"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย

8.9

เขียนโดย January13

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.

  37 ตอน
  25 วิจารณ์
  37.13K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

36) ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ...เอี๊ยดดดด!!!!.......เสียงล้อรถยนต์เสียดสีกับพื้นถนนดังลั่น เนื่องจากเบรกกระทันหัน แม้คนขับจะพยายามเหยียบเบรกจนเกร็งไปทั้งขา แต่ก็ไม่อาจหยุดความเร็วของรถที่พุ่งเข้าหาหญิงสาวในชุดแต่งงานได้ทัน!!!!

     “อริสจัง!!!”

     “พี่สา!!!”

     “ยัยสา!!!”

     ทุกคนที่วิ่งตามอริสามาถึงบริเวณถนนหน้าโบสถ์ ต่างพากันอุทานอย่างตกใจกับภาพตรงหน้าที่เห็น ร่างของอริสาถูกรถยนต์กระแทกกระเด็นไปเกือบสองเมตร เธอนอนนิ่งหมดสติในทันที ก่อนที่เลือดจะไหลอาบถนนเป็นวงกว้าง เคนอิจิที่ใจสลายเพราะเจ้าสาววิ่งหนีออกจากพิธิแต่งงงาน เห็นเช่นนั้นเศษหัวใจของเขาก็ยิ่งป่นปี้เข้าไปอีก ชายหนุ่มรีบวิ่งถลาเข้าไปโอบร่างเจ้าสาวของเขาขึ้นมา ร้องไห้พรางเรียกเธอให้ตื่น

     “อริสจัง ได้ยินผมไหม คุณฟื้นขึ้นมาสิ อริสจัง”

     “พี่สา พี่สา อย่าเป็นอะไรไปนะ พี่สา” นิชนกทรุดตัวลงมานั่งอีกข้างหนึ่ง

     “ยัยสา โธ่ลูกแม่ ทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ ลืมตามองแม่สิลูก” ศิริร้องไห้เหมือนใจจะขาด

     “ยัยสาๆ ได้ยินพ่อไหมลูก” พลภัทรเรียกลูกสาวเสียงสั่นเครือ หวังให้เธอตื่นขึ้นมา ขณะที่ทุกอย่างกำลังโกลาหล ฮิโรกิผู้เป็นพ่อของเจ้าบ่าวไม่รอช้า รีบต่อสายถึงโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ให้นำรถมารับผู้บาดเจ็บไปโดยด่วน ก่อนจะหันไปเจรจาไกล่เกลี่ยกับเจ้าของรถ

     อริสายังคงยืนอยู่หน้าโบสถ์อุราคามิเมื่อ 69 ปีที่แล้ว เธอไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่นี่อีกครั้งได้ยังไง จริงๆ แล้วเธอไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเกิดอะไรขึ้นหน้าโบสถ์คาทอลิคโออุระ อาจเป็นเพราะมัวแต่วิ่งปาดน้ำตา จนทำให้ไม่ได้สังเกตเห็นรถยนต์ที่แล่นมาด้วยความเร็ว

     เธอชั่งใจอยู่นานก่อนจะเอื้อมมือไปผลักประตูบานใหญ่เปิดออกช้าๆ แสงสีทองสว่างวาบออกมาจากด้านใน เจิดจ้าจนเธอต้องหรี่ตามอง เมื่อปรับสายตาได้เธอจึงมองเห็นร่างสันทัดของใครบางคนในชุดสูททักซิโด้สีครีม ยืนหันหลังอยู่หน้าพระแท่นพิธี ที่กึ่งกลางมีรูปสลักพระแม่มารีโอบอุ้มพระบุตรอยู่ในอ้อมกอด อริสาเลิกคิ้วอย่างสงสัยว่าเขาคนนั้นคือใคร ก่อนที่เขาจะหันมายิ้มอย่างอบอุ่น ดวงตาสีนิลเปล่งประกาย ทำให้หัวใจเธอหล่นวูบ

     “ยูทากะ!!!” 

     อริสาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา ทุกคนพากันมารวมตัวรอที่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างกังวลใจ เคนอิจิเดินไปเดินมาหลายรอบตรงหน้าประตู เสื้อสูทของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด พลภัทรนั่งโบกยาดมให้ภรรยาที่ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด นิชนกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่แพ้ เธอไม่นึกเลยว่าพี่สาวจะวิ่งหนี้ออกจากพิธีแต่งงาน แล้วมาเกิดอุบัติเหตุอย่างนี้ สักพักใหญ่พยาบาลก็ออกมาจากห้องฉุกเฉิน ทุกคนรีบกรูเข้าไปหาพยาบาลสาวเพื่อถามถึงอาการ

     “คุณพยาบาล แฟนผมเป็นยังไงบ้างครับ ปลอดภัยแล้วใช่ไหมครับ” เคนอิจิละล่ำละลักถาม

     “ตอนนี้อาการยังน่าเป็นห่วงคะ คนไข้เสียเลือดมาก ตอนนี้กำลังรอเลือดจากห้องปฏิบัติการคลังเลือดอยู่คะ” พยาบาลสาวชี้แจง เคนอิจิจึงหันไปแปลให้นิชนกฟัง

     “ฉันกรุ๊ปเลือดเดียวกันกับพี่สาคะ เอาของฉันไปเลยคะ ไม่ต้องรอแล้ว” นิชนกรีบอาสา เคนอิจิบอกพยาบาลตามนั้น ก่อนที่พยาบาลจะพานิชนกเข้าไปในห้องฉุกเฉิน สักครู่เธอก็ออกมา

     “เป็นยังไงบ้างน้องนิช” เคนอิจิเข้ามาถาม

     “พี่สาหัวกระแทกทำให้หัวแตกแล้วเลือดก็ออกเยอะมาก แต่ตอนี้คุณหมอกำลังทำแผลแล้วก็ให้เลือดอยู่คะ พี่สาจะต้องไม่เป็นอะไร” นิชนกพูดเสียงเครือเล็กน้อย แล้วตบไหล่ชายหนุ่มเบาๆ อย่างส่งกำลังใจ เคนอิจิยักหน้ากลั้นน้ำตาอย่างมีหวัง

     นาฬิกาลูกตุ้มโบราณไม้สีเข้มหน้าปัดหยุดอยู่ที่เวลา 10.02 น. เวลาของมันเคยสิ้นสุดอยู่แค่นั้น ก่อนที่อริสาจะกลับมาอีกครั้ง ลูกตุ้มเริ่มแกว่งไกวอีกครั้ง เข็มโลหะจึงขยับต่อไปได้  เก้าอี้โบสถ์แต่ละแถวด้านนอกริมทางเดิน ประดับด้วยช่อดอกไม้สีขาวเล็กๆ โยงจากแถวหนึ่งไปยังอีกแถวหนึ่งด้วยริบบิ้นสีครีม บริเวณข้างๆ พระแท่นพิธีมีเชิงเทียนสีทองตั้งอยู่สองข้าง เทียนสีขาวแท่งยาวถูกจุดให้สว่างไสว ไม่เพียงเท่านั้น คุมิโกะ ซาซาโกะ ฮิคารุ โกโร่ จิโร่ คริสโตเฟอร์ ฮารุกิพ่อของยูทากะ คาซูมิแม่ของยูทาก ะฮานะพร้อมครอบครัว ไดกิ และฮิมาวาริ ทุกๆ คนอยู่ที่นี่ด้วยเพื่อเป็นสักขีพยาน

     “ทุกคน” อริสาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองกับภาพที่ได้เห็น เธออึ้งอยู่สักครู่ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่ามีใครมายืนอยู่ด้านหลัง

     “คุณพ่อ!!??” เธออุทานเมื่อหันมาพบกับชายวัยกลางคนในชุดทหารเต็มยศส่งยิ้มให้ แล้วส่งแขนให้เธอควง

     ในห้องฉุกเฉินกำลังวุ่นวายหนัก เมื่ออาการของคนไข้แย่ลง ชีพจร และหัวใจของอริสาเต้นช้าลงเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่หมอให้เลือดเข้าไปแล้ว และกำลังจะทำแผลที่ศรีษะเธอเสร็จ

     “เกิดอะไรขึ้น อยู่ๆทำไม ชีพจรถึงได้ต่ำลง เมื่อกี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้วนี่” คุณหมอร้องถามพยาบาล

     “ไม่ทราบเลยคะ เหมือนคนไข้ไม่ตอบสนอง”

     “ไม่ได้นะ อยู่กับเราก่อน เข้มแข็งไว้” หมอหนุ่มพูดกับคนไข้ที่หมดสติ ในที่สุดเขาก็ทำแผลเสร็จ แต่ดูเหมือนเหตุการณ์กลับยิ่งเลวร้ายลง

     “โคม่าแล้วคะ ชีพจรต่ำมาก” พยาบาลบอกไม่ทันขาดคำ คลื่นหัวใจที่แสดงบนจอมอนิเตอร์ก็วิ่งเป็นเส้นตรง

     “คนไข้ไปแล้วคะคุณหมอ”

     “เอาเครื่องปั้มหัวใจมา เร็วเข้า” หมอสั่ง

     “หนึ่ง สอง เคลียร์ กลับมาหรือยัง” เขาถามพยาบาล

     “ยังคะ”

     “เพิ่มกระแสไฟเข้าไปอีก หนึ่ง สอง เคลียร์ กลับมาไหม”

     “ไม่คะ”

     “กลับมาสิๆ หนึ่ง สอง เคลียร์” หมอหนุ่มพยายามอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่ได้ผล ในที่สุดเขาต้องเป็นคนออกมาบอกญาติของคนไข้ด้วยตัวเอง

     “หมอขอแสดงความเสียใจด้วยครับ เราพยายามเต็มที่แล้ว” ประโยคสั้นๆ แต่เหมือนจะทำลายหัวใจหลายดวงให้ย่อยยับไปพร้อมๆ กัน ศิริถึงกับเป็นลมลงไปกอง สามีที่ตกใจไม่แพ้กันต้องช่วยพยุงร่างภรรยาเอาไว้ เคนอิจิเสียใจมากจนลงไปนั่งร้องไห้กับพื้น พ่อแม่ของเขาก็รีบเข้ามาปลอบลูกชาย ส่วนนิชนกเองก็ร้องไห้หนักมาก เธอไม่พร้อมที่จะสูญเสียพี่สาวอันเป็นที่รักไป

     ทาคาชิเดินมาส่งตัวลูกสาวให้กับเจ้าบ่าว ทั้งสองคนยืนอยู่ต่อหน้าบาทหลวงอาซากิ และท่ามกลางความปลื้มปิติของสักขีพยานด้านล่าง ก่อนที่ผู้ถือศีลจะเริ่มพิธีการ

     “คู่บ่าวสาวที่รัก ท่านทั้งสองมาในโบสถ์นี้ เพื่อขอพระผู้เป็นเจ้าประทับตราศักดิ์สิทธิ์ความรักของท่าน ทำให้ความรักของท่านมั่นคงขึ้นต่อหน้าศาสนบริกรของพระศาสนจักร และต่อหน้าสัตบุรุษที่ชุมนุมอยู่  ณ ที่นี้ พระคริสตเจ้าทรงอวยพรความรักของท่านอย่างอุดมสมบูรณ์ เพื่อช่วยให้ท่านปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ของการสมรสในการช่วยเหลือซึ่งกัน และกันและซื่อสัตย์ต่อกันตลอดไป วาตานาเบะ ยูทากะ คุณจะรับฟูคูดะ ฮิเดโกะเป็นภรรยาและขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อเธอทั้งในยามสุข และยามทุกข์ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติเธอจนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือไม่”

     “รับครับ” ยูทากะรับคำอย่างหนักแน่น ก่อนจะยิ้มอย่างมีความสุขที่สุด ดวงตาสีนิลของเขาเปล่งประกาย อย่างเช่นทุกครั้ง

     “ฟูคูดะ ฮิเดโกะ คุณจะรับวาตานาเบะ ยูทากะ เป็นสามีและขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อเขาทั้งในยามสุข และยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติเขาจนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือไม่”

     “รับคะ” อริสาเปล่งวาจาอย่างไม่ลังเล นี่เป็นสิ่งที่เธออยากแก้ไขมาโดยตลอด เมื่อได้ยินเช่นนั้นยูทากะก็หยิบแหวนสีทองวงเล็กออกมา แล้วสวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเจ้าสาวตรงหน้า แล้วดึงเธอเข้ามาจูบที่ริมฝีปากเรียวเล็กอย่างแผ่วเบา เรียกเสียงปรมมือจากสักขีพยานทุกคน ก่อนที่ร่างของพวกเขาจะสลายกลายเป็นผงสีทองล่องลอยไปในอากาศที่ละคนสองคน จนเหลือเพียงยูทากะและอริสาเท่านั้น

     “ฉันรักเธอนะฮิเดโกะจัง และจะรักเพียงเธอคนเดียวตลอดไป” เขากล่าวเบาๆ หลังจากถอนจูบ อริสายิ้มและยักหน้ารับทราบ น้ำตาแห่งความปลื้มปิติพรั่งพรูออกมา ก่อนที่ร่างกายของเขาจะสลายเป็นผงสีทองลอยฟุ้งไปในอากาศเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

     “ฉันก็รักเธอ ยูทากะ รักเธอคนเดียวตลอดไป” อริสาร้องบอก ถึงแม้เหลือเพียงเธอคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงพระแท่นพิธีนั้น แต่เธอก็เชื่อว่าเขาได้ยิน

     “เธอคนเดียวตลอดไป”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา