"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย

8.9

เขียนโดย January13

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.

  37 ตอน
  25 วิจารณ์
  37.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

35) วันวิวาห์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ค่ำคืนอันมือมิดที่พระจัทร์ถูกบดบังด้วยหมู่เมฆก้อนใหญ่ ทำให้อริสารู้สึกเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูก เธอออกมายืนทอดสายตาอยู่ริมระเบียง ปล่อยให้นิชนกนอนกรนครอกๆ อยู่ในห้องคนเดียว สองสามวันมานี้เธอนอนไม่หลับ เพราะงานแต่งงานถูกเลื่อนเข้ามาเร็วมากจนแทบตั้งตัวไม่ทัน

     ก่อนหน้านี้อริสาแอบคิดไปว่าจะได้พบกับยูทากะอีกครั้งในความฝัน เหมือนตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ที่เธอถูกปลุกให้ตื่นด้วยความฝันประหลาด ๆ ก่อนหน้าที่จะรู้ว่าเจ้าบ่าวในความฝันอันเลือนรางนั้นคือยูทากะ แต่น่าเสียดายที่ไม่เป็นเช่นนั้น ตั้งแต่เธอฟื้นจากอาการหมดสตินานเป็นสัปดาห์ เธอก็ไม่ฝันถึงเขาและเหตุการณ์วันวิวาห์นั้นอีกเลย แม้ว่าอริสาจะถอดใจในการหาหนทางแก้ไขเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ลึกๆ ก็ยังอดคิดถึงรอยยิ้มและดวงตาสีนิลเปล่งประกายคู่นั้นไม่ได้

     “พรุ่งนี้แล้วสินะ” เธอบอกตัวเอง ก่อนถอนหายใจยาวๆ

     เช้าวันรุ่งขึ้น ณ โบสถ์คาทอลิคโออุระ ทีมงานจากร้านเวดดิ้งเดินสวนกันไปมาอย่างคล่องแคล่ว อาคารโบสถ์สีขาวที่ตัดด้วยหน้าต่างสีเขียวอมฟ้า ดูสวยงามมากขึ้นด้วยดอกไม้สีพาสเทลหลากหลายสี ถูกจัดเป็นช่อประดับราวบันไดสู่ตัวโบสถ์สองข้างทาง โดยเชื่อมโยงจากช่อหนึ่งไปยังอีกช่อหนึ่งด้วยริบบิ้นสีขาว หน้าประตูโบสถ์มีซุ้มดอกไม้ชนิดเดียวกัน จัดเป็นทรงโค้งตามกรอบประตูอย่างพอดี ส่วนภายในโบสถ์ ที่นั่งแต่ละแถวก็มีดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ประดับไว้ริมด้านนอกติดกับทางเดิน ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างลงตัว บรรยากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ สักขีพยานมีเพียงครอบครัวของบ่าวสาวเท่านั้น แน่นอนว่านิชนกต้องรับบทเป็นเพื่อนเจ้าสาว คู่กับเพื่อนเจ้าบ่าว ซึ่งเป็นเพื่อสนิทสมัยเรียนปริญญาตรีกับเคนอิจิ

     รถตู้ของร้านเวดดิ้งจอดลงหน้าโบสถ์ พนักงานที่อยู่ภายในเปิดประตูรถและลงมา ก่อนจะส่งมือรับเจ้าสาวที่พึ่งแต่งหน้าทำผมเสร็จมาจากร้านหมาดๆ มือข้างหนึ่งถือช่อดอกไม้ชนิดเดียวกันกับที่ใช้ตกแต่งในงานไว้ช่อหนึ่ง นิชนกโบกมือทักทายพี่สาวตั้งแต่เดินอยู่ไกล ๆ

     “พี่สาสวยมากเลยอ่ะ สวยที่สุด” น้องสาวปลาบปลื้มใหญ่ เมื่อเห็นพี่สาวใกล้ๆ

     “เวอร์มากยัยนิช” พี่สาวว่าขำๆ

     “เดี๋ยวเจ้าสาวยืนอยู่จุดนี้นะคะ เมื่อถึงเวลาประตูโบสถ์จะเปิด และเดินตามหลังเด็ก ๆ เข้าไปได้เลยนะคะ” พนักงานสาวอธิบาย พร้อมผายมือบอก

     “คะ” อริสายักหน้ารับ ก่อนเดินมายืนเตรียมตัว ต่อจากเด็กน้อยชายหญิงสองคู่ ที่ถือตะกร้าใส่กลีบดอกไม้ไว้ โดยนิชนกยืนอยู่ท้ายแถวต่อจากเธอ

     ไม่นานนักประตูโบสถ์สีฟ้าอมเขียวก็เปิดออก เสียงเปียโนเริ่มบรรเลงเพลงขึ้น เด็กน้อยเดินช้าๆ พร้อมโปรยดอกไม้บนทางเดิน พลภัทรยืนรอลูกสาวอยู่หน้าประตูด้านใน เมื่อเธอเดินมาถึง เขาก็ตั้งแขนให้ลูกสาวควง ก่อนจะพาเดินไปส่งให้เจ้าบ่าวที่ยืนรออยู่ ณ พระแท่นพิธี กับบาทหลวง และเพื่อนเจ้าบ่าว เคนอิจิในชุดสูททักซิโด้สีน้ำตาลอ่อนอมเทา ตัดกับเสื้อสีขาวตัวใน ยิ้มแย้มดีใจที่เห็นเจ้าสาวแสนสวยของเขามาถึง เขาพาเธอมายืนต่อหน้าบาทหลวง ก่อนที่ผู้ถือศีลจะเริ่มประกอบพิธี  

     “คู่บ่าวสาวที่รัก ท่านทั้งสองมาในโบสถ์นี้ เพื่อขอพระผู้เป็นเจ้าประทับตราศักดิ์สิทธิ์ความรักของท่าน ทำให้ความรักของท่านมั่นคงขึ้นต่อหน้าศาสนบริกรของพระศาสนจักร และต่อหน้าสัตบุรุษที่ชุมนุมอยู่  ณ ที่นี้ พระคริสตเจ้าทรงอวยพรความรักของท่านอย่างอุดมสมบูรณ์ เพื่อช่วยให้ท่านปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ของการสมรสในการช่วยเหลือซึ่งกัน และกันและซื่อสัตย์ต่อกันตลอดไป ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงถามถึงเจตจำนงของท่านทั้งสองต่อหน้าพระศาสนจักร นายโยชิดะ เคนอิจิและนางสาวอริสา ศิลป์สกุลท่านทั้งสองมาที่นี่โดยไม่ได้ถูกบังคับ แต่มาด้วยความสมัครใจอย่างแท้จริง เพื่อเข้าพิธีสมรสใช่หรือไม่”

     “ครับ” เคนอิจิตอบน้ำเสียงหนักแน่น อริสาต้องเป็นคนพูดต่อ เธอเอาแต่เหม่อลอยตั้งแต่บาทหลวงเริ่มพิธีแล้ว จึงไม่ได้ฟังคำถาม เงียบอยู่นานจนเจ้าบ่าวต้องหันมาเรียกเบาๆ

     “อริสจัง”

     “อ่อ เอ่อ..คะ” เธอตอบส่งๆ ก่อนหน้าวันจริงมีการซ้อมพิธีไปแล้วรอบหนึ่ง แม้จะไม่ได้ฟังคำถาม แต่อริสาก็พอรู้ว่าพิธีถึงขั้นตอนไหนแล้ว

     “นายโยชิดะ เคนอิจิ คุณจะรับนางสาวอริสา ศิลป์สกุลเป็นภรรยาและขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อเธอ ทั้งในยามสุข และยามทุกข์ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติเธอ จนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือไม่” บาทหลวงถามฝ่ายชาย

     “รับครับ” อีกครั้งที่เคนอิจิกล่าวหนักแน่น ความรักของเขาก็มั่นคงต่ออริสาไม่น้อย

     “นางสาวอริสา ศิลป์สกุล คุณจะรับนายโยชิดะ เคนอิจิเป็นสามีและขอสัญญาว่า จะถือซื่อสัตย์ต่อเขาทั้งในยามสุข และยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติเขาจนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือไม่” บาทหลวงหันมาถามฝ่ายหญิงบ้าง ครั้งนี้อริสาไม่ได้เหม่อลอย เธอได้คำถามชัดเจน แต่ว่า...เธอไม่สามารถให้คำสัตย์ปฏิญาณกับใครได้อีกแล้ว อริสาสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก นัยน์ตาเริ่มมีน้ำใส่ๆ เอ่อคลอ เคนอิจิประหลาดใจที่ทำไมคนรักถึงไม่ยอมรับคำ

     “อริสจังเป็นอะไรหรือเปล่า” เคนอิจิกระซิบถามเบาๆ นิชนกที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเริ่มชะเง้อคอมองอย่างกังวล สักขีพยานทุกคนที่นั่งอยู่เบื้องล่างก็เริ่มมองมาที่อริสาเป็นตาเดียว

     “เคน...ฉันขอโทษ ฉันทำไม่ได้” อริสาพูดเสียงสั่นก่อนน้ำตาจะไหลอาบแก้มชมพูเรื่อ

     “ห๊ะ!!!??? คุณว่ายังไงนะ!!!??” เคนอิจิไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เขาไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากปากเจ้าสาวของเขา

     “ฉันขอโทษจริงๆ ฉันแต่งงานกับคุณไม่ได้” หญิงสาวพร่ำร้อง พรางขอโทษที่ทำให้เขาต้องผิดหวัง

     “นี่มันไม่จริงใช่ไหม อริสจัง เพราะอะไรตอบผมมาสิ” เขาถามหาเหตุผล ตอนนี้หัวใจของเขาเจ็บปวดเหมือนถูกกรีดเป็นเสี่ยงๆ อริสาไม่รู้จะตอบยังไง และทำอะไรไม่ถูก นาทีนั้นจึงตัดสินใจวิ่งออกจากโบสถ์ไปโดยเร็ว

     “อริสจัง!!!!” เคนอิจิร้องเรียก ก่อนจะรีบวิ่งตามหลัง ทุกๆคนในพิธีก็พากันวิ่งตามไปอย่างตกใจ

     อริสาวิ่งผ่านประตูออกมายังด้านนอก และลงบันไดที่ราวประดับช่อดอกไม้ไว้สองข้างทางไปยังถนนด้านล่าง เธอไม่รู้ว่าจะวิ่งไปไหน แต่ก็ไม่หยุดฟังเสียงของใครๆ ก็ตามที่กำลังตะโกนเรียกอยู่ข้างหลัง

     “อริสจัง!!!”

     “พี่สา!!!”

     “ยัยสา!!!”

     เธอวิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยมือข้างหนึ่งที่ถือดอกไม้ทิ้งไป ก่อนจะรวบชายกระโปรงยาวหอบไว้ มืออีกข้างปาดน้ำตาที่บดบังทัศนียภาพเบื้องหน้า สักพักก็หกล้มลงเพราะรองเท้าพลิก เธอนั่งร้องไห้อยู่ที่พื้นไม่ใช่เพราะเจ็บที่หกล้ม แต่เพราะเสียใจที่ไม่สามารถแก้ไข้อดีตที่ได้ทำผิดพลาดไว้ ทั้งๆ ที่มีโอกาส นอกจากจะไม่มีวันได้พบยูทากะแล้ว เธอยังเป็นคนทำให้เขาต้องถูกขังอยู่ในโลกของคนตายอีกด้วย

     “ฮือๆๆๆ ยูทากะ” หญิงสาวร่ำไห้ใหญ่ ก่อนจะถอดรองเท้าออกแล้วลุกขึ้นวิ่งต่อไปอย่างไร้จุดหมาย ในใจภาวนาเพียงว่าขอให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เป็นครั้งสุดท้าย เธอจะไม่ทำพลาดอีก สักพักใหญ่อริสาก็ต้องชะลอฝีเท้าลง เธอปาดน้ำตาที่ทำให้ภาพตรงหน้าพร่ามัว ก่อนจะมองอย่างตั้งใจอีกครั้ง

     “โบสถ์อุราคามิ???” เธอพูดกับตัวเองอย่างประหลาดใจ เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะวิ่งจากโบสถ์คาทอลิคโออุระมาถึงโบสถ์อุราคามิได้ สองโบสถ์นี้อยู่ห่างกันค่อนข้างมาก เมื่อเดินเข้ามาดูใกล้ๆ อริสาจึงจำได้ว่านี่ไม่ใช่โบสถ์อุราคามิหลังที่สร้างขึ้นใหม่ แต่เป็นโบสถ์เดิมก่อนจะถูกถล่มเสียหายด้วยระเบิดปรมาณู แม้จะแตกต่างกันไม่มากแต่เธอก็แยกออก อย่างน้อยๆ ก็หน้าต่าง และหินสลักรูปนักบุญหน้าโบสถ์ แน่นอนว่าเขามีศีรษะ

     อริสามองดูรอบๆ บริเวณนั้นรางผู้คนและสิ่งมีชีวิตใดๆ มีเพียงต้นไม้น้อยใหญ่ที่ไหวเอนตามแรงลมพัดเอื่อยๆ มาเป็นระยะ แสงอาทิตย์สีส้มนวลทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก      

     “นี่มันปาฏิหาริย์อย่างนั้นหรอ!!??” เธอแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ปาฏิหาริย์ที่เธอร้องขอจะเกิดขึ้นได้จริง อริสาหันกลับมาสนใจที่โบสถ์อีกครั้ง เธอไม่รู้และไม่อาจคาดเดาได้เลยว่ามีอะไรรออยู่หลังประตูโบสถ์นั้น ?????

 

 

 

 

ขอบคุณ

http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums2/http/www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5094703/Y5094703.html

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา