Valley of the Blue Moon
เขียนโดย Huntessell
วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 04.45 น.
แก้ไขเมื่อ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 18.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) การประลอง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเจซก้าวเข้าไปในสนามสำหรับเขาแสงแดดเริ่มร้อนขึ้นจนน่าหงุดหงิดเขาถอดเสื้อคลุมที่ทำจากหนังออกเหวี่ยงมันไปแถวๆข้างทางเดินกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวบางทำจากผ้าลินินสีครีมที่ติดอย่างไม่เรียบร้อยเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเนินอกกำยำสีแทนอ่อนเขายกมือขึ้นเสยเส้นผมสีน้ำตาลยาวประบ่าไปไว้ด้านหลังอย่างรำคาญใจ คนทั้งยี่สิบคนที่ถูกขานชื่อเดินเข้าประจำตำแหน่งของตัวเองในแต่ละเวทีซึ่งเขาได้เวทีที่สามมันอยู่ใจกลางของสนามกีฬาพอดิบพอดีอีกด้านหนึ่งของลานประลองลูน่ากำลังเดินตามคนอื่นลงมาจากอัดทจันคิ้วของเขาขมวดมุ่นรู้สึกสะกิดใจบางอย่างทุกทีที่เห็นผู้หญิงคนนี้ เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เขาสลัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปถึงเขาจะไม่ชอบสถานที่นี้แต่เขารักการต่อสู้พอๆกับอาหารรสเลิศ 'ยามสู้จงต่อสู้ให้สุดกำลังหากแพ้ก็จงแพ้อย่างผู้กล้า' ชั่วแวบหนึ่งคำขวัญประจำตระกูลเวนส์วู้ดก็ลอยเข้ามาในหัวเขา เจซยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจการที่คนอย่างเขาจะแพ้คงยากพอๆกับการปิดตาเดินบนสะพานลวดกระมัง
"ผู้เข้าสอบขึ้นประลองได้" เสียงผู้คุมสอบประกาศให้ผู้เข้าสอบชุดแรกขึ้นบนเวทีเจซขยับตัวเดินหน้ามาไม่กี่ก้าวจากตรงนี้มองเห็นลูน่ายืนนิ่งอยู่อีกฝากนึง หลังจากการประลองรอบแรกจบลงเขาจะต้องขึ้นสู้กับเธอไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อคิดแบบนั้นแล้วมันทำให้เลือดในกายของเขาวิ่งพล่านสูบฉีดไปทั่วทั้งตัว
การประลองรอบแรกเป็นไปด้วยความตึงเครียดบางเวทีผู้เข้าสอบบางคนถูกหามออกไปแล้ว ในแต่ละรอบการประลองคณะกรรมการได้พิจรณาจากหลักฐานประวัติของผู้เข้าสอบแต่ละคนแล้วให้ผู้เข้าสอบที่อยู่ใน'ระดับ'เดียวกันขึ้นสู้ในรอบเดียวกัน เพื่อป้องกันการเอาเปรียบและเสียเปรียบที่บลูมูนแห่งนี้ระดับคือตัววัดความสามารถที่มีอยู่ในตัว ไล่ตั้งแต่ระดับ1,2,3,4,5,6ประชากรส่วนใหญ่รวมถึงผู้เข้าสอบในวันนี้มักจะอยู่ที่ระดับหนึ่งถึงสาม โดยตั้งแต่ระดับสี่ขึ้นไปมักเป็นบุคคลที่มีความสามารถโดดเด่นไม่ว่าจะในเรื่องการใช้สติปัญญาหรือพละกำลังหากท่านจำได้เด็กกลุ่มนึงเรียกเจซและเพื่อนๆว่าห้าอัศวิน ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยห้าอัศวินนั้นคือชื่อที่ผู้คนขนานนามให้กับกลุ่มเด็กห้าคนที่มีพรสวรรค์ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดพวกเขาผ่านการทดสอบที่เกินกว่าช่วงอายุไปได้อย่างง่ายดาย
เรียกได้ว่าเป็นห้าเพชรยอดมงกุฎซึ่งหลายร้อยปีจะปรากฏตัวขึ้นมาสักครั้ง พวกเขาสี่คนในกลุ่มห้าอัศวินอยู่ในระดับสี่ซึ่งเทียบเท่าจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนที่ฝึกฝนอย่างหนักกว่าจะมาถึงจุดนี้ ส่วนอีกหนึ่งคนจะเรียกเป็นคนเสียเต็มปากก็คงไม่ได้สายเลือดครึ่งหนึ่งจากผู้เป็นแม่คือจอมเวทย์ที่ชื่อเสียงเลืองนามส่วนอีกครึ่งจากผู้เป็นพ่อคือแวร์วูฟหรือที่เรียกกันจนติดปากว่ามนุษย์หมาป่าด้วยความที่ว่าเป็นตระกูลเก่าแก่ที่แข็งแกร่งจึงแตกต่างจากมนุษย์หมาป่าตระกูลอื่นโดยสิ้นเชิง ทั้งหมดนี่เองรวมออกมาเป็นเพรชยอดมงกุฎเม็ดที่ห้าและเขาอยู่ในระดับห้าพลังมากมายเหลือล้นตั้งแต่ยังเล็กรวมถึงชาติพันธุ์กำเนิดทำให้เขาถูกรังเกียจจากผู้คนรอบข้างเสมอมา
'ยามสู้จงต่อสู้ให้สุดกำลังหากแพ้ก็จงแพ้อย่างผู้กล้า' คำขวัญประจำตระกูลอาจเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาฮึดสู้ทุกอุปสรรคในชีวิตจนผ่านพ้นมาได้และได้มาเจอกับเหล่าเพชรยอดมงกุฎเฉกเช่นเดียวกันอีกสี่คน
นั่นทำให้เขาสุขใจมากพอแล้ว เจซดึงตัวเองกลับมาจากอดีตสะบัดหัวเรียกสติอีกครั้ง'อย่าจมอยู่กับอดีต'เขาเตือนตัวเอง "พอได้แล้ว! นี่เธอหยุดเดี๋ยวนี้!" เสียงอาจารย์ท่านหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจของเจซเขาหันไปมองทางต้นเสียงก็พบว่าผู้เข้าสอบคนหนึ่งบนเวทีกำลังพยายามเค้นพลังทุกหยุดที่มีในตัวเพื่อที่จะเอาชนะคู่แข่งตรงหน้าโดยการร่ายเวทย์ที่เป็นเหมือนดาบสองคมที่หากเขาควบคุมไม่ได้มันจะทำร้ายทั้งคู่ต่อสู้และผู้ร่ายคาถาเอง
"เจ้าโง่เอ๋ย" เจซสบถเสียงเบาภาพตรงหน้าคือมวลพลังสีแดงจำนวนมากรายล้อมไปทั่วทั้งบริเวณเขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ มันจะทำให้ทุกคนในบริเวณนี้บาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอนเขาไม่รอช้าก้าวออกไปยืนข้างหน้าสองก้าวแล้วร่ายเวทย์ที่เปรียบเสมือนบาเรียป้องกันภัยครอบคลุมไปทั้งตัวเขาและผู้เข้าสอบที่ยืนอยู่ด้านหลัง
"อ้าก!!!!!!!!" ไม่นานนักผู้เข้าสอบคนนั้นก็กรีดร้องเสียงดังลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายกับพื้นนี่คือผลจากการที่ควบคุมพลังของตนเองไม่ได้ แต่ทว่ามวลพลังสีแดงคล้ำรอบตัวยังไม่จางไปไหนมันเหมือนสุนัขไร้นายที่พร้อมทำร้ายทุกคนที่เข้าใกล้ เจซเริ่มรู้สึกอึดอัดหากเขาปกป้องเพียงตัวเองคงไม่ยากเย็นนักแต่ตอนนี้พ่วงไปด้วยผู้เข้าสอบและคณะอาจารย์นับสิบชีวิตเขาเริ่มหายใจติดขัด "บ้าเอ๊ย!"
ทันใดนั้นเองกลุ่มเมฆหมอกสีน้ำเงินเริ่มเข้าปกคลุมทั้งตัวเขาและผู้คนที่เหลือได้ยินเสียงคนจากภายนอกพยายามเข้ามาช่วยแต่ก็จนปัญญา ชั่วขณะนั้นเองจมูกที่ดีกว่าคนทั่วไปของเจซก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของพีชลอยวนอยู่ในอากาศ
"สลาย" เสียงหวานใสดังขึ้นใกล้ๆกับที่เขายืนอยู่คล้ายออกคำสั่งอย่างแผ่วเบาไม่นานนักทุกอย่างเริ่มสลายหายไปหมอกควันจางลงเจซหันมองหาต้นเสียงเมื่อครู่แล้วเขาก็เห็น
ลูน่ายืนอยู่พร้อมร่างกายที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงสีน้ำเงิน
To be continued
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ