Call us The L.o.u.d.

9.8

เขียนโดย พาวจาพัจส์

วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.44 น.

  14 chapter 0
  5 วิจารณ์
  14.10K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 มกราคม พ.ศ. 2562 22.22 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) Everything is matter part 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                “ ขอโทษนะครับ พวกคุณทั้งสองช่วยทำตัวให้สมกับเป็นผู้ที่เจริญหน่อย ท่าทางของคุณแบบนั้นมันแย่มาก
เลยนะครับ ถ้าเลขาของผมเห็นเข้าคงไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก ”
                ลิมโบชี้ไปที่หน้าชายหนุ่มผมยาวอย่างยิ่งผยอง จากที่ อิจฉิ เห็นคงจะบอกว่าเป็นการใช้นิ้วชี้ไปที่หน้าคงไม่ถูก
     ภาพที่ อิจฉิ กับทุกคนรอบๆเห็นนั้น ก็แค่แขนเสื้อคลุมที่มีขนาดกับความยาวเกินแขนของเด็กชายชูขึ้นมาทางชายผมยาว
     ปลายแขนเสื้อโบกสบัด อยู่ตรงหน้าชายตัวโต เสียงความเงียบไหลออกมาจากหลังชายเสื้อนั้น
 
                ตึง!
                เสียงอากาศได้กระทบกลบหูของคนโดยรอบในระยะสั้น
                ชายผมยาวก้าวเท้ากระทืบลงพื้น
                อิจฉิกับหญิงสาวสดุงเอือก
                การเดินเข้ามาหาของชายผมยาวตัวโตเสียงเท้าของเขานั้นหนักแน่น
                เด็กชายสวมแตะ หัวขาวสะดุดตา หน้าตาดูดีรอยยิ้มดูยิ่งเกินเด็ก
                เด็กชายหัวขาวโดนแขนของชายหนุ่มร่างใหญ่ปัดออกไปอย่างง่ายดาย แขนเรียวเล็กของเด็กกับแขนของชายร่างใหญ่
เป็นแน่นอนเด็กชายต้องสะทบสะท้านกับพละกำลัง
                 ชายเสื้อหยุดโบกสบัด
                “ โอ๊ะ... อะ... ฮึบ ” เด็กชายกระโดดผยุงตัวให้คงที่ เขากลับมายืนอย่างยิ่งผยองอีกครั้ง
                “ สกอว์ คือชื่อฉัน และฉันไม่ชอบให้ใครมาชี้หน้า ด้วยท่าทางเย่อยิ่ง แล้วฉันเกลียดเด็กยิ่งกว่าพวกปีศาจคลาสต่ำ
เพราะงั้นไสหัวไปซะไอ้เตี้ย ”
                ลิมโบ เกิดความสงสัยในใจของส่วนที่ลึกที่สุดในจิตใจ แล้วไม่เคยเอ่ยออกมาแม้แต่คำเดียว ลิมโบ ฮุบหวงความคิด
ถึงเรื่องนั้นไว้ในใจโดยคราวนี้เขาถ่วงความสงสัยนั้นให้ลึกยิ่งกว่าเดิม
                “ ฮึ...  คิดว่าผมชูนิ้วชี้ไปทางคุณงั้นเหรอ ”
                “ สกอว์! เดียวพวกสภาก็พากันมาเก็บนายหรอก ”  หนึ่งในชายทั้งสองที่ยืนข้างๆ สกอว์ พยายามหยุดตัวเขา
ชายผมยาวตัวโตก้าวถ้อยออกมาจากหน้าเด็กชาย
                เสียงเท้าที่หนักแน่นของเขานั้นได้หายไป
                แต่เขายังไม่ล่ะสายตา
                หมอนี่อันตราย...
                อิจฉิ พึมพำระหว่างที่ตนยืนอยู่ห่างๆ พลางถ้อนหายใจออกมา อย่างตัวเกร็ง
                “ ฮึ ดูคุณจะไม่มีมารยาทที่เหมาะสมของผู้เจริญเลยนะ  แต่คุณก็ยังไม่ลืมบอกชื่อของตัวเองให้คนอื่น
ได้ทำความรู้จัก ผมชื่อว่า ลิมโบ ”
                ชายผมยาวดูใจเย็นขึ้นมาหน่อย เขาก็ยังแสดงท่าทางดุร้ายให้เห็นอยู่
                อีกฝั่งหนึ่งก็ดูใจเย็นเช่นกัน
                คุณลิมโบ คงไม่ทำให้เขาโกรธมากว่าที่เป็นอยู่นะ
                ลิมโบ ยืนกอดอก
                “ ขอโทษนะครับที่ทำท่าทีเสียมารยาท เมื่อครู่ที่กระทำเช่นไปผมได้อิทธิพลจากเลขาของผมน่ะครับ เธอเป็น
หัวหน้าของสภานักเรียนฝั่งมนุษย์ ตำหน้าแหน่งหน้าที่ของเธอมักจะมีความสำคัญกับเธอเสมอๆ ผมบอกเลยว่าตอนเธอโกรธ
เธอไม่ชอบถามเหตุผลก่อนด้วย ”
                ภาพที่อารีน่าผ่านเข้ามาในหัวลิมโบชั่วครู่
                ลิมโบ กำลังต่อประโยคพูดของตัวเองต่อไป
                “  หัวหน้าสภานักเรียนฝั่งมนุษย์? ”
                สกอว์ พึมพำ แล้วหยุดคิดไปครู่หนึ่ง
                ชายหนุ่มตัวโตผมยาวคนแสดงท่าทีก้าวร้าวอีกครั้ง
                โดยที่ ลิมโบ ไม่อาจจบประโยคของเขาเลย
                “ แกจะบอกว่า คุณมาเรีย เป็นเลขาของแก- “
                “ ใช่แล้ว… ผมก็สามารถช่วยแก้ปัญหาของพวกคุณตรงนี้ได้เลย ผมจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้เลขาของผมเอง ”
                สกอว์ โดนเพื่อนที่อยู่ข้างๆ ดึงตัวไปจากด้านหลัง พวกเขากำลังพูดคุยกันในแบบที่ไม่มีใครสามารถได้ยินพวกเขา
 ลิมโบยิ้ม และมีความรู้สึกสองแบบ นั้นคงเป็นเพราะเขากำลังถูกจ้องมองแบบตาเป็นมันโดยหญิงสาว ที่พึงต่อว่ากับชาวหนุ่มตัวโต
 ส่วนอีกแบบเป็นความรูสึกเหมือนกำลังถูกจ้องมองจากระยะที่ห่างออกไป คงไม่ใช่นักเรียนใกล้ๆ ในที่นี้แน่นอน เขามั่นใจเช่นนั้น
 
                ใครกำลังมองข้าอยู่... ข้ากำลังถูกสังเกตการณ์
                “ แก้ปัญหางั้นสินะ... ได้! ยังไงฉันก็ได้คนรับผิดชอบเรื่องนี้แล้ว ”
                “ เรื่องคนผิดนั้น ผมขอผ่านไว้จนกว่าจะฟังเรื่องทั้งหมดก่อน ”
                “ ได้แต่ ฉันสงสัยผ้าคลุมนั้นมันใหญ่เกินที่จะเป็นของไอ้เตี้ยแบบแก ”
                ลิมโบ เชิดหน้าขึ้นมาเล็กน้อย
                สกอว์ จ้อง ลิมโบ ตาไม่ขยับ ปากของเขาก็เช่นกัน
                “ เอ่อ ช่างมัน แกเป็นพวกคลาส A สินะ ในนั้นมีแต่พวกตัวประหลาดทั้งนั้น อา! ”
                เพื่อนของชายผมยาวคนหนึ่งเอามือมาปิดปากพล่อยๆ ของเจ้าตัวไว้ เพื่อนอีกคนเอามือตบไปที่หัวของอีกฝ่าย
จากภาพความเร็วนั้น อธิบายถึงการไม่ยั้งมือ เพื่อนชายผมยาวตอนนี้เหมือนกับว่าพวกเขากำลังจะมีปัญหาหากไม่หุบปาก
ชายคนนี้
                “ ถึงจะเป็นแกก็เหอะ สกอว์ แต่หัดระวังก่อนพูดมั้งสิ ”
คำพูดของเพื่อนทำให้ สกอว์ เป็นคนใจเย็นขึ้นมาแต่เพียงเล็กน้อย
                “ เอ่อ.. เข้าใจแล้ว ”
                ลิมโบ ที่กำลังยิ้มเชิดหน้าอยู่ เขาได้ยินเสียงพูดอวดครวญ ของความเจ็บปวด
                “ ฉันกับเพื่อนมาเช็คของในห้องนั้นกันทุกวัน แล้วพอออกไปที่ศูนย์อาหาร เดินกลับมาที่นี่มันก็เละไปหมดแล้ว
และพอถามไอ้นั้นว่าเกิดอะไรขึ้นมันก็บอกมาว่าเห็นอีกาบินออกมาจากห้องพุ่งออกมาจากกระจก... ”
                สกอว์ หน้านิ่งไปครู่หนึ่ง
                เขาหันหน้ากลับไปหาเพื่อนทางด้านหลัง
                “ อีกา พวกเราต้องไปจับอีกาตัวนั้น จะได้เอามาพิสูจน์กันเลยว่าใช่นกของยัยนั้นรึเปล่า ว่าไงไอ้เปียก แบบนี้
ตัดสินกันได้ไหม? ”
                ลิมโบ พยักหน้าตอบ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
                “ ไอ้คนที่เห็นบอกว่ามันบินไปทางไหนนะ ” พวกเขารีบเดินเลี้ยวไปทางซ้ายแล้วก่อนที่จะหายไปตรงหัวมุม
                “ พวกแกอย่าได้ไปไหนทั้งนั้น รอตรงนี้เหละ ” สกอว์กับเพื่อนของเขาเดินหายไปตรงหัวมุมทันที
                อีกา สินะที่พวกนั้นรีบออกไปตามหา
                แต่ถ้าหากว่าเธอเป็นเจ้าของอีกาตัวนั้นจริงๆ ล่ะ...
                ถ้าเป็นแบบนี้การตัดสินว่าใครถูกผิดขึ้นอยู่กับว่าใครจะหาอีกาเจอก่อนกันล่ะสินะ
                แม้แต่เรื่องตัดสินแบบนี้ก็ไม่ต่างจาก ประโยคบ้านั้นเลย
                 ...
                ต้องรีบหาอีกาให้เจอก่อนพวกนั้น
                “ คุณ ลิมโบ พวกเราก็ต้องรีบไปหาอีกาตัวนั้นเหมือนกันนะ- ”
                “ หือ ? ”
                เป็นสิ่งที่ ลิมโบ ตอบสนอง
                “ เอ๋ ”
                เป็นสิ่งที่ อิจฉิ ตอบสนอง ต่อลิมโบที่ตอบสนองต่อเขา
                อิจฉิ กับ ลิมโบ หันมามองหน้ากันตรงๆ
                ตอนนี้เขาทั้งไม่ตอบสนองต่อสิ่งใดๆ
               
                “ นิ... ”
                เด็กสาวเดินมาที่ ลิมโบ ปล่อยคำถามมาที่เขา อิจฉิ เห็นความกังวลบนใบหน้า ลิมโบก็เห็นเช่นนั้น
               “ เธอเป็นใคร ”
                เด็กชายตอบด้วยรอยยิ้ม
                “ ผมลิมโบครับ พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะครับ ”
               เด็กชายตัวเล็ก เส้นผมสีขาวโผลน สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ น้ำเสียงของเด็กที่บ่งบอกถึงความขี้เล่นของเด็กธรรมดาๆ
ทำให้หญิงสาวไม่สามารถจริงจังกับคำพูดของลิมโบได้เลย เธอหัวออกมาด้วยความรู้สึกว่านี้คงเป็นเรื่องตลก แต่นั้นก็ทำให้ธอ
หัวเราะไม่ออกเป็นเสียง พร้อมพยักหน้าตอบ
               เด็กชายเดินไปหน้าห้องจัดสรรทรัพยากร
               เขาผลักเข้าไปที่ประตูกระจกพลางพูดกับหญิงสาว
               “ ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณเหมือนกัน เร็วเข้าคุณหนู ”
               “ อย่าเรียกฉันแบบนั้นนะ ”
               กึก
               เธอบอกเขา ขณะที่มอง ลิมโบด้วยความละอายใจ ลิมโบ ผลักประตูกระจกเพื่อเข้าไป
               “ ฮึ เจ้านี่ก็ต้องใช้คีย์การด์รึ ”
                ลิมโบ มองหาส่วนที่น่าจะเกี่ยวข้องกับคีย์การด์ ส่วนที่เหมือนกับห้องพักส่วนตัวของเขา
 แต่เขาหาไม่พบส่วนใดบนประที่เหมือนกันกับที่เคยเห็นเลย
                กึกๆ
                ลิมโบ ขยับประตูกระจกอีกครั้ง ไม่มีอะไรเปลื่ยนแปลง
                อิจฉิ หัวเราะออกมาอย่างอายๆ เขาเข้าไปหาเด็กชาย
                “ มันเป็นประตูเลื่อนนะครับ ”
ลิมโบเดินถอยออกมาจากประตูปล่อยให้ อิจฉิ ออกมาแก้ไขสถานการณ์
                กึก
                “ … ” 
                ประตูกระจกไม่ขยับ
               “ เอ๋..? ” อิจฉิ หันไปมองหญิงสาว
               “ มันล็อกอยู่เหรอครับ ” หญิงสาวพยักหัว แล้วเดินตรงไปที่ประตูที่ทั้งสองยืนอยู่ เธอคีย์การด์ออกมาใช้ประตู
                ลิมโบเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวโดยมองไปยังคีย์การด์อย่างจดจ่อ
                คล้ายกับความสงสัยของเด็กที่แสดงออกมา
               “ ห้องจัสรรทรัพยากรหนึ่ง ก็ต้องล็อกไว้อย่างดีอยู่แล้ว… ” เธอใช้คีย์การด์ประกบเซนเซอร์รูปทรงสี่เหลื่ยม
หญิงสาวหันไปเห็น ลิมโบที่กำลังเข้าใจบางอย่างอยู่ข้างๆ  ประตูเลื่อนได้เปิดออกพวกเขาเดินเข้าไปข้าง โดยก้าวแรก
หญิงสาวได้ยินเสียงกระจกดังออกมาจากใต้ฝ้าเท้า แน่นนอนว่าเธอรู้อยู่แล้วต้องเกิดเสียง จากด้านนอกเธอมองเห็น
รูบนบานกระจกของห้อง เช่นเดียวกับกระจกของประตูบานนี้  ลิมโบ มองตามเสียงกระจกที่หญิงสาวเหยียบ เขากวาด
สายตาไปโดยรอบภายในห้อง หนังสือกระจัดจายไปทั่วพื้น ขวดแก้วใสแตกกระจายบนตู้ โต๊ะกระจกที่เหลือเพียงโครงเหล็ก
กระจกแตกเป็นชิ้นเล็กใหญ่ที่ไม่อยากจะเดินเข้าไปหาเท่าไหร่นัก โซฟาถูกวางไว้ในตำแหน่งที่ไม่เป็นระเบียบ
 
                “ ... ” ลิมโบเหลือบไปมองหญิงสาวที่กำลังจะพูดบางอย่างแต่เธอหยุดเสียงของเธอไว้ก่อน เห็นชัดเจนเลยว่า
เธอกำลังกังวลหนักกว่าเมื่อครู่นี้  “ อิคาบอท! ” หญิงสาวขานชื่อของใครบางคนซ้ำไปมา ลิมโบหันตัวมาหาหญิงสาว
                “ ผมชื่อ ลิมโบ แล้วคุณกำลังเรียกหาใครอยู่? ” หญิงสาวยังไม่ทิ้งความกังวล เสียงที่ตอบกลับมาเป็นสิ่งที่
บอกให้รู้
                “ ฉันชื่อ kosstori sagita เป็นผู้ช่วยของเหรัญญิกของสภานักเรียฝั่งนมนุษย์ คุณมาเรียเป็นเลขานายจริงเหรอ? ”
                “ ตามที่ผมพูดไปคุณหนู ”
                “ ... ”  หญิงสาวเบนหน้าหลบสายตาเด็กชาย แล้วช่วงนั้นเธอเพ้อไปสังเกตเห็นใครบางคน
                “ เธอคือปีศาจในคลาส C ใช่ไหม? ”
                “ ใช่ ผมเคยอยู่คลาส C ”
                “ คลาส C นายก็อยู่ห้องเดียวกับฉันด้วย... แล้วทำไมถึงถึงใส่ชุดคลุมของพวกคลาสระดับสูงล่ะ?  ”
                 อิจฉิประหลาดใจเธอจำเขาได้ เขาแทบจะจำเพื่อนในคลาส C ไม่ได้เลยหลังจากเขาถูกผลักออกมาจากกลุ่ม
                “ ผมเลื่อนคลาสมาอยู่คลาส A แล้วครับ ”  หญิงสาวแสดงอาการประหลาดใจ
                “ คลาส A ? เด็กคนนี้ก็อยู่คลาส A สินะ ถึงผ้าคลุมจะใหญ่เกินตัวก็เหอะ ฉันสามารถบอกคนในสภาให้ได้ถ้าต้องการ
ไซส์สั่งตัดให้ได้นะ ”
                “ ผมขอเอาเรื่องนั้นเก็บไปคิดก่อนนะครับ แล้วคุณเรียกหาใครอยู่เ? ”
                “ ภูตสัตว์เลี้ยงของฉัน ก่อนหน้านี้ฉันเข้ามาตรวจเอกสารของยืมใช้ที่พวกนั้นกรอกไวในห้อง ตอนนั้นก็ปกติดีเขาบินไป
มารอบๆ ตัวฉัน พอเช็คเอกสารเรียบร้อยฉันก็กลับไปที่ห้องสภา และตอนนั้นที่ฉันรู้ว่าเขาหายไป เขามักจะออกมาเล่นตอนที่อยู่
ห้องสภาฉันเลยคิดว่าเขาอาจยังอยู่ที่นี่ คงไม่ได้ออกไปไหน... ”
                เธอทำหน้าเศร้ากับหดหู่ อิจฉิจึงถามหญิงสาวออกมาไม่ดีนัก
                “ งั้นภูตของเธอก็เป็นอีกา ”  หญิงสาวพยักหน้า “ แล้วที่พวกนั้นบอกว่าสามารถแปลงรูปเป็นกิปได้นั้นจริงรึเปล่า? ”
หญิงสาวก้มหน้าลงพื้น ทรงผมที่กางออกมานั้นอาจเป็นสิ่งที่อธิบายอิจฉิคิดเช่นนั้น
                “ กลายเป็นพวกคนตัวสูงเมื้อกี้ กำลังตามหาอีกาของเธอล่ะสิ.. เราไม่รู้ด้วยสิว่าอีกาอยู่ไหน อ่ะ! มีพวกนั้นบอกว่า
มีคนเห็นอีกาบินออกไป คุณได้ถามคนที่เห็นรึยัง? ”
                “ ฉันถามไปแล้ว เห็นบอกว่าบินไปตรงหัวมุมที่พวกนั้นพึ่งออกตามหาเท่านั้น ”
                “ งั้นพวกเราตามพวกนั้นไปกันเถอะ ถ้าเรารีบหาอาจเจอภูตของคุณก่อนพวกนั้นอาจแก้ปัญหาได้ ”
                “ ฉันไม่อยากตามพวกนั้นไป ถ้ามีพยานเห็นยังไงก็ต้องมีการตรวจสอบ ภูตของฉันยังไงก็ต้องถูกจับไปตรวจพร้อม
พวกนั้นรวมถึงฉันด้วย... ”
                เสียงของเธอเบาลง
                “ เธอไม่เป็นห่วงเหรอว่าคนพวกนั้นอาจ- ”
                อิจฉิ พึมพำ แต่เสียงที่ถูกเปล่งออกมาได้ลอยเข้าหูหญิงสาว
                “ ฉันจะเดินเข้าปดูข้างใน เพื่อเขาจะอยู่ข้างในนั้น ถ้าไม่อยู่ฉันก็คงทำได้แค่รอการตัดสิน ”
                มองไปยังพื้นล่างมีสิ่งของมากมายกองอยู่ เธอเดินข้ามของบนพื้นที่กระจัดกระจาย อิจฉิไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวได้
                “ หมายความว่าไงที่เธอพูด ” อิจฉิรู้สึกว่าในใจไม่สามารถอยู่เฉย อารมณ์กำลังวุ่นวาย นัยตาของเขาเปลื่ยนไป
                “ จะรอเหรอ... ” อิจฉิเดินไปหาหญิงสาว
                (พรืด)
                เสียงผ้าม่านถูกเปิด
                 “ โฮะ ” คำอุทานเล็กๆ ของลิมโบ ดึงความสนใจของทั้งสอง
                หญิงสาวหันมามองอิจฉิ นัยตาของชายหนุ่มช่างแปลกประหลาด
                “ เธอเป็นอะไร- ”  ความผิดปกตตินั้นได้หายไป “ ไม่มีอะไร ”
                อิจฉิ เดินตามลิมโบกับ ซากิตะเข้าไปอีกห้องซึ่งอยู่ด้านในของห้องจัดสรรทรัพยากร ภายในห้องนี้มืดกว่าด้านนอกอยู่มาก
แต่ไม่ถึงกับเปิดไฟก็มองสามารถเห็นได้สบาย ลิมโบเดินเข้ามาแล้วเขาพบกับมุมแคบๆ ทางด้านซ้ายซึ่งเขาคิดว่าคงใช้เป็นที่ทำอาหารด้วยสภาพ
กับหน้าตาของเครื่องครัวที่ผ่านตามาบางครั้งยังอยู่กับผู้นำทาง
 
                “ ไมโครเวฟ ”  อิจฉิ กับ ซากิตะ สงสัยจนเกือบถามลิมโบไปว่า  มันทำไมเหรอ?   ที่อยากถามออกไป คงเป็นเพราะ
ลิมโบทำท่าประหลาดใจเกินจริงไป ด้านหน้ามีความกว้างกว่าห้องที่มาผ่านมา โต๊ะหนึ่งตัวตำแหน่งใกล้กับผนังทางซ้าย กับเก้าอี้สี่
ตัวถูกวางรอบโต๊ะ โต๊ะกับเก้าอี้นั้นห่างจากมุมที่ใช้เป็นห้องครัวพอสมควร  ด้านหน้าสุดของสายตาคือชั้นว่าของหลายอัน
ได้วางเว้นระยะห่างที่คนสามารถเดินเข้าไปได้ ตรงมุมห้องทางด้านขว้ามีประตูเหล็กหนึ่งบานอยู่ ตัวล็อกขนาดใหญ่ทำให้มันมี
ความแน่นหนาสูง
 
                “ อิคาบอท ”  ซากิตะ มองหาภูตของเธอ จนกระทั้งเธอรู้ว่าภูตที่หาไม่ได้อยู่ที่นี่
                “ ภูตของเธออาจอยู่ในประตูบานนั้นก็ได้นะ ” ซากิตะ ได้บอกกับอิจฉิว่าเห็นนั้นเป็นห้องเก็บทรัพย์สินการเข้าไปนั้น
จำเป็นต้องได้รับใบตรวจกับกุญแจจากประธานจากประธานนักเรียนก่อน ถึงจะเข้าไปยุ่งกับของข้างในนั้นได้ อีกเหตุผลที่
เธอบอกคือวันนี้ห้องนั้นไม่ได้ถูกเปิดเลย ถ้ามีความจำเป็นที่ต้องเปิด ผู้รับหน้าที่ดูแลในห้องนี้ต้องบอกคนในสภาฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
หรือเธอก็ต้องรู้เรื่องด้วย อิจฉิไม่รู้ควรทำอย่างไรต่อนอกจากเดินไปรอบๆ
                 “ คุณลิมโบครับเราจะทำยังไงดีครับ ” ลิมโบก้าวตรงไปยังชั้นวางของเขาหยุดนิ่งอยู่กับที่ มองของบนชั้นซึ่งเป็นกล่อง
เหล็กส่วนใหญ่ในสัดส่วนกับขนาดเท่ากันทุกกล่อง ลิมโบเผยรอยยิ้มออกมา
                “ ข้าคิดว่าคงยังไม่ต้องการอะไรจากเจ้าหรอก ” อิจฉิมีความคิดบางอย่างรังควานในหัว ว่ารอยยิ้มกับสิ่งที่เปรย
ออกมาลอยๆ นั้นมีความหมายว่าอะไร อิจฉิก็ได้เข้าใจว่าเขาไม่ได้สนใจบทสนทนาที่เกิดขึ้นในห้องนี้
 
                “ น่าเสียดาย... ”
                “ เสียดายอะไรเหรอครับ? ” ซากิตะมองเด็กชายที่อมยิ้มแสดงอยู่ ลิมโบยิบกล่องเหล็กออกมาจากชั้นกล่องหนึ่ง
                “ นิเธอจะหยิบออกมาเล่นไม่ได้นะ ”  ลิมโบพูดต่อทันทีโดยที่เขาไม่ได้คิดจะฟังคำของซากิตะ
                “ ตอนแรกที่เข้ามา... คิดในหัวว่าผมอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ ถึงในสถานการณ์แบบนี้ ผมจะรับบทเป็นยอดนักสืบ
อาจ... ไร้สาระสักหน่อย ” 
                “ ?...เอ๋ (อะไรครับ/ค่ะ) ” อิจฉิกับซากิตะเปรยออกมา
                เด็กชายเขายกกล่องไปว่าบนโต๊ะ เขาเจอกับความลำบากเล็กน้อยช่วงยกเนื่องจากโต๊ะกับเด็กชายนั้น
                ความสูงต่างกัน
                 “ กำลังมองสิ่งต่างๆ หาที่มาของสิ่งที่เกิดที่นี้ แต่ต้องกลายมาเป็นชาแมนแทนซะเนี่ย ”
ลิมโบเปิดฝากล่องออก จากน้ำหนักแน่นอนว่ามีบางสิ่งอยู่ข้างใน ซากิตะและอิจฉิก้าวเข้ามาใกล้กล่องที่ลิมโบเปิดออก
เด็กชายลากเก้าอี้เข้ามานั่ง
                “ เครื่องปริ้นเตอร์... อ่ะ ไม่ใช่เครื่องพิมพ์ดีดรุ่นเก่า? ”
                “ อิจฉิคุง ช่วยหยิบมันออกมาหน่อยได้มั้ย ”  ลิมโบโบกสะบัดชายแขนเสื้อไปมา อิจฉิใช้มือทั้งสองข้าง
ประครองเครื่องพิมพ์ออกมา ชายหนุ่มสังเกตเห็นสภาพความเก่าของมัน ฝุ่นเกาะเล็กน้อยเหมือนกับว่าถูกเช็ดทำความสะอาด
แต่ยังไม่สะอาดทั้งหมด รอยบุบด้านข้าง คราบมึกจำนวนมากบนเครื่องพิมพ์ แล้วก็ไม่มีส่วนใดเสียหายมากนัก นอกจากที่เขาเห็น
มันน่าจะ... ยังใช้งานได้
 
                ชายหนุ่มวางมันลงบนโต๊ะ
                “ (ไอ)... แล้วคุณลิมโบหยิบออกมาทำไมเหรอครับ ”
                “ ทีแรกแค่ความรู้สึก จนมาเจอกับมันถึงเข้าใจว่าไม่ใช่ ”
                “ นี่เธอกำลังพูดถึงอะไร ” ซากิตะ ออกปากถามระหว่างที่ทำใบหน้าไม่พอใจกับเด็กชาย
อิจฉิกำลังแสดงอาการคล้ายกับมึนงง
                “ อืม... ลืมไปพวกคุณทั้งสองคงจะไม่ได้ยินสินะ ”
                “ ได้ยินอะไรครับ ”
                “ สิ่งนี้ ‘เครื่องพิมพ์ดีด’... มีบุคคลที่ถูกผูกหมัดอยู่กับมัน หากเปลื่ยนอีกคำเป็นที่คุ้นเคยกัน อาจเป็นวิญญาณก็ได้ ”
                “ วิญญาณ เธอหมายถึงมีภูตผีอย่างงั้นเหรอ... แล้วผูกมัดคือเธอหมายถึงอะไร นี่เธอไม่ได้กำลังเล่นอะไรอยู่
ใช่ไหม? ”  ซากิตะเริ่มสับสนอยู่ในหัว ข้างๆกันนั้นยังมีความรู้สึกโมโหเล็กน้อย
                เด็กชายยิ้มที่มุมปาก ใช้มือสัมผัสเครื่องพิมพ์ดีด
                เด็กคนนี้เขากำลังเล่นอะไรของเขากันนะ เราควรไปบอกคุณมาเรียเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนี่คงเป็นฝีมือ
อิคาบอทจริงๆ ผยานที่เห็นก็มีอยู่ด้วยแน่นอนว่าเขาไม่โกหก จริงสินะเราต้องรอให้ไอ้หมอนั้นมา...
                ฉันควรรอที่นี่...
                “ ผีเหรอ? ครับ... ” อิจฉิ พูดออกมาในที่ผงะไปพักนึ่ง
                “ ผีอืม... ผีที่ผูกมัดกับสิ่งของแบบนี้ ต้องมีอะไรที่น่าสนใจแน่นอน ”
                “ เธอยกออกมาเพื่อจะดูผีเครื่องพิมพ์ดีดงั้นเหรอ? ” ซากิตะพูดติดตลกใบหน้าแสดงความเคร่งเครียดออกมา
แน่นอนเธอไม่เชื่อ
                 นี่เขาจะทำอะไรเนี่ย
                 อาจพึงทำไปไม่นาน แต่อิจฉิผงะอีกครั้ง หลังจากลิมโบพูดต่อ
                “ อยากได้ยินไหม? ”
                 ?!
                 ลิมโบ เด็กชายเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง เงยศรีษะอย่างรวดเร็ว
                “ อืม... ช่างมันๆ  ผมไม่อยากมาอธิบายให้ฟังทีหลัง ”  เขาหันมาหาทั้งสอง ขณะที่อยู่บนเก้าอี้  ซากิตะ
ดูคับอกคับใจพอสมควร อิจฉิ หัยไปบอกกับซากิตะ
                “ เขากำลังช่วยคุณอยู่นะครับ คงจะ... ”  อิจฉิ เหมือนจะได้ยินคำเตือนบางอย่างจากปากเด็กชาย เสียงที่ลั่นออกมา
นั่นช่างรวดเร็ว น่าเสียดายเด็กหนุ่มได้ยินเพียงแค่
                “ แน่นอนจนแล้วจนรอดมันมีความเจ็บแสบ ไม่นานนักก็จะหายไป ”
                เด็กน้อยหลับตาลง เส้นผมสีขาวขยับตามศรีษะเด็กชายที่ก้มหน้า
                เสียงกระซิบ...
                ลิมโบหยุดก้มหน้ามองทั้งสอง
                อิจฉิ ซากิตะ ทรุดตัวลงไปที่พื้น
                หนุ่มสาวทั้งสอง ยกมือประกบโหนกแก้ม พลางใช้นิ้วกดอุดหูของตนเอาไว้
                “ คงเกินตัวสินะ ”
                ลิมโบ นึกย้อนไประหว่างฟังเสียง ร้องจากความเจ็บปวดของทั้งสอง ประโยคที่กระซิบไปนั้น เขาเคยใช้กับผู้นำทาง
ผู้มีหน้าที่สังเกตการณ์ ผู้เสาะแสวงหา มีแต่ที่กล่าวไปที่เคยได้รับฟัง แต่กว่าครึ่งที่เป็นอมนุษย์ ซากิตินั้นเป็นมนุษย์แน่นอน
ไม่มีส่วนไหนของร่างกายบอกถึงตัวตนอมนุษย์ หรือฟีลใดๆ ที่แสดงออกมา อิจฉิเองตัวเขาเป็นอมนุษย์แน่นอนแต่ตัวของ
เด็กไม่ได้แสดงความต้านทานออกมา จากที่เห็นทรุดลงไป ลิมโบปล่อยตัวเองครุ่นคิดสาเหตุความทรมาณมากมายของทั้งสอง
มังคงมากเกินไปจากอดีต แต่ถว่าเขาไม่ได้คิดสิ่งหนึ่ง
 
                “ นิเธอทำกับอะไรพวกเรา! ”  การตะโคกของซากิตะทำให้ลิมโบตกใจเพียงเล็กน้อย ถ้าเทียบกับเสียงความเจ็บปวด
เธอนั่งคุกเข่านิ้วยังคงอุดหูไว้เหมือนเดิม ใบหน้าที่น้ำตานองออกมาทำเขาตระหนกถึงสิ่งที่ทำไป
                “ คุณลิมโบ... ”
                ลิมโบหันไปมอง
                “ ช่วยทำอะไรหน่อยสิครับ! ”
ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดนั้น เขาทำไม่ได้ เขาไม่มีความสามารถเรื่องนั้น ตัวตนของสิ่งที่ไม่มีชีวิตอย่างลิมโบ ทำได้สร้างความ
เน่าเหม็นเท่านั้น
                “ พยายามทนมันไว้ ความเจ็บมันไม่ฆ่าพวกคุณแน่นอน... ”
เขาปิดปากเงียบ เด็กชายหันไปหาเครื่องพิมพ์ดีด
                ‘ กำลังหวั่นไหวสินะ... ’
                สายตาได้มองอย่างไร้ชีวิตของลิมโบ ต่อวัตถุตรงหน้า
                “ พวกเขาคงต้องทนกันครู่หนึ่ง ทำไมไม่ลองเล่าอะไรหน่อยล่ะ… เจ้าเป็นใครทำไมถึงได้ติดอยู่กับเครื่องนั้น ”
                ‘ ฉันสงสัย คุณก็ไม่ใช่ชาแมน คุณไม่ใช่เด็กแน่นอน ถึงเป็นปีศาจผมก็ไม่แน่ใจ ผมสัมผัสบางอย่างได้จากคุณ ’
                “ เรื่องของผมเก็บไว้ก่อนถ้าช่วยตอบคำถามผมอาจเล่าให้ฟัง ในขณะนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าวิญญาณไปมีอะไร
ที่ต้องถูกผูกมัดกับสิ่งของ ”
                ‘ ฉันสามารถพนันได้เลยว่า เรื่องของคุณคงน่าสนใจไม่น้อย... อาจมากกว่าฉัน งั้น ’
                “ เจ้ายังมีความรู้สึก... ดีเลย ”
คนทั้งสองเริ่มพยุงตัวขึ้นมาจากพื้น อิจฉิ กับซากิตะ พวกเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ เลยในตอนนี้ ความประหลาดใจที่ทั้งสองมี
แสดงออกมาทางสีหน้า
                “ ได้ยินเสียงไหมชัดไหม? ”
                ลิมโบ พูดถามไปยังทั้งสอง
                ทั้งสองคนพยักหน้า
                “ งั้นช่วยเริ่มเล่าเรื่องเลย พวกเรามีเรื่องอื่นจะถามอีก ”
 
 
 
 
 
 
 
มุมนักเขียน:
เรายังไม่ทิ้งเรื่องที่เขียนไว้แน่นอน
ไม่คิดเลยว่าจะปล่อยไว้ ‘นาน’ ขนาดนี้
*คนเขียนเวะมาเขียนเป็นครั้งคราว
หากมีส่วนไหนมีคำผิดหรือขัดข้องขออภัยด้วยนะ
ถือว่านี้ยังไม่ใช่ฉบับปรับปรุง จะลงต่อแน่นอน
*ถ้ายังมีคนอ่านเรื่องนี้อ่ะนะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา