The revenge แค้นร้ายกลายรัก

8.6

เขียนโดย OUM_PF

วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 12.57 น.

  33 ตอน
  692 วิจารณ์
  131.88K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 17.14 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

20)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

The revenge แค้นร้ายกลายรัก ตอนที่ 20 หัวใจ

 

“จูบฉันสิ...”

 

“!!!”นั่นทำเอาหญิงสาวผงะ เธอไม่เคยคิดสักนิดว่าจะต้องมาทำอะไรน่าเกลียดๆอย่างนี้ อีกอย่างเธอเป็นผู้หญิง

 

การที่จูบผู้ชายก่อนคงดูไม่งามนัก

 

“เร็วสิ”เขาพูดชิดริมฝีปากของเธอ ทำให้เธอต้องเบี่ยงหน้าหลบ เพราะระยะประชิดกับเขาขนาดนี้ หัวใจไม่รักดีของ

 

เธอมันเต้นไม่เป็นส่ำ มันเต้นแรงเสียจนเธอกลัวว่าคนตรงหน้าจะรับรู้ถึงแรงนี้ ถ้าเขารู้เขาต้องหัวเราะเยาะเธอเป็นแน่

 

“ฟางทำไม่เป็น อย่า!”เมื่อเธอบอกเขาอย่างนั้น ก็ต้องร้องเสียงหลงออกมาอีกรอบเมื่อเขาผลักเธอลงนอนราบกับ

 

เตียงอีกครั้ง รอยยิ้มที่เธอไม่ปรารถนาจะได้เห็นบนใบหน้าหล่อคมที่เธอหลงใหลกลับเผยขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มที่แฝง

 

ไปด้วยความร้ายกาจจนน่าใจหาย

 

“ก็เพราะว่าทำไม่เป็นไงถึงต้องสอน เพราะต่อไปเธอต้องเป็นคนทำให้ฉัน ในฐานะนางบำเรอ”สถานะที่เขายัด

 

เหยียดให้เธอนั้น เธอไม่ได้ต้องการสักนิด แต่เขาก็เฝ้าตอกย้ำเธอเป็นร้อยรอบพันรอบอย่างกลัวว่าเอจะลืม

 

“บอกแล้วไงว่าไม่เป็น!”เธอพูดพร้อมกับผลักอกเขาแรงๆ เธอเป็นคนนะ มีความเป็นคนและศักดิ์ศรีอยู่ถึงแม้ว่าจะ

 

น้อยนิด แต่เธอก็ขอรักษามันไว้ให้ถึงที่สุด แต่แรงเพียงน้อยนิดของเธอก็ไม่ได้ช่วยพยุงตัวเองให้ลุกจากร่างของ

 

ซาตานร้านที่กดทับเธอไว้ได้เสียที

 

“อยู่นิ่งๆถ้าไม่อยากเจ็บตัว วันนี้ฉันเหนื่อยมามากพอแล้ว ยังจะไม่ทำอะไรเธอหรอก นอนได้แล้ว”เขาพูดด้วยน้ำ

 

เสียงเย็นชา ก่อนจะยอมลุกจากตัวเธอไปเข้าห้องน้ำ มือเล็กกุมสาบเสื้อที่ถูกฉีกกระชากโดยชายหนุ่มเข้าหากัน

 

 

 

ก่อนจะไปนอนขดตัวอยู่ในโซฟาขนาดที่พอจะให้ตัวเล็กๆของเธอนอนได้ ร่างสูงที่เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมๆ

 

กับสอดสายตามองหาร่างบอบบางที่สมควรจะนอนขดตัวในผ้าห่มผืนหนาบนเตียง แต่เขากลับมองไม่เห็นเธอ เท้า

 

เรียวย่างสามขุมเพื่อจะเดินออกไปตามร่างเล็กแต่ก็ต้องสะดุด เมื่อสายตาคมมองเห็นร่างเล็กๆที่นอนขดตัวอยู่บน

 

โซฟาตัวเล็กที่ขนาดเขานั่งแค่คนเดียวก็แทบไม่เหลือที่ว่าง แต่เธอกลับนอนขดตัวอยู่ในนั้นได้อย่างสบายๆ เขา

 

สังเกตเห็นสีหน้าของเธอที่ไม่สู้ดีนัก มือเล็กที่เกร็งกำสาบเสื้อเข้าหากันอย่างแน่น ปากก็ขมุบขมิบบ่นอะไรสักอย่าง

 

หนึ่งที่เขายังจับศัพท์ไม่ได้ เขาเดินไปหยิบผ้าห่มบนเตียงก่อนจะนำมันมาคลุมให้ร่างเล็ก แล้วกลับไปนอนบนเตียง

 

อันที่จริงตอนนี้ควรจะเป็นร่างบอบบางของเธอที่นอนกอดก่ายเขาอยู่แทนเตียงที่ว่างเปล่าต่างหาก แต่เขายังมีเวลา

 

อีกเยอะ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เสียงรถยนต์คันหรูที่แล่นเข้ามาในบ้านทำให้เช้าที่แสนจะน่าเบื่อของหนุ่มหล่อหน้า

 

ใสให้มีชีวิตชีวา เมื่อร่างบางงก้าวเข้ามาในบ้านพร้อมๆกับคำถามที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินมันอีกหลังจากคืนวาน

 

“พี่ป๊อปอยู่ไหมคะ”คำถามที่ทำเอาเขาเดือดปุดๆ ให้ตายสิ!!! ในเมื่อไม่รู้จักหลาบจักจำก็คงต้องสั่งสอนให้เข็ด

 

เสียที

 

“อยู่บนห้องน่ะ ยังไม่ลงมาเลยสงสัยเมื่อคืนคงจะหนัก”เขาพูดความอ้อมๆและจงใจจะเน้นคำว่าคงจะหนักให้เธอรู้

 

เรื่องที่พี่ชายเขามีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนแล้ว

 

“คงจะหนัก หมายความว่ายังไงคะ”เขาแสยะยิ้ม ก่อนจะบอกอย่างไม่ยี่หระ

 

“ก็อย่างที่ฉันทำกับเธอไง หึ...คราวนี้คงรู้แล้วนะ”ไม่ต้องรอให้โทโมะอธิบายไปมากกว่านั้น ภาพของหญิงสาว

 

ร่างบอบบางที่ถูกป๊อปปี้อุ้มพาดบ่าเดินลงมาจากชั้นบนของบ้านหลังงามก็อธิบายทุกคำถามในใจของแก้วเสียจน

 

หมดเปลือก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหญิงสาวร่างเล็กที่หันหลังให้เธออยู่คือใคร คงจะหนีไม่พ้น สาวน้อยหน้าหวานอย่าง

 

ฟาง ป๊อปปี้ค่อยๆวางร่างเล็กลงบนโซฟาตัวยาวก่อนจะหันมาทักทายเธอ...แค่ตามมารยาท

 

“สวัสดีครับน้องแก้ว มาหาไอ้โมะหรอครับ”คำถามที่พ่วงมากับคำทักทายทำเอาเธอและโทโมะประสานสายตากัน

 

โดยมิได้นัดหมาย เขาคิดได้อย่างไรว่าเธอจะมาหาน้องชายของเขา ในขณะเดียวกันเธอเห็นแววตาบางอย่าง ที่

 

ยากจะคาดเดาของโทโมะ เหมือนกำลังโศก น้อยใจ และโกรธเกรี้ยวในเวลาเดียวกัน ยากเหลือเกิน...ยากเสียจน

 

เธอเดาไม่ถูก เมื่อสติกลับมาเธอก็หันหน้ากลับมาตอบคำถามของป๊อปปี้ “แก้วมาหาพี่ป๊อปค่ะ”เขาเลิกคิ้วเป็นเชิง

 

คำถาม

 

“คือ คือว่า...เอ่อ แก้ว...”เมื่อไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไรเธอก็ไปไม่ถูก เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาที่นี่เพื่ออะไร แต่ที่แน่ๆ

 

คือเธออยากมาที่นี่

 

“หึ มาอ่อยล่ะสิไม่ว่า ไหนๆก็มาแต่เช้าแล้วอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนสิงั้น”คำพูดเจ็บแสบและคำชวนที่ดูเหมือนจะไม่

 

เต็มใจสักนิดของโทโมะทำเอาเธอใจหาย แต่ความรู้สึกอีกอย่างที่เธอไม่แน่ใจก็คือ...น้อยใจ เอ๊ะ บ้าน่าเธอมีสิทธิ์

 

คิดแบบนั้นที่ไหนกัน

 

“จริงสิ อยู่ทานด้วยกันก่อนนะครับ”ป๊อปปี้หันมาชวนเธออีกคน เธอพยักหน้าน้อยๆก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่เขาถอย

 

ให้ แวบหนึ่งที่หัวใจพองโตก่อนจะยุบลงอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อ....

 

“หิวรึยัง”ป๊อปปี้เดินไปพูดกับคนตัวเล็กที่ช้อนดวงตาคู่สวยขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจเขา ก็เมื่อคืนเขายังเป็นซาตาน

 

ร้ายอยู่เลย คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบของชายหนุ่ม เมื่อเขาช้อนร่างเล็กขึ้นอุ้มแนบอกแล้ววางบนเก้าอี้ข้างเขา ก็

 

กว่าจะลงมาได้ก็เถียงกันเป็นเรื่องใหญ่โต เมื่อคนตัวเล็กอวดเก่งโชว์ว่าเดินเองได้ แต่ผลลัพธ์คือเจ้าตัวลงไปนั่ง

 

แหมะที่พื้น เพิ่มความระบมให้ข้อเท้าอีกหน่อย ครั้นจะประคองลงมาก็ยุกยิกอีกเดี๋ยวจะพากันตกบันไดเปล่าๆ เลย

 

จัดการอุ้มพาดบ่าเสียเลย

 

“ทานกันเลยดีกว่า”ก่อนทุกคนจะเริ่มลงมือทานอย่างตั้งอกตั้งใจเสียจนเกินเหตุจำเป็น ทำให้โต๊ะทั้งโต๊ะอยู่ใน

 

ความเงียบงัน ก่อนป๊อปปี้จะพูดทำลายความเงียบที่เงียบจนน่ากลัว

 

“เอ้อ เมื่อวานที่ฉันเข้ากรุงเทพฯตื่นมาไม่เห็นแกเลย แกไปไหนแต่เช้าฮะไอ้โมะ”คำพูดของป๊อปปี้ทำเอาคนมีชนัก

 

ติดหลังอย่างแก้วสำลักข้าวเสียยกใหญ่

 

“ผมไป...”โทโมะพูดแล้วหันไปมองแก้วที่สำลักข้าวจนหน้าดำหน้าแดงและกำลังได้รับความช่วยเหลือจากฟางอยู่

 

“ผมไปในไร่มาน่ะครับ ออกไปเดินเล่น”เขาคิดว่าคำตอบของเขาคงทำให้สาวสวยตรงหน้าพอใจไม่น้อย อาหารเช้า

 

ค่อยๆพร่องลงทีละน้อยทีละน้อยก่อนจะหมดลงจากความตั้งใจทานที่มากเกินเหตุของทุกคน ป๊อปปี้ที่ขอตัวพา

 

ภรรยาสาวขึ้นไปพักผ่อนบนห้องก่อน ทิ้งไว้แต่สองหนุ่มสาวที่จ้องหน้ากันตาเป็นมัน

 

“รออะไรอยู่อีก กลับไปซะทีสิ ไม่เห็นหรอว่าพี่ป๊อปกลับไปดูแลเมียแล้ว และฉันก็เห็นว่าไม่มีเหตุจำเป็นที่เธอ

 

ต้องอยู่ที่นี่อีก”เขาพูดก่อนจะหันหลังให้และกำลังจะเดินออกไปหากเสียงของเธอไม่รั้งเขาไว้

 

“มีสิคะ อ้อ แล้วฉันคิดว่าฟางคงไม่ได้เป็นภรรยาพี่ชายคุณหรอกค่ะ ถ้าใช่จริงๆฉันเชื่อว่าเขาคงไม่พาฟางออกจาก

 

บ้านแล้วมาอยู่ที่นี่โดยไม่มีแม้แต่สัมภาระแน่ เพราะฉะนั้นหมายความว่าฉันยังมีหวัง”เธอพูดอย่างต้องการให้ความ

 

หวังตัวเอง เมื่อเธอสังเกตเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของสาวหน้าหวานและเสื้อยืดตัวโคร่งและกางเกงบอลที่หล่อนสวมใส่อยู่

 

นั่นก็มากเกินพอแล้วสำหรับการเข้าข้างตัวเอง

 

“งั้นก็ตามสบาย”เขาพูดก่อนจะสวมหมวกแล้วขึ้นรถเพื่อเข้าไปในไร่ เธอได้แต่มองรถที่ค่อยๆลับสายตาไปด้วยแวว

 

ตาที่เจ้าหล่อนไม่รู้เลยว่ามันแฝงความวูบไหวมากแค่ไหน เขาไม่แคร์เธอเลยสักนิด ซ้ำยังตอกย้ำเธออย่างไม่ใช่คน

 

ที่เคยบอกว่ารักเธอ เพราะอย่างนี้...เธอถึงไม่กล้าที่จะรักเขา... ...........................................................................................................................

 

 

 

 

“อยู่นิ่งๆสิ”เขาปล้ำร่างเล็กที่ยังดื้อไม่ยอมให้เขาทายาให้ ก่อนเจ้าตัวจะยอมสยบในที่สุดเมื่อเห็นแววตาดุๆของเขา

 

มือเรียวสวยจับหมับที่ข้อเท้าเล็กที่ยังคงบวมเป่ง เขาคิดว่าอีกสองสามวันคงหาย ก่อนจะเริ่มละเลงยาทาลงบนข้อ

 

เท้าของเธอ ใบหน้าแสนหวานนั้นเบ้น้อยๆเพราะความเจ็บ คงคิดว่าเขามือหนักละสิท่า...

 

“หายไวๆล่ะ”คำพูดของชายหนุ่มทำเอาหัวใจดวงน้อยที่เหี่ยวเฉากลับพองโตขึ้นอีกครั้ง แต่ประโยคถัดมาของเขาก็

 

ทำให้เธอตาสว่างว่าทำไมเขาถึงต้องพูดอย่างก่อนหน้านี้

 

“จะได้ไปช่วยทำงานในไร่ซะที...เธอคงรู้ว่าฉันไม่ได้พาเธอมาที่นี่เพื่อกินนอนอย่างสบายๆแน่ ฉันจะไปทำงานก่อน

 

ตอนเที่ยงลงไปหาข้าวกินด้วย อย่าลืมกินแล้วก็ทายาด้วย ถ้าไม่อยากโดนตัดขาทิ้ง”เขาร่ายยาวก่อนจะผลุนผัน

 

ออกจากห้องไปทันที เธอมองตามแผ่นหลังกว้างที่หายวับไปเมื่อบานประตูไม้ปิดลงแล้วค่อยๆผ่อนลมหายใจ

 

ออกอย่างเหนื่อยล้า หลังจากเมื่อคืนก็เกือบจะพลาดท่าเสียทีให้เขาอีกรอบ แต่ยังดีที่โชคเข้าข้างเธอทำให้เขา

 

เปลี่ยนใจ แต่ตอนตื่นกลับต้องมาทะเลาะกันอย่างเด็กอนุบาลที่ไม่ได้ดั่งใจเมื่อเธอไม่ยอมให้เธอประคองลงไปชั้น

 

ล่าง สุดท้ายก็ต้องโนอุ้มพาดบ่าลงไปเสียง่ายๆ ส่วนตอนนี้ก็ต้องมานั่งจับเจ่าอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้างๆนี้คน

 

เดียวอีก ป่านนี้ที่บ้านของเธอจะเป็นยังไงบ้างนะ คุณพ่อคุณแม่ของเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง พลันความคิดดีๆก็วิ่งเข้า

 

สู่สมองในเมื่อคิดถึงก็โทรหาสิ เธอพยุงร่างกายที่แสนจะหนักอึ้งลงไปที่ชั้นล่างอย่างทุลักทุเล ก่อนจะมาหยุดอยู่

 

ตรงเครื่องมือสื่อสาร เธอยกหูโทรศัพท์ขึ้นก่อนจะกดหมายเลขที่จำได้ขึ้นใจเพื่อโทรออก รอเพียงไม่นานปลาย

 

สายก็รับ

 

“คุณพ่อ ฟางเองนะคะ”เธอกรอกน้ำเสียงสั่นเครือลงไปในกระบอกโทรศัพท์ แต่เพียงได้ยินเสียงของบิดา

 

ที่เจือความกังวลก็ทำให้เธอทุกข์ใจอย่างบอกไม่ถูก

 

“ฟาง หนูจริงๆใช่ไหมลูก พ่อกับแม่คิดถึงลูกมากนะ หนูเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหมลูก”ท่านร่ายยาวชุดใหญ่ เธอ

 

กลืนก้อนสะอึกกลับลงไปในลำคอก่อนจะตอบคนเป็นพ่อด้วยน้ำเสียงสดใส

 

“ฟางก็คิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่ค่ะ ฟางสบายดีค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่เป็นยังไงบางคะ”

 

“พ่อกับแม่สบายดีลูก”น้ำเสียงของบิดาไม่ได้บ่งบอกว่าสบายดีอย่างที่บอกกับเธอสักนิด น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้

 

กลับหยดลงบนแก้มนวล เพราะเธอครอบครัวที่แสนสุขถึงได้พังลงต่อหน้าต่อตา มิหนำซ้ำบริษัทที่บิดาพยายาม

 

สร้างมากับมือก็กำลังจะล้มลงต่อหน้าต่อตา

 

“บริษัทของเราเป็นอย่างไรบ้างคะ”ขณะที่เธอกำลังตั้งใจฟังคำตอบของบิดาอย่างใจจดใจจ่อ โทรศัพท์ในมือกลับ

 

ถูกกระชากไปจากมือ พร้อมกับที่บุคคลปริศนากระแทกหูมันลงไป เป็นการตัดบทสนทนา

 

 

“คุณภาณุ!!!”

 

 

 

 

 

 

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

วันนี้มันวันอัปยศอะไรเนี่ย ข่าวป๊อปฟางเลิกกันอีกแล้วหรอ T T ยังไงก็อย่าเพิ่งท้อน้า จงเชื่อว่านักข่าวมักเก่งที่จะเขียนเรื่องเท็จมากกว่าเรื่องจริง จึงเชื่อในสิ่งที่เรารู้ เราเห็นและเราติดตามมาเท่านั้น

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา