[ChanBeak]-Love you only

10.0

เขียนโดย Metoric_soul

วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 11.58 น.

  15 chapter
  14 วิจารณ์
  22.93K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 12.25 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

12) ผมรักเสี่ยวลู่นะ...

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
อันยองงงง คิดว่าหลายคนคงสงสัยว่าทำไมไรท์ทอร์ค Cp. นี้มาอยู่ข้างบน จะว่าตอนนี้เป็นตอนที่ทำใจมากๆ เพราะฟังเพลงนี้พอดีแล้วแต่งที่ฉากๆนึง น้ำตาไหลเลยจริง และหวังว่านักอ่านทุกท่านจะอินและน้ำตาแตกเหมือนไรท์บ้างนะค่ะ T^T มะ อย่ารอช้าเลื่อนลงอ่านกันเลยจ้าาาา 
__________________________________________________________
Baekhyun Part’s
 
ผมพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้ง ภาพมันเบลอไปหมดตอนนี้ยังปวดหัวไม่หายเลย จริงๆไม่น่าเดินตากฝนเลยเว้ยทั้งๆที่รู้ว่าสุดท้ายก็ต้องมานอนป่วยแบบนี้ เหมือนกับที่รู้สึกดีกับใครบางคนก็รู้ทั้งรู้ว่าสุดท้ายแล้วอาจจะต้องเป็นฝ่ายเจ็บเอง
 
“ดีขึ้นยัง” คนที่ว่ากระเทิบเข้าใกล้แล้วดึงแผ่นเจลที่ไม่รู้สึกเย็นแล้วออกก่อนจะแปะอันใหม่ให้ ตอนนี้ตาผมยังเบลออยู่เลยมองอะไรไม่ค่อยชัดสักเท่าไหร่ ผมเอนตัวซบอกกว้างมืออุ่นเลื่อนขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ อ่า...นายทำให้ฉันเคลิ้มจนจะหลับอีกแล้วนะ ใจคอยจะให้นอนอย่างเดียวรึไง
 
“หิวยัง” ผมส่ายหน้าเบาๆ แต่เดี๋ยวตอนนี้ชานยอลยังอยู่ในชุดนักเรียน พอผมเงยหน้ามองเขาเจ้าตัวก็เลิกคิ้วขึ้นทันที
 
“ทำไมยังไม่กลับไปเปลี่ยนเสื้ออ่ะ”
 
“ฉันจะทิ้งนายได้ยังไง เกิดมีใครมาทำอะไรนายขึ้นมาฉันไม่ฆ่าตัวตายเลยหรอ” เว่อไปนั้น - -^
 
“ให้ฉันอยู่กับนายตลอดสบายใจกว่าเยอะ ยิ่งช่วงนี้ซ่าไม่ได้ด้วยนิ” แล้วชานยอลก็ใช้นิ้วดีดเบาๆบนเจลลดไข้หรือก็คือหน้าผากผมนั้นเอง - -^ อ่า...ทำไมตอนนี้มันหนาวอย่างนี้เนี่ย รู้สึกเหมือนรอบๆตัวมีแต่ลมเย็นๆ ฮือ...หนาวอ่ะ TT^TT
 
“เป็นอะไร” ชานยอลก้มลงถามเพราะเห็นยกมือขึ้นกอดตัวเอง
 
“นะ...หนาวแฮะ”
 
“ก็ไข้ขึ้นขนาดนี้ จะไปหาหมอมั้ย” ชานยอลถามพลางกระเทิบเข้าใกล้กว่าเดิมแล้วกอดผมไว้แน่น มันอุ่นขึ้นมาก ผมมักจะรู้สึกอุ่นสบายทุกครั้งที่อยู่ในอ้อมกอดนี้ 
 
“กอดฉันแบบนี้นานๆได้มั้ย...”
 
“ชอบรึไง”
 
“จะบ้าหรอ -/////-” ผมกระเทิบเข้าใกล้ซุกหาความอบอุ่น กอดของหมอนี้อุ่นจริงๆด้วย ผมสบายใจทุกครั้งที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้ทั้งรู้สึกอบอุ่นในตอนที่ผมรู้สึกหนาวรู้สึกว่างเปล่า ทำให้รู้สึกปลอดภัยในตอนที่ผมกำลังกลัว แต่ก่อนหน้านี้ในคนๆเดียว...ก็เคยมีสายตาที่เย็นเหยียบเมื่อผมพูดถึงคนที่อาจมีความสำคัญกับเขา ทำให้เขาไม่พอใจ ผมอยากรู้เหลือเกินว่าเพราะอะไรดลใจให้เรามารู้จักกัน อะไรทำให้หมอนี้ตามติดจนกลายเป็นผมซะเองที่ขาดเขาไม่ได้
 
“ไม่ต้องบอกฉันก็จะกอดแค่นายคนเดียวแบบนี้แหละ” ผมเงยหน้าขึ้นมองชานยอล ใบหน้าอบอุ่นนี้ก้มลงมองผมแล้วยิ้มให้เช่นกัน ทำไมผมต้องยิ้มตามด้วยนะ ทั้งที่ก่อนหน้าเขาก็ทำให้ผมมีน้ำตามาแล้ว
 
“นี้เรามาขัดจังหวะป่ะเนี่ย”
 
“พี่ว่าเราปล่อยเขาอยู่กันสองคนเถอะ” ผมกับชานยอลรีบหันขวับไปทางต้นเสียง พี่ลู่กับดีโอยืนยิ้มอยู่ที่หน้าประตูในชุดนักเรียน สงสัยเพิ่งเลิกเรียนกัน พี่ลู่เดินมานั่งบนเบาะพิงแล้วเอื้อมมือมาแตะที่แก้มกับคอผมเบาๆ
 
“ชานลองแตะดิว่าไข้ลดบ้างยัง” ชานยอลพยักหน้าแล้วแตะไล่ตามใบหน้าผมส่วนดีโอวิ่งขึ้นไปข้างบนแล้วลงพร้อมกับเสื้อผ้าของผม หมอนี้รู้จักบ้านผมดีทุกซอกทุกมุมเพราะอยู่ด้วยกันตั้งแต่ที่รู้จักเลย แทบจะเรียกได้ว่าเป็นพี่น้องบ้านเดียวกันก็ได้
 
“ตัวเย็นลงเยอะเลยฮยอง”
 
“ดีแล้ว ทีหลังอย่าเดินตากฝนนะ รู้มั้ยพี่กับคริสเป็นห่วง” ผมพยักหน้าเบาๆก่อนจะนึกขึ้นได้ พี่คริสไม่ได้โกรธอะไรใช่มั้ยที่ผมหนีออกมาอย่างนี้
 
“ขอบใจนะชานยอล เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง ฝากไปส่งพี่ลู่ด้วยนะ” ชานยอลพนักหน้าแล้วเดินนำออกไปทันที ส่วนพี่ลู่กันมายิ้มให้ผมทีนึงแล้วเดินตามออกไป ทั้งๆที่เมื่อวานยังทำหน้าเหมือนอยากจะถามอะไรแต่วันนี้มีรอยยิ้มสดใสเหมือนเดิมกลบความสงสัยผมซะหมด ช่างเถอะ ในเมื่อทุกคนไม่ได้โกรธผมแล้วก็สบายใจไป ผมลากสายตาจากประตูมามองคนตาโต ที่นั่งอยู่ตรงหน้า
 
“ดีโอ...”
 
“แบคทำให้เราเป็นห่วง” เสียงนิ่งพูดขัดขึ้นมาทำให้ผมถึงกับสะอึก คือเสียงนิ่งกว่าปกติไง
 
“ขอโทษ...”
 
“แบคก็รู้ว่าแบสำคัญสำหรับเราขนาดไหน ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ” แล้วร่างเล็กก็ดึงผมไปเข้ากอดไว้แน่น รู้สึกว่าร่างนี้จะสั่นนิดๆ คงเป็นห่วงผมมากจริงๆสินะ ตอนนี้ผมทำได้แค่เอื้อมมือไปลูบหลังนี้เบาๆก่อนจะกอดตอบ
 
“ขอบคุณนะ นายก็เป็นคนสำคัญสำหรับฉันเหมือนกัน”
 
Luhan Part’s
 
“ชานไม่ต้องไปส่งฮยองหรอก”
 
“อ้าวทำไมอ่ะ” ร่างสูงหันขวับมาถามทันทีเมื่ออยู่ๆผมก็พูดออกไปพร้อมรอยยิ้มปกติ
 
“เดี๋ยวนายจะกลับบ้านเย็นซะเปล่า คอนโดนายไมได้ไปทางนี้ด้วย ไปเถอะฮยองกลับเองได้นี้ยังไม่มืด” ชานยอลทำหน้าเหนื่อยใจก่อนจะยอมพยักหน้าโบกมือให้แล้วเดินกลับไปอีกทาง นั้นแหละเด็กดี... ชานยอลก็เป็นน้องคนนึงละนะที่เชื่อฟังผมเป็นอย่างดี หวังว่าคงไม่ใช่เพราะเรื่องในอดีตหรอกนะที่ทำให้เขากลายเป็นแบบนี้ ทำดีกับผมตลอด ดูแลผมห่วงและหวงผมตลอด จนบางครั้งฮุนยังไม่ชอบเลย พอนึกแบบนั้นผมก็เผลอหลุดหัวเราะออกมา เฮ้อ... เด็กเดี๋ยวนี้น่ารักกันจริง ทำไมผมถึงโชคดีที่มีรุ่นน้องน่ารักขนาดนี้น้าาาา ~
 
ครืด.......
 
“ฮัล โหล ครับ โอ เซ ฮุน ^^”
 
(อารมณ์ดีเชียวนะเสี่ยวลู่ แบคฮยอนเป็นไงบ้าง)
 
“ดีขึ้นแล้ว ว่างๆก็มาเยี่ยมเพื่อนบ้างนะ” ผมว่าพลางเดินไปเลื่อยๆ กะจะเดินกลับแทนนั่งแท็กซี่ทางมาบ้านแบคนี้บรรยากาศดีจัง ต้นไม้เต็มข้างทางเวลาลมโชยใบไม้ใบเล็กก็ปลิ้วไปตามลม เหมือนฉากในเอ็มวีเพลงแนวโรแมนติกเลย ฮูย...ฮ่าๆๆ
 
(อย่ากลับดึกนะ)
 
“รู้แล้วน่า ฮุนเป็นพ่อฮยองรึไง เป็นห่วงซะขนาดนั้น” ผมเดินเตะใบไม้เล่นไปเลื่อยๆ เอาแต่ว่าซิ่วหมินนะ ตอนนี้ผมก็ทำตัวไม่ต่างจากเด็กหรอก ฮ่าๆๆๆ
 
(อยู่กับผมทำอ้อนเชียวนะ อย่าเดินบิดจนชนอะไรแถวนั้นเข้าละ)
 
“ฮ่าๆๆๆเห็นฮยองเป็นเด็กขนาดนั้นเลยหรอ” ผมเดินมาถึงอุโมงค์ที่ด้านบนเป็นสะพาน จริงสิ ตอนเดินมาดีโอบอกว่าบนเขามีจุดชมวิวสวยๆที่มองเห็นทั้งแถบแถมยังมองลงไปถึงทะเลด้วย อยากลองขึ้นไปจังแต่ว่า...
 
(อย่าเถรไถลเชียวนะเสี่ยวลู่) นั้นแหละที่ทำให้ผมไม่สามารถไปได้
 
“รู้แล้วน่า... นี่ฮุน นายกับชานยอลยังโอเคกันอยู่มั้ย”
 
(ผมกับมันก็คุยกันปกตินะ มีอะไรรึเปล่า)
 
“เปล่า ดีแล้ว...” อีดนิดเดียวก็จะถึงทางออกอุโมงค์แล้ว ถึงในนี้จะมีไฟสีส้มติดอยู่ข้างทางก็สู้แสงสว่างข้างนอกไม่ได้ทำให้ดูมืดไปหน่อย หืม...ตรงนั้นมีเงาเหมือนคนกลุ่มนึงยืนอยู่ด้วย ข้ามไปอีกฝั่งดีมั้ยเนี่ย ชักกลัวแล้วนะ
 
(ผมรักเสี่ยวลู่นะ รีบกลับละผมเป็นห่วง)
 
“ฮยองก็...อั่ก !!”
 
(เสี่ยวลู่ !!) อยู่ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆฝาดเข้าที่ท้องจนจุกแล้วตามด้วยที่กลางหลังและขาจนทรุดลงไปนอน คงเพราะนิ้วไปโดนปุ่มเปิดลำโพงไว้เสียงเซฮุนเลยดังออกมาแต่ว่า... ผมไม่มีแรงแล้ว จุกจนขยับไม่ได้เลย
 
“เซฮุน ฮยองอยู่ที่อุโมงค์ใต้สะพานทางมาบ้านแบค!!” ผมยังพูดไม่ทันจบมันก็กระทืบโทรศัพท์ผมจนแตกละเอียดแล้วฝาดลงมาที่ลำตัวและท้องอีกครั้ง มะ...ไม่ไหวแล้ว...
 
Baekhyun Part’s
 
“ข้าวต้มนายยังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะ”
 
“ข้าวต้มรสชาติมันก็เหมือนๆกันไม่ใช่หรอ” ดีโอเดินมาเก็บจาน ผมเห็นเขาแอบยิ้มแบบเขินๆด้วย นานแล้วนะที่ผมไม่กินฝีมือดีโอ เพราะต้องอยู่คนเดียวเรื่องอาหารเลยต้องจัดการเอง หมอนี้เลยมาฝึกทำอาหารกับม๊าที่บ้านผมบ่อยๆจนตอนนี้ทำอร่อยกว่าม๊าแล้วด้วยซ้ำ
 
“จริงสิ เสื้อผ้าฉันที่ไว้ที่นี้ส่งซักผมแล้วนิ งั้นเดี๋ยวฉันกลับไปเอาก่อนนะ” ดีโอว่าในขณะที่เดินมานั่งข้างๆ ผมพยักหน้าแล้วลุกมาส่งดีโอที่หน้าบ้าน
 
“ดีขึ้นแล้วนิ”
 
“ก็เดินได้อย่างที่นายเห็นนี่แหละ”
 
“ฮ่าๆๆๆอย่าเพิ่งซ่าละกัน”
 
“แน่ละ ไปดีมาดีนะ” ดีโอพยักหน้าให้ทีนึงก่อนหันหลังเดินออกไปแต่ยังไม่ทันเปิดประตูรั้วกลับมีเงานึงวิ่งตัดหน้าดีโอจนทั้งผมและร่างที่ค้างมือไว้อึ้งและเครื่องค้างกันไปชั่วขณะ พอผมตั้งสติได้รีบวิ่งออกมาดูทันทีว่าใช่คนที่ผมคิดมั้ย
 
“นั้นชานยอลนิ!”
 
“รีบไปไหนของเขาน่ะ”
 
“ไปดูกัน” ผมพยักวิ่งเข้าไปเอารองเท้าแล้ววิ่งตามออกมาทันที พอไข้ดีขึ้นแล้วออกมาวิ่งแบบนี้รู้สึกดีจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดแบบนั้นนะ ผมพยายามวิ่งตามให้ทันร่างสูงที่เริ่มออกห่างลงทุกที นั้นนายจะรีบไปไหนน่ะ... ผมกับดีโอวิ่งตามาเลื่อยจนใกล้ถึงอุโมงค์ก่อนถึงบันไดขึ้นไปจุดชมวิวบนเขา แต่ผมก็ต้องถอยมาตั้งหลักแบบกะทันหันจนดีโอเบรกไม่อยู่ชนหลังผมเต็มๆ
 
ตุบ ! ตับ ! ผลั่ก !
 
“เกิดอะไรขึ้นน่ะแบค” เหมือนดีโอจะเริ่มเข้าใจสถานการณ์บ้างเลยลดเสียงลงเหลือแค่กระซิป ผมค่อยยื่นหน้าออกไปดูพบว่ามีผู้ชายสามสี่คนกำลังรุมร่างสูงที่ผมคุ้นเคยแต่หนึ่งในคนพวกนั้นมีคนนึงแบกร่างบาง ผมสีบรอนซ์ชมพูนั้นทำให้ผมถึงกับตาค้าง พี่ลู่... ร่างบางนั้นสลบไม่ได้สติอยู่ บนเสื้อนักเรียนสีขาวมีรอยเป็นแถบเหมือนรอยไม้ ไม่นานนักไคกับเซฮุนก็วิ่งมาจากทางที่พวกผมมา แต่ไคกลับชะลอความเร็วเหมือนเห็นผมกับดีโอ
 
“พวกนาย ! มาทำอะไรตรงนี้มันอันตราย”
 
“มันเกิดอะไรขึ้น” ดีโอไม่สนใจที่ไคเตือนโพล่งคำถามออกไปทันที
 
“อยู่ๆพี่ลู่โดนลอบทำร้ายเนี่ย ไว้ค่อยคุย แต่หาที่ปลอดภัยอยู่กันก่อน...” ไคทำท่าจะวิ่งเข้าไปแต่ผมคว้าข้อมือไว้ แล้วมองร่างตรงหน้าด้วยสวยตาอันแน่วแน่
 
“นายบอกพวกนั้นให้ช่วยล่อไว้ด้วย ฉันจะช่วยพี่ลู่เอง”
 
“แต่ว่า...”
 
“ให้ฉันได้แก้มือเถอะ พวกนี้กับพวกนั้นมันต่างกัน” ไคก้มลงมองดีโอที่ส่ายหน้าเป็นว่าเล่นแต่พอลากสายตากลับมามองผมก็หมอนี้ก็ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายใจแล้วพยักหน้าก่อนจะวิ่งนำออกไปแล้วพยายามพูดกับอีกสองคน พอปากไคหยุดขยับสองคนนั้นก็หันขวับมาทางผมทันที ชานยอลมีสีหน้าตกใจไปชั่วขณะทำให้พลาดท่าไปเล็กน้อย ถึงคิวพระเอกออกโล่งละ!!
 
“ดีโอ...”
 
“แบคไหวนะ! แล้วแบคจะทำไง แล้วๆๆๆ...”
 
“ตั้งสติดีโอ รีบวิ่งเข้าไปพาพี่ลู่ออกมาเลยนะ” ร่างเล็กลุกขึ้นเตรียมวิ่งเหมือนกันคราวนี้ผมวิ่งสุดแรงกระโดดถีบคนที่แบกที่ลู่เอาไว้จนกลิ้งไปตามๆกัน แต่ผมตั้งตัวได้ก่อนนั่งคร่อมแล้วใส่หมัดไม่บันยะบันยังจนร่างนี้สลบไปผมจึงหันไปโดดใช้ขาฝาดก้านคอคนที่กำลังจะเล่นชานยอลจากด้านหลัง
 
“แบคฮยอน!! มาทำอะไรเนี่ย” ผมกับชานยอลเอาหลังชนกัน มองไปรอบๆ ผมเหยียดยิ้มก่อนจะตอบคำถามด้วยเสียงเหมือนคนกำลังสนุก
 
“มาแก้มือ”
 
“งั้นระวังตัวด้วยละกัน” พอสิ้นเสียงผมกับร่างสูงก็พุ่งไปคนละทางแต่ด้านไปผมพุ่งไปกลับมีของมีคมสวนมาแทงเข้าที่ชายโครงด้านขวาผมเต็มทำเอาผมเสียหลักถอยไปหลายก้าวแต่ยังใช้แรงเท่าที่ฝืนใช้ขาฝาดเข้าทีสีข้างคนตรงหน้าล้มลง ดูเหมือนจะยังไม่มีใครเห็นผมเลยใช้โอกาสนี้ฝืนความเจ็บดึงมีดออกแล้วเอามาจอคอร่างที่พยายามลุกแล้วถามออกไปด้วยเสียงเย็น
 
“ไหนใครเป็นคนต้นคิด”
 
“ฉะ...ฉะ....ฉะ....เอง ฉันถูกจ้างมา !! อย่าฆ่าฉันเลย!!”
 
“งั้นนายก็บอกให้พวกของนายหยุดอาละวาทได้แล้ว”
 
“ขะ...เข้าใจแล้ว เฮ้ยพวกนายหยุดก่อนนนน T^T” แหม่ ! เสียงหลงเชียว - -^ ผมลุกขึ้นแต่มือยังจอมีดไว้ทีมันอยู่ ทุกร่างที่สู้กันอย่างนัวเนียอยู่ชะงักแล้วหันมามองทางที่ผมอยู่เป็นตาเดียว
 
“จะไหนว่าสิว่าใครจ้างแกมา” ทุกคนเงียบหูฟัง
 
“จะ จะ จะ...จำฉันไมได้หรอ คนที่อะ...อัดนายตั้งสองครั้ง”
 
“อ้อ... - -^ เก็ทละ” ผมพยักหน้าเข้าใจทันที
 
“งั้นพวกนายจะไปไหนก็ไป ก่อนที่ฉันจะอารมณ์ขึ้นส่งศพพวกนายให้ผู้ว่าจ้างเอง” ร่างที่ลงไปกองกับพื้นทุกร่างพยักหน้าแล้วต่างคนก็ต่างวิ่งหางจุกตูดหนีหัวซุกหัวซุนเลยทีเดียว แหม... พอรุมละเก่ง พอคนเท่ากันละหนี เฮ้อ... ตอนนี้ทุกคนรีบวิ่งมาหาพี่ลู่ที่อยู่ในอ้อมกอดดีโอยกเว้นผมที่ยืนอยู่ห่างๆ ทำไมน่ะหรอ... เพราะตอนนี้รู้สึกชาที่แผลมากจนขยับตัวไม่ได้ โชคดีที่ยังไม่มีใครสังเกตเห็น แต่จะว่าเจ็บก็เจ็บละ ขยับลำบากมาก ยืนยังแทบล้ม
 
“พี่ลู่เป็นไงบ้าง” ผมฝืนแรงเดินไปหาทุกคน
 
“เจ๋งดีนะ จุกเลยละสิเดินกุมท้องอ่ะ”
 
“ฮ่าๆๆๆ ก็นะ ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายนาน” ผมหัวเราะกลบเกลือนความเจ็บมองหน้าที่มีรอยแดงเป็นแถบและมีเลือดไหลซิบๆที่มุมปาก
 
“ตกใจจนพลาดท่าเลยนะ”
 
“ฝาดเข้าหน้าด้วย ฉันจะเสียหล่อมั้ยเนี่ย” โธ่...เวลาแบบนี้ไอ้หยอยยังห่วงหล่อครับทุกท่าน - -^
 
“แบค! เลือด!O[]O” เพราะดีโอร้องทักทุกคนเลยหันมามองที่ท้องผมอย่างพร้อมเพียง ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างรีบพุ่งมาประคองเมื่อเห็นผมจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่
 
“เฮ้ยนี้แผลลึกเลยนะ ทำไมไม่บอกกัน!”
 
“ช่างมันเถอะ ไกลหัวใจ” ยิ่งพูดผมยิ่งเจ็บแฮะ ผมก้มลงมองเซฮุนที่ทรุดตัวตรงหน้าร่างที่ยังไมได้สติในมือพี่ลู่มีโทรศัพท์ที่จอแตกละเอียดจนบาดมือเล็กเลือดท่วม แต่หน้าจอกลับสว่างอยู่ บนหน้าจอเป็นรูปเซฮุนที่ในอ้อมกอดมีพี่ลู่อยู่ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข เข้าใจนะว่าถ้าคนที่เรารักเอารูปเราขึ้นจอโทรศัพท์มันรู้สึกดีแค่ไหน แต่ตอนที่มันแตกละเอียดในมือคนที่เรารักแบบนี้เป็นผมคงทรุดไม่แพ้เซฮุนหรอก
 
“เสี่ยวลู่... เสี่ยวลู่ยังไม่ได้บอกรักผมเลยนะ” เซฮุนค่อยๆดึงโทรศัพท์ในมือออกแล้วประคองมือที่ชุ่มไปด้วยเลือดขึ้นมากุมไว้อย่างระมัดระวัง
 
“ผมบอกเสี่ยวลู่ไปแล้วนะ...ตื่นมาบอกผมบ้างสิ... เสี่ยวลู่...” บนใบหน้าที่นิ่งตลอดจนผมอยากโหวตให้เป็นคนหน้าตายประจำโรงเรียนตอนนี้มีน้ำใสไหลอาบแก้มแล้วหยดลงผสมกับเลือดขนบนมือเรียวเล็ก
 
“ตอนนี้รีบพาฮยองไปโรงบาลเหอะ ตอนนี้ก็มีคนต้องเข้าเหมือนกัน” เซฮุนค่อยๆอุ้มร่างบางอย่างระมัดระวังสุดชีวิตเดินนำออกมา ดีโอรีบลุกขึ้นมาดูผมอย่าเป็นห่วงแต่ผมยิ้มเป็นนัยน์ว่าไม่เป็นไรเจ้าตัวเลยลากสายตาไปมองร่างที่ตอนนี้แผลก็เยอะอยู่เหมือนกัน
 
“นายเป็นไม่อะไรนะ”
 
“สบายมาก”
 
“เดินยังกะเพกเลย มาฉันช่วย” ดีโอดึงแขนไคมาพาดคอตัวเองแล้วช่วยพยุง ตอนนี้เหลือแต่ผมกับไอ้หยอยสินะ แต่เดี๋ยว คนโดนแทงอยู่นี้นะครับ ถึงจะอาการน้อยกว่าพี่ลู่แต่คือผมโดนแทงนะครับ นึกแล้วเจ็บขึ้มาทันที ฮรือ... T^T
 
“ไหวมั้ยเนี่ย”
 
“จะไม่ไหวแล้วเพิ่งมาถามหรอ T^T”
 
“มาๆ ซ่าดีนัก” ชานยอลช้อนตัวผมขึ้นอย่างรวดเร็วจนผมตกใจเผลอคว้าคอเจ้าตัวไว้เพราะกลัวร่วง
 
“นะ...นายทำอะไรเนี่ย O/////O”
 
“หรือจะเดินเอง”
 
“มะ...ไม่ไหวหรอก”
 
“งั้นก็เงียบซะ ^^” ฉันแพ้นายอีกแล้วสินะ -//////-
 
@โรงพยาบาล
 
หลังจากเย็บแผลเสร็จหมอก็ให้พักหนึ่งคืนเพราะแผลกว้างและลึกมาก แถมยังซ้ำกับแผลเดิมที่ผมตกโขดหินด้วยแต่คราวนี้ผมกับพี่ลู่อยู่คนละห้องกันเพราะพี่ลู่อาการหนักมาก หลังจากทุกคนไปดูอาการพี่ลู่มาก็กลับมาหาผมแต่คราวนี้มีพี่คริสกับพี่ซิ่วหมินที่มีคราบน้ำตาแถมตาแดงก่ำมาด้วย ไอ้เสื้อแขนยาวคลุมมือนั้นยิ่งทำให้พี่ดูเด็กกว่าผมหลายเท่าพี่รู้มั้ย - -^
 
“แบคกี้เป็นไงบ้าง ฮึก”
 
“ผมว่าพี่หยุดสะอื้นก่อนดีกว่าฮะ ผมโอเคแล้ว เจ็บนิดหน่อย” ผมยิ้มให้แต่อยู่ๆร่างเล็กก็พุ่งมากอดผมไว้แล้วร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กๆ เอิ่ม... นะ ! ตั้งรับไม่ทันฮะ - -^
 
“ขอบคุณนะ ฮือ...ที่ช่วยลู่เกอ ฮือๆๆๆ เค้าขอบคุณจริงๆนะ” ผมทำได้แค่กอดตอบแล้วลากสายตามองทุกคน แล้วมาสบที่ชานยอลที่มีหน้าไม่สบายใจสุดๆ จริงด้วยเซฮุนหายไป คงเฝ้าพี่ลู่อยู่ละมั้ง
 
“พี่ลู่เป็นไงบ้าง”
 
“พอๆกับฉันตอนนั้นนั่นแหละแต่แค่หนักกว่า...” ชานยอลเว้นช่วงหายใจแล้วพูดออกมาพร้อมสีหน้าเครียดสุดๆ
 
“มาก...”  คำที่ตามมาเหมือนฟ้าผ่าลงกลางหัวผมเลย ไอ้พวกนั้นไม่ได้ตายดีแน่ เมื่อไหร่มันจะเลิกราวีผมซะที ที่มันทำมันมากเกินไปแล้วนะ ดีโอเห็นมือผมกำผ้าห่มแน่นเลยเอื้อมมือมากุมไว้แล้วยิ้มให้
 
“แค้นไปก็เท่านั้น...เรื่องนี้ควรให้ผู้ใหญ่จัดการนะ”
 
“ไม่ได้แล้วแหละ เพราะฝ่ายเราก็ตอบโต้ไปแล้วเพราะฉะนั้นถ้าตัดสินความผิดทางเราก็จะโดนไปด้วยแน่นอน” จริงด้วย งั้นก็เหลือแค่เครียล์เองแล้วสินะ ผมถอนใจออกมาแต่มันดันพร้อมกับชานยอลซะนิ นายก็เหนื่อยใจเหมือนกันใช่มั้ย
 
‘นายคงเหนื่อยเหมือนกันสินะ’
 
นัยน์ตาของเขาสื่อออกมาอย่างนี้ แต่ทำไมผมถึงรู้ละ ?
 
“พวกมันเป็นใครกัน ฮึก” ร่างเล็กผละออกจากผมแล้วถามอย่างเคียดแค้น พี่คริสเดินมาลูบหลังพี่ซิ่วหมินเบาๆก่อนจะตวัดสายตาชานยอลเชิงตำหนิ น้องชายก้นหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
 
“นี้ก็ดึกแล้ว กลับห้องกันก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่นะมินซอก” พี่ซิ่วหมินพยักหน้าพยายามหยุดร้องไห้แล้วหันมากอดผมอีกครั้ง
 
“ขอบคุณจริงๆนะ”
 
“ผมต้องขอโทษต่างหาก”
 
Sehun Part’s
 
‘ผมรักเสี่ยวลู่นะ รีบกลับละผมเป็นห่วง’
 
‘ฮยองก็...อั่ก !!’ ฮยองก็อะไรละ... ตื่นมาบอกผมสิเสี่ยวลู่ ผมรอคำนั้นอยู่นะ ผมมองร่างเจ้าหญิงนิทราที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมายังหลับใหลไม่ยอมตื่นไม่ว่าผมจะจุมพิตกี่ครั้ง ไม่เห็นเหมือนทุกครั้งเลย ทุกเช้าที่ผมต้องตื่นมาแล้วพบว่าเจ้าหญิงของผมยังหลับอยู่ เพียงผมจุมพิตไม่กี่ครั้ง ตาคู่สวยจะลืมขึ้น ริมฝีปากบางสวยจะยิ้มให้ทุกครั้งแต่ทำไมครั้งนี้ถึงไม่เป็นแบบเดิมละ ตื่นมาบอกผมได้มั้ยเสี่ยวลู่ หรือถ้าเจ้าหญิงของผมจะกลับไปเป็นเจ้าหญิงนิทราทุกคืนผมจะเป็นคนสุดท้ายของวันที่ได้บอกฝันดี แต่ครั้งนี้กลับหลับโดยที่ไม่รอผมได้พูดอะไรเลยนอกจาก....
 
“ผมรักเสี่ยวลู่นะ”
 
ได้ยินมั้ย...
 
“ผมรักเสี่ยวลู่นะ...”
 
ขอร้องละ....
 
“ผม ฮึก...รักเสี่ยวลู่นะ”
 
“ได้ยินแล้ว” เสียงตอบทำให้ผมเงยหน้าขึ้นทันที แต่เพราะเสียงนั้นไม่ใช่เสียงเสี่ยวลู่ผมเลยรีบหันไปมองที่ประตูแทน ชานยอลเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายก่อนจะดึงเก้าอี้มาทรุดตัวนั่งข้างผม
 
“ฮยองได้ยินแล้วแหละ แค่ยังตอบไม่ได้”
 
“แล้วเมื่อไหร่ละ”
 
“ฉันให้คำตอบนายไมได้หรอกนะ คนที่ตอบนายได้คือเวลาเท่านั้น” ชานยอลลุกขึ้นเดินอ้อมเตียงแล้วไปกุมมืออีกข้างของเสี่ยวลู่เอาไว้ ปกติที่มันเข้าใกล้เสี่ยวลู่ผมไม่เคยชอบและจะไล่ตะเพิดมันทุกทีแต่ครั้งนี้ สายตาที่มันมองเสี่ยวลู่กลับแช่แข็งผมจนทำอะไรไม่ถูก สายตาที่อยากจะอธิบายมองไล่จากมือไปตามแขนแล้วหยุดอยู่ที่ใบหน้าสวย นายต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ชานยอล...
 
“สวยเหลือเกิน...”
 
“.......”
 
“นายโชคดีมากเลยนะเซฮุน” ชานยอลหันมายิ้มให้ผมทีนึงแล้วลุกออกไป นายอย่าบังคับให้ใจฉันหวั่นมากไปกว่านี้ได้มั้ยชานยอล แค่นี้ฉันก็กลัวจะแย่อยู่แล้วนะ คนที่อยู่ข้างเสี่ยวลู่ได้ตลอด คนที่เจอเสี่ยวลู่ก่อนผม คนที่ไปถึงตัวและช่วยเสี่ยวลู่ได้ก่อนผม แค่ที่สายตาที่เขามองเสี่ยวลู่ผมก็กลัวจนไม่รู้จะว่ายังไงแล้วนะ
__________________________________________________________
ขอบคุณที่ติดตามชานแบคมาตลอด 12 Cp. นะฮ๊าฟฟฟฟ และหวังว่าจะเข้ามาอ่านกันเรื่อยๆน้าาา
-THx.-
เพลง Again And Again - Yozoh

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา