The Loveless หัวใจไร้รัก...(แล้วฉันต้องทำอย่างไร?)
9.2
10) ต้องทำยังไง?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความThe Loveless หัวใจไร้รัก...(แล้วฉันต้องทำอย่างไร?)
ตอนที่10 ต้องทำยังไง?
ฟางมองเสี้ยวใบหน้าหล่อคมที่กำลังหลับใหลอยู่ เมื่อตะกี้นี้เธอได้ยิน
‘ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะฟาง’
เธออยากจะบอกเขาเหลือเกิน ขอแค่เขาหันมามองเธอบ้าง หันมาสนใจเธอบ้าง หันมารักเธอบ้าง ไม่ใช่ทำเหมือน
เธอไม่มีตัวตนไม่มีหัวจิตหัวใจอย่างนี้ เธอรู้ดีว่าเขายังรักเธอคนนั้นหมดหัวใจ และยิ่งถ้าเป็นอย่างนั้น...เธอก็จะแต่ง
งานกับเขาให้เร็วที่สุด เธอรู้ว่าการทำอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยให้เขารักเธอหรอก แต่เธอเชื่อว่าสักวันเขาอาจจะมอง
เห็นเธออยู่ในสายตาบ้าง มีตัวตน มีหัวจิตหัวใจ ไม่ใช่เพียงธาตุอากาศที่ล่องลอยไปมา ไร้ตัวตนอย่างเช่นทุกวันนี้
ภรรยาทางนิตินัย...มีเกียรติ และศักดิ์ศรี
แต่ด้านพฤตินัยก็คงไม่ต่างไปจากนางบำเรอ...ไร้ค่าและไร้ศักดิ์ศรี
แต่เธอยอม!!
นิ้วเรียวลูบไล้ไปตามรอยตีตราของเธอที่เธอได้ทำไว้...เขาว่ากันว่าการทำคิสมาร์คเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
...และตอนนี้...เขาเป็นของเธอ ของเธอเพียงคนเดียว
กลีบปากบางลดลงไปขบเม้มและดูดดึงตามลำคอแกร่งเพื่อทำรอยตีตรา
“ฟาง ทำอะไร”เธอรีบผละออกมาจากเขา กลัวว่าจะโดนเขาจับได้เสียก่อน แต่คงจะช้าไป
“ปละ เปล่า ไม่ได้ทำอะไรค่ะ”
“ยัยเด็กดื้อ ทำผิดแล้วยังไม่ยอมรับผิดอีก”
“เปล่านะ ก็ทีพี่ป๊อปยังทำให้ฟางได้เลย”น้ำเสียงง้ำงอนของคนตัวเล็กยิ่งทำให้เขาอยากจะจับเธอสำเร็จโทษด้วย
ริมฝีปากนัก เขาก็เป็นเหมือนผู้ชายทั่วๆไป ไม่มีใครอยากให้คนอื่นรู้หรอกว่ามีเจ้าของแล้ว...แล้วยิ่งไอ้รอยตีตรานี่ก็
ยิ่งแล้วใหญ่...แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้ชอบที่เธอทำแบบนี้ก็ไม่รู้
“ยอมรับแล้วใช่รึเปล่า”เขาเชยคางมนให้เงยขึ้นเพื่อสบตาเขา
“ขอโทษค่ะ”ใบหน้าแสนหวานก้มลงราวกับสำนึกผิดจริงๆ
“นอนได้แล้วมันดึกแล้วนะ หรืออยากทำกิจกรรมก่อนนอน”
“เปล่าๆ...เอ่อ คือว่า”
“อะไร”เขาถามคนตัวเล็กที่มัวแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที
“ฟางต้องทำยังไง...พี่ถึงจะรักฟางบ้าง”น้ำเสียงเศร้าสร้อยที่เอื้อนเอ่ยออกมาทำเอาเขาอดจะสงสารเธอไม่ได้
“พี่รักฟางนะ...แต่พี่รักฟางแบบน้องสาว”ดวงตากลมโตฉายแววเศร้าสร้อย แม้แสงจากสายฟ้าเขาก็สามารถเห็นมัน
ได้
“ฟางไม่อยากได้แบบนั้น...รักฟางแบบคนรักไม่ได้หรอคะ”
“ความรักมันบังคับกันไม่ได้หรอกนะ แล้วเราก็เคยบอกว่าจะไม่ขอความรักจากพี่อีก ฟางจะขอแค่ความอ่อนโยนไม่
ใช่หรอ...ตอนนี้พี่ก็ให้ฟางอยู่ไง”
“ถ้ามันไม่ได้มาจากใจ...มันก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์”มือเล็กผลักไสเขาให้ออกห่างจากร่างเล็กของเธอ
“แล้วจะให้พี่ทำยังไง?”เขาถามออกไปอย่างเหนื่อยหน่าย ผู้หญิงนี่มันเป็นอะไรที่เข้าใจยากจริงๆ
“ฟางไม่รู้...”ร่างบอบบางที่สั่นน้อยๆทำให้เขารู้ว่าตอนนี้เธอกำลังร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน
“หยุดร้องเถอะ น้ำตาไม่ได้ช่วยอะไรนะฟาง”เขากรีดนิ้วเรียวเช็ดน้ำตาของเธอที่อาบใบหน้าแสนหวาน
“มันช่วยให้ฟางหายเศร้า...พี่ไม่รู้หรอก”เธอพูดก่อนจะตะแคงข้างหนีหน้าเขา
“มันไม่ได้ยากเลยนะ ถ้าฟางจะตัดใจจากพี่ ฟางก็เพียบพร้อมมีทุกสิ่งทุกอย่าง ฟางยังมีอีกหลายตัวเลือก ที่ไม่จำ
เป็นต้องเป็นพี่ เวลาแค่2ปี ที่ฟางจมปลักอยู่กับพี่เป็นเป็นเวลาที่น้อยมาก...ถ้าเทียบกับระยะเวลาที่พี่คบกับพิม
แล้ว”
“พี่คงจะบอกว่าทิ้งคุณพิมเธอไปไม่ได้...พี่ไม่รู้ดีอย่ามาพูดดีกว่าค่ะ”
“ไหนลองบอกมาซิว่าพี่ไม่รู้อะไร”
“ถ้าไม่อยากรู้จริงๆ ฉันว่าคุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอกค่ะ”เขาถอนหายใจยาวเหยียด เมื่อคนตัวเล็กเริ่มจะออกฤทธิ์อีก
แล้ว ดูจากสรรพนามที่เปลี่ยนไปเขาก็พอรู้
“งั้นก็นอนเถอะ แล้วอย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะง้อเธอนะ ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก เธอไม่ใช่คนสำคัญ และ
ฉันก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ความรู้สึกของเธอ”เขาพูดก่อนจะหยิบหมอนแล้วเดินไปล้มตัวลงนอนบนโซฟา
เสียงกุกกักภายในห้องนอนดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มตื่นจากห้วงนิทรา แสงแดดยามเช้าส่องกระทบม่านตาเพื่อ
ทักทายในเช้าวันใหม่ ใครๆก็ว่ากันว่าฟ้าหลังฝนมักสดใสเสมอ...เหมือนวันนี้
สายตาสะดุดเข้ากับแผ่นหลังขาวเนียนที่หันหลังให้เขาอยู่ ร่างบอบบางลูบไล้โลชั่นเนื้อดีลงบนผิวนุ่มละมุนอย่าง
ช้าๆ ราวกับเจ้าตัวกำลังยั่วยวนเขาอยู่กลายๆ เขากระแอมติดกันหลายๆครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของหญิง
สาวไปข้างล่าง เพราะถ้าอยู่บนนี้นานๆอาจจะเป็นเขาเองที่ตบะแตก ทนไม่ไหวลากเธอขึ้นเตียงเป็นแน่
“อ้าว คุณภาณุ”เสียงแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่ทักเขาขึ้น
“เอ่อ..ครับ แม่จัน”เขาเกาท้ายทอยแก้เก้อไม่รู้จะบอกแม่บ้านว่ายังไง
“แม่จัน เห็นคุณลงมาจากข้างบน นอนค้างที่นี่หรือคะ”นางถามอย่างไม่อายปาก เมื่อรู้ดีว่าชายหนุ่มนอนค้างที่นี่
เขามานอนค้างที่นี่ออกจะบ่อย
“ครับ คือคุณน้าเป็นห่วงน่ะครับ เลยให้ผมมานอนค้างที่นี่”หญิงร่างท้วมพยักหน้าน้อยๆพร้อมๆกับส่งรอยยิ้มล้อ
เลียน ก่อนจะเดินหายไปในห้องครัว
ฟางค่อยๆก้าวลงบันไดเมื่อเห็นป๊อปปี้กำลังคุยกับแม่บ้านอยู่ เขาหันหน้ามามองเธอก่อนเอ่ยขึ้น
“เร็วๆเข้า เดี๋ยวจะพาไปเลือกเสื้อผ้า”
“ฉันพอมีค่ะ คงไม่ต้องรบกวนคุณ”
“อยากพาไปอ่ะ มีอะไรมั้ย เร็วๆสิ”เขาพูดก่อนจะย่างสามขุมเดินมากระชากข้อมือเธอแล้วลากไปที่รถคันหรู
ออกแรงยัดร่างเล็กเข้าไปในรถสุดแรง เมื่อเธอยื้อไม่ยอมขึ้นรถ
“ปล่อยฉันนะคะ ฉันไม่ไป”
“ก็จะพาไป เข้าไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นเธอเจอดีแน่”เขาขู่คนตัวเล็กที่ทำท่าจะไม่ยอมง่ายๆ
“ไม่ต้องมาขู่หรอกค่ะ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ไป ว้าย!”เขาจัดการช้อนอุ้มร่างเล็กแล้วเดินตรงดิ่งไปที่เบาะคนขับ เขา
แทรกตัวลงไปนั่งบนเบาะก่อน แล้วกดร่างเล็กให้นั่งซ้อนตักเขา ก่อนจะปิดประตูลง
“คุณจะทำอะไรน่ะ”คนตัวเล็กขมวดคิ้วมุ่น
“ก็ขับรถไง”เขาพูดแล้วเอื้อมมือไปเสียบกุญแจรถ สตาร์ทรถพร้อมที่จะออกตัว แต่คนตัวเล็กกลับร้องเสียงหลง
“จะบ้ารึไง!!เดี๋ยวก็ได้ตายกันหมดหรอก”ใบหน้าแสนหวานที่กำลังง้ำงอนนั้น มันน่าจับกดซะจริงๆเลย
“งั้นก็กลับไปนั่งเบาะข้างคนขับ”เธอหันหน้ามามองเขาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของเขา เป็น
เชิงจะบอกให้เขาปล่อยมือที่ตวัดโอบรอบเอวบางของเธอไว้ เขาเห็นใบหน้าแสนหวานที่กำลังแดงก่ำจากฤทธิ์ของ
ความโมโห เหมือนมีมนต์สะกด...ปลายจมูกโด่งเรียวกดลงบนแก้มนวลอย่างแนบแน่น
เจ้าตัวหันมามองเขาตาโต
“ลุกไปสิ”เขาเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ คนตัวเล็กค่อยๆลงจากรถ ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งเบาะข้างคนขับ
เขาออกรถไปที่ร้านเสื้อผ้าชื่อดังที่ครอบครัวของเขาเป็นลูกค้าประจำอยู่แล้ว
รถคันหรูจอดสนิทหน้าร้านเสื้อผ้าชื่อดังในย่านใจกลางเมืองหลวงที่มีผู้คนคร่ำคร่า ชายหนุ่มเดินนำหญิง
สาวเข้าไปในร้าน คนตัวเล็กมองเขาค้อนขวับ พลางบ่นอุบ
“ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย ไอ้พี่ป๊อป”
“ยืนทำเซ่ออะไร เข้ามาซิยัยหมูอวกาศ”เธอแทบจะแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเขาเรียกฉายาของเธอในวัยเด็ก
แต่นี่มันก็แสดงว่าเขาจดจำเรื่องราวของเขาและเธอได้ล่ะสิ....
ใบหน้าแสนหวานที่อยู่ๆก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ร้อนล่ะสิ...หน้าแดงเชียว ไปๆ”เขาพูดก่อนจะรั้งข้อมือเล็กของเธอให้เดินตามเขาไป
“อ้าวพี่ป๊อป...พาใครมาคะนั่น”สาวร่างสูงโปร่งเอ่ยทักเขา เธอเป็นเจ้าของห้องเสื้อแห่งนี้ ที่ประสบความสำเร็จ
ตั้งแต่อายุน้อยๆ แม้จะยังไม่จบการศึกษา แต่เธอก็สามารถมีเสื้อผ้าที่มีแบนด์ของตัวเองได้ และยังได้รับการตอบรับ
ดีเสียด้วย
“นี่ฟาง...เป็น....น้องสาวพี่”เขาแนะนำคนตัวเล็กให้ลูกพี่ลูกน้องคนสนิทฟัง ก่อนจะหันมาทางเจ้าตัวเพื่อแนะนำลูก
พี่ลูกน้องของเขาให้เธอเช่นกัน
“ฟาง...นี่......”
..................................................................................................................................
เอ๊ะๆบุคคลปริศนา...ใครกัยละนี่ รอติดตามตอนต่อไปนะจ้ะ
ตอนที่10 ต้องทำยังไง?
ฟางมองเสี้ยวใบหน้าหล่อคมที่กำลังหลับใหลอยู่ เมื่อตะกี้นี้เธอได้ยิน
‘ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะฟาง’
เธออยากจะบอกเขาเหลือเกิน ขอแค่เขาหันมามองเธอบ้าง หันมาสนใจเธอบ้าง หันมารักเธอบ้าง ไม่ใช่ทำเหมือน
เธอไม่มีตัวตนไม่มีหัวจิตหัวใจอย่างนี้ เธอรู้ดีว่าเขายังรักเธอคนนั้นหมดหัวใจ และยิ่งถ้าเป็นอย่างนั้น...เธอก็จะแต่ง
งานกับเขาให้เร็วที่สุด เธอรู้ว่าการทำอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยให้เขารักเธอหรอก แต่เธอเชื่อว่าสักวันเขาอาจจะมอง
เห็นเธออยู่ในสายตาบ้าง มีตัวตน มีหัวจิตหัวใจ ไม่ใช่เพียงธาตุอากาศที่ล่องลอยไปมา ไร้ตัวตนอย่างเช่นทุกวันนี้
ภรรยาทางนิตินัย...มีเกียรติ และศักดิ์ศรี
แต่ด้านพฤตินัยก็คงไม่ต่างไปจากนางบำเรอ...ไร้ค่าและไร้ศักดิ์ศรี
แต่เธอยอม!!
นิ้วเรียวลูบไล้ไปตามรอยตีตราของเธอที่เธอได้ทำไว้...เขาว่ากันว่าการทำคิสมาร์คเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
...และตอนนี้...เขาเป็นของเธอ ของเธอเพียงคนเดียว
กลีบปากบางลดลงไปขบเม้มและดูดดึงตามลำคอแกร่งเพื่อทำรอยตีตรา
“ฟาง ทำอะไร”เธอรีบผละออกมาจากเขา กลัวว่าจะโดนเขาจับได้เสียก่อน แต่คงจะช้าไป
“ปละ เปล่า ไม่ได้ทำอะไรค่ะ”
“ยัยเด็กดื้อ ทำผิดแล้วยังไม่ยอมรับผิดอีก”
“เปล่านะ ก็ทีพี่ป๊อปยังทำให้ฟางได้เลย”น้ำเสียงง้ำงอนของคนตัวเล็กยิ่งทำให้เขาอยากจะจับเธอสำเร็จโทษด้วย
ริมฝีปากนัก เขาก็เป็นเหมือนผู้ชายทั่วๆไป ไม่มีใครอยากให้คนอื่นรู้หรอกว่ามีเจ้าของแล้ว...แล้วยิ่งไอ้รอยตีตรานี่ก็
ยิ่งแล้วใหญ่...แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้ชอบที่เธอทำแบบนี้ก็ไม่รู้
“ยอมรับแล้วใช่รึเปล่า”เขาเชยคางมนให้เงยขึ้นเพื่อสบตาเขา
“ขอโทษค่ะ”ใบหน้าแสนหวานก้มลงราวกับสำนึกผิดจริงๆ
“นอนได้แล้วมันดึกแล้วนะ หรืออยากทำกิจกรรมก่อนนอน”
“เปล่าๆ...เอ่อ คือว่า”
“อะไร”เขาถามคนตัวเล็กที่มัวแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที
“ฟางต้องทำยังไง...พี่ถึงจะรักฟางบ้าง”น้ำเสียงเศร้าสร้อยที่เอื้อนเอ่ยออกมาทำเอาเขาอดจะสงสารเธอไม่ได้
“พี่รักฟางนะ...แต่พี่รักฟางแบบน้องสาว”ดวงตากลมโตฉายแววเศร้าสร้อย แม้แสงจากสายฟ้าเขาก็สามารถเห็นมัน
ได้
“ฟางไม่อยากได้แบบนั้น...รักฟางแบบคนรักไม่ได้หรอคะ”
“ความรักมันบังคับกันไม่ได้หรอกนะ แล้วเราก็เคยบอกว่าจะไม่ขอความรักจากพี่อีก ฟางจะขอแค่ความอ่อนโยนไม่
ใช่หรอ...ตอนนี้พี่ก็ให้ฟางอยู่ไง”
“ถ้ามันไม่ได้มาจากใจ...มันก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์”มือเล็กผลักไสเขาให้ออกห่างจากร่างเล็กของเธอ
“แล้วจะให้พี่ทำยังไง?”เขาถามออกไปอย่างเหนื่อยหน่าย ผู้หญิงนี่มันเป็นอะไรที่เข้าใจยากจริงๆ
“ฟางไม่รู้...”ร่างบอบบางที่สั่นน้อยๆทำให้เขารู้ว่าตอนนี้เธอกำลังร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน
“หยุดร้องเถอะ น้ำตาไม่ได้ช่วยอะไรนะฟาง”เขากรีดนิ้วเรียวเช็ดน้ำตาของเธอที่อาบใบหน้าแสนหวาน
“มันช่วยให้ฟางหายเศร้า...พี่ไม่รู้หรอก”เธอพูดก่อนจะตะแคงข้างหนีหน้าเขา
“มันไม่ได้ยากเลยนะ ถ้าฟางจะตัดใจจากพี่ ฟางก็เพียบพร้อมมีทุกสิ่งทุกอย่าง ฟางยังมีอีกหลายตัวเลือก ที่ไม่จำ
เป็นต้องเป็นพี่ เวลาแค่2ปี ที่ฟางจมปลักอยู่กับพี่เป็นเป็นเวลาที่น้อยมาก...ถ้าเทียบกับระยะเวลาที่พี่คบกับพิม
แล้ว”
“พี่คงจะบอกว่าทิ้งคุณพิมเธอไปไม่ได้...พี่ไม่รู้ดีอย่ามาพูดดีกว่าค่ะ”
“ไหนลองบอกมาซิว่าพี่ไม่รู้อะไร”
“ถ้าไม่อยากรู้จริงๆ ฉันว่าคุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอกค่ะ”เขาถอนหายใจยาวเหยียด เมื่อคนตัวเล็กเริ่มจะออกฤทธิ์อีก
แล้ว ดูจากสรรพนามที่เปลี่ยนไปเขาก็พอรู้
“งั้นก็นอนเถอะ แล้วอย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะง้อเธอนะ ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก เธอไม่ใช่คนสำคัญ และ
ฉันก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ความรู้สึกของเธอ”เขาพูดก่อนจะหยิบหมอนแล้วเดินไปล้มตัวลงนอนบนโซฟา
เสียงกุกกักภายในห้องนอนดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มตื่นจากห้วงนิทรา แสงแดดยามเช้าส่องกระทบม่านตาเพื่อ
ทักทายในเช้าวันใหม่ ใครๆก็ว่ากันว่าฟ้าหลังฝนมักสดใสเสมอ...เหมือนวันนี้
สายตาสะดุดเข้ากับแผ่นหลังขาวเนียนที่หันหลังให้เขาอยู่ ร่างบอบบางลูบไล้โลชั่นเนื้อดีลงบนผิวนุ่มละมุนอย่าง
ช้าๆ ราวกับเจ้าตัวกำลังยั่วยวนเขาอยู่กลายๆ เขากระแอมติดกันหลายๆครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของหญิง
สาวไปข้างล่าง เพราะถ้าอยู่บนนี้นานๆอาจจะเป็นเขาเองที่ตบะแตก ทนไม่ไหวลากเธอขึ้นเตียงเป็นแน่
“อ้าว คุณภาณุ”เสียงแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่ทักเขาขึ้น
“เอ่อ..ครับ แม่จัน”เขาเกาท้ายทอยแก้เก้อไม่รู้จะบอกแม่บ้านว่ายังไง
“แม่จัน เห็นคุณลงมาจากข้างบน นอนค้างที่นี่หรือคะ”นางถามอย่างไม่อายปาก เมื่อรู้ดีว่าชายหนุ่มนอนค้างที่นี่
เขามานอนค้างที่นี่ออกจะบ่อย
“ครับ คือคุณน้าเป็นห่วงน่ะครับ เลยให้ผมมานอนค้างที่นี่”หญิงร่างท้วมพยักหน้าน้อยๆพร้อมๆกับส่งรอยยิ้มล้อ
เลียน ก่อนจะเดินหายไปในห้องครัว
ฟางค่อยๆก้าวลงบันไดเมื่อเห็นป๊อปปี้กำลังคุยกับแม่บ้านอยู่ เขาหันหน้ามามองเธอก่อนเอ่ยขึ้น
“เร็วๆเข้า เดี๋ยวจะพาไปเลือกเสื้อผ้า”
“ฉันพอมีค่ะ คงไม่ต้องรบกวนคุณ”
“อยากพาไปอ่ะ มีอะไรมั้ย เร็วๆสิ”เขาพูดก่อนจะย่างสามขุมเดินมากระชากข้อมือเธอแล้วลากไปที่รถคันหรู
ออกแรงยัดร่างเล็กเข้าไปในรถสุดแรง เมื่อเธอยื้อไม่ยอมขึ้นรถ
“ปล่อยฉันนะคะ ฉันไม่ไป”
“ก็จะพาไป เข้าไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นเธอเจอดีแน่”เขาขู่คนตัวเล็กที่ทำท่าจะไม่ยอมง่ายๆ
“ไม่ต้องมาขู่หรอกค่ะ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ไป ว้าย!”เขาจัดการช้อนอุ้มร่างเล็กแล้วเดินตรงดิ่งไปที่เบาะคนขับ เขา
แทรกตัวลงไปนั่งบนเบาะก่อน แล้วกดร่างเล็กให้นั่งซ้อนตักเขา ก่อนจะปิดประตูลง
“คุณจะทำอะไรน่ะ”คนตัวเล็กขมวดคิ้วมุ่น
“ก็ขับรถไง”เขาพูดแล้วเอื้อมมือไปเสียบกุญแจรถ สตาร์ทรถพร้อมที่จะออกตัว แต่คนตัวเล็กกลับร้องเสียงหลง
“จะบ้ารึไง!!เดี๋ยวก็ได้ตายกันหมดหรอก”ใบหน้าแสนหวานที่กำลังง้ำงอนนั้น มันน่าจับกดซะจริงๆเลย
“งั้นก็กลับไปนั่งเบาะข้างคนขับ”เธอหันหน้ามามองเขาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของเขา เป็น
เชิงจะบอกให้เขาปล่อยมือที่ตวัดโอบรอบเอวบางของเธอไว้ เขาเห็นใบหน้าแสนหวานที่กำลังแดงก่ำจากฤทธิ์ของ
ความโมโห เหมือนมีมนต์สะกด...ปลายจมูกโด่งเรียวกดลงบนแก้มนวลอย่างแนบแน่น
เจ้าตัวหันมามองเขาตาโต
“ลุกไปสิ”เขาเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ คนตัวเล็กค่อยๆลงจากรถ ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งเบาะข้างคนขับ
เขาออกรถไปที่ร้านเสื้อผ้าชื่อดังที่ครอบครัวของเขาเป็นลูกค้าประจำอยู่แล้ว
รถคันหรูจอดสนิทหน้าร้านเสื้อผ้าชื่อดังในย่านใจกลางเมืองหลวงที่มีผู้คนคร่ำคร่า ชายหนุ่มเดินนำหญิง
สาวเข้าไปในร้าน คนตัวเล็กมองเขาค้อนขวับ พลางบ่นอุบ
“ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย ไอ้พี่ป๊อป”
“ยืนทำเซ่ออะไร เข้ามาซิยัยหมูอวกาศ”เธอแทบจะแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเขาเรียกฉายาของเธอในวัยเด็ก
แต่นี่มันก็แสดงว่าเขาจดจำเรื่องราวของเขาและเธอได้ล่ะสิ....
ใบหน้าแสนหวานที่อยู่ๆก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ร้อนล่ะสิ...หน้าแดงเชียว ไปๆ”เขาพูดก่อนจะรั้งข้อมือเล็กของเธอให้เดินตามเขาไป
“อ้าวพี่ป๊อป...พาใครมาคะนั่น”สาวร่างสูงโปร่งเอ่ยทักเขา เธอเป็นเจ้าของห้องเสื้อแห่งนี้ ที่ประสบความสำเร็จ
ตั้งแต่อายุน้อยๆ แม้จะยังไม่จบการศึกษา แต่เธอก็สามารถมีเสื้อผ้าที่มีแบนด์ของตัวเองได้ และยังได้รับการตอบรับ
ดีเสียด้วย
“นี่ฟาง...เป็น....น้องสาวพี่”เขาแนะนำคนตัวเล็กให้ลูกพี่ลูกน้องคนสนิทฟัง ก่อนจะหันมาทางเจ้าตัวเพื่อแนะนำลูก
พี่ลูกน้องของเขาให้เธอเช่นกัน
“ฟาง...นี่......”
..................................................................................................................................
เอ๊ะๆบุคคลปริศนา...ใครกัยละนี่ รอติดตามตอนต่อไปนะจ้ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ