เกมวิวาห์เจ้าสาวมาเฟีย
เขียนโดย ศิริพารา
วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.33 น.
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559 11.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เกมวิวาห์เจ้าสาวมาเฟีย ตอนที่ 1 50%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความลิตเติ้ลอิตาลี
ถิ่นของชาวอิตาลีซึ่งหาได้ทั้งข้าวของเครื่องใช้ อาหารคาวหวาน ร้านกาแฟที่จัดให้โต๊ะให้ลูกค้านั่งหน้าร้านในบรรยากาศสบายสไตล์อิตาลีนั้นมีอยู่เต็มสองฟากฝั่งของมัลเบอร์รีสตรีท ในยามดึกดื่นดูจะเป็นเรื่องอันตรายยิ่งนักหากเดินหลงเข้ามาในตรอกแคบๆ ซึ่งอยู่ห่างจากถนนใหญ่ไม่ถึงแปดร้อยเมตร
แน่นอนว่าแก๊งอันธพาลเล็กๆ ยังคงต้องพึ่งพาแก๊งมาเฟียใหญ่ซึ่งดูแลความเรียบร้อยในย่านลิตเติ้ลอิตาลี ไชน่าทาวน์และอีกหลายย่านในนิวยอร์ก
หลายปีที่ผ่านมานั้นดิโน่รับรู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวสามารถดูแลทุกอย่างของเวนโตล่าแทนตนได้อย่างสมบูรณ์ ดิโน่จึงถอยออกมาอยู่ในตำแหน่งผู้ให้คำปรึกษา (Consigliere) ดังนั้นเมื่อมีคนกล่าวถึง ‘ดอนเวนโตล่า’ จึงหมายถึงคอนเนลิโอ ซึ่งจะมีเพียงคู่แฝดคนสนิทและอีกไม่กี่คนที่รับคำสั่งจากเขาโดยตรงเท่านั้นที่ได้รับการยกเว้นให้เรียกเพียงสั้นๆ ว่า ‘ดอน’
หลังจากดิโน่กลับถึงแมนชั่นอย่างปลอดภัยและดูเหมือนว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลงเพียงแค่นั้น แต่ถ้าคนอย่างคอนเนลิโอปล่อยให้คนที่คิดเอาชีวิตผู้เป็นพ่อไปง่ายๆ โดยไม่สืบสาวถึงต้นตอแล้วล่ะก็ พวกมันคงต้องสิ้นลมหายใจไปแล้วเท่านั้นกระมัง
ตั้งแต่เล็กจนโตในโลกของคอนเนลิโอซึ่งถูกเลี้ยงดูมาแตกต่างจากเด็กทั่วไปยิ่งนัก เขาถูกปลูกฝังว่าให้ไว้ใจตัวเองมากที่สุดเพราะจิตใจของมนุษย์นั้นโลเล หากหวังความซื่อสัตย์ภักดีอันสูงส่งจากผู้คนรอบกายมากเท่าไหร่ ก็ควรต้องคิดหาวิธีการลงโทษคนทรยศเอาไว้ให้มากเท่านั้น
การจะปล่อยให้คนที่ปองร้ายถึงขั้นหมายเอาชีวิตใครสักคนในกลุ่มเวนโตล่าลอยนวลจึงเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น แม้มาเฟียหนุ่มจะรู้ดีว่าที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเวนโตล่าก็ตาม
...ใครเป็นผู้บงการ
...จุดประสงค์ของการกระทำนั้นเพื่ออะไร
นั่นเป็นเพียงเหตุผลสองข้อที่คอนเนลิโอไม่เคยละเลย มันคือข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่าเขาควรจะจัดการกับผู้บงการอย่างไร
ระหว่าง จบชีวิตของผู้บงการโดยไม่ต้องฟังคำอธิบายหรือทรมานให้มันตายอย่างเชื่องช้า!
คอนเนลิโอ เวนโตล่า จึงแยกแยะความเป็นจริงของโลกออกอย่างชัดเจน ถูกหรือผิด จริงและเท็จ ขาวกับดำเพียงเท่านั้นที่เขาทำความเข้าใจ ไม่เว้นแม้แต่คนที่ได้สิทธิ์เดินตามหลังเขาซึ่งต้องเข้าใจในตัวตน พร้อมเผชิญกับการใช้ชีวิตอันบ้าระห่ำ มีความบ้าบิ่นไม่ต่างจากเขาและข้อสำคัญคือมีความภักดีต่อเขาอย่างสูงที่สุด
มีคนหลายตระกูล หลายรุ่นที่เติบโตและดำเนินชีวิตใต้ปีกคุ้มครองของกลุ่มเวนโตล่า แม้จะมีที่มาแตกต่างกันแต่เมื่อเข้ามาเป็นสมาชิก ทุกคนจึงมีความภูมิใจกับคำว่า ‘เวนโตล่า’ กลุ่มมาเฟียอันทรงอิทธิพลที่สุดในซิซิลี
เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วที่กลุ่มชายฉกรรจ์ซึ่งหมายเอาชีวิตของดอนดิโน่อยู่ในระยะสายตาของเลโอและจอร์โจ้ คู่แฝดคนสนิทที่รับคำสั่งโดยตรงในทุกเรื่องจากคอนเนลิโอ
ชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนนี้ดูเหมือนว่าจะใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ในลิตเติ้ลอิตาลี นั่นบอกให้รู้ว่าละแวกนี้ต้องเป็นถิ่นของพวกมันอย่างแน่นอน เลโอและจอร์โจ้จึงต้องคอยจับตามองอยู่ห่างๆ และรอจนกระทั่งดึกดื่นให้ปลอดจากสายตาคนมากที่สุด
เสียงเครื่องยนต์คุ้นหูของเชลบี้ คอบร้าซึ่งเข้ามาจอดสนิทอยู่ด้านหลังนี้ทำให้คู่แฝดก้าวลงจากรถยนต์เพื่อไปสมทบกับดอนหนุ่ม
“พวกมันหายเข้าไปได้สักชั่วโมงแล้วครับ” เลโอรายงานพร้อมชี้นิ้วไปยังตึกสูงซึ่งมีตรอกแคบๆ ระหว่างสองตึก “ห้องริมสุดชั้นสองครับ”
คอนเนลิโอไม่ได้ตอบรับว่าอย่างไร แต่เขากำลังก้าวเดินอย่างมั่นคงไปยังจุดหมายที่คนสนิทได้ชี้พิกัด หากมองดูอย่างผิวเผินแล้วการจะจัดการกับชายทั้งห้าคนนี้ง่ายเสียกว่าพลิกฝ่ามือ พวกมันต้องการเอาชีวิตของดอนดิโน่ แต่เมื่อทำงานพลาดนั่นหมายความว่าพวกมันต้องเป็นฝ่ายสังเวยชีวิตเสียเอง
ระหว่างความเป็นและความตายของใครสักคนนั้น คอนเนลิโออาจจะแค่ชี้นิ้วบงการโดยไม่จำเป็นต้องเดินเข้ามาล่อเป้าด้วยตัวเองเช่นนี้ เพราะในโลกมืดตลอดชีวิตของดิโน่นั้นไม่รู้ว่าได้ล่วงเกินหรือสร้างความคับแค้นใจให้ใครบ้าง แต่เมื่อทุกคนในกลุ่มเวนโตล่าอยู่ในความคุ้มครองของเขา มันจึงจำเป็นที่คอนเนลิโอต้องรู้คำตอบด้วยตนเองว่า... พวกมันต้องการชีวิตของผู้เป็นพ่อไปทำไม
“พวกมันน่าจะมีแบ็กอัพใหญ่โตพอควรครับ” จอร์โจ้บอกในขณะที่เดินตามหลังมาเฟียหนุ่ม สายตามองไปรอบๆ บริเวณอย่างระแวดระวังภัย
“แหงสิ ถ้าไม่ใหญ่จริงพวกมันจะกล้าล่าคนกลางโรงพยาบาลได้ยังไง” คอนเนลิโอตอบพร้อมชะงักการก้าวเดิน เมื่อจู่ๆ ก็มีชายสองคนกระโดดลงมาจากบันไดของตึก อีกสามคนออกมาจากมุมมืดซึ่งดูเหมือนว่าทุกอย่างได้เตรียมการรอเอาไว้แล้ว
“เชาว์ ดอนเวนโตล่า (สวัสดี ดอนเวนโตล่า)”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่กล่าวทักทายตนนั้นเป็นชาวอิตาลีเช่นกัน คอนเนลิโอเดาว่าพวกมันทั้งห้าคนนี้คงเป็นห้าคนเดียวกับที่ตามล่าผู้เป็นพ่อเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา “จำได้ว่าฉันไม่เคยรู้จักแกมาก่อน แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกได้ว่า แกทำความรู้จักฉันมาเป็นอย่างดี”
“ฮ่า... เจอกันครั้งแรกก็สร้างความประทับใจให้ไม่น้อยเลยนะ ดอนเวนโตล่า” ในเสียงหัวเราะของจิอานนี่นั้นแสดงความเย้ยหยันออกมาจนฝ่ายตรงข้ามรับรู้ได้เป็นอย่างดี
“ก็... น่าดูชมพอควร” ลากเสียงตอบพร้อมสอดมือเข้าไปล้วงกระเป๋าแจ็กเก็ตแล้วหยิบซิการ์กับไลต์เตอร์ออกมา “ชื่นชมความกล้าของแกนะ กล้ามาก”
แม้ท่าทางของมาเฟียหนุ่มที่แสดงออกมานั้นดูสบายๆ ด้วยการพ่นควันซิการ์ออกจากปาก แต่น้ำเสียงในประโยคสุดท้ายที่เปล่งออกมานั้นดุดัน เปี่ยมไปด้วยรังสีอำมหิตข่มขวัญคู่ต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยม หากจิอานนี่ต้องบอกกับตัวเองว่า ถ้าเกิดความกลัวหรือมีจิตใจหวั่นเกรงต่อท่าทีของมาเฟียตรงหน้าแล้วล่ะก็ ตนจะไม่มีวันได้ในสิ่งที่ต้องการเลย
คอนเนลิโอกางแขนทั้งสองข้างออกเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้คู่แฝดคนสนิทถอยออกไป “เอาล่ะ... ถ้าอยากล่าหัวดอนดิโน่นัก ก็เข้ามา”
เพียงแค่เสียงกร้าว ดุดันนั้นจบลง เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงปืนห้านัดดังขึ้นเกือบจะพร้อมๆ กัน วิถีกระสุนนั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในทิศทางที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนทรุดตัวลงกับพื้น
ทั้งเลโอและจอร์โจ้เล็งปืนไปยังต้นกำเนิดของวิถีกระสุน เตรียมพร้อมที่จะยิงโต้ตอบอย่างทันท่วงทีหากไม่มีสัญญาณห้ามจากดอนหนุ่มเสียก่อน
“ระวังครับดอน พวกมันวางสไนเปอร์ไว้หลายจุด”
“แล้วมันก็ควรต้องรู้เหมือนกันว่าสไนเปอร์บนโลกนี้มีอีกมากมาย” คอนเนลิโอพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบานัก เชื่อแน่ว่าพวกมันทุกคนที่ดักซุ่ม ไม่ยอมเปิดเผยตัวต้องได้ยินอย่างชัดเจน
แน่นอนว่าคำพูดดังกล่าวทำให้ศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดสั่งการให้คนของตนลดระดับการจู่โจมลงมาอีกขั้นหนึ่ง
เลโอและจอร์โจ้ลอบถอนหายใจ ต่างหันหน้ามาสบสายตากันอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินดอนหนุ่มพูดเช่นนั้น แม้จะยืนอยู่แค่สามคนในถิ่นมาเฟียของประเทศมหาอำนาจ แต่เมื่อได้รู้ว่ามีมือแม่นปืนวางกำลังอยู่รอบๆ ความปลอดภัยที่อยู่ในระดับต่ำสุดจึงเพิ่มขึ้นมาอย่างน่าพอใจ
หากความคิดของคู่แฝดคนสนิทต้องหยุดชะงัก เมื่อจู่ๆ เห็นผู้เป็นเจ้านายก้มลงดึงคอเสื้อของชายที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าขึ้นมาแล้วหมุนตัวกลับ เดินออกไปจากตรอกแคบๆ อย่างไม่สะทกสะท้าน โดยมีเลโอและจอร์โจ้ เล็งปืนไปรอบๆ บริเวณเพื่อคุ้มกันความปลอดภัย
ภาพที่เห็นจึงเป็นเหมือนดอนคอนเนลิโอกำลังเดินฮัมเพลงด้วยสีหน้ารื่นรมย์ มือข้างหนึ่งถือซิการ์ อีกข้างหนึ่งลากของชิ้นใหญ่เดินข้ามถนนไปยังเชลบี้ คอบร้าคันสีแดงเลือดนกพิราบ
แล้วจะมีสักกี่คนที่รู้ว่าของชิ้นใหญ่ในมือของคอนเนลิโอนั้นคือร่างไร้วิญญาณของชายคนหนึ่งซึ่งยังไม่มีใครได้รู้ที่ไปที่มา ซ้ำร้ายยังต้องมาจบชีวิตลงอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
แม้ว่ารถยนต์สุดคลาสสิกในตำนานอย่างเชลบี้ คอบร้า 427 ซูเปอร์สเน็กซ์ ปี1966 จะแล่นออกไปด้วยความเร็วสูงสุด แต่นั่นยังไม่ได้เร็วเท่ากับใจของคนที่คอยจับตามองเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นจนจบ แม้สืบค้นข้อมูลส่วนตัวของดอนเวนโตล่ามาเป็นอย่างดีแล้ว แต่มาถึงตอนนี้ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดมาเฟียหนุ่มถึงต้องลากร่างของจิอานนี่ติดมือไปเช่นนั้น
...หรือแม้กระทั่งศพ ดอนเวนโตล่าก็จะไม่ละเว้น!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ