Rumor เหมือนเป็นข่าวลือ

8.6

เขียนโดย StrawberryTKCuTe

วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20.21 น.

  43 ตอน
  2163 วิจารณ์
  116.34K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

18) ความรัก[ที่เคย]ไม่มีที่ให้คำว่ากลัว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

                                          ความรัก [ที่เคย] ไม่มีที่ให้คำว่ากลัว

 

 

 

Kaew Part

 

 

 

 

“เด็กดี ขอโทโมะกอดหน่อยได้ไหมครับ?” 

 

 

 

          เมื่อสองชั่วโมงก่อน โทโมะเดินออกมาหลังจากที่พี่เคนจิเรียกเขาเข้าไปคุยด้วย โทโมะเดินออกมาด้วยสภาพมอมแมมเล็กน้อย ที่มุมปากของเขามีรอยช้ำและเลือดซิบนิดๆ เป็นอย่างที่ฉันคิดไม่มีผิดโทโมะกับพี่เคนจิต้องมีเรื่องกันแน่ๆ ว่าแต่ มันร้ายแรงถึงขนาดที่จะต้องลงไม้ลงมือกันเลยหรืออย่างไร? 

 

 

 

 

          ฉันปรี่เข้าไปหาเขาด้วยความเป็นห่วง ลืมความโกรธไปจนหมดสิ้นเมื่อเห็นว่าเขาสำคัญเหนือกว่าสิ่งเล็กน้อยเหล่านั้น โทโมะยืนนิ่งให้ฉันสำรวจใบหน้าเขาก่อนที่เจ้าตัวจะระบายรอยยิ้มอ่อนๆให้ พร้อมๆกับที่เขาเอื้อนเอ่ยประโยคที่ทำให้ฉันใจสั่นได้ตลอดเวลา ‘ขอกอด’

 

 

 

“ไม่ให้กอดหรอกคนบ้า บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึง..”

 

 

“ก็มันไม่ใช่เรื่องของเด็ก จะอยากรู้ไปทำไมครับ”

 

 

 

 

 

        เขาว่าแบบนั้นก่อนจะรวบตัวฉันเข้าไปกอดรัดไว้แน่น ดูแล้วโทโมะคงมีเรื่องหนักใจอยู่ไม่น้อยฉันรับรู้ได้...รับรู้ได้จากอัตราการเต้นของหัวใจของเขา โทโมะกอดฉันแน่นจนใบหน้าของฉันแนบซบกับอกแกร่งข้างซ้าย...ทำให้ฉันรู้ได้ทุกสิ่งว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่  จนฉันต้องกอดตอบเขากลับและไม่คิดที่จะไถ่ถามถึงเรื่องเมื่อครู่ให้เขาไม่สบายใจอีก ก็ในเมื่อเขาว่าเด็กอย่างฉันไม่ควรรับรู้  ฉันก็จะยอมเป็นเด็กให้เขาสักวัน...

 

 

 

“แก้วจ๋า เด็กน้อย เด็กดี เด็กดื้อ เด็กบ้า เด็กขี้งอน เด็ก...”

 

 

 

“พอแล้วโทโมะ  อะไรๆก็เด็ก  เหอะ..แล้วไง เด็กมันไม่มีหัวใจ รักใครไม่เป็นเหรอไง ที่เด็กมันดื้อก็เพราะใครละ  ที่เด็กมันบ้า ก็บ้ารักผู้ใหญ่บางคนนั้นแหละ ที่เด็กมันขี้งอนเพราะผู้ใหญ่คนนั้นมันงี่เง่า ยังไงเล่า!”  ฉันตอบกลับเขาอย่างไม่ยอมแพ้จนโทโมะคลายอ้อมกอดจากฉันหันไปหัวเราะคิกคักขบขำคนเดียวอยู่นานสองนานและหากฉันไม่ทำหน้าบึ้งใส่คงอีกยาวไกลแน่กว่าที่เขาจะหยุดหัวเราะเยาะฉัน

 

 

 

“ไอ้เซี้ยว .. เราไปจากที่นี่กันเถอะแก้ว ไปกับโทโมะนะครับ”

 

 

 

           หลังจากที่เขายอมหยุดหัวเราะฉันโทโมะก็ลุกขึ้นมาจากโซฟาพลางคว้าข้อมือฉันเดินลิ่วๆไปที่รถเพื่อขับพาไปยังคอนโดของเขา ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาจะต้องปิดบังอะไรบางอย่างกับฉัน ฉันไม่มีค่าพอที่จำได้รับรู้มันขนาดนั้นเลยหรือ? 

 

 

 

 

          ดูก็รู้ว่าโทโมะกำลังมีปัญหา ตลอดระยะทางเขาไม่ปริปากพูดกับฉันสักคำ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงชวนฉันคุยจ้อจนฉันมากกว่าที่เป็นฝ่ายรำคาญจนต้องหันหน้าหนี แต่ทำไมนะ เวลานี้ฉันถึงอยากให้เขาพูด อยากจะรับฟังทุกๆปัญหาของเขา อยากเหลือเกินที่จะเป็นบุคคลที่เขาไว้ใจยอมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง  และฉันจะไม่มีวันหันหน้าหนีเขาเด็ดขาด

 

 

 

 

          ฉันเอื้อมมือไปสัมผัสกับมือของโทโมะเป็นเชิงบอกว่าฉันจะคอยอยู่ข้างๆเขาเสมอ  เขากุมมือฉันไว้แน่นก่อนจะเลี้ยวโค้งเพื่อขึ้นไปจอดรถบนชั้นสี่ของคอนโด  โทโมะเดินลงมาเปิดประตูรถให้กับฉันพร้อมคว้ามือของฉันมากอบกุมไว้อย่างแน่นหนา เหมือนกลัวว่าฉันจะวิ่งหนีออกห่างเขาไปอย่างไงอย่างนั้น และเป็นอย่างเช่นเคยทั้งเขาและฉันไม่หลุดคำพูดใดๆออกมาอีกเลย

 

 

 

 

         โทโมะเสียบคีย์การ์ดเพื่อเปิดห้องของเขา ทุกอย่างยังคงถูกเก็บกวาดเป็นระเบียบอยู่เสมอ แน่ละ..เจ้าของห้องเขารักสะอาดยิ่งชีพนี่นา  ห้องของโทโมะจึงจัดได้ว่าแทบไม่เห็นแม้แต่ไรฝุ่นละออง  พอถึงห้องเจ้าตัวก็ล้มตัวลงนอนลงบนฟูกใหญ่นุ่มนิ่มราวกับติดสปริงไว้ทันที  เขาหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน จนฉันเริ่มไม่สบายใจ โทโมะไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ฉันอยากจะทำอะไรเพื่อเขาบ้าง อยากจะช่วยบรรเทาความเครียดนั้น เรื่องนั้น แต่เพียงฉันไม่รู้ว่าจะช่วยเขายังไง ในเมื่อฉันยังไม่รับรู้ปัญหาของเขาเลย  ที่ทำได้ตอนนี้ก็แค่เดินไปปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เข้าที่เพื่อที่เขาจะได้นอนสบาย  ช่วยนวดต้นคอให้เพื่อให้เขารู้สึกดี ฉันช่วยได้แค่นี้จริงๆ

 

 

 

 

 

                                                                                                 End Kaew Part

 

 

 

 

 

“เหนื่อยมากไหม แก้วจะช่วยอะไรโทโมะได้บ้าง?”

 

 

 

          หญิงสาวนอนทอดขนาบข้างๆเขาก่อนจะกอดแผ่นหลังของคนที่กำลังนอนคว่ำหน้าอยู่ คนหล่อพลิกตัวกลับมาพลางใช้แขนซ้ายเท้ากับท้ายทอย มือขวาเอื้อมมาบีบจมูกรั้นของแก้วด้วยความรัก ความหมั่นไส้กับเด็กขี้เอาใจเกินเหตุอย่างเธอ พร้อมทั้งใช้จมูกโด่งบดขยี้เบาๆกับสันจมูกของอีกฝ่ายด้วยความหมั่นเขี้ยว

 

 

 

“ไม่ครับ ไม่มีอะไรเลย วันนี้โทโมะก็แค่เหนื่อยๆ  เหนื่อยเพราะอะไรรู้ไหม...เพราะเด็กดื้อคนนี้แหละ ชอบงอน ชอบอ้อนแบบนี้โทโมะก็เหนื่อยหัวใจตายสิครับ ฮะๆ” 

 

 

 

          โทโมะโกหกคำโตออกไปเพื่อให้แก้วสบายใจ แต่หารู้ไม่ว่าเธอรู้ทันเกมของเขา หญิงสาวแสร้งหัวเราะไปกับเขาด้วยไม่อยากจะซักไซ้ให้เขาเครียดไปกว่านี้ เอาเป็นว่าไม่ว่าตอนนี้โทโมะกำลังเผชิญกับเรื่องอะไรอยู่ก็ตาม เธอพร้อมที่จะเคียงข้างเขาเสมอ เท่านี้ก็พอ

 

 

 

จุ้บ~

 

 

 

 

          หญิงสาวยันกายขึ้นไปหมอแก้มเขาพร้อมรอยยิ้มบวกท่าทีน่ารักเพื่อที่จะให้โทโมะสบายใจเมื่อเห็นเธอกลับไปเป็นแบบเดิม ชายหนุ่มยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจเมื่อได้เห็นท่าทีแมวน้อยแบบนั้น อ้อนๆแบบนั้นนั่นมันท่าทางของลูกแมวตัวน้อยชัดๆ เด็กบ้าเอ้ย...

 

 

 

“งั้นแก้วจะไม่ดื้อกับโทโมะอีกแล้ว จะทำตามที่โทโมะบอกทุกอย่างเลย เป็นไง แบบนี้ใช้ได้หรือเปล่า?”

 

 

 

“โว้ยยยย หมั่นเขี้ยว ไอ้เซี้ยวเอ้ย คนอะไรน่ารักจริงๆให้ตายเหอะ...”  มือหนาขยี้กลุ่มผมหอมของแก้วจนผมซอยสั้นของเธอยุ่งเหยิงเปิดเปิงตามแรงขยี้ของเขา แก้วหัวเราะคิกคักสะใจที่ได้แกล้งยั่วยวนคนตรงหน้าเสียจนเขาแทบคลั่ง  ก่อนจะเอ่ยวาจาท้าทายเขาไปเสียอย่างนั้น..(?)

 

 

 

 

“น่ารัก ก็รักเลยสิ”    

 

 

 

          ชายหนุ่มลอบยิ้มมุมปากพร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ยียวนเป็นเชิงหยอกล้อหญิงสาวก่อนจะค่อยๆประทับริมฝีปากร้อนผ่าวเข้ากับเรียวปากอวบอิ่มสีเชอร์รี่แผ่วเบา  หญิงสาวตอบโต้เขาอย่างเดียงสาไร้ซึ่งความชำนาญเฉกเช่นเขา  ก่อนที่เจ้าตัวจะถอนจุมพิตออกจากปากของแม่กระต่ายน้อยอย่างแสนเสียดายเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงต่อต้านจากเธอภายหลัง

 

 

 

“ไหนบอกว่าให้รักไงครับ”

 

 

 

“ บอกว่าให้รักไม่ได้ให้ลวนลามเสียหน่อยคนบ้า  แบร่”

 

 

 

          หญิงสาวแลบลิ้นล้อเลียนใส่หน้าเขาจนชายหนุ่มอยากจะดึงเธอเข้ามาตีเสียให้เข็ดหลาบ เขาจะไม่ง้อเธอกับเรื่องพรรค์นี้ก็ได้อยู่หรอก เพราะมีอิสตรีอีกมากมายที่คลั่งไคล้ไหลหลงเขาและพร้อมจะพลีกายให้ไม่รู้กี่คนต่อกี่คน แต่ตั้งแต่ที่เขามีเธอ หญิงสาวอื่นใดก็ไม่ไม่แม้แต่จะอยู่ในห้วงสายตาเลยแม้แต่น้อย  ถึงกระนี้เด็กบ้าก็ยังจะแกล้งเขาได้ลงคออีกหรือ แสบกว่านี้มีอีกไหม?

 

 

 

“ก็โทโมะไม่ได้ลวนลามนี่นา แค่แสดงความรักเฉยๆ  เด็กโง่เอ๋ย”

 

 

 

“แสดงความรักได้ยังไง ยังไม่บอกว่ารักเลยนี่”

 

 

           แก้วหลบสายตาเหยี่ยวของโทโมะด้วยใจระส่ำเป็นเธอเองที่เรียกร้องให้เขาบอกว่ารัก หลังจากที่เคยห้ามปรามไม่ให้เขาพูด คนหล่ออมยิ้มขำขันแกมเอ็นดูก่อนจะโค้งใบหน้าเข้ากระซิบหลังใบหูของอีกฝ่ายเสียงแผ่วแต่ทว่าหนักแน่นไปด้วยความจริงใจกับคำพูดนั้น

 

 

 

“รักใจจะขาดอยู่แล้วทูนหัว” 

 

 

 

          โทโมะโน้มใบหน้าเข้าหาแก้วจดริมฝีปากจรดกับริมฝีปากลิ้นอุ่นสากสอดแทรกโพรงปากเล็กหยอกเหย้าชอนไชลิ้นนุ่มอุ่นซ่านของหญิงสาวจนอีกฝ่ายเผยอเรียวลิ้นขึ้นตามจังหวะชักนำของเขา  มือน้อยของเธอประคองใบหน้าของเขาด้วยความเผลอไผลกับรสเสน่หา จนร่างกายเสียการควบคุมไปโดยสิ้นเชิง

 

 

 

“โกหก รักใจจะขาดแต่ก็ชอบอี๋อ๋อกับผู้หญิงอื่นต่อหน้าต่อตาแก้ว ผู้ชายปากร้ายช่างฉอเลาะ แก้วไม่หลงเชื่อคารมโทโมะง่ายๆเสียหรอก” 

 

 

 

“โธ่ ไม่ได้โกหกนะครับ อย่าแกล้งโทโมะสิเด็กดี ถ้าโทโมะไม่ได้รักแก้วโทโมะต้องขาดใจตายแน่ๆนะครับ”

 

 

 

 

        กายหนาขึ้นคร่อมร่างบางเอาไว้แต่ก็ถูกเจ้าหล่อนแกล้งปฏิเสธเขาโดยการยันอกแกร่งของเขาไว้  รอยยิ้มเย้ายวนปรากฏบนใบหน้าเด็กแสบราวกับเธอต้องการจะกลั่นแกล้งเขาให้ทรมานด้วยเพลิงปารถนาที่มีต่อหญิงสาวตรงหน้า  หารู้ไม่ว่าเธอก็ต้องการเขาเช่นเดียวกัน หากแต่ต้องการจะแกล้งให้คนบ้ารักทรมานเล่นก็เท่านั้น ช่วยไม่ได้นี่คือการทำโทษที่เขาชอบทำให้เธอหึง

 

 

 

 

“ลุกออกไปจากตัวแก้วเดี๋ยวนี้เลย แก้วไม่มีอารมณ์”  แววตาซุกซนส่อประกายระยิบระยับ ดวงตาคู่สวยที่เขาโปรดปราน บัดนี้มันกลับฉายแววเยาะเย้ยเขาได้อย่างเลือดเย็น ให้ตายเถอะ..เธอนี่ใจร้ายเป็นบ้าเลย ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายตักตวงเอาคืนจากเธอบ้างเสียแล้ว

 

 

 

จะรักเธอจนกว่าเด็กบ้าจะยอมพูดคำว่า...แก้วยอมแพ้แล้วค่ะ

 

 

 

“แกล้งโทโมะเหรอไงครับ”

 

 

 

           คนสวยตอบคำถามเขาด้วยรอยยิ้มแทน ริมฝีปากอวบอิ่มชุ่มชิ้นเผยอขึ้นเชื้อเชิญอย่างเย้ายวนจนอีกฝ่ายต้อง  รีบตอบรับ ริมฝีปากร้อนเร้าบดขยี้ริมฝีปากงามอย่างนิ่มนวลแต่แฝงไปด้วยความรายร้อนกระเส่า สองลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันอย่างไม่มีใครยอมแพ้  ราวกับการทำสงครามย่อยๆ ที่มีความรักเป็นเดิมพัน ความปรารถนาฟาดฟันกันน่านเนินราวกับเวลาผ่านเลยไปนานแรมปี จนหญิงสาวต้องเป็นฝ่ายถอดถอนปากหยักงามของตนออกจากนักรบชำนาญสนามรบสนามรักอย่างเขา

 

 

 

 

           ทั้งสองหอบเหนื่อยเพราะรสรักแรงจูบที่ทำเอาคนทั้งคู่แทบจะหมดแรงหมดลม หยุดพักได้ไม่นานคนหล่อก็เป็นฝ่ายประกาศสงครามกับเธออีกครั้ง  มือหนาตวัดร่างอ้อนแอ้นเข้าหาอ้อมอกก่อนจะค่อยๆปลดเปลื้องกระดุมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินตัวเก่งของหญิงสาว นึกโมโหขัดใจกับเจ้าหล่อนเสียจริงที่อุตส่าห์แต่งกายเสียมิดชิดจนเขานึกอุตริคิดไว้ว่าคราวหน้าคราวหลังน่าจะบอกให้เธอใส่เสื้อยืดตัวเดียวก็คงพอ ซ้ำร้ายยังพบเข้ากับเสื้อกล้ามขาวสะอาดรัดเรือนร่างบอบบางไว้อีกชั้น จนโทโมะเริ่มหัวเสีย

 

 

 

 

         ความหงุดหงิดยิ่งโรมรันเมื่อไฟปรารถนาเพิ่มดีกรีถึงขีดสุด ยิ่งเห็นชิ้นสุดส่วนท้ายบนร่างงาม คือ บราตัวจิ๋วที่ปกปิดส่วนสำคัญของเธอเอาไว้ก็นึกโมโหซ้ำ ‘ใครมันช่างคิดผลิตเจ้าบ้านี่ขึ้นมายามที่เขาร้อนรนแบบนี้กัน’ ไม่รอช้าที่จะค่อยๆเปลื้องมันออก มือแกร่งกลับกระชากมันเสียทีเดียวจนขาวิ่น ด้วยความตกใจกับอารมณ์โหยหาของเขาแก้วจึงรีบตะปปของหวงห้ามของตนทันที แต่คนไวกว่ากลับกระชากมือน้อยของแก้วออกก่อนจะมอบความรัญจวนให้เธอด้วยการกลืนกินดอกบัวคู่สวยที่เชื้อเชิญอยู่เหนือสายตาของเขาด้วยความหิวกระหาย

 

 

 

“แก้วมีความสุขไหม  อย่าโกรธโทโมะนะครับคนดี” เอ่ยขอโทษขอโพยร่างงามที่กำลังบิดกายเป็นเกลียวคลื่นเพราะความวาบหวิวรัญจวนที่ได้รับจากเขา หญิงสาวไม่โต้ตอบได้แต่ข่มตาแน่นด้วยความร้อนวูบวาบ 

 

 

 

 

           ละจากดอกบัวคู่สวยไปยังซอกคอขาว ดูดดุนจนมันเกิดรอยรักสีแดงระเรื่อ ก่อนจะลากลิ้นร้อนลงสูหน้าท้องแบนราบไร้เซลลูโลสก่อก่วนจิตใจด้วยความลุ่มหลง  ฟอนฟัดตักตวงความหอมหวานจากร่างกายของหญิงสาวจนสาแก่ใจ  มือน้อยของแก้วขย้ำลงบนเส้นผมดับขลับของคนที่กำลังรุกรานเธอเพื่อเป็นการระบายอาการทุรนทุราย

 

 

 

 

           

 

 

 

“ทะ..โทโมะ อย่า  แกล้ง ฮื่อ ไม่เอา”

 

 

 

“บอกก่อนว่า ...แก้วยอมแพ้แล้วค่ะโทโมะขา..พูดแค่นี้ได้ไหมครับ”

 

“มะ ไม่!”

 

 

 

           หญิงสาวกัดฟันพูดด้วยความยากลำบากเมื่อเขาไม่หยุดขยับเรียวนิ้ว  หากเธอยอมพูดแบบนั้นออกไปก็เท่ากับว่าเธอเป็นฝ่ายแพ้  และมันจะยิ่งทำให้เธออับอายมากขึ้นหากยอมพูดจาสยิวสยองแบบนั้น เธอไม่มีวันยอมเด็ดขาด คนหล่อกระตุกยิ้มร้ายเมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมแพ้เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ตั้งแต่ต้น..เขาจึงยอมเป็นฝ่ายถอดถอนเรียวนิ้วของตนแทน แต่...ทนไม่ไหวอีกแล้วเมื่อกายแกร่งต้องการที่จะประสานสมานกับร่างงามของสาวน้อยคนเก่งตรงหน้า  เขาแยกเรียวขางามของเธอออกก่อนจะฝากฝังบดเบียดตัวตนของเขาเข้าไปภายในกายสาวอย่างอ่อนโยน ท้ายสุดจึงค่อยๆขยับกายเสียดสีส่วนอ่อนนุ่มด้วยความช้าเนิบนาบแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่นอ่อนหวานจนหญิงสาวเคลิบเคลิ้ม

 

 

 

 

          หญิงสาวเผลอเปล่งเสียงร้องแห่งความอับอายนั่นออกมาเมื่อถูกคลื่นความเป็นชายโถมซัดจนเขาสามารถพาเธอไปเหยียบยังดินแดนหฤหรรษ์ด้วยความวาบหวิวเหลือแสน เสียงครางหวานหูเล็ดลอดออกจากเรียวปากอวบอิ่มของแก้วราวกับเสียงจากดินแดนไกลโพ้น ซึ่งเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นเสียงของเธอเอง

 

 

 

“ยอมแพ้หรือยังคนดี”

 

 

 

“ฮื่อ...แก้ว แก้ว..”

 

            ไม่ได้รับคำตอบจากปากเธออีกเช่นเคย ในเมื่อเธอไม่ยอม เขาก็ไม่หยุด ..เล็บแหลมคมของหญิงสาวจิกลงบนเนื้อหนั่นไหล่หนาด้วยความเสียวกระสัน เมื่อเขาไม่ยอมหยุดปรนเปรอความวาบหวิวให้  หญิงสาวผวากอดเขาเมื่อเขาถ่ายถอนตัวออกห่างก่อนจะวูบสะท้านเมื่อเขามอบความหวานกลับคืน จนเธอหอบตัวโยน  ก่อนจะตามติดมาด้วยเสียงกรีดร้องเมื่อเธอเหยียบย่ำสู่พื้นดวงจันทร์ได้สำเร็จ เขาจึงต้องเร่งโถมโหมกายให้ถี่เร็วเพื่อจะเอื้อมคว้าดวงดาวได้ดั่งหมาย  ก่อนที่ร่างหนาจะคำรามลั่นเมื่อภารกิจสิ้นสุดลงพร้อมๆกับความหอบเหนื่อยจากความเมื่อยล้ากับกิจกรรมรักนานเนิ่นร่วมๆ สองชั่วโมง

 

 

 

“จะยอมหรือไม่ยอมครับตัวเล็ก”

 

 

 

“ฮื่อ...แก้ว แก้ว ยอมแล้ว ยอมโทโมะ แล้ว โทโมะลุกออกไปจากตัวแก้วเสียที”  เปลือกตาเรียวปิดสนิทพร้อมกับหยาดเหงื่อที่ไหลรินสู่ดวงหน้าสวยพร้อมกับพ่นคำหวานหูให้โทโมะได้เชยชม แต่เขาก็ยังไม่สาแก่ใจอยู่ดี ซ้ำร้ายยังขู่เธอด้วยซ้ำ หากไม่ยอมพูดตามแบบฉบับที่เขาวางไว้ เขาก็ไม่ยอมถอนกายออกจากตัวเธอเช่นกัน

 

 

 

“งั้นก็พูดหวานๆแบบที่โทโมะสอนไว้ก่อนหน้านั่นก่อนสิ”

 

 

 

“โทโมะ...แก้ว...แก้วยอมแล้วค่ะ โทโมะขา แก้วเหนื่อยเหลือเกิน”

 

 

 

          หญิงสาวหมดหนทางต่อรองกับคนอาแต่ใจ จำต้องพูดจาซ่านสยิวออกไปแบบนั้น โทโมะยิ้มพอใจก่อนจะยอมถอนตัวออกจากเธอลงมานอนขนาบข้างๆหญิงสาวพร้อมเกี่ยวกระวัดเอวบางมาตะกองกอดรัดแน่นด้วยความรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ  ดวงหน้าสวยซุกลงกับแผงอกกว้างของเขาโหยหาความอบอุ่นในคืนหนาวจนผล็อยหลับลงด้วยความอ่อนเพลีย

 

 

 

 

        ลมหายใจสม่ำเสมอของคนสวยในอ้อมกอดบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธอได้จมลึกสู่ห้วงนิทราเสียแล้ว โทโมะซุกใบหน้าลงบนเรือนผมหอมของคนในอ้อมกอดมันเปรียบเสมือนยากล่อประสาทชั้นเลิศที่ทำให้เขาหลับลงอย่างงายดายไปพร้อมกับเธอ

 

.

 

 

 

 

 

 

      สองร่างที่กำลังหลับใหลค่อยๆขยับกายรับการมาเยือนของดวงอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า แสงเจิดจ้าของมันส่องแยงตาคนตัวเล็กทำให้เธอต้องบิดกายไล่ความขบเมื่อยออก ก่อนจะทิ้งตัวทาบทับกับแผงอกของโทโมะอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนขี้เซาไม่ยอมตื่นเสียที  ชายหนุ่มรู้สึกตัวขึ้นเมื่อสาวเจ้าแกล้งเหย้าให้เขาตื่นมือหนาควานหาร่างเล็กนั่นเข้าสู่อ้อมกอด กดจูบลงบนกลุ่มผอมหอมอย่างลุ่มหลงไม่รุ้หน่าย จนแก้วต้องปัดป่ายด้วยความขวยเขินเมื่อถูกเขาชกชิงลวนลามแต่เช้าตรู่

 

 

 

“อื้อ...คนสกปรก ไม่อาบน้ำอย่ามากอดเค้านะ”  แก้วบ่ายเบี่ยงเขาด้วยแสร้งทำเป็นรังเกียจจนเขาต้องแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ แน่สิ เมื่อคืนเธออาบมาตั้งแต่อยู่ในห้องซ้อมเต้นแล้ว เหลือแต่เขานี่ละที่ยังไม่ได้ผ่านการชำระร่างกายเลย

 

 

 

 

“ฮะๆ ว่าโทโมะทำไมครับ อาบกับไม่อาบก็ไม่เห็นจะต่างกันเลย เมื่อคืน...เราก็สกปรกด้วยกันทั้งคู่นั้นแหละ”  แก้วหันขวับไปมองตาขวางเมื่อเขาพูดจาส่อเสียดถึงเรื่องเมื่อคืนให้เธอได้อับอายตั้งแต่เช้า นิ้วเรียวจับบิดเข้าที่ใบหูของเขาอย่างจังจนคนตัวใหญ่ร้องโวยวายด้วยความเจ็บ ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี

 

 

 

“โอ้ยยย  เจ็บครับเจ็บ แก้วปล่อย โอ้ยยยย ปล่อยโทโมะนะครับ”

 

 

 

“ฮึ ไม่ปล่อย บอกมาก่อนว่ายอมแพ้แล้ว...แก้วจ๋า โทโมะยอมแพ้แล้วครับ อย่าทำอะไรโทโมะเลยนะคร้าบ”

 

 

 

          หญิงสาวล้อเลียนแกล้งดัดเสียงให้ทุ้มใหญ่บังคับแกมขู่เข็ญเขาพูดด้วยคำพูดหวานหู จงใจจะกลั่นแกล้งเขาเฉกเช่นเดียวกับที่เขาแกล้งเธอไว้เมื่อคืน ชายหนุ่มทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บก่อนจะกัดฟันกรอดเมื่อเห็นว่าเธอย้อนศรเขา ก่อนจะต้องยินยอมพูดอย่างเสียไม่ได้

 

 

 

“แก้วจ๋า โทโมะยอมแพ้แล้วครับ อย่าทำอะไรโทโมะเลยนะคร้าบ ทูนหัว”

 

 

 

          แก้วระเบิดเสยงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจที่ได้แกล้งยียวนกวนประสาทเขา คนหล่อจับหูตัวเองถูไถกับฝ่ามือร้อนเพื่อบรรเทาอาการแสบคันที่หญิงสาวบรรจงมอบให้ด้วยรอยเล็บ ก่อนจะตะปปร่างอ้อนแอ้นเข้าหาอีกครั้ง...

 

 

 

“ไปอาบน้ำกันดีกว่า เดี๋ยวออกมาทานอาเช้ากันนะเด็กดี”

 

 

 

 

“โอเค แต่ว่า..อาหารเช้านะ แก้วทำไม่เป็น เพราะฉะนั้นโทโมะนั้นแหละที่ต้องทำ ส่วนแก้ว มีหน้าที่อยู่เฉยๆ โอเค๊?”

 

 

 

 

       คนตัวเล็กพูดเองเออเองเสร็จสรรพบวกกับกิริยาน่ารักๆที่เจ้าตัวชอบโปรยใส่เขา ชายหนุ่มกระซิบเสียงแหบพร่าเมื่อความปรารถนาดูท่าจะลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งจนเขาแทบจะดาวดิ้น หากแต่เพียงแค่โอบกอดผิวเนื้อเนียนนุ่มก็ทำให้เขาสั่นไหว  ได้จุมพิตยวนใจเลือดร้อนในกายก็ไหลวนไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดสูบฉีดได้เลย จึงต้องรีบตัดบทเสียเพราะเกรงว่าสาวน้อยจะรองรับอารมณ์รักของเขาไม่ไหวเป็นแน่หากเขาบ้าดีเดือดขึ้นมา

 

 

 

“ละ ลุกสิครับ”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

             แก้วเดินออกมาจากห้องอาบน้ำด้วยทั้งกายมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอาไว้อย่ากระชั้น ตามด้วยอีกฝ่ายที่กำลังเช็ดผมเดินตามออกมาด้วยกางเกงบ๊อกเซอร์เพียงตัวเดียว คนหล่อเดินยิ้มมานั่งเช็ดจัดทรงผมที่เขาหวงหนักหนา เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังชโลมครีมบำรุงผิวกลิ่นหอมที่มีติดอยู่ภายในห้องเขา  ก่อนจะตบมือลงบนที่ว่างบนเตียงข้างกายพร้อมเอ่ยเรียกคนตัวเล็กให้มานั่งข้างๆ  แก้วทำตามอย่างว่าง่ายก่อนที่โทโมะจะดันหันแผ่นหลังเนียนของเธอเข้าหา พร้อมชโลมเนื้อครีมลงบนแขนขาเรียวและแผ่นหลังเนียนนั่นให้อย่างเบามือ

 

 

 

“อย่าให้ใครทำแบบนี้ให้นะรู้ไหม  โทโมะทำได้คนเดียวเข้าใจหรือเปล่า?” โทโมะสั่งเสียงนุ่มแต่แฝงไปด้วยความดื้อรั้นเอาแต่ใจและต้องการให้แก้วตอบรับเขาโดยเร็ว หญิงสาวเงยหน้ามองเขา แววตาเปล่งเป็นประกายวาวระยิบจ้องลึกไปยังดวงตาสีนิลของอีกฝ่ายด้วยความสงสัย

 

 

 

“เห...อืม แก้วเข้าใจก็ได้”

 

 

 

“สาบาน!” โทโมะกระแทกเสียงขุ่นจนแก้วตกใจรับพยักหน้ารับคำเขาทันที

 

 

 

“สะ สาบานก็ได้ แต่ทำไมต้องจริงจังขนาดนี้ด้วยล่ะ ยังไงแก้วก็ไม่ให้ใครมาทำอะไรแบบนี้ให้หรอกน่า”

 

 

 

 

        หญิงสาวเอ่ยให้กำลังใจเขาจนโทโมะยิ้มออกมาด้วยความสบายใจก่อนที่แก้วจะเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มตรึงเครียดขึ้นมาเสียอย่างงั้น  เป็นแก้วเองที่ต้องเป็นฝ่ายปรนนิบัติเขาด้วยความเอาอกเอาใจ หญิงสาวทิ้งน้ำหนักตัวลงบนตักแกร่งของโทโมะก่อนจะบีบครีมบำรุงผิวแต่งแต้มเติมวาดลงบนใบหน้าเนียนของโทโมะให้  ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้ามาทำอาหารภายในครัว..

 

 

 

 

        ไม่ช้าไม่นานนักสปาเกตตี้ซอสไก่เมนูโปรดของเด็กน้อยอย่าแก้วก็ถูกโทโมะนำมาประเคนให้ตรงหน้า หญิงสาวนึกเล่นอะไรๆพิเรนทร์ๆแกล้งเขาโดยการกระโดดขึ้นไปนั่งบนตะอาหารเผชิญหน้ากับโทโมะที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ชายหนุ่มยักคิ้วเป็นเชิงถามว่าเธอกำลังจะเล่นอะไรกับเขาอีก  แก้ววางยิ้มมาดมั่นก่อนจะโค้งใบหน้างามลงมาจนเกือบประชิดกับริมฝีปากของอีกฝ่ายพร้อมเอ่ยถามคำถามข้อแรกกับเขา

 

 

 

“โทโมะรักแก้วหรือเปล่า?”

 

 

 

“โถ ถามอะไรเนี่ยเด็กบ้า โทโมะตอบไปเป็นพันๆครั้งแล้วนะ เอาล่ะๆ โอเค ในเมื่ออยากฟังนักก็จะบอก..รักครับ รักมากๆเลย”

 

 

 

“ถ้าอย่างนั้น.โทโมะต้องรับแก้วได้ทุกอย่างใช่ป่ะ?”

 

 

 

“จ้า  รับได้หมดครับ ว่าแต่ ถามทำไมฮะเด็กลิง ลงมานั่งข้างๆหน่อยสิ อยากกอด นะๆ” แววตาหวานเชื่อมถูกส่งผ่านมายังแก้ว เจ้าตัวอมยิ้มล้อๆกับความขี้อ้อนราวกับเด็กทารกในร่างผู้ใหญ่ของโทโมะก่อนจะพิสูจน์คำพูดของเขาที่ว่า ‘รับทุกอย่างในตัวเธอได้หมดจริงๆ’

 

 

 

“ไม่เอา  เอ้อ แล้วโทโมะบอกเองนะว่ารับแก้วได้ทุกอย่าง งั้น...แก้วก็จะเป็นตัวของแก้วให้โทโมะดูวันนี้แหละ ดูดิ่ว่าจะรับได้หรือเปล่า?”  

 

 

 

 

 

         หญิงสาวยิ้มร้ายอย่างนึกสนุกก่อนจะเริ่มลงมือละเลงสปาเกตตี้ตรงหน้าให้เข้ากันกับซอสไก่ด้วยมือเรียวสวย โทโมะเพ่งมองการกระทำของแก้วด้วยความงุนงงก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นอึ้งนิดๆกับความเซี้ยวซ่าที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในตัว หญิงสาวใช้มือหยิบทานอาหารจนมือน้อยทั้งสองแปดเปื้อนไปด้วยซอสสีส้มอมแดงเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปทั่วตัวเมื่อหญิงสาวเช็ดถูกับเสื้อผ้าของตัวเอง  ซ้ำร้ายยังแกล้งบีบซอสจนเปรอะเปื้อนลุกลามไปยังโทโมะ จนอีกฝ่ายร้องขึ้นด้วยความตกใจ  โทโมะส่ายหน้าด้วยความหน่ายใจก่อนจะลุกหนี จนแก้วต้องหลุดขำออกมาเมื่อเห็นว่าเขาทนไม่ไหว

 

 

 

 

        แต่สักพักเขาก็เดินกลับมาพร้อมกับผ้าชุบน้ำอุ่นและอ่างน้ำสะอาด ชายหนุ่มวางมันลงบนโต๊ะก่อนจะกระชากข้อมือเล็กของแก้วที่ยังไม่หยุดป้ายซอสบนเสื้อเขา  พร้อมหลุดยิ้มขำก๊ากออกมาเมื่อเด็กน้อยนั่งนิ่งให้เขาเช็ดเนื้อตัวให้  โทโมะใช้ทิชชู่เช็ดซอสมะเขือเทศออกตามใบหน้า ลำคอ รวมถึงแขนขาเรียวนั่นให้ก่อนจะตามด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นจนแก้วอดที่จะขวยเขินไม่ได้เมื่อเขาปรนนิบัติให้ราวกับเธอเป็นเจ้าหญิงอย่างไงอย่างงั้น

 

 

 

 

“เด็กตะกละ เล่นอะไรเลอะเทอะไปหมดแล้วเนี่ย หืม?  ไม่ต้องพยายามแกล้งโทโมะเลย เพราะต่อให้ยิ่งกว่านี้ก็รับได้ครับ  ..  แล้วนี่จะเล่นซอสทำไม ไม่เหนียวตัวบ้างหรือ? อาบน้ำใหม่ง่ายกว่านะเด็กบ้า  ไม่เข้าใจเลยจริงๆ นี่โทโมะมีเมียหรือมีลูกสาวกันแน่”   ชายหนุ่มพร่ำบ่นเด็กสาวตรงหน้าทั้งที่ยังไม่หยุดเช็ดเนื้อตัวให้ คนฟังก็เอาแต่นิ่งอึ้งก่อนจะสะดุ้งตกใจกับประโยคสุดท้าของเขา มีเมียหรือลูกสาว(?)

 

 

 

“แก้วก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าแก้วมีผ...เอ่อ  คือมี...”

 

 

 

           เกือบแล้วเชียวที่เธอจะเผลอพูดเรื่องบัดสีน่าอายออกไปว่าเขาเป็นสามีของเธอ ชายหนุ่มก้มหน้าก้มตาล้อเลียนด้วยความขบขันเมื่อเห็นแก้มขาวขึ้นสีแดงเรื่อดูน่ารักน่าหยิกจนเขาเผลอที่จะสัมผัสมันไม่ได้ ด้วยความหมั่นเขี้ยวเกินเหตุเผลอหยิกแก้มนิ่มนั่นแรงไปหน่อยจนเจ้าตัวค้อนขวับเข้าให้

 

 

 

“โอ่ๆ ขอโทษครับ แล้วว่าแต่..มีอะไรเหรอ?”

 

 

 

“ไม่มี ไม่รู้ ไม่ชี้ ออกไปให้พ้นนะคนบ้า>///<”

 

 

 

“บอกมาก่อนสิแล้วจะไปให้พ้นๆเลย”

 

 

 

“ก็..คือ..มีแฟนหรือมีพ่อกันแน่ไงเล่า พอใจหรือยังหา?”

 

 

 

          หญิงสาวแหวใส่ด้วยความอับอายก่อนจะเดินปั้นปึ่งหนีเข้าไปเปลี่ยนชุด ชายหนุ่มเดินหัวเราะตามไปติดๆอยากจะหยอกเหย้ากลั่นแกล้งให้เป็นรสชาติของชีวิตรักเสียบ้าง มันจะได้ไม่ดูจืดชืดหรือหวานเลี่ยนจนเกินไป 

 

 

 

 

         ก่อนจะต้องยอมเอาอกเอาใจคนตัวเล็กที่ออดอ้อนขอให้เขาพามาเที่ยวห้างเดินเลือกของซื้อของใช้ จนใจอ่อนยอมพามาจนได้แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะสวมแว่นดำอำพรางไม่ให้เป็นที่โจ่งแจ้งต่อที่สาธารณะบุคคล หญิงสากระวีกระวาดเลือกซื้อของถูกใจมากมายทั้งเสื้อผ้าชุดเท่ห์อย่างเชิ้ตที่เจ้าตัวชอบใส่  คนเดินตามถึงกับเข้ามาห้ามเมื่อเห็นว่าคนรักเลือกของอะไรก็ไม่รู้ตามใจมากจนเกินไป ไม่ได้งกเงินที่จะซื้อให้ แต่แค่อยากให้คนสวยแต่งอะไรที่เป็นผู้หญิงๆบ้าง 

 

 

 

 

“ไปร้านผู้หญิงเดี๋ยวนี้เลยตัวแสบ” 

 

 

 

          หญิงถูกฉุดลากออกมาจากร้านเสื้อชายด้วยความหงุดหงิด แก้วสะบัดข้อมือเขาทิ้งพลางวิ่งเข้าหาร้านไอศกรีมของโปรดด้วยความตื่นใจ ก่อนที่โทโมะจะวิ่งตามมาด้วยความหืดกระหอบ อีกทั้งยังข้าวของของเธอที่ตอนนี้เขาแทบไม่มีมือจะถือให้อีก

 

 

 

ยัยตัวแสบ...

 

 

 

“มะม่วงหนึ่งโคนค่ะ”

 

 

 

          แก้วสั่งไอศกรีมรสโปรด เมื่อได้ตามที่ตนต้องการแล้วก็เหลือบไปเห็นร้านเบเกอรี่หอมกรุ่มตรงหน้า คนสวยกระโจนใส่ด้วยความร่างเริงจนโทโมะอ่อนใจ แต่สุดท้ายก็ยอมเดินตามเข้าไปด้วยจนได้  หญิงสาวหอบหิ้วถุงขนมออกมาจากร้านพลางยกขึ้นแกว่งไปมายั่วยวนชายหนุ่มจนเขาหมั่นไส้อยากจะคว้าตัวมาตีให้เข็ดหลาบ

 

 

 

 

         โทโมะฉุดคว้าข้อมือเล็กให้เดินตามเขาเข้าร้านจำหน่ายหมวกหลากหลายละลานตา เขาเป็นคนชอบสะสมมันอยู่แล้วเสียด้วยสิ หญิงสาวเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้ก็ในเมื่อเขายังเลือกซื้อของในสิ่งที่เขาชอบเลย แต่พอเธอจะเลือกบ้างเขากลับไม่เห็นด้วยเสียอย่างนั้น  ชายหนุ่มเดินออกมาพร้อมหมวกใบแดงรูปลายสวยงามก่อนจะบรรจงใส่ให้เด็กที่ยืนกินไอศกรีมอยู่หน้าร้าน กดปีกหมวกจนบดบังใบหน้ามุ่ยของแก้วอย่างขำขันก่อนจะพาเธอเดินไปยังร้านจำหน่ายเสื้อผ้าสตรี จนแก้วต้องแหวขึ้น

 

 

 

“ไม่เอาอ่า แก้วไม่ชอบแบบนี้”

 

 

 

“อย่าดื้อน่า ลองเข้ามาดูก่อนสิครับ” ชายหนุ่มผลักดันแผ่นหลังของแก้วเล็กน้อยก่อนจะเลือกชุดลายหวานให้เธอลอง มือหนาจับรอบเอวหญิงสาวก่อนจะเอ่ยแซวจนแก้วค้อนขวับงวงใหญ่เข้าให้

 

 

 

“พุงออกแล้ว ไอ้อ้วน เรื่องกินนะให้มันเพลาๆหน่อยเถอะ เดี๋ยวลูกไก่จะกลายเป็นลูกหมูซะก่อน”

 

 

 

“แก้วไม่อยากใส่ชุดพวกนี้อ่ะ เรากลับกันเถอะนะ น้า คนตัวใหญ่ของเค้า”  ใบหน้าหวานของแก้วถูไถออดอ้อนกับไหล่หนาก่อนจะเอื้อนเอ่ยสรรพนามหวานหูออกมาจนโทโมะต้องเอี้ยวหันหลับมาถาม หวังจะได้ยินอย่างชัดเจนอีกครั้ง

 

 

 

“ฮะ...เรียกโทโมะว่าอะไรนะ ขออีกครั้งได้ไหมครับ”

 

 

 

“คนตัวใหญ่ของเค้า พาเค้ากลับบ้านน้า เค้าไม่อยากใส่ชุดพวกนี้อ่ะ ไหนบอกจะไม่ขัดใจเค้าไง”  ชายหนุ่มเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าใครหนอจับเด็กคนนี้กลืนกินน้ำผึ้ง ปากถึงได้หวานหยดขนาดนั้น เขาะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆเพราะเกรงว่าคนอื่นจะผ่านมาได้ยินเข้า ผลสุดท้ายก็จำยอมเธออยู่ดี ไม่อยากบังคับเธออีกแล้วละ

 

 

 

นี่ผู้ชายต้องพ่ายมารยาออดอ้อนแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าหนอ?

 

 

 

“ฮะๆ โอเคครับ คนตัวเล็กของโทโมะ กลับก็กลับ  เด็กอะไรปากดีจริงๆ” หญิงสาวอมยิ้มอย่างดีใจที่จะหลุดออกจากร้านเสื้อผ้าสีหวานนี้เสียที ภายใต้รอยยิ้มหวานที่เขาเห็น แต่แววตาใต้ปีกหมวกนั้นยังคงความเจ้าเล่ห์เอาไว้ไม่เสื่อมคลาย  เขานั่นแหละที่เปรียบเสมือนลูกไก่ ที่เธอจะบีบก็ตาย จะคายก็รอด!

 

 

 

 

          แก้วนอนพักผิงกับเบาะรถอย่างเพลิดเพลินจนเผลอหลับไป โทโมะทอดสายตามองหญิงสาวด้วยความรักก่อนนัยน์ตาสีหวานจะหม่นเศร้าลงไปหากคิดว่าวันใดวันหนึ่งเขาและเธอจะต้องกลายเป็นคนแปลกหน้ากัน เขาคงไม่มีวันทำใจได้แน่  อยากจะละทิ้งทุกปัญหาเอาไว้ข้างหลัง ไม่อยากจะต้องเผชิญกับมันอีกต่อไปแล้ว หากเขาสามารถพาเอหนีไปที่ใดก็ได้ เขาจะพาเธอหนีไปเสียบัดนี้ ไปในที่ที่มีแค่สองคน แต่มันก็คงเป็นเพียงความฝันก็เท่านั้น

 

 

 

ถ้าให้ตัดเธอก็คงตัดไม่ขาด หากจะตัดให้ขาดเขานั้นแหละที่ต้องเป็นฝ่ายตัดใจ

 

 

 

 

       หากเมื่อก่อนที่คิดจะรักโดยไม่แม้แต่จะหวาดกลัวลวดหนามที่คอยทิ่มแทง ตอนนี้เขาคงต้องคิดใหม่ รู้สึกหวาดกลัวที่จะต้องสูญเสียเสียบ้าง เพื่อที่จะได้รู้รสชาติของความหวาดกลัว ความหลัวเหล่านั้นจะเป็นสิ่งกระตุ้นให้คนเราพยายามที่จะรักษาสิ่งที่ตนรักเอาไว้โดยไม่คิดจะละเลย

 

 

.


 

 

เย่ว ยาวไหม? (ไม่ยาว--*)

NC เบาๆ น่าร้ากๆๆ (นั่นน่ารักแล้วเหรอ?)

หายหัวไปนานนิดนึง ยุ่งเกินขอโทดคับ หากมันไม่สนุกT__T

อภัยให้me PLZ *O*

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา