Tear of Snow เทพนิยายทะลุมิติ

8.1

เขียนโดย zusuran

วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.12 น.

  28 ตอน
  0 วิจารณ์
  23.93K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2562 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทนำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
บทนำ
 
           นานมาแล้ว มีคำพูดหนึ่งที่กล่าวเอาไว้ว่า
“หากต้องการสิ่งใดต้องลงมือทำ ตามหาและไขว่คว้ามาด้วยกำลังของตัวเอง และบางครั้งเราอาจจะต้องสูญเสียหรือยอมละทิ้งบางสิ่งไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ เพียงเพื่อแลกกับสิ่งที่สำคัญกว่า…”
           ตอนเด็กๆฉันคิดอยู่เสมอว่ามีโลกที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อและสุดจะจินตนาการสำหรับมนุษย์ธรรมดา มันอาจจะมีตัวตนอยู่จริงๆโดยที่มีประตูแห่งห้วงกาลเวลาคอยกั้นกลางเอาไว้ระหว่างโลกปัจจุบันที่พวกเราอยู่ เพื่อไม่ให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้าไปสร้างความเสียสมดุลในโลกของพวกเขา ยกเว้นเสียแต่ บางสิ่งบางอย่างในโลกแห่งนั้น จะทะยานข้ามประตูมาที่โลกของเราอย่างเงียบๆ…..
 
           ภายในเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อย่างบ้าคลั่ง ไอร้อนที่แผ่ขยายเป็นอุโมงค์แคบๆ ทำให้มองเห็นร่างสูงบางผิวสีแทนเข้ม สวมชุดแขนยาวคลุมข้อเท้าสีขาวที่ประดับประดาด้วยเครื่องประดับสีทองบนบ่าสองข้าง ผมสีดำยาวเคลียไหล่และปรกใบหน้าคมสันเกือบครึ่งถูกลมร้อนๆพัดสะบัดออกไปเผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าสดใสดุจน้ำทะเลและต่างหูไม้กางเขนสีทองลวดลายละเอียดที่ห้อยระย้าอยู่ที่หูข้างขวา เขาคือเจ้าชายแห่งเทพกษัตริย์ ผู้สืบทอดเพลิงกาฬจากขุมนรก
           โฮโนโอะที่เพิ่งจะย่างเข้าสู่วัยหนุ่มและยังไม่บรรลุนิติภาวะ กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามอุโมงค์แคบๆอันร้อนระอุเพื่อตามหาพ่อแม่ เพลิงนรกนี้คือจิตใจของราชันย์ผู้เป็นพ่อ และมันก็ทำอะไรเขาไม่ได้เพราะเขาเป็นทายาทที่มีเพลิงห่อหุ้มผิดจากน้องชายทั้งสองที่มีพลังน้ำแข็งซึ่งถูกเล่นงานจนสะบักสะบอมอยู่ด้านนอก
           ชายหนุ่มเข้ามาถึงใจกลางของต้นตอของเพลิง ร่างของราชันย์ผู้เป็นพ่อสูญสลายและกลายเป็นเนื้อเดียวกับเปลวเพลิง ข้างกายนั้นคือผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งนิ่ง ในมือของเธอคนนั้นมีเด็กทารกคนหนึ่งที่กำลังจะสลายหายไปต่อหน้าต่อตา
“ท่านพ่อ! ท่านแม่!”
“โฮโนโอะ เจ้ากลับมาจริงๆ”
หญิงงามผู้เลอโฉมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ โฮโนโอะรู้สึกผิดอย่างมหันต์ คุกเข่าลงตรงหน้าผู้หญิงที่เขาเรียกว่าแม่ เด็กทารกผู้หญิงสลายหายไปจนไม่เหลือแม้แต่ส่วนเสี้ยว
“เด็ก….ทารก”
“แบบนี้ดีแล้วล่ะ...นะ~”
“อดทนอีกนิด ข้าจะพาท่านออกไป!”
            โฮโนโอะไม่รอช้า ตรงเข้าจะพยุงร่างอันอ่อนปวกเปียกนั้นขึ้น แต่ผู้เป็นแม่กลับปรามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและรั้งแขนเสื้อของชายหนุ่มให้หันกลับไปเผชิญหน้า
“อย่า โฮโนโอะ”
“ท่านแม่ ทำไมขอรับ”
“ไม่มีประโยชน์หรอก เวลาของพ่อกับแม่ได้หมดลงแล้ว…ขอให้แม่ได้อยู่ข้างๆพ่อของเจ้าเถอะนะ”
           ราชินีโจคาผู้เลอโฉมเอื้อนเอ่ยพลางยกมืออันไร้เรี่ยวแรงของตนขึ้นมาประคองใบหน้าของชายหนุ่มให้หันไปเผชิญหน้ากับตน ทั้งมือและส่วนต่างๆของร่างกายของเธอกำลังเกิดรอยร้าวและแตกออกเป็นเสี่ยงๆทีละน้อย เพราะนางคือเทพกษัตริย์ เป็นมังกรธาตุดิน เพราะความร้อนจากเพลิงบัลลัยกัลป์นี้ทำให้ร่างกายของนางต้องแตกร้าว ซึ่งหมายถึงการสิ้นลมหายใจของนาง แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังยืนยันจะอยู่ในนี้และแตกสลายไปอย่างเต็มใจ
“ฟังนะ โฮโนโอะ เจ้าต้องมีชีวิตต่อไป”
“ทำไม ข้าไม่เข้าใจ ทำไมท่านไม่ไปกับข้า!”
“เด็กทารกที่เจ้าได้เห็นคือเทพธิดาเหมันต์ที่มาจุติ ชื่อของนางคือ….”
            คำพูดประโยคสุดท้ายได้ขาดหายและถูกกลบเกลื่อนด้วยเสียงปะทุของเพลิงนรกที่บ้าระห่ำ แต่โฮโนโอะก็ยังรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงและคำพูดท่อนนั้น และเขาก็ไม่ได้เอ่ยคำใดๆออกมานอกจากการรับฟังคำสั่งเสียของแม่
“อีกไม่นานดินแดนแห่งนี้ก็จะล่มสลายเพราะคำสาป มีเพียงเด็กคนนั้นคนเดียวที่จะแก้คำสาปได้ นางจะมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง และสักวันเจ้าต้องตามหานางให้พบ เข้าใจไหม โฮโนโอะ”
“ข้า…ไม่เข้าใจ”
“ออกตามหาเทพธิดาเหมันต์ให้พบ จากนั้นก็จงพานางกลับไปยังอาณาจักรของนางก่อนที่คืนพระจันทร์สีเงินจะมาบรรจบในอีกสามพันหกร้อยหกสิบห้าราตรีข้างหน้า สัญญากับแม่ได้ไหม…โฮโนโอะ”
           คำพูดสุดท้ายสิ้นสุดลงไม่นาน ร่างของราชินีโจคาก็เริ่มสลายกลายเป็นฝุ่นสีดำล่องลอยออกไปทีละน้อย นางใช้มือทั้งสองข้างที่ยังไม่สูญสลายหยิบผ้าผืนหนึ่งขึ้นมาคลุมให้โฮโนโอะ
“ถึงจะเป็นทายาทแห่งราชันย์ที่ควบคุมเพลิงได้ แต่เจ้ายังเด็กที่จะทนความร้อนรุ่มของจิตใจพ่อเจ้าได้ สิ่งนี้จะช่วยปกป้องเจ้าให้ออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย”
“นี่มัน…”
“นี่คืออาภรณ์สวรรค์ที่ห่อหุ้มกายเจ้ามาตั้งแต่เกิด เป็นของดูต่างหน้าของแม่ที่แท้จริงของเจ้า”
“…!”
 
แม่ที่แท้จริงงั้นเหรอ ผู้หญิงคนนี้ต้องการอำเขาเล่นอีกรึไง
 
“รีบไปเถอะ ก่อนที่ประตูเพลิงนี้จะปิดลง”
“ไม่! ข้าจะพาท่านออกไปด้วยกัน ข้าขอร้องท่านแม่ ไปกับข้าเถอะ”
          โฮโนโอะกำลังอ้อนวอนเสียงสั่น ทั้งที่ชั่วชีวิตนี้เขาไม่เคยอ้อนวอนร้องขออะไรจากใคร กระทั่งชีวิตตัวเอง แต่ครั้งนี้เขาทนเห็นมารดาจากไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้จริงๆ แต่ถึงจะยอมทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำมาตลอดชีวิต คำตอบก็ยังเป็นสิ่งที่ทำให้เขาต้องผิดหวังเหมือนเดิม โจคาส่ายหน้าทั้งน้ำตาและมองหน้าเขาเยี่ยงคนผิดที่ต้องการการยกโทษและให้อภัย
“พ่อกับแม่รู้สึกผิดเหลือเกินที่ปิดบังเจ้ามาตลอด แต่เจ้าแข็งแกร่งมากโฮโนโอะ…แกร่งเสียจนไม่มีใครปกป้องเจ้าได้อีกแล้ว”
เปรี๊ยะ!
          คำพูดประโยคสุดท้ายล่องลอยออกไปไกล พร้อมๆกับร่างกายส่วนสุดท้ายที่แตกซ่านและสูญสลายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงสีแดงของเพลิงอันร้อนระอุ ถึงอยากไขว่คว้าให้กลับมาแม้เพียงเศษเสี้ยวก็ยังไม่เหลือให้ติดมือ โฮโนโอะกำผ้าผืนบางอันล้ำค่าเอาไว้แน่นจนสั่นพร้อมกับเสียงสบถอันสั่นเครือที่ดังออกมาแผ่วเบา
“บ้าที่สุด”
..........................................
          บนหน้าผาสูงชันที่มีกองไฟลุกไหม้อยู่อย่างบ้าคลั่ง เด็กชายวัยประมาณเจ็ดขวบกว่าๆสวมชุดแขนยาวที่ขาดวิ่นจนไม่เหลือความสง่างามเพราะผลพวงจากถูกไฟคลอก เส้นผมสีเงินสลวยยาวปรกกลางหลังถูกสายลมพัดจนสะบัดยุ่งเหยิงไปพร้อมกับเชือกฟั่นสีน้ำเงินที่ใช้รวบผมเอาไว้ด้านหลัง แต่ถึงกระนั้นดวงตาสีน้ำเงินเข้มก็ยังคงจับจ้องไปที่กองเพลิงอันลุกโชนอย่างมีหวังโดยมีเด็กผู้ชายตัวกระจ้อยที่สูงเพียงสะโพกของเขายืนเกาะชายเสื้ออยู่ข้างๆ และเงยหน้าขึ้นมาถามคำถามเดิมๆเป็นครั้งที่สิบ
“พี่ชาย ท่านพ่อกับท่านแม่ไปไหน”
         คำถามซ้ำซากของเด็กน้อยที่กำลังอยู่ในวัยพูดจาอ้อแอ้นี้ ทำให้เจ้าชายน้ำแข็งอย่างมิราอิถึงกับขบกรามอย่างจนด้วยคำตอบ สักพักสายตาของเขาก็เห็นเงารางๆเดินออกมาจากกองเพลิง
“ท่านพี่!”
“โฮะ โนะ โอะ”
         เด็กชายตัวเล็กกระจ้อยละมือจากชายเสื้อของเขาเข้าไปกอดขาของคนที่เดินออกมาจากกองเพลิงด้วยใบหน้าอันไร้เดียงสา ผิดกับเขาที่ยืนนิ่งเพราะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โฮโนโอะคือพี่ชายคนโตของเขาและเด็กชายตัวกระจ้อยคนนั้น พี่ชายมองมาทางเขาก่อนที่จะหันไปยิ้มบางๆให้พร้อมทั้งคุกเข่าลงให้อยู่ในระดับเดียวกับส่วนสูงของน้องชายคนเล็ก
“ว่าไง ฟุยูกิ”
         มือข้างหนึ่งที่ถูกเพลิงคลอกจนเกือบสุกยกขึ้นลูบไล้เส้นผมสีเงินของน้องชายคนเล็กอย่างถนอม เด็กชายวัยเพียงสามขวบเศษๆ ผิวขาวผ่องดุจหิมะสวมชุดแขนยาวสีดำยาวปรกจนเหลือให้เห็นเพียงปลายเท้าเล็กๆ ดวงตากลมโตสีเงินสว่างจ้องมองเขาอย่างสดใสไร้ราคี พร้อมกับคำถามเสียงใสที่เรียกรอยยิ้มแบบฝืนๆจากโฮโนโอะได้ในทันที
“กลับมาแล้วเหรอ”
“อื้อ…ข้ากลับมาแล้ว” ชายหนุ่มฝืนยิ้มและตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่ยังสั่น
“ท่านพ่อกับท่านแม่ ไปไหนเหรอ”
         คำถามของน้องชายตัวน้อยทำให้โฮโนโอะเงียบกริบ รั้งศีรษะน้องชายเข้ามาซบไหล่และกอดเอาไว้อย่างแผ่วเบา
“เอาไว้สักวัน…เมื่อเจ้าโตขึ้น เจ้าจะรู้ว่าพวกเขาไปไหน”
“ทำไมเหรอ ท่านพ่อท่านแม่ทิ้งพวกเราแล้วเหรอ”
         ฟูยูกิเอ่ยถามเสียงสั่นพร้อมทั้งน้ำตาที่เริ่มรื้นขึ้นมาคลอ โฮโนโอะดันร่างน้อยออกมาประจันหน้าพลางยิ้มให้เจื่อนๆ ก่อนที่จะชี้เข้าที่อกซ้ายของเด็กชายเบาๆ
“ไม่ใช่หรอก พวกเขายังอยู่กับเจ้า และจะอยู่กับเจ้าตลอดไป ฟุยูกิ”
“แล้วพวกเขาไปไหนเหรอขอรับ”
“พวกเขาไปในที่ไกลแสนไกล ไกลมาก”
        น้ำเสียงสั่นเครือแทบจะขาดหายเพราะความรู้สึกอันแสนเจ็บปวดทรมานที่เอ่อล้นขึ้นมากั้นกล่องเสียงเอาไว้เสียสนิท วงแขนที่โอบร่างของเด็กน้อยกระชับแน่นพร้อมๆกับไหล่ทั้งสองข้างที่เริ่มสั่นเพราะกำลังร้องไห้
“แล้วโฮโนโอะ ร้องไห้ทำไม”
“เปล่า ข้าไม่ได้ร้อง ข้าแค่ อึ้ก~…”
“ไม่เอานะ อย่าร้องไห้นะ”
         เด็กชายตัวน้อยเอื้อนเอ่ยอย่างไร้เดียงสาพร้อมโอบรอบคอของเขาเอาไว้เหมือนปลอบประโลมตามประสาเด็ก ทว่าการกระทำอันแสนบริสุทธิ์นั้นกลับทำให้เขายิ่งหวั่นไหวและปล่อยน้ำตาร้อนๆให้ไหลออกมาเต็มที่ และพอมองไปที่มิราอิน้องชายคนรองที่ยืนเงียบมาตั้งแต่ต้น ก็เห็นเขากำมือแน่นและแสร้งเสมองไปทางอื่น นั่นคงเป็นเพราะไม่อยากเห็นภาพที่แสนจะเจ็บปวด รวมทั้งไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาของตัวเองที่กำลังไหลออกมาจากตาทั้งสองข้างนั้นด้วย แต่เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็ก ลำพังเด็กที่อายุเพียงเจ็ดแปดขวบนั้น ยากนักที่จะเก็บไว้คนเดียว
 
“มิราอิ”
         โฮโนโอะสะกิดเรียกให้น้องชายหันกลับมาหา ก่อนจะปั้นหน้ายิ้มทั้งน้ำตาและยื่นมือไปหาเขา ทำให้ความอดทนที่พยายามมาตลอดของเจ้าชายน้ำแข็งพังทลายลงและโผเข้ามากอดเขาพร้อมทั้งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดังๆ
“ฮึก~ อึก~….ฮืออออออออออออออ!!!!!!!”
 
'ข้าจะร้องไห้เพียงครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย และขอสาบานว่าข้าจะไม่เสียน้ำตาอีกเป็นครั้งที่สอง'
 
      คือคำอธิฐาน แอบแฝงเอาไว้ด้วยความร้าวรานที่ต้องสูญเสียคนสำคัญอย่างไม่มีวันหวนกลับ ต่อหน้ากองเพลิงของราชันย์ผู้เป็นพ่อที่กำลังลุกโชติช่วง ท่ามกลางดินแดนน้ำแข็งอันหนาวเหน็บที่สักวันต้องล่มสลายเพราะคำสาป ตอนนี้พวกเขาทั้งสามยังเด็กนัก พวกเขาต้องเติบโตและมีชีวิตต่อไป เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่ยังเป็นเรื่องโหดร้ายและสุดจะยากเย็นที่พวกเขาต้องเผชิญในโลกใบนี้ และได้แต่หวังว่าซักวันมันอาจจะเป็นเพียงส่วนเสี้ยวหนึ่งในชีวิตประจำวัน แต่กว่าจะถึงวันนั้นมันอาจจะนานเหลือเกินสำหรับการรอคอย
............................
....................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา