เกมวิวาห์เจ้าสาวมาเฟีย
เขียนโดย ศิริพารา
วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.33 น.
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559 11.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) เกมวิวาห์เจ้าสาวมาเฟีย ตอนที่ 1 100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเวนโตล่าแมนชั่นในเขตอัปเปอร์อีสต์ไซด์
ในตอนที่ตกลงใจซื้อตึกสูงห้าชั้นนี้จากเจ้าของเดิมสนนราคาอันมหาศาลนั้น ดอนดิโน่เพียงแค่อยากสัมผัสกับสีสันอันครึกครื้นตามวิถีชีวิตของคนในมหานครอันศิวิไลซ์ เปลี่ยนบรรยากาศจากคฤหาสน์อันเงียบสงบในซิซิลีเท่านั้น อัปเปอร์อีสต์ไซด์ถือเป็นย่านที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนซึ่งแต่งตัวราวกับหลุดออกมาจากแมกกาซีน กลางคืนจะคึกคักเต็มไปด้วยแสงสีเหมาะสมกับคำว่ามหานครที่ไม่มีวันหลับใหลยิ่งนัก
จากที่กำลังจิบไวน์ฟังเพลงอยู่หน้าร้านอาหารประจำตรงหัวมุมถนนแต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกชายเพียงคนเดียวทำลงไปแล้ว ตอนนี้ดิโน่กลับต้องมานั่งหน้าตึงอยู่บนโซฟาครึ่งวงกลมรอคอยด้วยความร้อนรนระคนหงุดหงิดใจ
เป็นพ่อเป็นลูกกันมาสามสิบห้าปีมีหรือที่จะไม่รู้ว่านิสัยลูกชายเป็นอย่างไร เขาอาจห้ามการสืบสาวให้ถึงต้นตอในการปองร้ายเมื่อบ่ายนี้ไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากให้คอนเนลิโอบ้าบิ่นขนาดเอาศพของหนึ่งในคนร้ายไปกองไว้ตรงหน้ากรมตำรวจนิวยอร์ก!
ไม่ใช่แค่ดอนดิโน่เท่านั้นที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกกับการกระทำของคอนเนลิโอ กระทั่งคู่แฝดคนสนิทยังได้แต่มองหน้ากัน เมื่อได้รับคำสั่งให้วางร่างไร้ลมหายใจนั้นหน้าสถานีตำรวจ
ทว่าคนที่ออกคำสั่งกลับมีสีหน้ารื่นรมย์ เดินเข้าไปในแมนชั่นด้วยท่าทางสบายใจแต่เมื่อก้าวเข้ามาด้านในแล้วได้เห็นสีหน้าบึ้งจัดของผู้เป็นพ่อ เขาก็ปั้นหน้าหน่ายใจตอบกลับ
“แกไม่ต้องมาทำหน้าเบื่อหน่ายฉันเลย” ดิโน่ตวาดเสียงดุและต้องโกรธมากกว่าเดิม เมื่อได้เห็นว่าคอนเนลิโอยิ้มราวกับทุกอย่างเป็นปกติ “ไม่ต้องมายิ้ม”
“อ้าว...” คนถูกดุครางยาวเพราะไม่รู้จะวางตัวอย่างไรถึงถูกใจผู้เป็นพ่อ
“ไม่ต้องมาทำหน้าตาย แก... แกมันบ้าไปแล้วใช่ไหม ถึงได้เอาศพใครก็ไม่รู้ไปทิ้งไว้หน้าสถานีตำรวจ”
“ก็มันเป็นหน้าที่ของตำรวจไง มีคนตาย ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ไม่ให้ตำรวจสืบแล้วจะให้ใครสืบ” คอนเนลิโอตอบกลับด้วยความจริงเป็นที่สุด แต่เขาไม่รู้หรอกว่าน้ำเสียงและท่าทางที่แสดงออกมานั้นยั่วโมโหคนเป็นพ่อมากสักแค่ไหน
“แล้วมันเรื่องอะไรต้องเอาตัวเองไปพัวพันกับคดีฆาตกรรมห่าเหวนี่ด้วย” ดิโน่ถามพร้อมตวัดสายตาตำหนิคู่แฝดคนสนิทซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล
“พัวพันที่ไหน... ผมยังไม่มีโอกาสได้ชักปืนออกจากบั้นเอวด้วยซ้ำ ไอ้ห้าคนที่ตามฆ่าพ่อก็ตายซะแล้ว” พูดพลางผายมือทั้งสองข้างออกแล้วไหวหัวไหล่รับ จากนั้นจึงทุบกำปั้นเข้ากับหน้าอกของตนสำทับคำพูด “นี่พลเมืองดี อุตส่าห์เอาศพไปประเคนให้ตำรวจถึงที่ ถ้าไม่เชื่อก็ไปเปิดกล้องวงจรปิดดู แถวนั้นมันมีเยอะแยะแหละ”
“แกจะโดนข้อหาเคลื่อนย้ายศพออกจากที่เกิดเหตุน่ะสิ”
เบ้ปากอย่างไม่แยแส “เรื่องเล็ก โยนให้ทนายจัดการไป”
“นีล... นีล ใครใช้ให้เดินหนีฉันแบบนี้” ไม่ว่าจะเรียกตามอีกสักกี่ครั้ง ลูกชายกลับไม่สนใจแต่ก้าวเดินเข้าไปด้านในอย่างมั่นคง เมื่อทำอะไรไม่ได้อีกทั้งความโมโหโกรธาที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลยจึงตวาดออกมาอย่างเหลืออด “นี่มันรู้ตัวบ้างไหมว่าเป็นลูกชายคนเดียวของฉัน”
คำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบนั้นทำให้คู่แฝดคนสนิทรีบเดินเลี่ยงเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นส่วนตัว รู้ดีว่าการวิวาทะของพ่อลูกคู่นี้เกิดขึ้นทุกครั้งที่เผชิญหน้ากันไม่ครบนาทีด้วยซ้ำ
แม้ระดับความดังของเสียงที่ดังไล่หลังมานั้นจะค่อยๆ ลดลงตามระยะห่างที่มาเฟียหนุ่มเดินออกมา แต่เขาก็ได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อทุกคำ ทั้งยังอดตอบโต้ในใจไม่ได้ว่า ก็เพราะสำนึกว่าเป็นลูกชายคนเดียวนี่ไงล่ะ ถึงได้อดทนอยู่อย่างนี้ คิดด้วยความเบื่อหน่ายกับภาระอันหนักหน่วงที่ต้องแบกรับเอาไว้ แม้ทุกวันเขาจะยืนหน้ากระจกเงาแล้วบอกกับตัวเองว่า...
‘โลกมีไว้เหยียบ ไม่ได้มีไว้แบก’
เพราะฉะนั้นเขาต้องใช้ชีวิตให้มันคุ้มค่า บ้าระห่ำตามที่ใจต้องการอย่างน้อยอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาตอนกำลังเผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ความตื่นเต้น ความระทึกใจเมื่อพุ่งถึงขีดสุดในช่วงเวลาอันสั้นนั้นก็ลดความเบื่อหน่ายในชีวิตลงไปได้บ้าง
ขนาดของแมนชั่นนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักเมื่อเทียบกับคฤหาสน์ในซิซิลี เขาจึงเดินผ่านชั้นสองซึ่งเป็นห้องรับแขกอย่างเป็นทางการและห้องนอนของผู้เป็นพ่อได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็ขึ้นมาถึงชั้นสามซึ่งเป็นอาณาบริเวณของเขาทั้งหมด
การตกแต่งภายในยังเป็นไปตามประสงค์ของผู้เป็นพ่อซึ่งได้รับอิทธิพลและคำแนะนำจากทีมอินทีเรีย เห็นจะมีแต่ห้องนอนส่วนตัวกระมังที่เขาได้มีโอกาสชี้นิ้วลงในแคตตาล็อกเลือกข้าวของเครื่องใช้ด้วยตัวเอง
แม้รู้ดีว่าเครื่องใช้ทุกอย่างราคาแพงแต่เขากลับไม่เคยใส่ใจ ก็ขนาดพยายามไม่สนใจในสิ่งที่ผู้เป็นพ่อทำหรือต้องการ ยังเกิดการโต้เถียงกันเกือบทุกครั้งไป แล้วถ้าเขาเกิดใส่ใจเรื่องเล็กน้อยๆ พวกนี้ขึ้นมาบ้าง คงได้ทะเลาะกันไม่มีวันจบสิ้น นี่ต่างหากคือเหตุผลอันแท้จริงที่ไม่เคยปริปากออกมาเลย
ในตอนนี้ เวลานี้มาเฟียหนุ่มยังรู้ดีว่าทุกย่างก้าวอยู่ในสายตาของผู้เป็นพ่อ!
ดิโน่เดินตามลูกชายขึ้นมาถึงชั้นสามอย่างเงียบๆ ในแต่ละย่างก้าวของคอนเนลิโอนั้นทำให้ไพล่นึกไปถึงครั้งอดีตจนลืมเรื่องที่กำลังทำให้ขุ่นข้องหมองใจไปชั่วขณะ
‘นีลเหมือนคุณแม้กระทั่งการเดิน ดูสิคะ... เวลาเดินเขาชอบเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วจัดการกับทุกอย่างที่ขวางหน้าด้วยเท้า ถ้าไม่มีอะไรที่สำคัญจริงๆ จะไม่ยอมเอามือออกจากกระเป๋าเลย’
คำพูดของใครบางคนดังขึ้นในโสตประสาท แต่ดิโน่ต้องหลุดออกจากห้วงความคิดนั้นเพราะปลายรองเท้าของลูกชายกระทบเข้ากับประตูห้องนอน มันเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงตนเองในวัยหนุ่มได้เป็นอย่างดี
ดิโน่สลัดความรู้สึกอ่อนไหว คลางแคลงใจต่อกันที่เกิดขึ้นตลอดเวลาออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อก้าวมายืนอยู่หน้าห้องนอนของลูกชาย “เมื่อไหร่จะเลิกเดินหนีฉันสักที”
“เมื่อตอนที่พ่อไม่มีแรงเดินตามผมล่ะมั้ง” เป็นปกติที่คอนเนลิโอไม่เคยเปลืองเวลากับการโต้ตอบผู้เป็นพ่อ
“เกลียดฉันนักก็เอาปืนมายิงให้ตายไปเลยสิ จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว”
“จบตรงผมถูกลากคอเข้าคุกน่ะสิ พ้นโทษออกมายังต้องถูกชาวโลกประณามว่าชั่วว่าเลว” ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วเดินตรงไปยังระเบียง ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้แล้วยกขาทั้งสองข้างขึ้นวางช่วงข้อเท้าพาดกับระเบียง ซิการ์กับไลต์เตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะถูกเจ้าตัวหยิบขึ้นมาใช้งานอย่างคล่องมือ “เอาเป็นว่าอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ล่ะ ดีที่สุดแล้ว”
ดิโน่หัวเราะพรืดกับคำประชดประชันของลูกชาย “หึ! ถ้าใจแกมันดีเหมือนคำพูดเมื่อไหร่แล้วค่อยมาว่ากันเถอะ”
มีหรือที่คอนเนลิโอจะสนใจกับคำตอบโต้นั้น เขายังนั่งกระดิกเท้า สูบซิการ์ แหงนหน้าพ่นควันกลางอากาศ สบายใจราวกับพระราชา หากความเงียบที่ได้รับนั้นคือสิ่งผิดปกติระหว่างพ่อลูก นั่นทำให้มาเฟียหนุ่มเหลือบสายตามองไปยังผู้เป็นพ่อ
ดิโน่หยิบกระดาษสามสี่แผ่นซึ่งวางอยู่บนโต๊ะโดยมีหน้ากากประดับเพชรวางอยู่ใกล้ๆ กัน ผู้สูงวัยไล่สายตาตามภาพและข้อสรุปบนเอกสารนั้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถเข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
“อาสะใภ้แกนี่ เกินจะบรรยายจริงๆ คงกลัวว่าเด มาร์คอส จะไม่มีทายาทสินะ ถึงได้ร้อนรนขนาดโยนผู้หญิงลงบนเตียงให้เซเลส” ดิโน่รู้แก่ใจเป็นอย่างดีเชียวล่ะ ว่าน้องสะใภ้ตัวแสบผู้ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับตนมาตลอดนั้นแผนการลึกล้ำสักแค่ไหน แต่ก็รู้อีกเช่นกันว่า เซเลสตร้านั้นก็ไม่ใช่คนว่าง่ายจนยอมเดินตามกรอบของผู้ใหญ่ที่กำหนดไว้เช่นกัน
ฮึ! ไม่มีใครรักและเป็นห่วงเขาจริงๆ สักคนหรอก กระทั่งพี่น้องอีกสองคนที่คลานตามกันออกมายังหนีหายไปเสียหมด ดิโน่อดคิดประชดตัวเองไม่ได้
แม่ของเซเลสตร้านั้นคือน้องสาวคนเล็กของดิโน่ แต่งงานและย้ายไปใช้ชีวิตกับครอบครัวของสามีในบัวโนส ไอเรส เธอและสามีประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกเสียชีวิตทั้งคู่ เซเลสตร้าคือทายาทเพียงคนเดียวจึงอยู่ในความดูแลของโลล่า
โลล่าเป็นพี่สาวพ่อของเซเลสตร้า มีศักดิ์เป็นป้าของเซเลสตร้าและได้สิทธิ์เลี้ยงดูอย่างชอบธรรมตามพินัยกรรม เรื่องนี้ทำให้ดิโน่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะเขาเองไม่มีสิทธิ์ในการเลี้ยงดูร่วมด้วยเลย ทั้งที่มีศักดิ์เป็นลุงเช่นกัน
ช่วงนั้นดิโน่จึงส่งน้องชายเป็นตัวแทนไปเจรจาของเลี้ยงดูเซเลสตร้าอยู่บ่อยครั้ง แต่เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อน้องชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ส่งข่าวว่าจะใช้ชีวิตคู่กับโลล่าที่บัวโนส ไอเรส มันน่าโมโหตรงที่ไม่สามารถเรียกร้องสิทธิ์การดูแลเซเลสตร้าแล้วยังตกหลุมพรางของสาวแก่โลล่า
ตกลงใจใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงเลยวัยเจริญพันธุ์แล้วสินะ ถึงไม่มีทายาทไว้สืบสกุลจนต้องทำทุกวิถีทาง กระทั่งหาผู้หญิงมาบำรุงบำเรอหลานถึงเตียงเช่นนี้
คอนเนลิโอลอบถอนหายใจ เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อเงียบไปครู่ใหญ่ “ไม่เอาน่า... นั่นมันเรื่องไร้สาระ พ่ออย่าไปสนใจนักเลย”
“ไร้สาระสำหรับคนอื่น แต่ยัยแม่มดนั่นกำลังคิดทำการหยามหน้าฉัน” ดิโน่ตอบแล้วโยนเอกสารในมือลงที่เดิมพร้อมก้าวไปยืนตรงหน้าลูกชายซึ่งนั่งทอดอารมณ์ โดยไม่มีทีท่าว่าจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนตนสักนิด “โลล่ากำลังหาทางเพิ่มประชากรของเด มาร์คอส ให้เกินหน้าเกินตาเวนโตล่าของเราน่ะสิ”
“ยังอุตส่าห์คิดได้”
คำเปรยที่หลุดออกจากปากลูกชายนั้นยิ่งสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้ดิโน่มากขึ้น “คอยดูสิ อีกไม่นานยัยแม่มดโลล่าต้องคอยหาผู้หญิงมาให้เซเลสอยู่เรื่อยๆ”
อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ นั่นคือสิ่งที่คอนเนลิโอคิดในใจ ...ก็เซเลสตร้าควานหาตัวนางฟ้าที่หล่นลงบนเตียงเป็นบ้าเป็นหลัง ขนาดออกปากขอความช่วยเหลือจากตน นั่นก็แสดงว่าติดอกติดใจนางฟ้าที่หายตัวเข้ากลีบเมฆเอามากๆ ถ้าหลุดปากเล่าให้ฟังว่าเซเลสตร้าแทบจะหมดอารมณ์พิศวาสต่อผู้หญิงทุกคน แม้กระทั่งเห็นอีหนูกำลังมอบความสุขให้ตน เซเลสตร้ายังรีบวิ่งออกไปอาเจียนแทบไม่ทัน
เช่นนั้นแล้วพ่อของตนต้องต่อสายตรงถึงเซเลสตร้าเป็นแน่ แต่เพียงแค่คิดในใจสายตาและสีหน้าของผู้เป็นพ่อที่กำลังจ้องมองตนนั้นก็ทำให้เรื่องที่คิดในใจ เปิดเผยออกมาโดยไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย
ดิโน่หัวเราะพรืดออกมาอย่างไม่อยากเชื่อว่าแผนการคร่ำครึของโลล่าจะได้ผลเช่นนี้ “นี่อย่าบอกนะว่าเซเลสติดใจผู้หญิงคนนั้นแล้ว”
“คิดมากอีกแล้ว”
“คิดน้อยได้ที่ไหน” ดิโน่สวนกลับทันควัน “ถ้าไม่หลงจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วจะให้แกช่วยควานหาตัวแบบนี้เรอะ?”
เยี่ยม! คอนเนลิโอชักเริ่มเห็นด้วยกับคำพูดของใครหลายคนที่บอกว่า... พ่อกับเขานั้นมีหลายอย่างที่เหมือนกัน
ดิโน่ส่ายหน้ากับเรื่องเหลือเชื่อที่เพิ่งรับรู้ “โธ่! ที่แท้ก็เล่นไม่ซื่อ ต่อหน้าก็วางตัวเป็นผู้ดี ประณามหยามเหยียดฉันว่าเห็นผู้หญิงเป็นแค่เครื่องมือระบายอารมณ์ แล้วตอนนี้เป็นยังไง”
คอนเนลิโอไหวไหล่ คิดหาคำตอบแก้ตัวแทนญาติผู้น้อง “เซเลสคงแค่หลงชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ใช่ว่าอึ๊บกันครั้งเดียวแล้วจะมีเด็กเลยสักหน่อย”
“ก็สวยใช้ได้” ดิโน่ตอบตามที่เห็นในรูปภาพ “แต่แค่สวยก็ไม่ได้หมายความว่ามีสายเลือดสูงส่งสักหน่อย”
ความจริงแล้วดิโน่ไม่เคยถือสาเรื่องปูมหลังของใครสักคนหรอก แต่สำหรับโลล่าซึ่งแสดงออกว่าเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วทั้งการกระทำและความคิด การเลือกผู้หญิงสักคนให้หลานชายจึงเป็นเรื่องสำคัญมากโข
“โลล่าน่าจะคัดเลือกมาแล้วมั้ง” ตอบอย่างเป็นกลางเพราะการเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของดอนดิโน่นั้น สอนมาเฟียหนุ่มให้รู้ว่า หากอยากจบหัวข้อสนทนาอันน่าอึดอัดใจลงจงอย่าคิดมีใจฝักใฝ่ฝ่ายตรงกันข้ามเด็ดขาด
ดิโน่เบ้ปาก ส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับคำตอบนั้น “ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะยอมทำแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะอยากได้เงิน”
“ดีออก สายเลือดของผู้หญิงหิวเงินจะทำให้เกิดความกระตือรือร้น ทะเยอทะยาน นับเป็นนิสัยดีๆ ที่ควรมีอยู่ในตัวผู้นำตระกูลใหญ่”
“ที่แกพูดก็ไม่ผิดหรอก แต่มันก็ไม่ได้ถูกไปเสียหมด” แม้จะตอบออกไปเช่นนั้นแต่ยังอดคิดไม่ได้ว่า แม่มดจอมแสบอย่างโลล่าต้องพ่นพิษบางอย่างใส่ตนในไม่ช้านี้
สีหน้าครุ่นคิดอย่างหนักนั้นทำให้คอนเนลิโอทรงตัวลุกขึ้นแล้วหยิบซิการ์จ่อตรงริมฝีปากของผู้เป็นพ่อ “คลายเครียดสักหน่อยไหม”
คนที่ตัดสินใจเลิกสูบซิการ์เด็ดขาดมามากกว่ายี่สิบปีแล้วเบือนหน้าหนีทั้งยังยกมือขึ้นปัดข้อมือของลูกชายออก ก่อนจะกระแทกเสียงตอบ “ไม่ จะอยู่นานๆ เพิ่มความเครียดให้แกไปอีกสักสามสิบปี”
คอนเนลิโอปั้นหน้าเมื่อยมองตามร่างของพ่อที่เดินออกไปจากห้องนอน จากนั้นจึงถอยกลับมาทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของโลล่า ผู้เป็นอาสะใภ้สักเท่าไหร่ แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวมากเกินกว่าที่ตนจะเข้าไปออกความคิดเห็นนัก
ทว่าสิ่งที่ยังค้างคาใจมาเฟียหนุ่มคงหนีไม่พ้นการฆ่าปิดปากชายห้าคนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้ ความจริงแล้วเขาไม่ได้วางสไนเปอร์อย่างที่ทุกคนเข้าใจแต่นั่นเป็นเพียงตัวช่วยเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ศัตรูไม่กล้าผลีผลาม เพราะการฆ่าปิดปากนั้นเตือนให้เขารู้ว่า...
ผู้บงการที่แท้จริงยังไม่อยากเปิดเผยโฉมหน้า นั่นผิดวิสัยของมาเฟียที่ใช้กำจัดศัตรูในโลกมืดยิ่งนัก ใช่ว่าศัตรูจะขี้ขลาด หวาดกลัวการโต้กลับจากตนแต่เพราะพวกมันถือไพ่แต้มเป็นต่อ สิ่งที่แน่ไปกว่านั้นคือทุกวินาทีในนิวยอร์กนี้ยังเต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน อีกทั้งยังไม่รู้ว่าพวกมันต้องการเอาชีวิตของผู้เป็นพ่อจริงๆ หรือเป็นเพราะสบโอกาสในตอนที่พ่อไม่มีผู้ติดตามเท่านั้น
หวังว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชันสูตรจนยืนยันอัตลักษณ์ของบุคคลได้แล้ว นั่นจะเป็นข้อมูลของชายทั้งห้าคนอย่างแท้จริง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ