[ChanBeak]-Love you only

10.0

เขียนโดย Metoric_soul

วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 11.58 น.

  15 chapter
  14 วิจารณ์
  22.78K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 12.25 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

11) มีแค่นายคนเดียว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chanyeol Part’s

 

คิดจะง้อผมมันเร็วไปร้อยไป เห็นมั้ยง้อไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำกลับไปนอนซะและ เฮ้อ...เด็กน้อย ไม่รู้ว่าซะแล้วว่าทำใครงอน ง้อชาตินี้ยันชาติหน้าก็ยังไม่มีแววว่าจะหายหรอก ผมเก็บหนังสือเขาทีแล้วแบบย่องเบาไปดูใบหน้าผู้พ่ายแพ้ซะหน่อย แต่สิ่งนึงทีอยู่บนหน้านั้นคือ...

 

“นอนยังไงวะน้ำลายยืดเชียว - -” เฮ้อ... แต่อยู่ๆร่างเล็กขดตัว ฟันกัดไว้แน่นจนได้ยินเสียงกรอกอุ้มมือเล็กกำแน่นจนเล็บจิกลงบนฝามือเนียนเป็นรอยแดงนั้นทำให้ร่างที่ขดอยู่สะดุ้งตื่นและสะดุ้งอีกเด้งเมื่อเห็นผม คนไม่ใช่ผีไม่ต้องตกใจก็ได้ - -^

 

“....” แบคฮยอนหันหน้าหนีก่อนจะดึงผ้าห่มมาปิดหน้าตัวเองไว้ เป็นอะไรละนั้น กะว่าจะใจอ่อนให้อ้อนสักนิดแล้วหายงอนสักห้านาทีซะหน่อย

 

“ฮึก...ขอโทษ”

 

“......” เสียงสะอื้นทำให้ผมชะงักทันที ผมทรุดตัวนั่งบนเตียงแล้วพยายามดึงผ้าห่มออกแต่ก็ไม่สำเร็จ ตอนนี้รู้สึกว่าร่างที่ขดอยู่ใต้ผ้าห่มจะสั่นเทาไปหมด บางครั้งก็ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นดังลอดผ้าห่มออกมา...

 

“นายไม่มีสิทธิ์ร้องไห้...นายเล่นเกมแพ้ฉันนะอย่าลืม” ผมทิ้งทายด้วยน้ำเสียงที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร แล้วเดินออกมาทันที

 

Baekhyun Part’s

 

นั้นหมายถึงผมไม่มีสิทธิ์แสดงอารมณ์อะไรออกมานอกจากมีความสุขงั้นหรอ ต่อให้ผมเจ็บเจียมตายผมก็ต้องยิ้มออกมางั้นหรอ พอสิ้นเสียงปิดประตูผมก็โผล่ออกจากผ้าลุกขึ้นเก็บเสื้อนักเรียนแล้วเดินลงมาข้างล่าง มุ่งหน้ามายังรถของพี่คริสเพื่อมาเอากระเป๋านักเรียน ผมไม่คิดจะค้างที่นี้ตั้งแต่แรกแล้ว ผมเดินกลับโดยไม่ลืมเขียนโน้ตขอบคุณวางไว้บนเบาะรถแต่ระหว่างทางฝนกลับตกหนักอีก เฮ้อ... นี้ผมต้องเล่นเอ็มวีสักกี่รอบกันนั้นถึงจะพอ กว่าจะถึงบ้านเสื้อยืดสีขาวก็ชุ่มจนเหมือนไม่ได้ใส่เสื้อไว้เลย พออาบน้ำให้สบายตัวแต่ใจผมกลับหนักอึ้ง เวลาแบบนี้อยากโทรหาดีโอจัง...แต่คงทำไม่ได้ อยากขอโทษ...แต่ก็ไม่กล้า กลัวจะเป็นเหมือนชานยอลเพราะถ้าดีโอโกรธคือโกรธ ผมถอนหายใจครั้งแล้วครั้ง กลิ้งไปกลิ้งมาบนที่นอน ทำไมถึงยังนอนไม่หลับนะ...ทั้งๆหัวหนักอึ้ง มึนตื้อและปวดไปหมดแท้ๆ กว่าจะหลับได้ก็เล่นเอาปวดหัวแทบแย่

 

...................................

 

ตื้ด ! ตื้ด ! ตื้ด !

 

เสียงนาฬิกาปลุกที่ผมตั้งไว้ดังเตือนแต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนไม่แรงจะลุกขึ้นไปปิดมันเลยนะ แค่ขยับนิดเดียวเหมือนห้องมันตีลังกาไปสามสี่ตลบเลยอ่ะ ปวดหัว T^T

 

“แบคฮยอน นาฬิกาปลุกแล้วถ้าไม่ตื่นเดี๋ยวก็สายพอดี อ้าวลุกไม่ไหวหรอ” ผมพยายามดันตัวขึ้นนั่งแต่ก็ต้องทรุดไปลงนอนอีกครั้ง พอม๊าเข้ามาเห็นก็เข้ามานั่งข้างตัวแล้วเอามือทาบลงหน้าผาก

 

“ตายจริง ตัวร้อนมากเลย วันนี้พักก่อนนะ แล้วเดี๋ยวม๊ามีประชุมซะด้วยสิ”

 

“ผมอยู่คนเดียวได้ ม๊าไปทำงานเหอะ” ม๊าพยักหน้าเข้าใจแล้วก่อนออกไปบอกว่าต้มข้าวต้มไว้ให้ เดี๋ยวให้มันดีขึ้นแล้วค่อนลงไปกินดีกว่า แต่ว่ายิ่งนอนอยู่เฉยนานแค่ไหนยิ่งปวดหัวมากขึ้นเท่านั้น ต้องกินข้าวกินยาจริงๆสินะ ก็ได้ฟะ! ฮือ T^T

 

ก๊อกๆๆ

 

ฮืม ? ใครมาหว่า ? ผมเดินโดยใช้มือค้ำกำลังแพงไว้ เอาตามตรงจะเดินไม่ไหวอยู่แล้วนะเห็นพื้นเอียงร้อยแปดสิบเองศาแล้วนะ ปวดหัวตาลายไปหมด ผมพยายามเดินไปเปิดประตูโดยที่ไมได้ส่องตาแมว ขี้เกียจ ปวดหัว ปวดตาย!!

 

“คร๊าบๆมาแล้วคร๊าบ”

 

!!

 

ร่างสูงที่อยู่ตรงหน้ายืนหอบในชุดนักเรียนที่ตอนนี้หลุดลุ่ยเหมือนเพิ่งผ่านสงครามมาก็ไม่ปาน - -^ เหงื่อซกเต็มตัวเชียว แต่วันนี้แดดก็ไม่ได้ร้อนอีกอย่างตอนนี้ก็ได้เวลาเข้าเรียนแล้วนั้นหมายความได้อย่างเดียวว่าหมอนี้โดดเรียนแล้วิ่งออกจากโรงเรียนมาที่นี่ แต่เพื่ออะไรละ ?

 

“ทำไม...แฮ่กๆ ทำไมไม่ไปโรงเรียน” ฉันว่านายหยุดหอบก่อนดีกว่านะ เป็นห่วงปอดนายจัง - -^ เพราะระยะทางจากโรงเรียนมาที่บ้านถ้าวิ่งไม่หยุดคงใช้พลังงานเยอะน่าดู

 

“แล้วนายจะโดดเรียนมาเพื่ออะไร ถ้าเพื่อแค่มาถาม ก็เพราะฉันไม่อยากไป นายได้คำตอบแล้วก็กลับไปที่โรงเรียนซะ”

 

“เดี๋ยวดิ!” ร่างสูงร้องห้ามเมื่อเห็นว่าผมทำท่าจะปิดประตูใส่

 

“เมื่อวานยังขอโทษกันอยู่เลย...”

 

“อย่าหลงตัวเองนักเลย ฉันไม่จำเป็นต้องง้อนาย นายจะชอบใครสนิทกับใครจะเป็นตายร้ายดียังไงก็เรื่องของนาย ต่อไปนี้เลิกยุ่งกับฉันซะที ในเมื่อตอนที่ขอโทษนายไม่ยอมให้อภัยเอง” ชานยอลผะงักถอนหลังไปหลายก้าวเมื่อผมที่ยิ่งพูดก็ยิ่งก้าวเข้าไปใกล้ ตอนนี้ผมเห็นไอ้หยอยนี่มีหลายหัวแล้วนะ ปวดหัวจนรู้สึกเหมือนพื้นมันโคลงเคลงจนฝืนตัวไม่ไหวก็ล้มลงจนได้ ต่อหน้าไอ้หยอย...ทำไมต้องต่อหน้านายทุกทีเลยนะ ทุกครั้งที่ฉันอ่อนแอน่ะ... ทำไมกันนะ

 

“แบคฮยอน?!”

 

“ไม่ต้องมายุ่ง” ผมปัดมือที่พยายามจะช่วยพยุง

 

“นี่! เลิกทำเป็นเก่งซะทีได้มั้ย ไม่ไหวก็อย่าฝืนดิ”

 

“คนเย็นชาอย่างนายจะมาเข้าใจอะไร!!!”

 

“เย็นชา ?”

 

“ฉันเห็นหมดแล้ว...ทั้งสายตาของนาย การกระทำที่โครตจะเลือดเย็นนั้นน่ะ...ฉันโดนมากับตัวแล้ว!!” ผมตะคอกใส่ร่างสูงจนเจ็บคอ รู้สึกว่าน้ำตาจะไหลอาบแก้มอีกครั้ง คราวนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ผมร้องไห้เพียงเพราะผู้ชายคนเดียว

 

“แค่ฉันบอกว่าไม่ชอบเวลที่นายอยู่กับพี่ลู่...ที่นายมีแต่พี่ลู่ นายถึงกับต้องเย็นชาใส่กันเลยหรอ” ผมพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นแต่มันยากเหลือเดิน และที่ทำให่ยากหนักไปอีกอาการปวดหัวที่มากขึ้นเรื่อยจนผมทนไม่ไหว ภาพทุกอย่างดับวูบ...

 

Chanyeol Part’s

 

“แบคฮยอน!” อยู่ๆร่างเล็กสลบไปดื้อๆทำเอาใจผมตกวูบลงไปอยู่ที่พื้น พอผมช้อนร่างบางขึ้นมาก็พบว่าเขาตัวร้อนมาก บนใบหน้าเริ่มแดงและมีเหงื่อหลายเม็ดผุดเต็มไปหมด เพราะไม่สบายนี้เองถึงไปโรงเรียนไม่ได้ ผมพาร่างบ้างเข้ามาในบ้านอย่างถือวิสาสะ ขอโทษนะครับ... ผมพาร่างแบคฮยอนมาวางไว้บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ก่อนที่ร่างเล็กจะรู้สึกตัว ผมว่าคงฝืนมากไป ทำไมผมไม่สังเกตเลยนะ...แย่จริงๆ

 

“ทำไมยังไม่กลับไปเรียน” แบคฮยอนถามพลางเอาแขนก่ายหน้าผากจนชายเสื้อเลิกขึ้นเผยให้เห็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ ไปโดนอะไรมาทำไมแผลมันใหญ่ขนาดนี้ !?

 

“แผลนี้ ?” แบคชะโงกดูก่อนจะทิ้งตัวลงนอนต่อแล้วเริ่มพูด

 

“ฉันชอบไประบายเรื่องไม่สบายใจในที่ๆนึง ใบให้ว่ามันเป็นโขดหินแล้วมีครั้งนึงที่ฉันก้าวพลาดเลยตกลงไป แค่นั้นเอง” อย่างน้อยมันก็เป็นแค่อดีต...ไม่มีอะไรต้องห่วงเพราะแผลนี้ก็หายดี ไม่ใช่ไม่สังเกตนะแต่เห็นแบคตอนถอดเสื้อแต่ละที ไหนจะครั้งแรกที่มีแผลเต็มไปหมดครั้งที่สองก็ดันเอามือปิดไว้ซะอีก ใครจะไปรู้เล่าว่ามีแผลแบบนี้อยู่ด้วย

 

“แบค...” ผมคุกเข่าลงกะพื้นกุมมือเล็กไว้ แบคฮยอนเด่งตัวขึ้นนั่งด้วยอาการตกใจจนตานี่จะโตเท่าดีโออยู่แล้ว - -^

 

“ขอโทษทีทำให้หึงนะ^ ^”

 

“คะ...ใครหึงนายไม่ทราบ-//////-”

 

“ถ้าไม่หึง แล้วนายจะอารมณ์เสียทำไมเวลาฉันอยู่กับพี่ลู่” แบคถึงกับไปต่อไม่ถูก โดนผมต้อนจนมุมแล้วหละ ผมลุกขึ้นนั่งบนโซฟาแล้วดึงร่างเล็กมากอดไว้ก่อนจะเกยคางบนผมนุ่มสีน้ำตาลอ่อน

 

“ฉันมีนายคนเดียว...ไม่ต้องห่วง”

 

“พะ...พูดอะไรบ้าๆ”

 

“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอพูดเลยละกัน” ผมหายใจเข้าลึก รู้สึกเหมือนลิ้นแข็งทำให้พูดมันยากขึ้น แต่ยังไงผมก็จะพูดหัวใจผมเต้นเร็วและรัว ไม่แน่แบค์ฮยอนอาจจะได้ยินเสียงนี้ก็ได้

 

“ฉันมีแค่นายคนเดียวเท่านั้น...” คำพูดของผมทำให้ร่างเล็กสะดุ้ง ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองผม ผมก้มลงจูบเปลือกตานั้นเบาๆ ไล่ลงมาที่จมูกแล้วหยุดอยู่แค่นั้นก่อนจะผละออกและใช้มือข้างนึงประคองใบหน้าเรียวรูปไข่ แบคฮยอนยังมองด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ เข้าใจอะไรยากงั้น...มีวิธีไหนที่จะทำให้เข้าใจง่ายๆบ้างมั้ยนอกจาก...

 

“ชานยอล” แบคฮยอนเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน

 

“ว่าไง”

 

“ทำไมนายถึงมีแค่ฉันคนเดียว” นายทำให้ฉันไม่มีทางเลือกนะแบคฮยอน ผมเชยคางร่างเล็กขึ้นแล้วทาบริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากสีอ่อนนุ่มเบา ใช้ลิ้นกวาดตอนรสหวานในโพรงปากและหยอกล้อกับลิ้นนุ่มของแบคฮยอน ผมค่อยดันร่างบางให้นอนราบไปกันโซฟาแล้วผละออกทันที

 

“กินข้าวกินยารึยังละ”

 

“ยะ...ยัง” สงสัยคงช็อคกับที่ผมทำไปเมื่อกี้ ไม่ต้องห่วง มันไม่ล่วงเกิดมาไปกว่านี้หรอก แค่ที่ผมทำไปมันก็มากเกินพอแล้ว ผมเดินเข้ามาในครัวมีข้าวต้มอยู่ในหม้อผมเลยตักมาให้เจ้าของบ้านที่นอนป่วยกินแล้วตามด้วยยา โชคดีที่ในตู้เย็นมีแผ่นเจลลดไข้อยู่เลยเอามาแปะหน้าผากให้

 

“แล้วจะกลับไปเรียนมั้ยเนี่ย”

 

“ไม่ละ บอกเฮียคริสแล้ว” แบคฮยอนพยักหน้าเบาๆก่อนจะดึงผ้าห่มพื้นหนาที่ผมเพิ่งไปหยิบมาให้คลุมตัว ตอนที่ร่างเล็กขดตัวอยู่ในผ้าห่มเหมือนดักแด ทำไมผมรู้สึกว่ามันน่ารักน่าเอ็นดูอย่างนี้นะ น่าทะนุถนอม น่าปกป้องเหลือกเกิน ผมเอื้อมมือไปลูบผมสีน้ำตาลอ่อนเบาๆ ร่างเล็กหลับตาลงช้าๆก่อนจะนิ่งไป คงฝืนมามากแล้วสินะ ผมมันบ้าเองที่ดันเอาอารมณ์ตัวเองเป็นหลัก ก็รู้ทั้งรู้ว่าตอนนี้คนที่ผมควรห่วงคือใครแต่กลับทำให้เขาต้องมาเป็นแบบนี้เพียงเพราะผมกำลังห่วงอดีตของตัวเอง กำลังเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมลืมทั้งๆที่เขา...มีคนอื่นอยู่แล้ว

 

“ขอโทษนะแบคฮยอน...ต่อไปนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว” ผมพูดกับร่างที่หลับอยู่ อยากให้เขาได้ยินแต่กลับไม่กล้า แล้วแบบนี้ที่ผมพยายามทำมาทั้งหมดมันเพื่ออะไรกันนะ

 

ครืด..............

 

โทรศัพท์แบคฮยอนสั่นอยู่บนโต๊ะ บนหน้าจอเป็นรูปนายตาโตที่ถ่ายคู่กับตัวเองแล้วเมมชื่อไว้ว่า ‘คนสำคัญ’ งั้นหรอ...ตอนนั้นที่ดีโอวิ่งผ่าน เพราะเอกสารที่สูงจนแทบจะมองไม่เห็นทางทำให้ดีโอไม่ทันสังเกตว่าคนที่ยืนอยู่คือแบคฮยอน พอผมถามว่าได้โกรธอะไรมั้ยถึงไม่ยอมคุยกัน เจ้าตัวก็บอกว่าไม่ได้เจอแบคเลยหลังจากโดนตะโกนใส่แสดงว่าไม่เห็นจริงๆสินะ

 

“ฮัลโหล”

 

(อ้าว ชานยอลหรอ อยู่กับแบครึเปล่า แบคเป็นไงบ้างทำไมถึงไม่ได้มาโรงเรียนละแล้วแบคสบายดีใช่มั้ยเจอแบคที่ไหนอ่ะแล้ว...)

 

“เดี๋ยว นายใจเย็นก่อน ถามเป็นชุดขนาดนั้นต่อให้ฉันมีสิบปากก็ตอบไม่ทันหรอกนะ” ผมถอนหายใจเฮือกนึงพลางมองร่างเล็กที่ยังหลับสนิทอยู่

 

“หมอนี้ไม่สบายตอนนี้หลับแล้วอยู่ที่บ้าน”

 

(อ้าว แย่ละ งั้นเดี๋ยวตอนเย็นฉันเข้าไปหานะ ฝากแบคด้วยละ) แล้วเจ้าตัวก็วางไป สงสัยโทรในเวลาเรียนละมั้งถึงคุยได้ไม่นาน แสดงว่าก็เป็นห่วงแบคเหมือนกัน เฮ้อ...ทำไมนายถึงมองไม่เห็นเลยนะว่ามีคนกำลังเป็นห่วงนายอยู่แท้ หรือเพราะเอาแต่เก็บตัว เก็บความทุกข์ไว้กับตัวเองจนชินถึงไม่เคยมองเห็นเลย

 

“คราวหลัง...แบ่งมาที่ฉันบ้างก็ได้ ความทุกข์ที่นายต้องแบกรับคนเดียวมาตลอด แบ่งมาที่ฉันบ้างก็ได้” 

 

Luhan Part’s

 

ทำไมปานนี้ถึงยังไม่มานะ... ตอนนี้ผมรู้สึกผิดมากที่เมื่อวานผมเอาแต่กลัวไม่กล้าถามแบคฮยอนตรงๆว่าน้องเขารู้สึกอะไรกับชานยอลจริงๆรึเปล่า เพราะผมทำให้สองคนนั้นเข้าใจกันผิด เลยเอาแต่กลัวว่าแบคจะโกรธไปมากกว่านี้ทำให้เมื่อวานไม่กล้าเดินเข้าไปคุยแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงเลยเดินหนีออกมาทั้งๆอย่านี้ ส่วนเมื่อวานเย็นคริสบอกว่าพาแบคมาพักที่ห้องพอกลับมาอีกทีแบคก็หายไปแล้ว แต่เจ้าตัวก็เขียนโน้ตวางไว้ที่เบาะรถว่าจะกลับบ้าน แต่เมื่อวานฝนตกหนักตลอดเย็นเลยนะ เดินกลับบ้านตากฝนขนาดนั้นก็แย่อ่ะดิ โธ่...แบคฮยอน

 

“นั่งไม่ติดเชียว เลิกเดินไปเดินมาได้แล้วน่า”

 

“นั้นสิลู่เกอเครียดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก” ซิ่วหมินที่นอนหนุนตักคริสบนโซฟาลดหนังสือในมือลงแล้วมองผมด้วยสายตาเป็นห่วง เฮ้อ...คนไม่อยู่ในเหตุการณ์ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก ลองมาเป็นตัวต้นเหตุแบบผมสิแล้วจะรู้สึก

 

ครืด.......

 

“ฮัลโหล”

 

(ฮยอง ชานยอลนะ)

 

“เป็นไงบ้าง” ผมทำหน้าตื่นทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่โทรมาคือชานยอล ซิ่วหมินสะกิดเหมือนอยากรู้เรื่องด้วยผมเลยเปิดลำโพงโทรศัพท์ให้ทุกคนได้ยินพลางเหลือบตามองคริส ห่วงบ้างสิรุ่นน้องนายนะ ยังจะเก๊กอะไรอีกน้องเขารู้แล้วไม่ใช่รึไงว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน

 

“แบคเป็นไงบ้าง”

 

(หมอนี้ไม่สบายเลยไม่ได้ไปโรงเรียน ตอนผมมาถึงก็ตัวร้อนมาก ตอนนี้ผมให้กินยาแปะเจลลดไข้แล้วก็นอนพักแล้ว)

 

“ดีจังที่ไม่เป็นไรมาก” ซิ่วหมินยิ้มพลางตบบ่าผมเบาๆให้ผมสบายใจ

 

“งั้นพี่ฝากด้วยนะ”

 

(ครับ ฮยองไม่มีเรียนหรอ)

 

“วันนี้ไม่ได้เข้าไป ทั้งหมดเลย” พอผมพูดว่าทั้งหมดคริสก็ลุกขึ้นเตรียมเดินออกไปทันที เนี่ยแหละ ไม่ชอบถูกเหมารวมกับใครนายถึงถูกมองว่าเป็นคนเย็นชาไง เมื่อไหร่จะมีคนรู้ว่าละว่านายน่ะดีแค่ไหน เฮ้อ...เมื่อไหร่เพื่อนผมจะเลิกทำตัวเก๊กเป็นเย็นชาซะทีนะแล้วเหมือนไหร่จะมีคนมาดามใจหมอนี้ซะที นี้ผมหักอกไปกี่คนแล้วเนี่ย !!

 

(งั้นหรอ ฝากขอบคุณเฮียด้วยนะที่เมื่อวานดูแบคฮยอนให้) ผมเงยหน้าขึ้นเพราะคิดว่าคริสแต่ยินแล้ว เจ้าตัวไหวไหล่ทีนึงแล้วเดินออกไป ซิ่วหมินที่กอดคอแล้วเอาหน้ามาคลอเคลียแก้มผมพูดขึ้นบ้าง

 

“ชานยอลอย่าลืมเปลี่ยนเจลตอนมันหายเย็นด้วยนะ”

 

(ครับมินซอกฮยอง งั้นผมวางนะ)

 

“ฝากแบคด้วยนะ...” ผมพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

(ฮยอง... ฮยองไม่ผิดนะ ผมเชื่อว่าแบคไม่ได้โกรธฮยองหรอก สบายใจเถอะ)

 

“ขอบใจนะชานยอล” ผมกดวางแล้วหันไปมองหน้าซิ่มหมินที่ทำหน้างอเหมือนตัวอะไรสักอย่าง

 

“เป็นอะไรซิ่วหมิน”

 

“ลู่เกอ นายคงไม่คิดจะกลับไปให้ความหวังยอลลี่หรอกใช่มั้ย” คำพูดของซิ่วหมินถึงกับทำให้ผมสะอึก นั้นสิ...นี้ผมกำลังให้ความหวังชานยอลอยู่รึเปล่าเนี่ย ทำไมชวงนี้ผมรู้สึกทำตัวแย่จัง เฮ้อ....เหนื่อยนะเนี่ย

 

“ฉันยังดูเลวไม่พอหรอ”

 

“ไม่ใช่อย่างน้านนน ลู่เกอไมได้เลวซะหน่อย” ซิ่วหมินว่าพลางหัวเราะก่อนจะหอมแก้มผมฟอดใหญ่แล้วโยกไปมา ผมไม่กล้าสาบานเลยว่าเพื่อนผมคนนี้อยู่ ม.ปลายปี 3 จริง

 

“งั้นเดี๋ยวเค้าไปเก็บห้องก่อนนะ” แล้วร่างเล็กก็เดินหายเข้าไปในห้องทิ้งไว้นั่งเครียดต่อคนเดียว ถึงชานยอลจะบอกว่าไม่ต้องห่วงก็เถอะแต่ยังไงคนที่ผิดก็คือผมนิ ต้องขอโทษสินะ...

__________________________________________________________

โทษน้าาาาา รอกันนานเลย มาแล้วนะคร๊าบบบ ขอบคุณที่รออ่านคร๊าบบ

-THx.-

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา