Rumor เหมือนเป็นข่าวลือ
8.6
เขียนโดย StrawberryTKCuTe
วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20.21 น.
43 ตอน
2163 วิจารณ์
116.44K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
17) ความรักในความลับ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความความลับในความรัก
หลังจากที่ซักซ้อมกันมานานหลายชั่วโมง ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน คงเหลือแต่เพียงแก้วที่นั่งรอพี่สาวมารับ เกลที่นั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลาเพื่อรอคุณพ่อของเธอ แบมที่ยังคงสาละวนอยู่กับโทโมะไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง ส่วนเขา...โทโมะ ไม่ยอมกลับเพียงเพราะต้องการที่จะอยู่กับใครบางคน
ใครบางคนที่ว่ากำลังหลับตาพริ้มอย่างเหนื่อยอ่อนอยู่บนโซฟากว้าง อยากจะหัวเราะดังๆให้กับเด็กปากแข็งอย่างแก้วเสียจริง เล่นเจ้าล่อเอาเถิดปากก็บอกว่าไม่มีวันจะใส่รองเท้าของใครหากไม่ติดที่เขาขู่เอาไว้เธอคงถอดมันทิ้งเป็นแน่ แต่ถึงกระนี้เธอก็ยังไม่ยอมถอด ให้ตายเถอะ...เด็กคนนี้มีอิทธิพลต่อหัวใจของเขาเหลือเกิน ทั้งที่คิดเอาไว้แล้วว่าวันนี้จะไม่มีทางสนใจคนเอาแต่ใจอย่างแก้วเด็ดขาด แต่สมองกับหัวใจมักสวนทางกันเสมอสิน่า
อุตส่าห์ลงทุนนำรองเท้าผ้าใบตัวเก่งของเขามาสวมใส่ให้เพราะเห็นว่าถ้าเธอใส่มันน่าจะถนัดในหารซ้อมมากกว่า คนสวยก็ยังดีดดิ้นเสียอีก แบบนี้มันน่าตีเหลือเกิน
ให้ตาย...ถ้าไม่ขู่เอาไว้ มีหวังคนหัวรั้นถอดมันทิ้งเป็นแน่! ไม่ว่าจะกี่เหตุผลที่ยกเอามาอ้าง บทสรุปข้อกังขาทั้งหมดทั้งมวลก็คือ ‘เป็นห่วง’ ทังนั้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าเด็กดื้อจะรับรู้มันบ้างไหม?
“พี่โทโมะค่ะ ยังไม่กลับอีกเหรอ?” เสียงหวานเจื้อยแจ้วของแบมเอ่ยถามพร้อมกับที่มือเล็กของเธอยกเกาะกุมลำแขนแกร่งของโทโมะเอาไว้ เขาส่งยิ้มก่อนจะค่อยๆรูดมือหญิงสาวราวอย่างสุภาพ พร้อมตอบกลับด้วยรอยยิ้มและวาจาที่ทำให้แบมถึงกับชะงัก
“แก้วยังไม่กลับ พี่กลับไม่ได้หรอก”
“? .. แล้วพี่แก้วเกี่ยวอะไรกับพี่โทโมะด้วยละคะ” รุ่นน้องเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นคนที่ตนแอบรักแอบชอบให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนอื่น สาวน้อยลอบจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิดก่อนจะต้องใจกระตุกอีกครั้ง
“เกี่ยวสิ เพราะพี่เป็นห่วงเขาไง” วาจาเชือดเฉือนใจคนฟังให้สะอึกไปตามๆกัน หญิงสาวเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปพร้อมฉุดรั้งข้อมือเพื่อนรักอย่างเกลให้ตามไปด้วย ร่างเล็กงุนงงกับอาการของเพื่อนสาวแต่ก็ยอมเดินตามไปแต่โดยดี .. สร้างความพอใจให้กับโทโมะเป็นอย่างมาก เขาละอยากจะให้แก้วตื่นขึ้นมาเห็น และรับรู้เสียจริง ทำไมเขาจะไม่รู้จักปฏิเสธ แค่ไม่อยากทำร้ายน้ำใจของใครโดยใช่เรื่องต่างหาก
แต่ในเมื่อเธอไม่พอใจ เขาก็ยินดีที่จะทำ
ขาเรียวของเขาก้าวไปยังโซฟาตัวใหญ่ที่กำลังแบกรับร่างบอบบางเอาไว้ คนสวยหลับลงอย่างง่ายดายด้วยความเหนื่อยหอบจากการซักซ้อมมาเป็นค่อนๆวัน ชายหนุ่มลอบมองดวงหน้าหวานด้วยความเอ็นดู ..เป็นครั้งที่เท่าไหร่กันที่เขาต้องเป็นฝ่ายยอมงอนง้อเธอตลอด ทั้งที่อยากจะโกรธ อยากจะตีให้เนื้อเนียนขึ้นรอยแดงด้วยฝ่ามือของเขาใจจะขาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ กลัวไปหมดเสียทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..กลัวเธอไม่รัก
เหลือบไปเห็นเชือกรองเท้าของคนที่กำลังสวมใส่มันหลุดลุ่ย เขาโปรยยิ้มเล็กๆก่อนจะนั่งยองๆผู้เชือกรองเท้าให้อย่างเบามือที่สุด เพราะเกรงว่าจะรบกวนการนอนของเธอ ก่อนที่เขาจะเบียดตัวนั่งลงบนที่ว่างข้างลำตัวของหญิงสาว พร้อมฉวยโอกาสคว้ามือเรียวนุ่มนิ่มมากอบกุมด้วยอุ้งมือร้อนของเขา นั่งเพ่งพินิจมองคนหลับด้วยสายตาอ่อนโยนพลันนึกไปถึง หากยามเธอตื่นขึ้นมาคงต้องโวยวายใส่เขาเป็นแน่..ในยามนี้เธอกำลังโกรธเขาอยู่ด้วยนี่สิ
“ถ้าจะเป็นแบบนั้น ก็หลับไปเลยนะไอ้ดื้อ!” สบถกับตัวเองพลางมองคนหลับที่กำลังพลิกตัวไปมาไม่อยู่เฉยเสียที แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาง่ายๆ ยามกินก็เหมือนเด็ก ยามนอนก็เหมือนเด็ก ยิ่งเวลางอนเธอคนนี้ก็ยิ่งเหมือนเด็กเขาไปทุกทีทังที่ตัวเองจะ 20 มะรอมมะร่ออยู่แล้ว ดีนะที่เธอเกิน 18 มาแล้ว ไม่อย่างงั้นละก็
โทโมะก็เกือบเฉียดคุก ข้อหาพรากผู้เยาว์นะสิครับ
“สายตาหวานๆแบบเนี้ย โทโมะรักตายเลย”
นิ้วเรียวไล้ไปตามใบหน้าสวยผุดผาดด้วยความหลงใหล เพ่งพิจารณาพยายามหาที่ติบนใบหน้าของเธอก็ไม่สามารถพบได้จริงๆ เธอสมบูรณ์แบบโดยไร้ข้อกังขาใดๆทั้งสิ้น ก่อนจะก้มจุมพิตลงบนเปลือกตาที่ปกคลุมดวงตากลมโตฉายแววแห่งความขี้อ้อนนั้นอย่างบางเบา
"ชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรกันคนดี? แก้มถึงได้หอมเหมือนดอกไม้ ผิวกายถึงได้ขาวราวกับไข่ปอกแบบนี้?”
ฝังจมูกโด่งลงบนแก้มนุ่มพลางสูดดมความหอมเล็กน้อยพอเป็นพี หากเขาฉวยโอกาสนานกว่านี้ เธอตื่นขึ้นมาเข้าละก็..เขานั้นแหละจะเป็นฝ่ายเดือดร้อนเสียเอง นิ้วเรียวไล่ไปถึงริมฝีปากอมชมพูระเรื่อๆตามธรรมชาติ ไร้ซึ่งการปรุงแต่งจากเครื่องสำอางชั้นเลิศแต่อย่างใด
“ไอ้เด็กปากดี..แบบนี้ต้องลงโทษให้เข็ด หึ!”
คาดโทษกับเด็กน้อยที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง ก่อนที่ริมฝีปากเปื้อนรอยยิ้มของโทโมะ จะทาบทับเข้าหับริมฝีปากบางเรียวรูปกระจับที่กำลังเผยอน้อยๆยามหลับใหล คนหลับเปิดปากขึ้นอีกนิดเมื่อเริ่มรู้สึกถึงความขาดห้วงของออกซิเจนจนกระทั่งเผลอตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกที่กำลังล่วงล้ำตนเอง
“อื้อ~” เสียงประท้วงภายในลำคอของแก้วดังขึ้นเมื่อเธอรู้สึกตัว ดวงตาเรียวรีเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อพบว่าตัวเองกำลังถูกลวนลาม มือเล็กยกขึ้นดันอกแกร่งด้วยกล้ามเนื้อของคนที่นั่งคร่อมกายเธออยู่ออกด้วยความตกใจ
“ตื่นแล้วหรือคนดี?” นิ้วเรียวปาดน้ำใสๆที่ไหลเปรอะมุมปากออกให้พร้อมส่งยิ้มหวานพลางกระเถิบกายเข้าหา แต่แก้วกลับพลิกนี้ไปยืนเท้าเอวต่อหน้าเขา จ้องมองโทโมะด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
ให้ตาย...ทำไมต้องรังเกียจกันขนาดนั้นด้วย? เขามันสกปรกมากนักหรือ?
“โทโมะทำอะไรแก้ว คนบ้า ฉวยโอกาส!” นั่นประไร เธอโวยวายใส่เขาจริงๆด้วย หมดปัญญาจะเถียงกับคนเอาแต่ใจ โทโมะส่ายหน้าอย่างหน่ายๆก่อนจะกุมขมับตัวเองเมื่อไม่รู้ว่าแก้วจะเอายังไงกันแน่?! อีกฝ่ายก็นึกไม่พอใจที่เขาทำหน้าแบบนั้นใส่ อดไม่ได้ที่จะต้องค่อนขอดเขากลับ
“อย่ามาทำหน้าแบบนั้นใส่แก้วนะ”
“หืม? แล้วจะเอายังไงครับ ไอ้นู่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ แก้วต้องการอะไรครับ” ในเมื่ออารมณ์ร้อนทั้งคู่ เขาจำต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ คุยกันด้วยเหตุผลจะดีเสียกว่า..แต่คงใช้ไม่ค่อยจะได้ผลเสียเท่าไหร่สำหรับเด็จอมรั้นแก้วนักหรอก!
“ไม่เอา แก้วไม่เอาอะไรทั้งนั้น ไม่เอาโทโมะด้วย!”
“งั้นโทโมะเอาแก้วได้ใช่ไหมครับ?” ชายหนุ่มสวนทันควันอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะรวบเอวบางของคนที่กำลังยืนเท้าสะเอวตรงหน้าลงมานั่งตักพร้อมโอบกอดไว้ ดีดดิ้นได้สักพักแก้วก็หยุดชะงักไปด้วยคำพูดของเขา
“ไหน? ว่ามาสิต้องการอะไร ไม่อยากให้โมะอยู่ใกล้น้องแบม เมื่อครู่โทโมะก็ปฏิเสธน้องเขาไปแล้ว ไหนล่ะ จะเอาอะไรอีกครับคนดี?”
“แก้วไม่เชื่อหรอก ฮึ!”
หญิงสาวกอดอกเชิดใบหน้าใส่เขาโดยไม่แยแสคำพูดของเขาเท่าที่ควร โทโมะส่ายหน้าอย่างละเหี่ยใจ ก็ในเมื่อเขาพูดความจริงเธอก็ไม่ยอมเชื่อ ต้องให้เขาโกหกหรือไงกันถึงจะยอมรับฟัง!.และก่อนที่จะนึกแผนการกำจัดเด็กแสบได้...
“งั้นขอยืมโทรศัพท์หน่อยครับ”
“ไม่ให้! โทโมะ...! บอกว่าไม่ให้ไง!!” แก้วร้องประท้วงเมื่อถูกเขายื้อแย่งโทรศัพท์ไปด้วย โทโมะกดพิมพ์อะไรบางอบ่างลงไปก่อนจะส่งมันคืนให้กับเจ้าของที่กำลังตีหน้ายักษ์ใส่เขา..ทำได้เพียงยิ้มแหยๆกลับไปให้ ก่อนจะตวัดร่างอรชนขึ้นอุ้มจนเจ้าตัววี้ดว้ายด้วยความตกใจ
“ว้ายยย ปล่อยแก้วลงเดี๋ยวนี้นะโทโมะ จะ..จะไปไหน แก้วจะรอพี่กิ่ง ไอ้บ้า ปล่อยยยยย!!!”
“ไม่ต้องรงต้องรอพี่กิ่งแล้ว เมื่อกี๊ส่งข้อความไปบอกให้แล้วครับว่าแก้วจะไปติวหนังสือที่หอกับเพื่อน ฮะๆ เด็กโง่!”
“ร้ายกาจ บ้าที่สุด”
ร่างแกร่งโอบอุ้มเธอมาจนถึงลานจอดรถ วางแก้วลงบนเบาะนิ่มก่อนจะอ้อมไปขึ้นนั่งฝั่งคนขับ เด็กที่ถูกขัดใจนั่งกอดอกเชิดใบหน้าบึ้งตึงเป็นเครื่องหมายว่าเธอกำลังโกรธที่เขาทำอะไรผลีผลามไม่ถามความเห็นจากเธอเสียก่อน ชายหนุ่มลอบมองด้วยความขบขัน ก่อนจะกระชากเกียร์รถอย่างแรงจนแก้วต้องหันกลับมาตวาดแว้ดใส่ ซึ่งเขากลับหัวเราะได้อย่างนึกสนุก หารู้ไม่ ว่าแก้วไม่ได้สนุกไปกับเขาด้วยเลย!
“จะไปไหน นี่ไม่ใช่ทางไปบ้านแก้ว”
“พาภรรยาไปทำความรู้จักกับครอบครัวสามีสิครับ”
ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อได้ยินจุดประสงค์ของเขา ก่อนจะตั้งสติได้รีบร้องห้ามเขากลับทันควัน .. อีกฝ่ายไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว เธอรู้จักนิสัยของโทโมะดี เขาเป็นคนดื้อเงียบ เพราะฉะนั้นการที่เธอบอกอะไรไปนั้น เขารับฟัง แต่.. ‘ไม่ได้หมายความว่าจะทำตาม’ ลองเขาได้ตัดสินใจไปแล้ว โทโมะ ไม่มีวันที่จะหันหลังกลับเป็นแน่!
“ไม่ได้นะโทโมะ เรายังไม่พร้อม”
“โทโมะพร้อมแล้ว แก้วจะได้ไต้องเคลือบแคลงใจอะไรอีก เคลียทุกอย่างให้จบๆไปซะ” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาบังคับรถยนต์อย่างสบายอารมณ์ ไม่ฟังเหตุผลและข้อโต้แย้งของแก้วแม้แต่น้อย
แต่ก็นับเป็นโชคดีที่ตอนนี้บ้านของเขายังไม่มีใครกลับมาซักคน..
“ว้า แย่จัง แต่อีกเดี๋ยวก็คงกลับมากันแล้วล่ะ..หิวไหม? ไปทำอะไรกินกันดีกว่า” ฉุดรั้งข้อมือเล็กให้ลุกตามเข้าไปภายในห้องครัวโอ่อ่า คนหล่อยิ้มมุมปากนิดๆเมื่อเห็นแก้วกระโดดขึ้นนั่งบนเคาท์เตอร์ครัวพร้อมโยนชุดกันเปื้อนให้เขาใส่ เป็นเชิงว่า ‘เขามีหน้าที่ต้องทำ ส่วนเธอมีหน้าที่อยู่เฉยๆ’
“ฮะๆ โอเคครับ เด็กบ๊อง”
“ไม่ตลก เหอะ!” สบถคำโตใส่เขาก่อนจะนั่งเชิดหน้าใส่ จนโทโมะละอยากจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆกับท่าทีหยิ่งผยองแบบนั้น ไม่เมื่อบ้างหรือไงกัน วันนี้ทั้งวันเธอเอาแต่เชิดใส่เขาเป็นว่าเล่น นึกแล้วอยากจะขำเป็นบ้าเลย ให้ตาย...
ในขณะที่เขากำลังง่วงง่านกับการปรุงสปาเกตตี้ แก้วจึงขอตัวออกไปรอด้านนอกด้วยความร้อน โทโมะมองตามยิ้มๆก่อนจะจัดแจงตักอาหารใส่พร้อมเสิร์ฟ เดินไปหาแก้วที่นั่งหน้าบึ้งอยู่บนโซฟา
“พร้อมทานสปาเกตตี้ที่อร่อยที่สุดในโลกหรือยังครับ?”
หญิงสาวย่นจมูก พองแก้มนิดๆใส่เขาด้วยความหมั่นไส้ จนโทโมะอดที่จะมองส่ามันน่ารักเสียไม่ได้ นิ้วเรียวบีบจมูกรั้นๆของแก้วเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะยันมือแกร่งกับโซฟาเพื่อล็อกตัวเธอเอาไว้ ..ใบหน้าโค้งยิ้มของโทโมะก้มลงประชิดจนหน้าผากของเขาแตะกับหน้าผากเนียนของอีกฝ่าย
“ขี้งอนชะมัดยาดเลยนะเรา..หายโกรธหรือยังเนี่ย?”
“ไม่หาย แก้วไม่ชอบให้ใครมาดุ มาตวาดใส่ เพราะฉะนั้นเมินซะเถอะเรื่องให้อภัยนะ ลืมไปได้เลย!”
ดวงตาเรียววาวโรจน์ด้วยความดื้อรั้นจนเขาอ่อนใจ แต่ก็ไม่ได้เว้าวอนอะไรเธอต่อ ปล่อยให้คนสวยทานอาหารฝีมือเขาจนเสร็จ...เจ้าตัวก็โวยวายแต่จะกลับบ้านเสียอย่างเดียว พอไม่อนุญาตก็วิ่งหนีจะกลับเสียให้ได้ เดือดร้อนถึงเขาต้องเข้ามากอดรัดไว้
“จะกลับบ้าน แก้วจะกลับบ้าน ปล่อยยะโว้ยยย ไอ้ผีดิบงี่เง่า ไอ้บ้า บอกให้ป..ปล่อยไงเล่า!”
“พูดไม่เพราะ!...บอกว่าไม่ให้กลับไง มานี้เดี๋ยวนี้นะ!”
วิ่งตามมาจนประชิดตัวพร้อมล็อกเอวบางจากทางด้านหลัง เมื่อเห็นว่าแก้วไม่หยุดดิ้น เขาเลยต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด ปลดเข็มขัดจากกางเกงยีนส์ตัวเก่งออกมาผูกมัดกับข้อมือของแก้วเอาไว้ พลางอุ้มขึ้นบ่าพามายังในบ้าน
“ไอ้โหด ใจร้าย คนป่าเถื่อน คนบ้า ทำกับแก้วแบบนี้ได้ยังไง? ปล่อยๆๆๆ” กำปั้นเล็กทุบลงกลางแผ่นหลังของเขาติดต่อกัน แต่โทโมะกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่น้อย
“แรงมีเท่าลูกไก่(?)จะมาสู้อะไรโทโมะได้ครับ ฮะๆ” ชายหนุ่มกลัวหัวเราะอย่างผู้ชนะ ก่อนที่วางแก้วลงบนโซฟาพลางขึ้นคร่อมตัวเอาไว้ เมื่อเห็นว่าเธอไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมือของเขาไปได้ จึงต้องแสร้งยิ้มหวานยั่วยวนจนเขาหลง ทำให้เสือติดกับ และเชือดมันอย่างเลือดเย็นด้วยการกระแทกเข่าลงกับจุดสำคัญของเขาจนโทโมะต้องนิ่วหน้าด้วยความจุก
หญิงสาวยิ้มเยาะให้ก่อนจะรีบลุกขึ้นเพื่อปลดเปลื้องพันธนาการของตน โทโมะเห็นดังนั้นจึงรีบฉวยคว้าข้อเท้าเล็กนั่นไว้ทำให้แก้วต้องล้มลงมาอีกครั้ง และคราวนี้ .. เขาไม่ปล่อยเธอเอาไว้ให้มาแว้งกัดเขาแบบเมื่อครู่อีกเป็นแน่!
“แสบนักนะ ฮึ เด็กบ้า..คราวนี้ไม่รอดแน่”
“อะไรเล่า อย่ามามองแก้วด้วยสายตาแบบนั้นนะ ได้ยินไหมว่าจะกลับบ้านนนนนน!!!!!”
ชายหนุ่มยิ้มล้อก่อนจะเลื่อนใบหน้าเข้าหาจนจมูกเรียวสัมผัสกัน แก้วหลับตาแน่น หัวใจเต้นโครมครามอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งที่สมองกลับสั่งการให้เธอต่อต้านเขาเสียด้วยซ้ำ
“โทโมะ!” เสียงทุ้มของใครบางคนทำให้โทโมะต้องผละออกจากแก้วไปโดยปริยาย จังหวะนั้นแก้วจึงใช้โอกาสนี้ปลดพันธนการที่ข้อมือตัวเองเสีย หญิงสาวเก้อกระดากทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นพี่ชายของเขาอย่างพี่เคนจิยืนทำหน้าเคร่งทมึงถึง
เธอลอบมองเสี้ยวหน้าของโทโมะที่ไม่ได้แตกต่างอะไรจากพี่ชายเลยแม้แต่น้อย คิ้วหนาขมวดเป็นปม ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองพี่ชายอย่างไม่ลดละจนแก้วเริ่มรู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศอึมครึมเช่นนี้ นิ่งงันอยู่นานโดยที่ไม่มีใครยอมปริปาก จนพี่เคนจิเป็นฝ่ายเปิดประเด็นกับโทโมะเสียก่อน
“ฉันว่า แกกับฉันมีเรื่องต้องคุยกันนะน้องชาย” โทโมะพยักหน้ารับก่อนจะหันมาพูดกับแก้วที่ไม่ได้รู้เรื่องและเข้าใจในความหมายขงคนทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย เขาส่งยิ้มให้ก่อนจะกดไหล่ทั้งสองข้างของเธอให้นั่งลงบนโซฟา มือหนาขยี้กลุ่มผมซอยสั้นของแก้วเล็กน้อย
“อยู่นี่ก่อนนะครับ เดี๋ยวโทโมะมา” พูดแค่นั้นเขาก็เดินตามพี่ชายไป แก้วมองตามแผ่นหลังกว้างของโทโมะจนสุดสายทางเดินด้วยความกังวลใจ เธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีอย่างแปลกประหลาด
อย่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย
“แกมีอะไรจะอธิบายหรือเปล่า?” คนเป็นพี่เอ่ยถามเสียงเรียบ สายตาคมเข้มจ้องมองน้องชายอย่างคาดคั้น คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่นเพื่อลุ้นกับคำตอบที่จะหลุดออกจากปากโทโมะ
“ผมไม่มีอะไรจะอธิบาย เพราะผมคิดว่าสิ่งที่พี่เห็น เป็นคำตอบของทุกเรื่องที่พี่สงสัย”
คนเป็นพี่ขบกรามแน่นด้วยความแค้นเคือง พร้อมกับถลาเข้าใส่น้องชายด้วยความโมโห มือแกร่งผลักอกกว้างของโทโมอย่างแรงโดยที่เขาไม่คิดจะตอบโต้หรือปกป้องตัวเองเลยแม้แต่น้อย .. เคนจิตวาดลั่นใส่หน้าน้องชายด้วยอารมณ์ขุ่นมัวสำหรับคำตอบที่เขาได้รับ
“ไอ้โทโมะ แกผิดสัญญากับฉัน”
“ผมขอโทษนะพี่ แต่ต่อจากนี้ผมขอใช้หัวใจตัวเองตัดสินบ้าง ผมจะไม่ยึดติดกับคำสัญญาบ้าๆของพี่อีกต่อไป!”
มือแกร่งขย้ำสาบเสื้อโทโมะเอาไว้แน่นพลางกระชากคอเข้าหาก่อนจะกระแทกหมัดหนักลงบนใบหน้าหล่อของน้องในไส้ด้วยแรงอารมณ์จนเขาล้มไปกองกับพื้น.. โทโมะบ้วนล้วนในปากออกก่อนจะแค่นยิ้มเล็กน้อย นิ้วเรียวปาดรอยเลือดบริเวณมุมปากทิ้ง แต่กระนั้นกลิ่นคาวเลือดก็ยังคงคละคลุ้งอยู่ในโพรงปากของเขาอยู่ดี
เมื่อเห็นว่าน้องชายไม่คิดจะตอบโต้ เขาก็ยิ่งโมโหหนัก สองมือแกร่งคว้าคอเสื้อโทโมะขึ้นมาเผชิญหน้ากับตัวเองอีกครั้ง โดยที่อีกฝ่ายได้แต่ดูดายไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรด้วยทั้งนั้น
“ทำไม? ทำไมแกไม่สู้ฉัน ฉันรู้ว่าแกสู้ฉันได้ สู้ฉันสิ!”
“เพราะพี่เป็นพี่ผมไง .. ฟังนะพี่เคน ที่ผมต้องยกเลิกคำสัญญาของเราไม่ใช่เพราะว่าผมมีแก้ว ความจริง..ผมรักเค้ามาตั้งนานแล้วต่างหาก รักเค้าก่อนที่จะตอบตกลงสัญญากับพี่เสียอีก ผมยอมทรยศต่อหัวใจตัวเองเพราะต้องการเห็นพี่ชายที่ผมรักมีความสุข พี่ไม่รู้หรอกว่ามันทรมานแค่ไหน กับการที่เรารักใครสักคนแต่มันพูดออกไปไม่ได้!”
“....”
“และวันนี้ผมก็ได้รู้แล้วว่าเค้าก็รักผม และผมคิดว่า ผมควรตามใจหัวใจตัวเองเสียที ขอโทษจริงๆพี่ชายที่ผม..ไม่สามารถรักเบลล์ตามคำขอของพี่ได้” โทโมะตวาดใส่พี่ชายเสียงดังอย่างสุดกลั้น คนที่ได้ฟังความถึงกับเข่าอ่อนด้วยความรู้สึกผิด เมื่อรู้ว่าตนเป็นต้นเหตุที่ทำลายความสุขของน้องชาย พลันเรื่องราวเมื่อ 2 ปี ก่อนก็ตีย้อนเข้ามาอีกครั้ง
สองปีที่แล้ว
“นะ เคนจิ ฉันรักโทโมะจริงๆ นายต้องช่วยฉันนะ นายเป็นเพื่อนที่ฉันรักและไว้ใจมากที่สุดคนเดียว ช่วยฉันได้ไหม?”
เสียงหวานของเบลล์กำลังอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากเพื่อนชายคนสนิทอย่างเคนจิ อีกฝ่ายมีท่าทีสลดลงด้วยความเศร้าใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าหญิงสาวเพื่อนสนิทและเป็นคนเดียวกับที่เขาหลงรักมานานหลายปี จะชอบพอน้องชายของเขาเสียได้ หากเขาปฏิเสธความช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ก็เท่ากับว่า ‘เขาคงเป็นคนใจร้ายที่สุด’
“โทโมเหรอ อืม ฉันว่ามันก็ต้องชอบเธอเหมือนกันแน่ๆ” เอ่ยตอบหญิงสาวด้วยท่าทียิ้มแย้มทั้งๆที่เขาพยายามจะฝืนกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ล้นอก สายตาของเขาทอดมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความรักเมื่อเห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจของเบลล์ เมื่อเขาบอกว่าจะยอมช่วยเธอ
“ขอบคุณนะเคนจิ ฉันรักนายสุดเลย ‘เพื่อนรัก’ ” หญิงสาวกระโดดกอดเขาด้วยความดีใจ ชายหนุ่มกอดตอบด้วยความรู้สึกอาธรณ์ .. มือหนาลูบไล้เส้นผมหอมของคนในอ้อมกอด จนกระทั่งเธอผละออกจากเขาไป
.
.
.
.
“ว่าไงนะ? พี่กำลังทำอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่า?”
โทโมะแหวใส่พี่ชายตัวเอง เมื่อเคนจิขอร้องให้เขาคบหากับเบลล์ โทโมะส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพี่ชายรู้สึกอย่างไรกับเพื่อนสาวของเขา ในเมื่อหมดหนทางคนเป็นพี่จำต้องยอมคุกเข่าต่อหน้าน้องชาย จนอีกฝ่ายไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร พี่เคนจิทำเพื่อเขามามากตั้งแต่เด็ก ก็ได้พี่ชายคอยช่วยเหลือมาโดยตลอดแทบทุกเรื่อง เขาจึงจำต้องยอม...
“โทโมะ แกต้องช่วยฉัน เบลล์รักแก แกต้องดูแลเขาแทนฉันนะ”
“ผม .. ก้ได้ ผมสัญญาว่าผมจะทำตามที่พี่ขอ แต่พี่ต้องลุกขึ้นมา แล้วอย่าทำอะไรบ้าๆแบบนี้อีก!” คนเป็นพี่ยอมทำตามที่น้องชายบอก พลางโผเข้ากอดโทโมะแทนคำขอบคุณ เขาตบหลังพี่ชายเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ ก่อนจะลอบถอนหายใจยาวเมื่อภาระทั้งหมดกลับมาตกอยู่ที่เขาแทน
ความรักมันทำให้คนหน้ามืดตามัวยอมทำทุกอย่างได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
อาโหยว เเวะมาอัพสั่งลาก่อนจะขอตัวไปเรียน(หนัก)จ้า
T__T คงอีกนาน(หรือเปล่า?) ตามนั้น หากตอนนี้มันจะไม่มีอะไรเลยย
ก็ขออภัย *โค้ง*><
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ