!
ด้วยความที่ไม่เคยโดนใครกอดตอนนอนตื่นมาเลยตกใจที่ตัวเองโดนโทโมะกอดถีบออกไปสุดแรงจนร่างโทโมะไปกระแทกเข้ากับกำแพงห้อง
“โอ๊ยยยย”
โทโมะร้องโอดครวญก่อนจะลืมตาขึ้นมาแล้วจ้องเขม็งมแก้ว
“ขอโทษ...นายมากอดทำไมหล่ะ”
“ถ้าไม่กอดเธอก็โดนยุงมันตอดจนเป็นไข้เลือดออกอีก ฉันก็ต้องมานั่งพาไปหาหมออีก”
“เออๆฉันผิดเองก็ได้ แล้วนี้ที่ไหนอะ”
ใบหน้ากลับมาเรียบเฉยตามเดิม เดินออกไปข้างนอกอย่างไม่สนใจคนที่รอคำตอบ แก้วหมันไส้เดินตามออกมาแต่ก็ต้องตกใจเมื่อลุงป้าและลูกสาวยืนยิ้มให้อยู่ มัยบังคับให้หญิงสาวยิ้มตอบไป
“พี่สาวห่ายยป่วยแล้วเหรอคะ”
“เอออะคะ หายแล้ว”
เด็กหญิงช่างพูดเดินเข้ามาหา สงสัยคงจะชอบที่หญิงสาวน่ารันเดินเข้ามาคุยโน้นคุยนี่พาไปกินข้าวและพาไปเดินเที่ยวจนแก้วลืมไปเลยว่าทำม่เธอถึงมาอยู่ที่นี้
“ตัวเล็กทำไม่พี่มาอยู่ที่นี้หล่ะ”
“ก็เมื่อคืนแฟนพี่บอกว่ารถเสียก็เลยมาขออยู่แล้วบ้านพี่สาวอยู่แถวไหนคะ”
“พี่อยู่ในกรุงเทพจ๊ะ ที่นี้ก็ชานเมืองใช่ไหม่ไม่ไกลเท่าไหร่”
“ไกลจ๊ะแม่บอกว่าไกลมาก ลูกน้ำไม่เคยเค้าไปเลยไม่รู้ว่าในเมืองมีอไรบ้าง”
ลูกน้ำเป็นเด็กน่ารักถึงแม้จะแกน่ไปบ้างตามประสาเด็กชานเมือง แก้วนั่งคุนอะไรหลายๆอย่างจนเวลาเลยมาจนเที่ยง
“กลับบ้าน”
เสียงเรียกจากโทโมะ ตั้งแต่เช้ามาเค้าหาคนมาซ้อมรถจนเสร็จแล้วก็เดินออกมาตาม
“กลับแล้วเหรอคะพี่สาว”
“คงต้องกลับแล้ว”
ลูกน้ำทำเหมือนจะร้องไห้เธอติดแก้วเอามากๆเพราะแถวนี้มีบ้านแค่ไม่กี่หลังเด็กๆเลยมีน้อยตามไปด้วยลูกน้ำคงเหงาพอเจอแก้วก็เหมือนเจอเพื่อนที่ถูกใจเลยติดแจ
“พี่ชายอยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ”
ใบหน้าเรียบเฉยมองเลยผ่านไปแล้วเดินกลับไปราวกับว่าลูกน้ำเป็นเพียงอากาศ แก้วยิ่งเห็นยิ่งหมันไส้เข้าไปใหญ่ นี่กับเด็กตัวเล็กๆน่ารักอีกต่างหากเค้ายังมาเย็นชาได้ลงคออีกเหรอ เดินตามไปกระชากชายเสื้อ
“ที่นายอยู่ก่อนไม่ได้เหรอสงสารน้องเค้า”
“แต่กิจการฉันไม่มีคนดูแล”
“ป๊อปปี้ เขื่อนอะไรพวกนั้นก็อยู่ไม่อะไรหรอกหน้า”
พอไม่ได้อย่างใจแก้วก็ตีเอาตีเอา โทโมะได้แต่ยืนเฉยอยากตีก็ปล่อยให้ตี
.........................................................................................
มาอัพแล้วนะคะฮ่าฮ่าชื่อตอนน่าลบุ้นแต่มันไม่มีอะไรเลยนอกจากยุง555 คอมไรเตอร์พัฃค๊าบทุกวันนี้แอบเอาของพี่เล่นแอบมากด้วย555อย่าลืมนะเข้ามาอ่านแล้วเม้นให้หน่อยค๊าบขอบคุณก๊าบบบ
รักลีดเดอร์จ๊วฟฟม๊วฟฟเม้นเยอะแล้วตอนหน้าจะมาเร็ว^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ