Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

8.0

เขียนโดย Raji

วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.00 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  12.13K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2559 17.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) Login 7 : Hero or Survivor

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
Login 7 : Hero or Survivor
 
        บนลานซีเมนต์กว้างกลางหมู่บ้านจัดสรรที่ห้อมล้อมไปด้วยบ้านทาวเฮ้าส์เรียงรายกันสลอนโดยปกติแล้วที่นี่เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์เทวะครุฑสีขาวลองจินตนาการถึงหมู่บ้านจัดสรรร้างไร้ซึ่งผู้คนแต่กลับเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดที่เหมือนกับหลุดมาจากเทพนิยายท่ามกลางบรรยากาศวังเวงสุดเคว้งคว้างนี่แล้วคงชวนขนหัวลุกอยู่ไม่น้อยถ้าต้องมาเดินอยู่ในบรรยากาศที่ว่า แต่นี่ก็เป็นเรื่องปกติที่เห็นกันซะจนรู้สึกชินชาไปแล้วในโลกที่ล่มสลายลงแห่งนี้ไม่มีสถานที่ให้มนุษย์ที่อ่อนแออยู่ได้โดยสะดวกใจอีกแล้ว
       ดังนั้น อิงศร จึงไม่ยินดียินร้ายกับบรรยากาศที่ว่าเลยแม้แต่น้อยสิ่งที่เด็กหนุ่มคิดก็เพียงแค่การหาทางทำให้คะแนนประเมินของตัวเองลดลงจนโดนเฉดหัวไล่ออกจากชั้นเรียนฝึกทหารและเพราะเหตุนั้นคาบเรียนในช่วงบ่ายที่ให้ฝึกการต่อสู้จริงจึงดำเนินไปอย่างน่าเบื่อหน่ายจนกระทั่ง...
 
       "อีหรอบนี้ได้ตายกันหมดแหงแซะ"
       อิงศรพึมพำเบาๆ
       เบื้อหงน้าเด็กหนุ่มห่างออกไปราวยี่สิบเมตร สัตว์เลื้อยคลานสี่ขาผิวเป็นเกล็ดมันวาวรูปร่างเหมือนจระเข้มีปากมหึมาขนาดที่เมื่อเทียบกับตัวของมันแล้วแทบจะกลืนตัวมันเองเข้าไปได้ด้วยซ้ำ ปีศาจที่เกิดขึ้นจากการกลายพันธุ์ของสัตว์ที่ถูกไวรัสโลกาวินาศเล่นงาน  ชื่อเรียกของมันในโลกที่ล่มสลายลงแห่งนี้ก็คือสัตว์เทวะระดับจ่าฝูง
 
Heraldic Beast Deity: Leviathan Guardian Sebek Lv.35
[/////25000:25000/////]
 
       อิงศรมองไปที่ชื่อของสัตว์เทวะแล้วคอนแทคเลนส์ที่เขาสวมอยู่ก็มีปฏิกิริยา
       ข้อมูลของสัตว์เทวะปรากฏขึ้นบนคอนแทคเลนส์ที่สวมอยู่  แต่อ่านได้ค่อนข้างจะลำบากเพราะมันไม่ค่อยมีระยะห่างของตากับเลนส์สะท้อนซักเท่าไหร่นัก
       ตอนนั้นเองเหมือนกับจะตอบรับความคิดในหัวของเขา ข้อมูลถูกปรับระยะสะท้อนออกไปจนสามารถมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ข้อมูลนั้นเขียนถึงรายละเอียดปลีกย่อยของสัตว์เทวะจ่าฝูงว่า...
 
ผู้รับใช้ของเทพอสูรแห่งห้วงสมุทร 'เลเวียทาน' มันมีปากที่ใหญ่เป็นลักษณะเด่นใช้จู่โจมโดยการกลืนเหยื่อเข้าไปในทีเดียว มีประสาทสัมผัสที่ไวต่อเลือดและการเคลื่อนไหวเป็นอย่างมากในทางกลับกันตาของมันไร้ซึ่งประสิทธิภาพในการมองเห็นจนเกือบเรียกได้ว่าตาบอด
ข้อมูล Skill: Gluttony Eating , Tail Whip
 
       อิงศรอ่านและจดจำมันได้ทั้งหมดในทันที
       แต่ลำพังแค่สัตว์เทวะจ่าฝูงตัวเดียวไม่ใช่อุปสรรคขนาดที่จะทำให้เขาเอ่ยปากว่าตายได้หากไม่ใช่เพราะตอนนี้เขาและนักเรียนคนอื่นๆ กำลังตกอยู่กลางวงล้อมของมนุษย์ต่างดาว
     สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเมื่ออาจารย์ประจำชั้นและทหารคุ้มกันพึ่งถูกฆ่าตายไปหมาดๆ จนกระทั่งตอนนี้เหลือแต่พวกนักเรียนด้วยกันเท่านั้นถึงจะพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำซักเท่าไหร่ว่ากำลังตกอยู่ในวิกฤตการณ์อันแสนสิ้นหวังนั่นก็เพราะ...
 
       "บ้าเอ้ย! พวกทหารคุ้มกันตายกันหมดแล้วแบบนี้พวกเราต้องลุยฝ่ากันไปเองล่ะ"
       มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากนั้นก็มีนักเรียนจับกลุ่มกันห้าคนเป็นผู้ชายสามคนผู้หญิงสองทุกคนในกลุ่มอายุสิบแปดเท่ากันทั้งหมดเป็นกลุ่มที่เรียกได้ว่าโตที่สุดในห้อง
 
        ที่มีพวกนักเรียนคิดขัดขืนต่อต้านนั่นก็เพราะห้องนี้เป็นห้องที่รวบรวมนักเรียนฝึกทหารฝีมือดีของค่ายเอาไว้จะมีพวกที่มั่นใจในฝีมือตัวเองจนอยากลองของบ้างมันก็ไม่แปลกเพียงแต่ศัตรูที่กำลังเผชิญอยู่นั้นไม่ใช่ระดับที่ลูกเจี้ยบหัดเดินอย่างพวกเขาจะต่อสู้แล้วเอาชนะได้เลย
       อิงศรมองไปยังหญิงสาวร่างสูงผู้มีเรือนผมสีเงินยาวมัดเป็นหางม้าผิวพรรณของหล่อนซีดขาวไม่มีสีเลือดฝาดราวกับผีดิบสวมชุดเครื่องแบบเป็นเสื้อแจ็คเก็ตสีดำปกคอติดขนมินท์สีขาวและกระโปรงยาวเสมอหัวเข่ารูปลักษณ์อันยั่วยวนถูกทาบทับด้วยผ้าคลุมสีขาวที่กำลังโบกสะบัดพริ้วไปตามกระแสของสายลม เธอคือผู้บัญชาการของกลุ่มมนุษย์ต่างดาวที่เข้ามาจู่โจม หล่อนยืนห่างจากอิงศรไปราวสามก้าวกำลังยิ้มระริกระรี้ให้กับปฏิกิริยาที่พวกนักเรียนแสดงออกมา
 
Nobelium Lv. 95
[/////14030:14030/////]
 
       ระดับเลเวลของหล่อนนั้นไม่ใช่ธรรมดาเพราะเธอเป็นถึงพวกระดับสูงในหมู่มนุษย์ต่างดาวที่ถูกเรียกว่า 'ชั้นครู' สิ่งที่บ่งบอกถึงเรื่องนั้นคือผ้าคลุมสีขาว ในตอนนั้นเองได้มีเสียงดังปิ๊บเกิดขึ้น จากนั้นคอนแทคเลนส์ก็สะท้อนข้อมูลที่น่าจะเป็นของหล่อนขึ้นมา
       อิงศรอ่านข้อมูลเหล่านั้นด้วยเสียงพึมพำเบาๆ
       “คลาสพื้นฐานเป็นโคลสเซอร์(Closer) แล้วบิลด์สกิลไปสายเพียวริทเตอร์ (Ritter) ล้วนๆ เลยสินะ”
       ถัดมาอิงศรจึงมองไปยังพวกมนุษย์ต่างดาวใต้อาณัติของหล่อนที่เรียกว่า ‘ ชั้นศิษย์’ มีกันอยู่สี่ตนยืนขวางเส้นทางออกจากหมู่บ้านไว้แต่ละตนมีรูปร่างเป็นเพศชายสวมเครื่องแบบแจ็กเก็ตสีดำเช่นเดียวกับนายหญิงของพวกมันแต่ไม่ได้สวมผ้าคลุม ข้อมูลของทั้งสามที่แสดงออกมานั้นนอกจากชื่อของแต่ละตนแล้วที่เหลือก็เหมือนกันทุกประการ
 
Actinide 00258 Lv. 45
[/////6100:6100/////]
 
Actinide 00259 Lv. 45
[/////6100:6100/////]
 
Actinide 00260 Lv. 45
[/////6100:6100/////]
 
Actinide 00261 Lv. 45
[/////6100:6100/////]
 
       “ทั้งคลาสทั้งบิลด์สกิลแบบเดียวกับเจ้านายหมดเลยงั้นรึ”
       อิงศรยงคงพึมพำกับตัวเอง ขณะเดียวกันสถานการณ์ก็ยังดำเนินต่อไปหลังจากพวกนักเรียนที่โตๆ ในชั้นรวมกลุ่มกันเพื่อขัดขืน
 
       "เดี๋ยวก่อนสิจะบุกเข้าไปโดยไม่วางแผนเลยเหรอ"
       เสียงของนรินทร์คัดค้านกลุ่มที่จะไปต่อสู้แบบไม่คิดหน้าคิดหลัง
       "ขืนมัวมาวางแผนได้ถูกฆ่าตายกันพอดีน่ะเซ่ บุกมันเข้าไปทั้งอย่างงี้แหละ"
       เด็กหนุ่มที่เป็นคนเรียกให้รวมกลุ่มกันสวนข้อโต้แย้งของนรินทร์ แล้วไม่ฟังสิ่งที่เขาพูดอีก พวกนักเรียนในชั้นก็มีคนที่เห็นด้วยกับการตีฝ่าออกไปอีกห้าคนเข้ามาสมทบแล้วมุ่งหน้าไปหากลุ่มของมนุษย์ต่างดาวชั้นศิษย์
       ดูเหมือนว่าบารมีของหัวกะทิชั้นแนวหน้าในค่ายจะไม่ได้ช่วยให้ทุกคนเชื่อฟังคำพูดของนรินทร์ ถึงจะเห็นด้วยกับความคิดที่ว่าให้วางแผนก่อนอยู่บ้างแต่ก็มองว่าที่กลุ่มเด็กโตทำกันอยู่นั้นเหมาะสมแล้ว เพราะถูกศัตรูบุกกระชั้นชิดซะขนาดนี้มันไม่มีเวลาให้คิดมากนัก อีกทั้งพวกชั้นศิษย์ก็ไม่ได้มีเลเวลสูงไปกว่ากันซักเท่าไหร่ท่่พวกทหารคุ้มกันเสียท่าถูกเล่นงานในทีเดียวก็เป็นเพราะประมาทจนถูกเล่นงานจุดตายที่คอกันหมดแต่ตอนนี้พวกเขาเห็นตัวอีกฝ่ายหมดแล้วโอกาสชนะในการปะทะย่อมมีสูง
       ระหว่างที่อิงศรประเมินสถานการณ์ด้วยท่าทีสงบอยู่นี้เอง ตอนนั้นกลุ่มนักเรียนติดอาวุธสิบคนก็เข้าปะทะกับพวกมนุษย์ต่างดาวชั้นศิษย์แล้ว ระดับเลเวลที่ไม่ได้แตกต่างกันและด้วยจำนวนคนที่เหนือกว่า กลุ่มนักเรียนทำท่าจะเป็นฝ่ายชนะแต่ทว่า...
 
       "หึ หึ หึ ทำเมินกันแบบนี้โอหังกันซะเหลือเกินนะชาวโลก"
       มนุษย์ต่างดาวชั้นครูกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะแต่น้ำเสียงกลับเย็นเยียบจนดูเหมือนกำลังเล่นสนุกอยู่มากกว่า สายตาของหล่อนมองพวกเขาไม่ต่างอะไรกับฝูงแมงเม่าที่บินเข้าหากองไฟ หล่อนยิ้มกระหยิ่ม พริบตาหลังจากนั้นร่างของเธอก็หายไปจากจุดที่เคยยืนอยู่แล้วไปโผล่เอากลางกลุ่มของนักเรียนที่กำลังต่อสู้
       "สไตรค์! (Strike) "
       เสียงของหล่อนดังกังวานแล้วเปลี่ยนท่ามาเป็นจับง้าวยาวด้วยสองมือก่อนจะแทงออกไปอย่างรวดเร็วจากมุมมองของอิงศรยังมองแทบไม่ทัน ยิ่งเป็นพวกที่ปะทะกันอยู่ตรงนั้นเองแล้วยิ่งไม่มีโอกาสมองเห็นการโจมตีนี้ได้เลย แล้วง้าวก็ได้เลือกเหยื่อผู้โชคร้ายเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบหก ปลายแหลมของง้าวทะลวงเข้าจากทางด้านหลังทะลุผ่านปอดออกมาถึงหน้าอก เด็กหนุ่มกระอักออกมาเป็นเลือดขณะที่แถบพลังชีวิตยังคงลดไม่หมดในการโจมตีนี้เขาก็มีแต่ต้องทุกทรมานไปกับบาดแผลที่เกิดขึ้น
       เลือดน่าจะไหลทะลักเข้าเต็มปอดจนหายใจไม่ออกแล้วพลังชีวิตจึงทยอยถดถอยลง
       ครั้นเมื่อมนุษย์ต่างดาวถอนง้าวของเธอออกจากร่างแรงกระชากก็พาให้อวัยวะภายเกิดการกระทบกระเทือนเสียหายไปด้วย โลหิตพุ่งออกจากรูตรงหน้าอกของเด็กหนุ่มเป็นสายราวกับน้ำพุ ทั้งหมดเกิดขึ้นเสี้ยววินาที
       พวกเด็กคนอื่นๆ พึ่งจะสังเกตว่ามีคนหนึ่งถูกเล่นงานไป คนที่ตอบโต้ได้เร็วก็เตรียมจะเข้าไปช่วยแต่ร่างของเด็กหนุ่มกลับถูกมนุษย์ต่างดาวชั้นครูจับเหวี่ยงลอยข้ามกลุ่มนักเรียนข้างหลังข้ามหัวอิงศรไป ร่างของเด็กหนุ่มที่ใกล้ตายเต็มทีลอยไปตกลงที่เบื้องหน้าสัตว์เทวะจ่าฝูงทันทีที่เห็นเหยื่อมันก็อ้าปากกว้างเสียจนกลืนต้นไม้เข้าไปได้ทั้งต้น เตรียมจะเขมือบเหยื่อที่ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะขยับหนี เด็กหนุ่มบาดเจ็บสาหัสเกินไปที่จะลุกขึ้นวิ่งหนี
       ในวินาทีสุดท้ายอิงศรเห็นปากของเด็กหนุ่มขยับพึมพำเหมือนกับจะร้องขอให้ช่วยแต่เพราะปอดถูกแทงทะลุทำให้ส่งเสียร้องไม่ออกแล้วก็ถูกกลืนเข้าไปในปากของสัตว์ประหลาดยักษ์โดยที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ มันกะทันหันเกินไปจุดที่เด็กหนุ่มถูกขว้างไปนั้นอยู่ใกล้กับสัตว์เทวะจ่าฝูงมากเกินกว่าที่จะช่วยได้ทัน
       ร่างครึ่งบนหายเข้าไปในปากของสัตว์เทวะจ่าฝูง มันยกปากขึ้นแล้วทยอยกลืนส่วนที่เหลือลงคอไป
 
       "เอาล่ะต่อไปตาใครดีเอ่ย"
       เจ้าชั้นครูพูดขึ้นมาอย่างนั้นแล้วทำเสียงฮัมเป็นเพลงเบาๆ เหมือนแม่บ้านจ่ายตลาดกำลังเลือกสินค้า
       "ฮึ่มฮืมฮึ้ม~ เอาเป็นเธอก็แล้วกันนะสาวน้อย"
       แล้วคว้าคอเสื้อของเด็กสาวที่เด็กที่สุดจากในกลุ่มที่เหลือกันแค่เก้าคนขึ้นมา
       "ย..อย่ามาทำบ้าๆ นะเว้ย!"
       หัวหน้าของกลุ่มตะหวาดแต่เขาเองก็ไม่สามารถละสายตาไปจากมนุษย์ต่างดาวชั้นศิษย์ที่กำลังปะทะอยู่ แต่ละตนต้องใช้นักเรียนสองคนช่วยกันรุม ทั้งแปดคนที่เหลือต้องง่วนอยู่กับพวกชั้นศิษย์จนไม่มีใครว่างไปช่วยคนอื่น
       “ถ้าพูดถึงขนาดนั้นก็ลองมาหยุดดูซี่ชาวโลก”
       มนุษย์ต่างดาวชั้นครูพูดจากนั้นก็โยนตัวเด็กสาวจนร่างลอยละลิ่วข้ามหัวทุกคนไปแต่ก่อนที่จะเลยไปถึงเจ้าสัตว์เทวะจ่าฝูง กวินทร์ ก็ชิงกระโดดขึ้นไปรับตัวเธอเอาไว้เสียก่อน จากการตรวจสอบข้อมูลของเขาด้วยคอนแทคเลนส์ของอิงศร กวินทร์มีพลังถึงขนาดนั้นเพราะสายอาชีพเป็นแนวหน้าของการต่อสู้ ‘Weapon Enchanter’ อาชีพเดียวกับมิ่งขวัญ
       “ไม่เป็นไรนะ”
       กวินทร์ถามเด็กสาว เธอพยักหน้าให้ใบหน้ายังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาบางทีเธอคงยังไม่รู้สึกตัวว่าถูกช่วยด้วยซ้ำไปเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรเจ้ามนุษย์ต่างดาวชั้นครูก็เอาอีก หนนี้มันจับตัวหัวหน้ากลุ่มที่รวมคนออกไปสู้ขึ้นมา
       “รับได้สวยนี่ชาวโลกงั้นคราวนี้ลองเป็นเจ้าหนูตัวยักษ์นี่จะรับได้รึเปล่าน้า”
       ร่างของเด็กหนุ่มคนที่ว่าตัวใหญ่ไม่ใช่น้อยแต่แล้วมนุษย์ต่างดาวกลับยกตัวเขาลอยขึ้นได้อย่างง่ายดายราวกับไม่มีน้ำหนัก
       “อาร์เคนไบน์ (Arcane Bind)”
       เสียงดังขึ้นมาจากทางที่นรินทร์ท็อปของห้องยืนอยู่ อิงศรมองไปยังทิศนั้นและเห็นเธอ… เอ้ย เขาให้ตายเถอะใบหน้าที่งดงามนั่นยังคงชวนให้เข้าใจผิดอยู่เรื่อย ตอนนี้นรินทร์กำลังถือไม้เท้าสีขาวที่หัวประดับด้วยไม้กางเขนชี้ไปทางมนุษย์ต่างดาวชั้นครู
       เกิดวงแหวนแสงล้อมรอบมือของเจ้าชั้นครูทั้งสองข้างรวมถึงลำตัวและช่วงขาไปจนถึงข้อเท้าต่างก็มีวงแหวนแสงปรากฏขึ้นล้อมรอบและจำกัดการเคลื่อนไหวของมนุษย์ต่างดาวไว้จนกระทั่งเธอปล่อยเด็กหนุ่มลง นั่นคงจะเป็นสกิลของนรินทร์ พอคิดดังนั้นแล้วอิงศรก็ลองตรวจสอบข้อมูลของเธอด้วยคอนแทคเลนส์ของเขา
 
นรินท์ Lv. 60
HP: 4095 / 4095
Job Class: Speller
Skill Building: Hospitaller
 
       อิงศรอ่านข้อมูลของนรินทร์ที่ปรากฏขึ้นบนคอนแทคเลนส์
       “สายนักเวทบิลด์เพียวฮอสปิทัลเลอร์ เป็นพวกสนับสนุนอยู่แนวหลังนี่เอง”
       ด้วยประสบการณ์สมัยเด็กที่เคยต่อสู้ร่วมกับพวกเด็กจากสถานสงค์เคราะห์ซึ่งมีคนที่สังกัดอาชีพแบบนี้อยู่ทำให้พอจะรู้จักความเป็นมาของมันอยู่บ้าง ฮอสปิทัลเลอร์ไม่ใช่หมวดอาชีพสายต่อสู้แต่เป็นแนวสนับสนุนอยู่เบื้องหลังคอยเยียวยาเพื่อนและปกป้องด้วยพลังพิเศษซะมากกว่าแต่นรินทร์กลับออกตัวต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาวชั้นครูอย่างตรงไปตรงมาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนนักเรียนร่วมห้องและเขาก็ทำได้ดีจนคาดไม่ถึง
       “ผมจะไม่ปล่อยให้เธอทำร้ายเพื่อนๆ ของผมอีกแล้ว”
       เสียงของนรินทร์ตะโกนอย่างมั่นใจนั่นคงเป็นเพราะความเชื่อมั่นในฝีมือของตนเองอย่างถึงที่สุดหรือว่าเขามีพลังถึงขนาดนั้นอยู่จริงๆ พลังที่จะหยุดมนุษย์ต่างดาวชั้นครู…
       “หน้าแบบนั้นมั่นใจในพลังของตัวเองซะเหลือเกินนะชาวโลก…เฮ้ยพวกแกถอยไปซะ!”
       พอมนุษย์ต่างดาวชั้นครูออกคำสั่งแล้วพวกชั้นศิษย์ก็พากันลามือจากนักเรียนที่ปะทะอยู่แล้วกระโดดถอยกลับขึ้นไปบนหลังคาบ้านทาวน์เฮ้าส์
       “ย่า!!”
       มนุษย์ต่างดาวชั้นครูตะโกนมีคลื่นพลังบางอย่างแผ่ออกมาแล้ววงแหวนแสงที่จับกุมหล่อนไว้ก็คลายออกอย่างง่ายดาย
       “อะไรกัน!”
       นรินทร์ตะโกนเหมือนกับเห็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ
       แต่เจ้าชั้นครูไม่รอให้เขาตกใจเสร็จ พอเป็นอิสระแล้วหล่อนก็คว้าง้าวขึ้นมาควง
       “ มิสเทิลทีนกุงเนียร์ (Misteltein Gungnir)”
       แล้วง้าวที่ควงอยู่เพิ่มความเร็วในการหมุนรอบมากขึ้น มากขึ้นไป มากขึ้นไปเรื่อยๆ ในเวลาแค่เสี้ยววินาทีการควงง้าวด้วยมือเปล่ากลับทำให้เกิดลมพายุพัดโหมอย่างบ้าคลั่ง
       
     ตูม!! พริบตาหลังจากเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว อิงศรที่ยืนนิ่งดูดายอยู่เสียนานก็ได้ก้าวเท้าออกไปเป็นครั้งแรก
       ย่างก้าวของเด็กหนุ่มรวดเร็วแต่ไร้เสียง ท่วงท่าการเดินนั้นนุ่มนวลไม่เหมือนกับการวิ่งแต่กลับรวดเร็วและคล่องแคล่วผิดธรรมดานั่นเพราะค่าสเตตัสในปัจจุบันของอิงศรนั้นไปถึงจุดยอดมนุษย์ที่สามารถเดินด้วยความเร็วเทียบเท่าจักรยานและสามารถทุ่มแรงวิ่งสุดตัวให้เร็วเท่าเสือชีตาห์ได้
       อิงศรวิ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของนรินทร์แล้วลากออกจากจุดที่ยืนอยู่ไปราวสองถึงสามก้าว หลังจากนั้นแค่พริบตาเดียวพื้นดินที่เขาเคยเหยียบอยู่จนถึงเมื่อครู่ก็แยกออกเป็นสองครู่หนึ่งที่เหมือนมองเห็นทิวทัศน์เบื้องหลังกลุ่มนักเรียนที่ต่อสู้อยู่แนวหน้ากลายเป็นสองส่วนไปด้วย
       ขณะเดียวกันพวกกลุ่มนักเรียนที่แนวหน้านั้นก็พากันล้มลงแถบแสดงพลังชีวิตเหนือศีรษะกลายเป็นศูนย์กันทุกคน บนร่างกายของทุกคนมีบาดแผลถูกฟันขาดสะพายแล่งจากบนลงล่างพื้นที่บริเวณนั้นยุบตัวลงและถูกบัลดาลเป็นแอ่งโลหิตสีแดงฉานด้วยเลือดของพวกพ้อง 
       “โอ๊ะโอ เกือบไปๆ …ถ้าใส่แรงมากกว่านี้อีกนิดเจ้าสัตว์เทวะที่อุตส่าห์ไปลากจากหมู่บ้านข้างๆ มาก็จะเสียเปล่าไปแล้วนะเนี่ย”
       มนุษย์ต่างดาวชั้นครูปรากฏตัวขึ้นตรงจุดที่ นรินทร์เคยยืนอยู่ หากว่าอิงศรไม่ช่วยเขาเอาไว้ป่านนี้คงได้มีคนตายเพิ่มไปอีกคน
       “สรุปแล้วแกตั้งใจจะมาเล่นใช่มะไอ้มะนาวต่างนุด”
       อิงศรถามน้ำเสียงของเขาหยาบกระด้างเล็กน้อยนั่นเพราะเริ่มข่มความรู้สึกตัวเองไม่อยู่อีกแล้ว สายตาของเขาเหลือบมองไปยังซากศพของนักเรียนที่ถูกมนุษย์ต่างดาวฆ่าตายแล้วกำหมัดแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
       “อ้าวมีคนที่ฉลาดเป็นกับเขาอยู่ด้วยเหรอเนี่ยถูกต้องเลยก็แค่มาเล่นเท่านั้นเพราะว่าพวกแกเป็นแค่ NPC ที่มีไว้ให้เล่นยังไงล่ะ”
       มนุษย์ต่างดาวชั้นครูกล่าวด้วยวาจาดูถูกดูแคลน
       “งั้นจะช่วยอธิบายกฎการเล่นมาให้หน่อยจะได้ไหม”
       “หา?”
       คำถามของอิงศรทำให้หล่อนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความฉงน
       “ด...เดี๋ยวสิอิงศรคิดจะทำอะไรน่ะ”
       นรินทร์ที่ยังถูกเขาหิ้วคออยู่ถามพลางแกะมือออกแล้วค่อยลุกขึ้นยืน
       “นายมีเฟรนด์ลิสต์ของทุกคนในห้องอยู่ใช่รึเปล่า”
       “มันก็มีอยู่หรอกแต่ว่าทำไมล่ะ?”
       พอได้ฟังที่นรินทร์พูดอิงศรก็ยิ้มออกเล็กน้อยตอนนั้นเอง มนุษย์ต่างดาวก็ตอบคำถามของเขา
       “เมื่อกี้แกถามสินะว่าเกมของฉันเล่นยังไงก็ได้”
       หล่อนชี้ไปยังสัตว์เทวะจ่าฝูงที่ตอนนี้เคลื่อนที่เข้ามาถึงจุดที่พวกนักเรียนอยู่กันแล้วทุกคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดกันยกใหญ่ ถ้าให้นับรวมพวกเขาที่กระจุกกันอยู่ตรงนี้ด้วยแล้วเบ็ดเสร็จก็เหลือนักเรียนอยู่กันแค่สิบเอ็ดคน
       “กติกาก็คือพวกแกจะต้องเป็นอาหารให้เจ้ายักษ์นั่นคนที่คิดจะหนีพวกลูกน้องของฉันจะฆ่าทิ้งและคนที่คิดจะจัดการเจ้ายักษ์นั่นฉันก็จะฆ่าทิ้งด้วยทางเลือกของพวกแกมีแค่ตายด้วยมือพวกฉันหรือไม่ก็โดนเจ้ายักษ์นั่นกินง่ายดีใช่ไหมล่ะ”
 
       อิงศรเม้มริมปากล่างอย่างคนใช้ความคิด
       พวกอีโก้สูงก็ตายกันไปหมดแล้วเท่ากับว่าพวกที่เหลืออยู่ถ้าไม่ใช่ว่าแหยก็เป็นพวกที่ยังพอมีหัวคิดรอดูสถานการจากพวกที่ตายไปพวกนี้คงยอมฟังที่นรินทร์พูด…
       พวกมนุษย์ต่างดาวไม่ได้มาล่าพวกเราไปทำเป็น NPC แต่มีจุดประสงค์ที่ต้องการเล่นสนุกกับการฆ่าคน
       ดังนั้นมันจะไม่ฆ่าพวกเราทันทีถ้าหากยังมีความเป็นไปได้ที่จะต้อนพวกเราให้จนมุมอยู่…
       เดม่อนแอพคือกุญแจที่จะช่วยให้พวกที่เหลือหนีรอดไปได้ถ้าผลของมันเป็นไปตามที่คำอธิบายเขียนเอาไว้ล่ะก็…
       เขาปล่อยให้ข้อมูลต่างๆ แล่นผ่านเข้าไปยังสมองแล้วประมวลผลออกมาอย่างรวดเร็ว
       หนทางรอดที่ปรากฏออกมานั้นมีด้วยกันสองทาง
       หนึ่งคือใช้ระเบิดควันอำพรางแล้วหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวในระหว่างที่ชุนละมุนกันเจ้าพวกที่ยังเหลือรอดจะเป็นตัวช่วยถ่วงเวลาพวกมนุษย์ต่างดาวได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงสัตว์เทวะก็จะไม่ไล่ตามมาทันทีด้วย
       อีกทางคือใช้ระเบิดควันกับเดม่อนแอพสร้างสถานการที่จะพานักเรียนที่เหลืออยู่หนีไปก่อนจากนั้นใช้ทุกอย่างที่มีดึงเวลาไว้จนกว่าทุกคนจะหนีรอด
       ทางแยกของสองวิธีการสรุปอย่างง่ายๆ ว่าจะเลือกเป็น 
       เซอร์ไวเวอร์(Survivor) ผู้รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ของชั้นเรียนนรก หรือ ฮีโร่ (Hero) ผู้ช่วยทุกคนเอาไว้ด้วยชีวิต
       มันคือทางแยกว่าความปรารถนาในใจของตนคือการอยู่ต่อไปเพื่อชดใช้บาปที่ทำให้ครอบครัวต้องตายหรือแค่การหนีจากความเป็นจริงที่ว่าตัวเองไร้พลังกันแน่....
       อิงศรเหลือบมองไปทางกวินทร์หลังจากที่ช่วยเพื่อนนักเรียนหญิงเอาไว้แล้วเด็กหนุ่มก็วิ่งตามเขาที่ช่วยชีวิตนรินทร์จนมาอยู่อีกฟากของกลุ่มทำให้ตอนนี้นักเรียนทุกคนย้ายมาอยู่ฟากเดียวกันหมด
       พอเป็นแบบนั้นทุกอย่างก็ลงล็อกตามที่คิดเอาไว้พอดี…
       ยังมีหนทางที่จะให้เลือกทางที่สามได้อยู่ หนทางที่จะช่วยชีวิตทุกคนพร้อมกับตัวเองให้รอดไปจากสถานการนี้
       หนทางแห่งการพิชิตที่เรียกว่าทริมแฟนท์ (triumphant)
       ...ในตอนนั้นเอง
       “อีกแล้วเรอะ”
       อิงศรกระซิบกับตัวเองด้วยเสียงอันแผ่วเบาความรู้สึกที่เหมือนกับถูกจับตามองอยู่ซึ่งเป็นตั้งแต่ตอนที่เข้ามาอยู่ห้องนี้ได้เกิดขึ้นอีกครั้งแล้วและหนนี้เจ้าตัวการก็อยู่ในกลุ่มนักเรียนที่ยังรอดชีวิตอยู่ด้านหลังของเขาเสียด้วย
        มันยังไม่ตายสินะไอ้เจ้าสโตรกเกอร์นั่น…
       แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้มาสนใจเจ้าคนโรคจิตที่แอบจับตามองอยู่เขากลับไปตั้งสมาธิให้จดจ่อกับแผนการเอาชีวิตรอด
       “ในกระเป่าเสื้อชั้นมีระเบิดควันอยู่พอควันเริ่มกระจายแล้วนายช่วยแชทบอกให้ทุกคนหนีกลับไปทางที่พวกเรามาทีพวกเอเลี่ยนเดี๋ยวชั้นจะช่วยสกัดไว้ให้เอง”
       อิงศรพูดเบาเหมือนกระซิบเพื่อให้นรินทร์เท่านั้นที่จะได้ยินและขยับปากให้น้อยที่สุดป้องกันไม่ให้ถูกอ่านคำพูดไปด้วย
       นรินทร์เองก็เหมือนจะทำความเข้าใจสิ่งที่เขาทำได้เป็นอย่างดีสมกับที่เป็นนักเรียนดีเด่นจึงถามกลับมาด้วยการกระซิบและควบคุมการขยับของปากไปด้วย
       “ทำแบบนั้นแล้วเธอจะหนีไปยังไงล่ะ”
       “เดม่อนแอพของชั้นมีพลังในการหลบหนีเพราะงั้นเอาเวลาไปห่วงตัวเองเถอะ”
       “เหรอ..เข้าใจล่ะ”
       หลังจากตกลงแผนกันได้แล้ว อิงศรก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงที่อยู่ด้านหลังแล้วหยิบกระป๋องโลหะขึ้นมากระป๋องหนึ่งใช้นิ้วชี้ของมือข้างเดียวกันดีดใส่สลักบนกระป๋องให้ปลดออกแล้วรอ...
       รอจนกระทั่งสัตว์เทวะจ่าฝูงเข้ามาใกล้มันเดินผ่านมนุษย์ต่างดาวชั้นครูไปโดยที่ไม่ได้ให้ความสนใจเลยซักนิดนั่นเป็นเรื่องปกติของสัตว์เทวะอยู่แล้วพวกมันจะโจมตีมนุษย์ก่อนเสมอและไม่สนใจมนุษย์ต่างดาว
       เมื่อสัตว์เทวะเข้ามาใกล้มากพอแล้ว อิงศรจึงปล่อยกระป๋องระเบิดให้ตกลงบนพื้น
       ควันจำนวนมหาศาลพวยพุ่งจากกระป๋องกลายเป็นกลุ่มควันที่บดบังทัศนวิสัย
       แต่มนุษย์ต่างดาวมองแผนการออกแล้วสั่งการพวกชั้นศิษย์ในทันที
       “ไปดักรอพวกมันที่ทางออกอย่าให้หนีไปได้แม้แต่คนเดียวล่ะ”
       พวกชั้นศิษย์ทั้งสี่ตนกระโดดจากหลังคาบ้านลงมาในกลุ่มควันที่เริ่มขยายตัวบดบังหนาแน่นขึ้น เพราะอิงศรได้เพิ่มจำนวนกระป๋องระเบิดควันเข้าไปอีกหลังจากปล่อยลูกแรกไปแล้ว สิ่งที่มองเห็นได้ท่ามกลางควันเหล่านี้ก็มีแต่แถบแสดงพลังชีวิตของพวกชั้นศิษย์ที่ร่วมปาร์ตี้ด้วยกันอยู่เท่านั้น 
     มนุษย์ต่างดาวชั้นครูไม่ได้ขยับไปไหนหล่อนตั้งใจดักรออยู่ทางด้านหลังสัตว์เทวะเพราะคิดเผื่อไว้แล้วว่าพวกนักเรียนอาจแกล้งหลอกให้ตายใจว่าจะหนีไปทางพวกชั้นศิษย์แล้ววกหนีออกมาทางฝั่งสัตว์เทวะแทน แต่การคาดการณ์นั้นก็ผิดพลาดแม้จะรออยู่นานแต่ก็ไม่มีใครวิ่งออกมาจากกลุ่มควันเลยแม้แต่คนเดียวทางฝั่งพวกชั้นศิษย์ก็ยังเงียบสงบดี มันเงียบเสียจนไม่น่าไว้วางใจ แล้วในตอนนั้นเอง…
       “อ…อ้ากกก!!!”
       “เหวอออ!!”
       เสียงร้องของบรรดาพวกชั้นศิษย์ดังฝ่าม่านหมอกมาแถบแสดงพลังชีวิตของแต่ละตนทยอยหายไปทีละตนๆ
       “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!”
       มนุษย์ต่างดาวชั้นครูตะโกนแล้วเริ่มหาทางกำจัดม่านควันเหล่านี้ แต่ทว่า…
       “เหลือคนสุดท้ายแล้วหวังว่าแกคงอิ่มนะเจ้าสัตว์ประหลาด”
       เสียงของอิงศรดังขึ้นพร้อมกับที่เด็กหนุ่มกระโดดข้ามหัวมนุษย์ต่างดาวไป
       “นี่แก..”
       มนุษย์ต่างดาวเหลียวหลังตามอิงศรที่ลอยข้ามผ่านศีรษะของตนไปแต่ก็ต้องชะงักคำพูดไปก่อนเพราะประสาทสัมผัสที่เฉียบคมกว่ามนุษย์ปกติถึงหกเท่าได้เตือนว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามาจึงพลิกตัวแล้วก้าวหนีออกไปทางด้านข้าง ประจวบพอดีกับที่ปากของสัตว์เทวะจ่าฝูงฝ่าพ้นม่านหมอกออกมา หากช้ากว่านี้อีกแค่เสี้ยววินาทีเดียวหล่อนคงตกลงไปอยู่ในท้องของสัตว์เทวะจ่าฝูงแล้ว
       “ได้ไงกันทำไมแกถึงมาเล่นงานฉัน”
       มนุษย์ต่างดาวมีสีหน้าตกใจกับสิ่งที่เห็นแต่ก็แค่ประเดี๋ยวเดียว
       “ไม่สิ…”
       หล่อนเบี่ยงเบนสายตาไปที่อิงศรซึ่งกำลังวิ่งอ้อมมาอยู่ด้านหลังห่างไปราวยี่สิบก้าวระยะแค่นี้จะตามไปจัดการเสียเลยก็ได้แต่สัตว์เทวะจ่าฝูงกลับหันคมเขี้ยวใส่เธออีกครั้งจนต้องกระโจนหลบออกข้างทางไปอีก พอเป็นแบบนั้นแล้วอิงศรก็ย้ายตามมาด้วยแล้วสัตว์เทวะจ่าฝูงก็ตามมาโจมตีเธอต่อ
       “เข้าใจแล้ว…มันไม่ได้โจมตีใส่ฉันแต่มันกำลังไล่ตามแกอยู่สินะไอ้เด็กเวรเอ้ย”
       “…”
       อิงศรเมินที่จะตอบคำถามของศัตรูแล้วตั้งหน้าวิ่งอ้อมไปอยู่ด้านหลังของมนุษย์ต่างดาวอย่างไม่ลดละ
       “แกล่อให้เจ้ายักษ์นี่ไล่ตามแกแล้วก็ลากมันไปจัดการพวกลูกน้องฉันล่ะสิท่า”
       “ก็ประมาณนั้นแหละป่านนี้พวกของชั้นคงหนีแกไปเกินครึ่งทางแล้วล่ะมั้ง ส่วนแกก็จงเป็นอาหารของไอ้เข้นี่ตามลูกน้องไปด้วยซะเถอะ”
       อิงศรกล่าวอย่างมั่นใจ ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนการ เริ่มจากสร้างกลุ่มควันเพื่อบดบังทัศนวิสัยของเจ้าชั้นครู พวกชั้นศิษย์ก็จะปฏิบัติตามคำสั่งล่าสุดที่มันได้รับเท่านั้น นั่นก็คือไปยืนขวางทางที่พวกเขาจะใช้วิ่งกลับไปและนั่นทำให้พวกมันติดกับดักที่อิงศรวางเตรียมเอาไว้ในช่วงที่พวกมันสารวนต่อสู้อยู่กับพวกนักเรียนที่ถูกฆ่าตายไป
       กับดักช็อตไฟฟ้าที่เมื่อเหยียบลงไปแล้วจะมีกระแสไฟแรงสูงช็อตใส่ร่างจนติดสถานะอัมพาตทำให้ขยับตัวไมได้ไปชั่วขณะ พวกชั้นศิษย์ทั้งสี่ตนติดกับดักที่ว่านั่นเข้าจนขยับตัวไม่ได้แล้วจังหวะนั้นเองนรินทร์ที่แชทบอกทุกคนไว้แล้วก็จะพาพวกเขาวิ่งหนีผ่านชั้นศิษย์ไปได้โดยปลอดภัยที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของอิงศรที่จะล่อสัตว์เทวะจ่าฝูงเอาไว้
       “พอจะเข้าใจแผนการของแกแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าแกทำยังไงถึงทำให้เจ้ายักษ์นี่สนใจแต่แกคนเดียวได้โดยที่มันไม่วิ่งไปหาคนอื่นซะก่อน”
       มนุษย์ต่างดาวถามขณะเดียวกันก็วิ่งหนีสัตว์เทวะจ่าฝูงไปด้วย
       “เชิญสงสัยไปจนตายเหอะไอ้เอเลี่ยน”
       อิงศรตอบน้ำเสียงประชดประชันแล้วเพิ่มความเร็วในการวิ่งขึ้นไปอีกหลังจากที่วิ่งล่อแบบปกติมาตลอดเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปวิ่งซิกแซกเพื่อล่อให้สัตว์เทวะวิ่งชนแนวบ้านทาวน์เฮ้าส์โดยรอบจนพังถล่มลงมาซากของบ้านเรือนกลายเป็นสิ่งกีดขวางทำให้เหลือพื้นที่หลบหลีกเหลือน้อยลงจากนั้นจึงวิ่งอ้อมไปดักมนุษย์ต่างดาวที่ถูกซากสิ่งกีดขวางล้อมปิดเส้นทางเดินจนกลายเป็นช่องแคบๆ แล้วตั้งคันศรขึ้นประทับเล็งไปยังมนุษย์ต่างดาว ส่วนทางด้านหลังของหล่อนนั้นก็ถูกปิดทางหนีโดยสัตว์เทวะจ่าฝูงที่อ้าปากรอแล้วตะบันวิ่งเขมือบทุกอย่างที่ขวางหน้าไว้แล้ว
       “ความเร็วขนาดนั้น! นี่แกไปเอาพลังมาจากไหนกัน!”
       มนุษย์ต่างดาวตกใจกับความเร็วของเขา
       “ก็เพราะเลิกออมแรงแล้วยังไงล่ะ เอ้าทีนี้ก็เลือกซะว่าจะดับสิ้นไปด้วยลูกศรของชั้นหรือจะให้เจ้าสัตว์ประหลาดนั้นกินเป็นของหวานปิดโต๊ะล่ะไอ้เอเลี่ยน”
       อิงศรย้อนคำพูดที่หล่อนเคยพูดกลับคืนไปบ้าง
       “หนอยอวดดีนักนะชาวโลก”
       หล่อนสบถแต่ใบหน้ากลับผุดยิ้มขึ้นเล็กน้อย ในตอนนั้นเองอิงศรรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล… 
       สังหรณ์ของเขานั้นถูกต้อง ร่างมนุษย์ต่างดาวเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา
       “นี่มัน!”
       เด็กหนุ่มลดคันศรลงแล้วเตรียมจะหลบแต่มันสายเกินไปท้องของเขาถูกฟันขาดไปแล้ว
 
อิงศร Lv. 42
[//....500:2990.....]
 
       เลือดสีแดงก่ำพุ่งกระฉูดใส่ร่างของมนุษย์ต่างดาวที่มาโผล่อยู่ข้างหลังตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
       “คิดว่าแกเป็นคนเดียวที่ออมแรงไว้หรือไง”
       แล้วถีบเด็กหนุ่มจนร่างลอยละลิ่วไป
       “อั่ก”
       อิงศรหล่นลงหลังกระแทกพื้นและสัตว์เทวะจ่าฝูงอยู่ห่างจากเข้าไปแค่สองเมตรกว่าๆ
       “เดี๋ยวฉันจะรอดูมันเขมือบแกก่อนเสร็จแล้วค่อยตามไปเก็บพวกที่หนีไปได้ถ้าเอาเรื่องที่แกประมาทจนถูกกินไปเล่าให้ฟังพวกมันจะต้องขวัญหนีดีฝ่อกันแหงๆ”
       มนุษย์ต่างดาวพูดด้วยน้ำเสียงลิงโลดราวกับเป็นผู้ชนะ...ก็คงจะอย่างนั้นเด็กหนุ่มถูกโจมตีจนบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถลุกหนีได้ทันก่อนจะโดนสัตว์เทวะจ่าฝูงเขมือบแน่นอนชัยชนะตกเป็นของหล่อน....
       “เลือกได้แจ๋วนี่ไอ้เอเลี่ยนไม่รู้เลยนะว่าแกมีรสนิยมชมชอบการถูกจระเข้เขมือบมาก่อนน่ะ”
       อิงศรพูดอย่างอวดดีทั้งที่ยังนอนแอ้งแม้งอยู่แบบนั้นแล้วสัตว์เทวะจ่าฝูงที่ควรจะเขมือบเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าก็เดินข้ามเขาไปโดยไม่เหลียวแลเลยแม้แต่น้อยกลับกันมันพุ่งความสนใจไปที่มนุษย์ต่างดาวแทน
       “อะไรกัน”
       มนุษย์ต่างดาวหน้าถอดสีในทันที
       “ไหนๆ แกก็จะตายแล้วงั้นจะบอกให้เจ็บใจเล่นก็แล้วกันตอนที่ชั้นถามแกว่าจะเลือกอย่างไหนน่ะชั้นไม่ได้ให้ตัวเลือกเป็นอื่นนอกจากสู้กับไอ้เข้นั่นตัวต่อตัวอยู่แล้วรู้ไว้ซะด้วยล่ะ เดิมทีเจ้านี่ก็ไม่ใช่สัตว์เทวะที่สู้ตัวต่อตัวแล้วจะเอาชนะได้อยู่แล้วถ้างั้นทำไมชั้นจะต้องไปเสี่ยงสู้กับแกตรงๆ ด้วยเล่าแค่หาทางทำให้มันเปลี่ยนไปเล่นงานแกซะก็สิ้นเรื่อง”
       “แต่ว่า..”
       มนุษย์ต่างดาวไม่ทันจะพูดแก้ต่างอิงศรก็ชิงตอบเสียก่อน
       “แต่ว่าสัตว์เทวะไม่โจมตีใส่มนุษย์ต่างดาว..ยกเว้นเจ้าตัวนี้ไว้กรณีหนึ่งก็แล้วกันเจ้านี่มันตาบอดเลยใช้การดมกลิ่นเพื่อล่าเหยื่อแทนส่วนตัวชั้นตอนนี้ก็ใช้สกิล ‘แกล้งตาย’ ที่เมื่อค่าชีวิตเหลือหนึ่งในสี่ลงไปจะทำงานทำให้สัตว์เทวะมองเห็นว่าชั้นน่ะตายไปแล้วไงล่ะ ส่วนแกที่เนื้อตัวมีแต่เลือดของชั้นอยู่ก็จะตกเป็นเป้าแทน”
       “อย่าได้ใจไปนักชาวโลกกะอีแค่สัตว์เลื้อยคลานเชื่องช้าตัวเดียวมันไม่…”
       มนุษย์ต่างดาวพูดแบบนั้นก่อนจะชะงักไปคงเพราะรู้ตัวแล้วว่าอิงศรทำอะไรบางอย่างไว้กับพื้นที่กำลังยืนอยู่
       “นี่มันอะไรกันเนี่ย!”
       มีรากไม้งอกทะลุพื้นซีเมนท์ขึ้นมารากพวกนั้นรัดพันตั้งแต่ช่วงต้นขาของมนุษย์ต่างดาวลงไปจนไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้
       “พวกลูกน้องแกน่ะใช้แค่กับดักสตันท์ช็อตด้วยไฟฟ้าให้ติดอัมพาตได้อยู่หรอก….แต่กับแกที่โชว์คลายสกิลผนึกของนรินทร์ให้ดูไปหนหนึ่งแล้วก็เลยต้องเปลี่ยนมาใช้วิธีนี้แทน”
       “อ่านออกว่านั่นเป็นสกิลงั้นรึ”
       “ดูไม่ออกก็โง่แล้ว”
       อิงศรสวนกลับไปเช่นนั้นแต่ในความเป็นจริงเขารู้อยู่ก่อนตั้งแรกที่ตรวจสอบสายอาชีพของมนุษย์ต่างดาวตนนี้ไปแล้ว เด็กหนุ่มนึกถึงใบหน้าของครอบครัวหลังโลกล่มสลายที่ต้องสูญเสียไปเมื่อสี่ปีก่อนใบหน้าของฟู เด็กหนุ่มที่มีสายอาชีพ ‘Closer’ หรือผู้ชำนาญการรุกประชิดนั้นมีสกิลพิเศษที่เรียนได้แค่สายอาชีพนี้เป็นสกิลที่สามารถยกเลิกผลของสภาวะผิดปกติจำพวกผนึกการเคลื่อนไหวต่างๆ ซึ่งรวมถึงสภาวะอัมพาตจากกับดักระเบิดสตันท์ที่เขาใช้กับพวกชั้นศิษย์ด้วยแต่พวกนั้นไม่สามารถคิดด้วยตัวเองได้ก็คงไม่ทันฉุกคิดใช้สกิลที่ว่าแก้ทางกับดักของเขา
       “ที่แกโดนไปคือกลาสแทรป (Grass Trap) ถ้าไปเหยียบโดนจะถูกมันจะตรึงขาเอาไว้สิบวินาทีไม่ได้สร้างเป็นสภาวะผิดปกติดังนั้นสกิลของแกก็ใช้แก้ไม่ได้ล่ะนะ”
       ระหว่างที่พูดอยู่นั้นสัตว์เทวะจ่าฝูงก็เคลื่อนตัวเข้าไปเกือบจะถึงตัวมนุษย์ต่างดาวแล้ว มันอ้าปากขึ้นเตรียมจะกลืนเหยื่อที่ขยับหนีไม่ได้ลงไปในทีเดียวและจากการตรวจสอบความสามารถสัตว์เทวะจ่าฝูงตัวนี้มีสกิล ‘Gluttony Eating’ เป็นสกิลที่จะสังหารเป้าหมายทันทีที่ถูกกลืนลงไปไม่ว่าจะเหลือค่าพลังชีวิตก่อนถูกกลืนอยู่มากน้อยแค่ไหนก็ตามดังนั้น…
       “เกมโอเวอร์แล้วล่ะไอ้มนุษย์ต่างดาว”
       อิงศรพูดแล้วมองดูวาระสุดท้ายของมนุษย์ต่างดาวจากมุมมองตะแคงเพราะว่าตัวเขานอนอยู่บนพื้น
       แต่ทว่า…
       “เดดลี่บลัดเดธ!!”
       มนุษย์ต่างดาวตะโกนแล้วร่างของสัตว์เทวะก็ขาดเป็นสองส่วนในพริบตา
 
       ย้อนกลับไปราวห้านาทีก่อน บริเวณทางเดินตัดป่าละเมาะ พวกนักเรียนที่หนีรอดมาได้ด้วยม่านควันของอิงศรกำลังวิ่งย้อนกลับไปตามเส้นทางเดิมที่ใช้เดินมาจากค่าย
       นรินทร์ซึ่งเป็นคนบอกให้หนีมาตามที่อิงศรบอกคอยคุมแถวจากทางด้านหลังโดยมี กวินทร์วิ่งอยู่ข้างๆ
       “พ…พี่นรินทร์”
       กวินทร์ถามโดยที่ไม่หยุดวิ่ง
       “ว่าไง?”
       “ผมไม่เห็นพี่ศรเลย”
       “อิงศรจะตามมาทีหลัง”
       นรินทร์ตอบตามที่รู้มาจากอิงศรแต่เด็กหนุ่มก็เริ่มรู้สึกระแคะระคายกับคำพูดนั้นขึ้นมา
       “แต่ว่านี่เราก็มากันตั้งไกลแล้วนะครับยังไม่เห็นเงาพี่เค้าเลยนะ”
       คำพูดของกวินทร์มีน้ำหนักพอจะให้ลองคิดทบทวนสถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่นี้
       “อิงศรบอกว่าจะใช้เดม่อนแอพหนีตามมาทีหลัง เดม่อนแอพของเค้าเป็นแบบหลบหนีใช่ไหม”
       แต่กวินทร์เบ้ปาก
       “ไม่ใช่ซักหน่อยตอนที่พี่ศรเอาให้ดูมันเป็นแบบล่อเป้ามากกว่านะปีศาจของพี่ศรคือโทรลนะครับ”
       เพียงแค่นั้นนรินทร์ก็เดาได้ทันที การที่พวกตนหนีมาโดยไม่มีใครไล่ตามมาเลยถึงอิงศรจะดึงความสนใจพวกมนุษย์ต่างดาวได้แต่อย่างน้อยที่สุดสัตว์เทวะนั่นก็น่าไล่หลังพวกเขามาแต่ก็ไม่เป็นแบบนั้น เมื่อรวมเข้ากับข้อมูลเรื่องปีศาจที่อิงศรครอบครองเป็นแบบที่มีพลังในการดึงความสนใจจากเป้าหมายอย่างที่กวินทร์ว่าไว้ละก็ต่อให้โง่แค่ไหนก็รู้ได้ว่าอิงศรโกหกเพื่อให้พวกเขาหนีรอดมา
       “หรือว่าพี่ศรตั้งใจโกหกเพื่อให้พวกเราหนีมา…”
       กวินทร์พูดข้อสรุปที่ไม่ว่าใครก็รู้หากมีข้อมูลครบทั้งหมด เด็กหนุ่มตั้งท่าจะวกกลับไปทันที
       “เดี๋ยวจะไปไหนน่ะ”
       นรินทร์พูดพร้อมกับคว้าแขนของกวินทร์ไว้
       “กลับไปช่วยพี่ศรไง”
       “พูดอะไรอย่างนั่นเล่าไปตอนนี้ก็ไม่ทันหรอกป่านนี้แล้วพวกมันคงกำลังไล่ตามเรามากันแล้วล่ะตัดใจซะเถอะไม่อย่างนั้นเธอจะนำอันตรายมาให้พวกเรานะแล้วแบบนั้นที่อิงศรยอมเสียสละก็จะสูญเปล่า…”
       “อย่ามาพูดบ้าๆ นะ! ถ้าเพื่อนแค่คนเดียวยังช่วยไม่ได้แล้วจะมาเข้ากิลด์ขับไล่ผู้รุกรานไปทำซากอะไรเล่า”
       กวินทร์ตะหวาดใส่คำพูดเตือนสตินั่นแล้วกระชากแขนจนหลุดจากมือของนรินทร์ได้จากนั้นก็ออกวิ่งไปทันที
       “ปัดโธ่! ทุกคนมาช่วยกันหน่อยใครก็ได้ช่วยหยุดกวินทร์ที!”
       นรินทร์ตะโกนแต่กลับมีเสียงโห่ร้องไชโยดังมาจากทางด้านหลังแทนและกวินทร์ก็วิ่งไปไกลแล้ว 
       ดังนั้นเขาจึงหันกลับไปยังทิศที่เสียงโห่ดังมา
       “นี่มัน!”
       ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างราวกับเห็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ
 
       กลับมาที่อิงศร ช่วงเวลาก่อนที่สัตว์เทวะกำลังจะกลืนมนุษย์ต่างดาวอยู่นั่นเอง
       “เดดลี่บลัดเดธ! (Deadly Blood Death)”
       เสียงตะโกนดังขึ้นแล้วร่างของสัตว์เทวะก็ขาดเป็นสองซีกแถบแสดงพลังชีวิตของมันกลายเป็นว่างเปล่าในทันที
 
Heraldic Beast Deity: Leviathan Guardian Sebek Lv.35
[.......0:25000.....]
 
       อิงศรมองผ่านช่องที่เกิดขึ้นจากรอยแยกระหว่างซีกร่างของสัตว์เทวะและเห็นว่ามนุษย์ต่างดาวนั้นมีเลือดไหลทะลักออกจากดวงตา จากรูจมูก และจากรูหูและดูเหมือนว่าจะมีไหลออกที่อื่นอีกเพราะอย่างนั้นชุดเครื่องแบบของหล่อนถึงได้ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำเลือด แถบพลังชีวิตของเธอลดลงไปอย่างมากดังนั้นนั่นน่าจะเป็นเลือดของเธอเองไม่ผิดแน่
 
Nobelium Lv. 95
[///…5030:14030.....]
 
       เป็นไปได้ว่าเสียงตะโกนเมื่อกี้คือการใช้สกิลที่สร้างความเสียหายรุนแรงขนาดสังหารสัตว์เทวะจ่าฝูงที่มีพลังชีวิตเต็มเม็ดเต็มหน่วยได้ในทีเดียวโดยแลกกับพลังชีวิตของผู้ใช้ เป็นสกิลที่เขาไม่เคยรู้จักหรือเห็นมาก่อนคงเพราะมันเป็นสกิลที่จะเรียนรู้ได้ก็ต่อเมื่อมีเลเวลที่สูงพอประมาณ
       มนุษย์ต่างดาวยังค้างอยู่ในท่างัดง้าวขึ้นชี้ฟ้า
       จากนั้นเธอก็ลดมือลงวางปลายง้าวลงกับพื้นแล้วใช้มันแทนไม้ค้ำยันร่างกายที่เซจนเกือบจะล้มเอาไว้
       “ไม่นึกเลย..ว่าจะต้องเอาท่านี้มาใช้เพราะถูกชาวโลกงี่เง่าไล่ต้อนเนี่ยนะ”
       มนุษย์ต่างดาวสบถไปพลางสำลักไอเสียงดังค่อกแค่กไปด้วย
       “…”
       เด็กหนุ่มสีหน้าซีดเผือดเขากัดฟันด้วยความเจ็บใจ แผนการล้มเหลวเสียแล้วด้วยปัจจัยที่คาดไม่ถึงมนุษย์ต่างดาวยังมีพลังแฝงเหลืออยู่อีกและตอนนี้แผนสำรองก็ถูกใช้ไปหมดแล้วด้วย
       “ลงท้ายก็เป็นได้แค่ฮีโร่เองเรอะ…แค่ก”
       อิงศรกระอักเป็นเลือดถึงเวลาจะผ่านไปนานแล้วแต่พลังชีวิตของเขาก็ไม่ฟื้นฟูขึ้นแต่อย่างใดเป็นผลมาจากสกิล ‘แกล้งตาย’ ที่ใช้ไปถึงตอนนี้จะยกเลิกสกิลไปแล้วเพราะสัตว์เทวะก็ถูกจัดการไปเรียบร้อยแต่พลังชีวิตก็ยังไม่สามารถจะฟื้นฟูได้เร็วขนาดนั้น ต่อให้ใช้ยาสมานแผลที่มีอยู่แต่ผลฟื้นพลังของยาก็ยังต้องใช้เวลาในการออกฤทธิ์กว่าจะฟื้นฟูถึงจุดที่กลับมาต่อสู้ไหวป่านนั้นคงถูกฆ่าตายไปก่อน
       มนุษย์ต่างดาวใกล้เข้ามาเสียงก้าวเท้าเดินดังตึกๆ ราวกับเสียงนาฬิกาแห่งความตายที่นำพายมทูตมารอรับวิญญาณ
       มนุษย์ต่างดาวเงื้อทวนขึ้นแล้วพูดว่า
       “อยากจะพูดอะไรก่อนตายไหมชาวโลก”
       “…”
       “ไม่มีงั้นเรอะถ้างั้นฉันจะพูดเอง...เดี๋ยวพอฆ่าแกเสร็จจะตามไปคิดบัญชีกับพวกเพื่อนของแกจะให้พวกมันได้เห็นนรกยิ่งกว่าแกอีกเป็นร้อยเป็นพันเท่าเลยคอยดู…”
       ตอนนั้นเองก็มีเสียงตะโกนดังแทรกเข้ามา
 
       “สาปมันเลยแจ็คโอแลนเทิร์น!!”
       แล้วมนุษย์ต่างดาวก็ถูกคลื่นพลังรูปพระจันทร์เสี้ยวกระแทกจนผงะไปชั่วครู่
       ศีรษะของหล่อนกลายเป็นฟักทองที่แกะสลักเป็นรูปหน้าคน
       “อ...อะไรกันเนี่ย”
       หล่อนส่ายหัวไปมาพร้อมกับปล่อยทวนหลุดจากมือแล้วพยายามเอาหัวฟักทองออก
     อิงศรหันกลับไปเขาเห็นกวินทร์วิ่งกลับมาเพียงลำพังพร้อมกับถือดาบที่มีใบดาบกว้างสีน้ำเงินอมม่วงผูกด้ามจับด้วยเชือกสีขาวมัดปลายเป็นพู่ดาบเล่มเดียวกับที่ใช้ช่วยเด็กสาวที่ต่อมากลายเป็นมนุษย์ต่างดาวดาบที่มีปีศาจสถิตอยู่
       กวินทร์ไถลมือไปกับตัวดาบ
       “ฟรอสเบลด! (Frost Blade)”
       เกิดผลึกน้ำแข็งฉาบลงบนตัวดาบทำให้มันกลายเป็นดาบน้ำแข็งไปเป็นสกิลรูปแบบเดียวกับ ‘อิเล็กทริกส์เบลด’ และ ‘ไพโรเบลด’ ที่มิ่งขวัญใช้ กวินทร์เองก็มีสายอาชีพเดียวกันเป็น ‘Weapon Enchanter’
       เด็กหนุ่มวิ่งเข้ามาถึงระยะดาบที่จะฟันใส่มนุษย์ต่างดาวซึ่งยังคงง่วนกับการดึงหัวฟักทองออก
       กวินทร์เงื้อดาบขึ้นแล้วตะโกน
       “ฟรอสฟิวรี่!! (Frost Fury)”
       แล้วดาบก็ฟาดฟันใส่ร่างของมนุษย์ต่างดาวถึงสิบสองครั้งในหนึ่งวินาที อิงศรมองเห็นทันแค่ห้าครั้ง
       ดาบเฉือนเนื้อบนร่างของมนุษย์ต่างดาวแล้วตัวเลขความเสียหายสีขาวก็ปรากฏขึ้นแบบกระจายไปทุกทิศ
       102,115,145,103,100,112,120,110,117,111,121,140
       จากนั้นตัวเลขทั้งหมดก็ไหลไปรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
       1396...
       เป็นความเสียหายที่หนักหน่วงสำหรับค่าพลังชีวิตของมนุษย์ต่างดาวที่เหลืออยู่ในขณะนี้
 
Nobelium Lv. 95
[//.…3634:14030.....]
 
       “เสร็จกันเพราะใช้สกิลไปแล้วพลังปีศาจเลยลดลง”
       กวินทร์สบถออกมาอย่างนั้นดูเหมือนจะมีบางอย่างไม่เป็นไปตามที่คิด
       ขณะเดียวกันผลของเดม่อนแอพที่กวินทร์ใช้ก็หมดลงทำให้มนุษย์ต่างดาวหลุดจากสภาพหัวฟักทองไปด้วย
       “ทำแสบนักนะแก!”
       มนุษย์ต่างดาวคำรามและต่อยเข้าที่หน้าของกวินทร์จนล้มลงแล้วเตะซ้ำเข้าที่ท้องอีกทีจนร่างลอยกระเด็นมาทับอิงศร
       “อั่ก”
       อิงศรกระอักแต่ความเสียหายเพียงแค่นี้ไม่สามารถสะกิดแถบพลังชีวิตของเขาให้ลดลงได้ แต่กวินทร์ที่ถูกซ้อมด้วยมือเปล่านั้นกลับ
 
กวินทร์ Lv. 40
[/////1720:3502//...]
 
       อาการสาหัสไม่แพ้กันเด็กหนุ่มปากแตกและมีเลือดไหลซึมออกมาสองมือกุมหน้าท้องที่ยังเจ็บปวดเพราะถูกเตะด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล เจ้าเอเลี่ยนยังมีพลังเหลืออยู่ขนาดนั้นทั้งที่ร่อแร่เต็มทีแต่ความห่างชั้นด้านพลังกลับแทบไม่ต่างไปจากเดิม
       “เฮ้ยทำใจดีๆ ไว้นะ”
       อิงศรพยายามเรียกให้กวินทร์ฟื้นจากอาการกึ่งสลบ
       เด็กหนุ่มยันร่างกายท่อนบนขึ้นพลางส่ายหัวไปมาเพื่อไล่ความมึนงงแต่ก็ทรุดตัวล้มลงอีก
       “แค่ก”
       และสำรอกน้ำลายออกมากองใหญ่
       “นี่แกจะกลับมาทำซากอะไรอีกเนี่ยทำไมถึงไม่รีบหนีไปเล่า”
       “ให้ทิ้งเพื่อนแล้วหนีไปน่ะผมไม่ทำหรอก”
       กวินทร์พูดแล้วใช้หลังมือปาดคราบน้ำลายผสมเลือดที่ติดอยู่ทิ้งไปและเก็บดาบขึ้นมา
       เด็กหนุ่มปักดาบลงบนพื้นใช้มันค้ำยันร่างกายเพื่อลุกขึ้นยืนแต่ก็ยังเซไปเซมา
       “อึก…ผมน่ะจะไม่ทอดทิ้งให้ใครตาย...แล้วตัวเองยังอยู่รอดอีกเป็นครั้งที่สองแล้ว”
       แล้วพูดออกมาอย่างนั้นพลางยืนขึ้นประจันหน้ากับมนุษย์ต่างดาว แม้จะเสียเปรียบแต่ก็ไม่มีความเกรงกลัวแสดงออกมา
       กวินทร์ที่เป็นแบบนั้น….
       ช่างเจิดจรัส...
       จากร่างบอบบางที่แค่ยืนก็จะไม่ไหวแล้วนั้นแต่กลับมองเห็นได้ถึงความสง่างามที่ชวนให้หัวใจรู้สึกเหมือนถูกบีบคั้นอย่างหนัก
       ก็ไม่รู้ว่าทำไมกวินทร์ถึงพูดออกมาอย่างนั้นแต่เดาได้ว่าคงมีความหลังไม่ต่างอะไรกับเขา
       ในโลกที่ล่มสลายไปแล้วแบบนี้จะมีคนที่ทิ้งคนอื่นแล้วหนีเอาตัวรอดมาก็ไม่แปลกอะไร
       แต่คนเหล่านั้นก็ยังสู้อยู่จนถึงบัดนี้ ต่อสู้เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดและขวนขวายหาพลังเพื่อปกป้องคนอื่น
       นั่นคือสิ่งที่อิงศรเห็นและเรียนรู้จากการอยู่ในองค์กรมาตลอดสามปีจนถึงวันนี้เขาถึงพึ่งเข้าใจว่า...
       ทำไมถึงรู้สึกเจ็บปวด?
       ทำไมถึงรู้สึกว่างเปล่า?
       ใช่แล้ว…
       นั่นก็เพราะเขาอยากที่จะก้าวต่อไปให้เหมือนกับที่กวินทร์กำลังทำอยู่ตอนนี้แต่กลับหันหน้าหนีเพราะกลัวว่าอดีตจะซ้ำรอยอีกครั้ง กลัวว่าตัวเองจะมีพลังไม่พอจนต้องลากคนอื่นมาพัวพันด้วยอีกครั้งการที่คิดแผนต่อสู้เพียงลำพังขึ้นมาก็เป็นผลสะท้อนจากจิตใจที่ปิดกั้นนั่นเอง
       แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามามัวห่วงเรื่องก้าวต่อไปหรือไม่ หากไม่หาทางทำอะไรเข้าซักอย่างชีวิตที่จะให้ก้าวต่อไปจะไม่มีเหลืออยู่อีก
       จู่ๆ หน้าจอติดต่อก็เด้งขึ้นมาเป็นสายฉุกเฉินที่จะส่งข้อความเข้าหัวผ่านทางโทรจิตโดยทันทีเพราะเป็นการติดต่อพิเศษที่ใช้ได้กรณีที่ตั้งค่ากับเพื่อนทั้งสองฝ่ายเป็นแบบ ’ยินยอมรับข้อความฉุกเฉิน’
       “พวกนายสองคนรีบหมอบลงซะ!”
       น้ำเสียงนั้นฟังดูคุ้นหูเป็นอย่างมากอิงศรเชื่อคำพูดนั้นสนิทใจแล้วใส่แรงที่มีอยู่ทั้งหมดกระโจนตัวไปตะครุบกวินทร์ให้ล้มลงหมอบ ทันใดนั้นเองก็มีกระสุนปืนแล่นข้ามหัวทั้งคู่ไป
       กระสุนฝังลงในร่างของมนุษย์ต่างดาวจากนั้นก็ระเบิดออก
 
Nobelium Lv. 95
[...…0:14030.....]
 
       “เอื้อ…”
       ร่างของมนุษย์ต่างดาวกลายเป็นรูโหว่และล้มลงแม้ว่าแถบพลังชีวิตที่แสดงจะกลายเป็นศูนย์ไปแล้วแต่มันก็ยังเหลือลมหายใจพอที่จะพูดคำพูดสุดท้ายออกมา
       “อาวุธติดตั้งปีศาจ...งั้นเรอะ..”
       คำพูดนั้นจบลงพร้อมกับลมหายใจสุดท้ายจากนั้นร่างเนื้อของมนุษย์ต่างดาวก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
       ผิวหนังของมันเริ่มเปื่อยยุ่ยและทยอยหลุดลอกออกเป็นแผ่นๆ แล้วละลายกลายเป็นของเหลวรวมไปถึงกระดูกและอวัยวะภายในทั้งหมดของมันก็ละลายด้วยเช่นกัน จนกระทั่งทั้งหมดละลายกลายเป็นของเหลวสีเงินคล้ายกับโลหะเหลือไว้เพียงเสื้อผ้าเท่านั้นที่ไม่ได้ถูกเปลี่ยนเป็นของเหลว
นั่นคือรูปแบบการตายของมนุษย์ต่างดาว....
 
       ผู้ที่ยิงนัดปลิดชีพมนุษย์ต่างดาวไปคือผู้คุมสอบที่สนามสอบยิงเป้าเมื่อเช้า
       ชายหนุ่มมองอิงศรที่บาดเจ็บหนักพลางถอนหายใจ
       “ลุยคนเดียวอีกแล้วเรอะ? ชอบทำให้ยุ่งยากอยู่เรื่อยเลยน้า~เคยคิดบ้างมั้ยว่าถ้าตัวเองตายไปชั้นจะโดนเจ้าสิงห์ว้ากจนหูชาขนาดไหนน่ะ”
       แล้วพูดด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย
       ชายหนุ่มผิวคล้ำเล็กน้อยผมหยิกหยักศกย้อมสีทองยังคงค้างอยู่ในท่าเล็งปืนพกด้วยมือขวาส่วนมือซ้ายก็ถือไว้อีกกระบอกแต่ไม่ได้ใช้มันในการโจมตีเมื่อครู่
       เบื้องหลังผู้คุมสอบยังมีนายทหารคนอื่นตามมาด้วยเป็นหน่วยเดียวกับผู้คุมสอบหรือที่เรียกกันว่ากิลด์ขับไล่ผู้รุกราน 'กิลด์เซเวีย' 
       ทุกคนใส่ชุดเครื่องแบบทหารสีเขียวหญ้าเหมือนๆ กันหมด
       “ครูฝึกข้าวหลาม! มาได้ยังไงครับเนี่ย!”
       กวินทร์ตะโกนเหมือนกระต่ายตื่นตูม
       “ก็ได้รับแชทขอความช่วยเหลือจากเจ้าศรน่ะซี่เลยโดนเจ้าสิงห์มันเฉดหัวใช้ให้มาช่วย แต่ก็หายากนะที่นายจะขอให้พวกชั้นช่วยเนี่ย”
       ผู้คุมสอบกล่าว แชทขอความช่วยเหลือที่ว่าคือการติดต่อขอความช่วยเหลือไปที่สิงห์โดยตรงเพราะแบบนั้นความช่วยเหลือถึงมาได้โดยทันที จะบอกว่าเป็นอภิสิทธิ์พิเศษที่มีแต่เขาที่ทำได้เพราะมีพลเอกของค่ายอยู่ในรายการเพื่อนดี หรือ ว่าเป็นโชคช่วยที่ดันเป็น ‘ตัวตนที่ต้องจับตามอง’ เลยได้รับอภินันทนาการเช่นนี้
       โดยปกติแล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันด้วยวิธีนี้เท่าไหร่นักเพราะอย่างนั้นข้อความที่ส่งไปจึงได้รับความสนใจในทันที มันคงเป็นอย่างนั้น
       “…”
       อิงศรเมินคำพูดของผู้คมสอบแล้วยันร่างกายท่อนบนขึ้นมาอยู่ในท่านั่งบาดแผลที่ท้องยังไม่สมานตัวดีจึงยังมีเลือดไหลซึมออกมาเด็กหนุ่มใช้มือขวากดมันไว้
       “เอ้าๆ บาดแผลยังไม่สมานตัวเลยขยับตัวแบบนั้นเดี๋ยวก็แผลฉีกเอาหรอก”
       ผู้คุมสอบข้าวหลามลดปืนลงแล้วหันไปทางด้านหลังและส่งเสียงเรียกใครบางคน
       “เฮ้! นายเป็นฮอสปิทัลเลอร์นี่ ไปช่วยรักษาเจ้าศรมันที”
       คนที่ถูกเรียกมาคือนรินทร์ หลังจากพานักเรียนในห้องหนีไปจนถึงกลางทางแล้วพวกเขาก็ได้กลุ่มของผู้คุมสอบที่มาช่วยเหลือรับช่วงต่อไปจากนั้นจึงรีบตามกวินทร์ที่นำไปก่อนแล้วกลับมาช่วยอิงศรอีกที
       นรินทร์ย่อตัวลงนั่งยองข้างๆ อิงศรแล้วทำการตรวจสอบบาดแผล
       “อุก...”
       จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บแผลขึ้นมาภาพตรงหน้าก็พลอยเบลอไปด้วยอาการคลื่นเหียนเข้าจู่โจมอย่างเฉียบพลันจนรู้สึกหัวหมุนติ้วไปหมดเป็นผลมาจากการเสียเลือดมากเกินไป ที่พึ่งจะมารู้สึกเอาตอนนี้เพราะอะดรีนาลีนที่ร่างกายหลั่งออกมาระหว่างต่อสู้หยุดการหลั่งแล้วสมรรถภาพร่างกายทั้งหมดจึงลดลงอย่างรวดเร็ว วินาทีนั้นเรี่ยวแรงทั้งร่างก็หมดลง
       นรินทร์และกวินทร์ตื่นตระหนก
       “อิงศร!/พี่ศร”
       และตะโกนเรียก แต่เสียงนั้นลอยห่างออกไป
       จากนั้นเขาก็หมดสติลงท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง
 
       เขาฝัน
     เป็นความฝันที่น่าประหลาด
       เขาฝันว่าตัวเองยืนอยู่ในที่โล่งกว้างและขาวโพลนราวกับกระดาษ
       และท่ามกลางสีขาวที่ไม่สิ้นสุดนั้น
       มิ่งขวัญ ฟู มิกซ์ พลอย เน็กส์ นิว และ สีดา
       เหล่าครอบครัวที่เขาสูญเสียไปเมื่อสามปีก่อนกำลังยืนอยู่ต่อหน้าทุกคนต่างส่งยิ้มให้
       แล้วมิ่งขวัญก็พูดขึ้นว่า
       “ค่อยยังชั่วหน่อยเนอะในที่สุดศรก็เลิกลังเลแล้วก้าวต่อไปได้ซักทีแถมยังได้เพื่อนใหม่แล้วด้วย”
       มิ่งขวัญดูสนุกสนาน
       “อะ…เดี๋ยวก่อนนี่มันหมายความว่ายังไง”
       เขาถามและยื่นมือออกไปคว้าตัวมิ่งขวัญแต่ทว่า
       “”อ๊ะมาทางนี้ไม่ได้นะ”
       มือของเขาทะลุผ่านมิ่งขวัญจากนั้นเขาก็เซถลาเพราะเสียหลัก
       แล้ววิ่งทะลุผ่านฟู...ผ่านมิกซ์...ผ่านตัวทุกคนไปจนกระทั่งล้มลง เขาไม่สามารถสัมผัสตัวใครได้เลย
       “ดูแลเพื่อนใหม่ให้ดีๆ ล่ะพวกขวัญไปก่อนนะ”
       จากนั้นมิ่งขวัญและทุกคนก็ห่างออกไป
       “เฮ้! เดี๋ยว...พูดอะไรของนายน่ะ เฮ้! ขวัญรอก่อนเซ่!!”
       เขาลุกขึ้นรู้สึกได้ว่าดวงตาชุ่มชื้นขึ้นมาแล้วก็มีบางอย่างไหลเอ่อล้นออกมาด้วย
       พอเริ่มวิ่งเพื่อจะไล่ตามถึงได้รู้ว่าสิ่งไหลออกมาจากดวงตาแล้วปลิวไปตามแรงวิ่งนั้นคือน้ำตา...
       เขาวิ่งสุดแรงที่มีแต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถวิ่งให้ทันพวกมิ่งขวัญที่กำลังห่างออกไปได้
       และแล้วพวกเขาก็หายลับไปท่ามกลางสีขาวอันไม่สิ้นสุด
       “นี่หยุดเถอะ เธอน่ะตามพวกเค้าไปไม่ได้หรอกนะ”
       มีเสียงดังมาจากทางด้านหลังแต่เขาก็ยังไม่หยุดวิ่ง
       ยังคงวิ่ง...วิ่งไล่ตามความว่างเปล่าในทิศทางเดียวกับที่พวกมิ่งขวัญหายไป
       โดยหวังว่าจะไล่ตามทันและหาเจอ
       ทันใดนั้นโลกสีขาวก็ถูกย้อมเป็นสีดำสนิทราวกับกำลังเดินอยู่ท่ามกลางรัตติกาล
       “กำลังรออยู่เลย...ผมน่ะรอเธอมาตลอดเลยนะ....”
       เสียงที่เรียกเขาเมื่อครู่เปล่งขึ้นมาอย่างชัดเจน
       เขาหันกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง
       “ในที่สุดก็ได้พบกันซะที...มนุษย์ผู้ถูกฟันเฟืองเลือก”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา