Would You Stay With Me
8.8
2) การเปลี่ยนแปลง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 2 ‘การเปลี่ยนแปลง’
“คุณฟางค่ะ เอ่อคือ...”
ฟางเงยหน้าจากแฟ้มประวัติคนไข้ขึ้นมาสบตากับพยาบาลสาวที่เปิดประตูห้องตรวจเข้ามายืนหน้าโต๊ะเธอด้วยสีหน้า
งุนงง กับสายตาว้าวุ่นใจของอีกฝ่าย
“คุณส้มมีอะไรรึเปล่าค่ะ”
“คือ...” พยาบาลสาวยังคงลังเลไม่เลิก จนเธอต้องถามซ้ำ
“ตอนนี้ห้องผู้อำนวยการมีคนเข้าไปค่ะ หนูพยายามห้ามแล้วนะค่ะ”
ส้มตะโกนไล่หลังหญิงสาวที่เดินลิ่วๆ ไปที่ห้องผู้อำนวยการด้วยสีหน้าหนักใจ
“โอ๊ย ทำไมดีเนี่ย จริงด้วยคุณหมอโทโมะ”
รีบวิ่งไปแจ้งข่าวกับใครอีกคนทันที
ทางด้านฟางที่เปิดประตูห้องผู้อำนวยการเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ ใครกันที่กล้าเข้ามาค้นห้องพ่อเธอโดยที่ไม่
ขออนุญาติก่อน
เปิดประตูเข้ามาก็ต้องเจอกับร่างสูงที่ยืนหันหลังให้ประตู อ่านเอกสารในมืออยู่ก่อนแล้ว
อะไรบางอย่างมันทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดราวกับว่าเคยพบเจอกับคนตรงหน้ามาก่อน
“คุณเป็นใครกัน?” ตัดสินใจถามออกไป
ร่างสูงของชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากเอกสารในมือ ก่อนจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่เพิ่งก้าวเข้ามา
คิ้วเข้มของอีกฝ่ายเลิกขึ้นอย่างสงสัย
ยัยเด็กมัธยมนี่ใครกันว่ะ
“แล้วเธอล่ะเป็นใคร เข้ามาทำไม” เสียงทุ้มตอบกลับอย่างห้วนจัด
“ฉันถามนายก่อนนะ”
ชายหนุ่มหันกลับมามองเด็กสาวตรงหน้าอย่างไม่พอใจกับกริยาของอีกฝ่าย
“นี่ไม่ใช่ที่ๆเด็กอย่างเธอจะมาวางอำนาจ ถามใครแบบไร้มารยาท”
คำว่าเด็กที่หลุดออกมาจากปากของชายหนุ่ม ทำเอาหญิงสาวถึงกับฉุนขาด
ตานี่เป็นใคร ถึงได้กล้ามาว่าเธอเป็นเด็กไร้มารยาท เธออายุ 27 แล้วนะ ถึงแม้หน้ามันจะไม่ให้ก็เธอ เธอไม่แปลก
ใจเท่าไหร่ที่เขาจะหาว่าเธอเป็นเด็กก็เพราะไอ้หน้าตาเหมือนเด็กมัธยมแบบนี้แหละ ถึงได้ทำให้เธอโดนพวกญาติๆ
กดขี่ตลอด
“ป็อป ฉันตามหาลูกสาวคุณนพคุณไม่เจอ ให้พยาบาลไปตามอยู่”
ฟางหันกลับมามองหน้า หญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาด้วยสายตางงงวย ว่าอีกฝ่ายจะตามหาตัวเธอไปทำไมกัน
“แล้วนี่เด็กที่ไหนกัน” หญิงสาวส่งยิ้มน้อยๆให้เธอ เออ่ยถามชายหนุ่มอย่างสงสัย
“ขอโทษค่ะ ฉันเนี่ยแหละลูกสาวคุณนพคุณที่คุณว่า”
“เอ๋?” หญิงสาวมาใหม่มองหน้าเธออย่าง งงๆ
“ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นให้เธอมาเล่นตลก กลับไปซะ”
น้ำเสียงฉียบขาดดังออกจากปากชายหนุ่มเพียงคนเดียวในห้อง
“ฉันไม่ใช่เด็กและก็ไม่ได้กำลังเล่นตลกด้วย” ตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มอย่างฉุนฉียวที่เขา
ยังไม่เลิกพูดว่าเธอเป็นเด็ก
“ป็อป นายใจเย็นก่อน ฉันจัดการเอง” หญิงสาวหันไปบอกชายหนุ่มก่อนจะเดินเข้ามาหา
หญิงสาวอีกคน
“สวัสดีค่ะ ฉันเฟย์เป็นเลขาของนายนั้น เอ่อ ป็อปปี้ พวกเราคือคณบริหารที่กำลัง
เข้ามาบริหารแทนคุณนพคุณที่เพิ่งเสียชีวิตไป ว่าแต่คุณเป็นใครกันค่ะ”เฟย์เลือกจะเอ่ยกับหญิงสาวอย่างใจเย็น
ฟางรับรู้ข้อมูลจากคนตรงหน้าอย่างตกใจ หมายความว่าไง คณะบริหาร อะไรกันทำไมเธอไม่รู้เรื่อง?
“อ้อ เรื่องโรงพยาบาล ก่อนที่คุณนพจะเสีย ได้มีการเปลี่ยนเจ้าของไปแล้วนะครับ”
ประโยคของทนาย วนกลับเข้ามาในสมองทันที นี่แปลว่าเธอเสียโรงพยาบาลของพ่อไปแล้วจริงๆซินะ
“ฉันฟาง ธนันต์ธรณ์ นีระสิงห์ค่ะ” ตอบกลับสาวสวยตรงหน้าไปอย่างเลื่อนลอย
ชื่อและนามสกุลที่หญิงสาวเอ่ยออกมา เรียกให้เฟย์กับป็อปปี้หันมาสบตากันอย่างสนใจ
“ฉันจะไปสืบมา นายจัดการไปก่อนแล้วกัน” เฟย์เอ่ยปากบอกชายหนุ่มแบบไม่มีเสียง
ก่อนจะเดินออกจากห้องไปปล่อยชายหนุ่มให้จัดการกับหญิงสาวเอง
“งั้นเธอนั่งก่อน เราคงมีเรื่องต้องคุยกันยาว”
ป็อปปี้เดินนำมาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้โซฟารับแขกในห้อง ฟางเดินตามมาทรุดตัวลงนั่ง
กระพริบตาปริบๆเป็นการเรียกสติ ลอบมองสังเกตุคนตรงหน้า คิ้วเข้มรับกับนัยต์ตาคมได้อย่างเหมาะเจาะ ร่างสูง
เพียวของชายหนุ่มดูดีมากในชุดสูทของห้องเสื้อยี่ห้อดัง
“เธอคงพอจะรู้เรื่องที่พ่อเธอเคยกิจการให้ฉันก่อนท่านจะเสีย”
ฟางส่ายหน้าเบาๆเป็นการปฎิเสธ เธอไม่เคยรับรู้มาก่อนว่ากิจการกำลังอยู่ในวิกฤตขนาดต้องขายกิจการต่อให้
คนนอกเข้ามาดูและ เพราะเธอสนใจแต่คนไข้กับหน้าที่การรักษาในส่วนของตัวเองเท่านั้น ไม่เคยไปก้าวก่ายใน
ส่วนบริหารเลยแม้แต่น้อย
ป็อปปี้มองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าหนักใจ งานนี้มันจะคุยกันรู้เรื่องมั้ยว่ะ
“เอาเป็นว่าฉันจะเป็นคนเข้ามาบริหารงานในส่วนของบริหารนับแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้น
ไป ฉันอยากจะรื้อคณะบริหารใหม่หมด”
“นายหมายความว่าจะปลดคณะบริหารใช่มั้ย?”
ฟางขมวดคิ้วจ้องหน้าชายหนุ่มนิ่ง คิดจะเปลี่ยนเป็นคณะบริหารของตัวเองหมดเลยซินะ
“ใช่ แล้วไอ้โครงการรักษาฟรี ฉันก็จะยกเลิกด้วย”
“อะไรนะ นายจะยกเลิกโครงการนั้นไม่ได้นะ!!”
“เพราะโครงการนั้น ทำให้เราเสียรายได้ไปกว่า 25% ฉันในฐานะผู้อำนวยการคงยอม
ให้เกิดกรณีแบบนี้ไม่ได้”
อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างเย็นชา
ไอ้หน้าเลือด ถ้าเขายกเลิกโครงการรักษาฟรี ต้องมีคนเดือดร้องไม่ต่ำกว่าร้อยคนเลยนะ
“แต่ถ้านายยกเลิก คนที่กำลังทำการรักษาอยู่จะทำยังไง”
“เราจะไม่เรียกเก็บค่ารักษาย้อนหลัง แต่จะปรับเป้นให้จ่ายในราคาตามจริงของแผนการ
รักษาแทน”
“ไม่ได้นะ คนพวกนั้นเป็นแค่คนจน จะมีปัญญาอะไรมาจ่ายค่ารักษากัน”
“แล้วไง ถ้าไม่พอใจก็ย้ายไปรักษาที่อื่น”
“นายมันไม่ใช่คน” หญิงสาวกัดฟันตอบชายหนุ่มออกมา
\(^_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ ^)/
รู้สึกว่าจะ ง งู เต็มหัวกันเลยซินะ ฮ่าๆ เรื่องนี้ไม่เศร้า(รึเปล่า) มันออกดราม่าเป็นแบบละครมากกว่านะ ในความรู้สึก
คนแต่งนะ ใครที่รู้สกงงกับบทนำ เดี๋ยวจะค่อยๆเข้าใจไปเองค่ะ
(บังคับให้ติดตามไปจนจบนั้นเอง ฮ่า)
เจอกันตอนหน้าค่ะ ^^
“คุณฟางค่ะ เอ่อคือ...”
ฟางเงยหน้าจากแฟ้มประวัติคนไข้ขึ้นมาสบตากับพยาบาลสาวที่เปิดประตูห้องตรวจเข้ามายืนหน้าโต๊ะเธอด้วยสีหน้า
งุนงง กับสายตาว้าวุ่นใจของอีกฝ่าย
“คุณส้มมีอะไรรึเปล่าค่ะ”
“คือ...” พยาบาลสาวยังคงลังเลไม่เลิก จนเธอต้องถามซ้ำ
“ตอนนี้ห้องผู้อำนวยการมีคนเข้าไปค่ะ หนูพยายามห้ามแล้วนะค่ะ”
ส้มตะโกนไล่หลังหญิงสาวที่เดินลิ่วๆ ไปที่ห้องผู้อำนวยการด้วยสีหน้าหนักใจ
“โอ๊ย ทำไมดีเนี่ย จริงด้วยคุณหมอโทโมะ”
รีบวิ่งไปแจ้งข่าวกับใครอีกคนทันที
ทางด้านฟางที่เปิดประตูห้องผู้อำนวยการเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ ใครกันที่กล้าเข้ามาค้นห้องพ่อเธอโดยที่ไม่
ขออนุญาติก่อน
เปิดประตูเข้ามาก็ต้องเจอกับร่างสูงที่ยืนหันหลังให้ประตู อ่านเอกสารในมืออยู่ก่อนแล้ว
อะไรบางอย่างมันทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดราวกับว่าเคยพบเจอกับคนตรงหน้ามาก่อน
“คุณเป็นใครกัน?” ตัดสินใจถามออกไป
ร่างสูงของชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากเอกสารในมือ ก่อนจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่เพิ่งก้าวเข้ามา
คิ้วเข้มของอีกฝ่ายเลิกขึ้นอย่างสงสัย
ยัยเด็กมัธยมนี่ใครกันว่ะ
“แล้วเธอล่ะเป็นใคร เข้ามาทำไม” เสียงทุ้มตอบกลับอย่างห้วนจัด
“ฉันถามนายก่อนนะ”
ชายหนุ่มหันกลับมามองเด็กสาวตรงหน้าอย่างไม่พอใจกับกริยาของอีกฝ่าย
“นี่ไม่ใช่ที่ๆเด็กอย่างเธอจะมาวางอำนาจ ถามใครแบบไร้มารยาท”
คำว่าเด็กที่หลุดออกมาจากปากของชายหนุ่ม ทำเอาหญิงสาวถึงกับฉุนขาด
ตานี่เป็นใคร ถึงได้กล้ามาว่าเธอเป็นเด็กไร้มารยาท เธออายุ 27 แล้วนะ ถึงแม้หน้ามันจะไม่ให้ก็เธอ เธอไม่แปลก
ใจเท่าไหร่ที่เขาจะหาว่าเธอเป็นเด็กก็เพราะไอ้หน้าตาเหมือนเด็กมัธยมแบบนี้แหละ ถึงได้ทำให้เธอโดนพวกญาติๆ
กดขี่ตลอด
“ป็อป ฉันตามหาลูกสาวคุณนพคุณไม่เจอ ให้พยาบาลไปตามอยู่”
ฟางหันกลับมามองหน้า หญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาด้วยสายตางงงวย ว่าอีกฝ่ายจะตามหาตัวเธอไปทำไมกัน
“แล้วนี่เด็กที่ไหนกัน” หญิงสาวส่งยิ้มน้อยๆให้เธอ เออ่ยถามชายหนุ่มอย่างสงสัย
“ขอโทษค่ะ ฉันเนี่ยแหละลูกสาวคุณนพคุณที่คุณว่า”
“เอ๋?” หญิงสาวมาใหม่มองหน้าเธออย่าง งงๆ
“ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นให้เธอมาเล่นตลก กลับไปซะ”
น้ำเสียงฉียบขาดดังออกจากปากชายหนุ่มเพียงคนเดียวในห้อง
“ฉันไม่ใช่เด็กและก็ไม่ได้กำลังเล่นตลกด้วย” ตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มอย่างฉุนฉียวที่เขา
ยังไม่เลิกพูดว่าเธอเป็นเด็ก
“ป็อป นายใจเย็นก่อน ฉันจัดการเอง” หญิงสาวหันไปบอกชายหนุ่มก่อนจะเดินเข้ามาหา
หญิงสาวอีกคน
“สวัสดีค่ะ ฉันเฟย์เป็นเลขาของนายนั้น เอ่อ ป็อปปี้ พวกเราคือคณบริหารที่กำลัง
เข้ามาบริหารแทนคุณนพคุณที่เพิ่งเสียชีวิตไป ว่าแต่คุณเป็นใครกันค่ะ”เฟย์เลือกจะเอ่ยกับหญิงสาวอย่างใจเย็น
ฟางรับรู้ข้อมูลจากคนตรงหน้าอย่างตกใจ หมายความว่าไง คณะบริหาร อะไรกันทำไมเธอไม่รู้เรื่อง?
“อ้อ เรื่องโรงพยาบาล ก่อนที่คุณนพจะเสีย ได้มีการเปลี่ยนเจ้าของไปแล้วนะครับ”
ประโยคของทนาย วนกลับเข้ามาในสมองทันที นี่แปลว่าเธอเสียโรงพยาบาลของพ่อไปแล้วจริงๆซินะ
“ฉันฟาง ธนันต์ธรณ์ นีระสิงห์ค่ะ” ตอบกลับสาวสวยตรงหน้าไปอย่างเลื่อนลอย
ชื่อและนามสกุลที่หญิงสาวเอ่ยออกมา เรียกให้เฟย์กับป็อปปี้หันมาสบตากันอย่างสนใจ
“ฉันจะไปสืบมา นายจัดการไปก่อนแล้วกัน” เฟย์เอ่ยปากบอกชายหนุ่มแบบไม่มีเสียง
ก่อนจะเดินออกจากห้องไปปล่อยชายหนุ่มให้จัดการกับหญิงสาวเอง
“งั้นเธอนั่งก่อน เราคงมีเรื่องต้องคุยกันยาว”
ป็อปปี้เดินนำมาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้โซฟารับแขกในห้อง ฟางเดินตามมาทรุดตัวลงนั่ง
กระพริบตาปริบๆเป็นการเรียกสติ ลอบมองสังเกตุคนตรงหน้า คิ้วเข้มรับกับนัยต์ตาคมได้อย่างเหมาะเจาะ ร่างสูง
เพียวของชายหนุ่มดูดีมากในชุดสูทของห้องเสื้อยี่ห้อดัง
“เธอคงพอจะรู้เรื่องที่พ่อเธอเคยกิจการให้ฉันก่อนท่านจะเสีย”
ฟางส่ายหน้าเบาๆเป็นการปฎิเสธ เธอไม่เคยรับรู้มาก่อนว่ากิจการกำลังอยู่ในวิกฤตขนาดต้องขายกิจการต่อให้
คนนอกเข้ามาดูและ เพราะเธอสนใจแต่คนไข้กับหน้าที่การรักษาในส่วนของตัวเองเท่านั้น ไม่เคยไปก้าวก่ายใน
ส่วนบริหารเลยแม้แต่น้อย
ป็อปปี้มองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าหนักใจ งานนี้มันจะคุยกันรู้เรื่องมั้ยว่ะ
“เอาเป็นว่าฉันจะเป็นคนเข้ามาบริหารงานในส่วนของบริหารนับแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้น
ไป ฉันอยากจะรื้อคณะบริหารใหม่หมด”
“นายหมายความว่าจะปลดคณะบริหารใช่มั้ย?”
ฟางขมวดคิ้วจ้องหน้าชายหนุ่มนิ่ง คิดจะเปลี่ยนเป็นคณะบริหารของตัวเองหมดเลยซินะ
“ใช่ แล้วไอ้โครงการรักษาฟรี ฉันก็จะยกเลิกด้วย”
“อะไรนะ นายจะยกเลิกโครงการนั้นไม่ได้นะ!!”
“เพราะโครงการนั้น ทำให้เราเสียรายได้ไปกว่า 25% ฉันในฐานะผู้อำนวยการคงยอม
ให้เกิดกรณีแบบนี้ไม่ได้”
อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างเย็นชา
ไอ้หน้าเลือด ถ้าเขายกเลิกโครงการรักษาฟรี ต้องมีคนเดือดร้องไม่ต่ำกว่าร้อยคนเลยนะ
“แต่ถ้านายยกเลิก คนที่กำลังทำการรักษาอยู่จะทำยังไง”
“เราจะไม่เรียกเก็บค่ารักษาย้อนหลัง แต่จะปรับเป้นให้จ่ายในราคาตามจริงของแผนการ
รักษาแทน”
“ไม่ได้นะ คนพวกนั้นเป็นแค่คนจน จะมีปัญญาอะไรมาจ่ายค่ารักษากัน”
“แล้วไง ถ้าไม่พอใจก็ย้ายไปรักษาที่อื่น”
“นายมันไม่ใช่คน” หญิงสาวกัดฟันตอบชายหนุ่มออกมา
\(^_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ ^)/
รู้สึกว่าจะ ง งู เต็มหัวกันเลยซินะ ฮ่าๆ เรื่องนี้ไม่เศร้า(รึเปล่า) มันออกดราม่าเป็นแบบละครมากกว่านะ ในความรู้สึก
คนแต่งนะ ใครที่รู้สกงงกับบทนำ เดี๋ยวจะค่อยๆเข้าใจไปเองค่ะ
(บังคับให้ติดตามไปจนจบนั้นเอง ฮ่า)
เจอกันตอนหน้าค่ะ ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ