[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  113.75K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

84) [Episode 6 :: Lie Lover] # Chapter 16 <THE END>

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

Episode 6 Lie Lover

:: Chapter 16 ::

THE END

 

            “ฉันแค่...มีอะไรอยากจะคุยกับเธอเท่านั้นเอง”  คุณมินนาบอกแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ ฉัน

            “แค่คุย ทำไมต้องล็อกประตูด้วยคะ”

            “เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของบีสท์”  คุณมินนาพูดพร้อมกับแสดงสีหน้ากังวลใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

            “คุณพยายามจะบอกอะไรฉันคะ”

            “ตอนนี้ฉันบอกอะไรเธอมากไม่ได้ แต่ฉันอยากขอร้องเธอเรื่องหนึ่ง...เธอห้ามบอกใครว่าเจอมะนาวที่นี่ได้ไหม”

            “ทำไมคะ คุณมีอะไรปิดบังอยู่รึเปล่าทำไมถึงบอกใครไม่ได้ล่ะ”

            “เพราะเรื่องที่มะนาวมาไทยเป็นความลับสุดยอดน่ะสิ”

            “คุณช่วยอธิบายอีกหน่อยได้ไหมคะ ตกลงมันเป็นยังไง”

            “ฉันบอกเธอไปแล้วว่าตอนนี้ยังไม่ปลอดภัยพอที่ฉันจะเล่าให้เธอฟังได้ แต่ถ้าเธออยากให้บีสท์และลัสตี้ปลอดภัยเธอต้องเชื่อฉัน!”

            คุณมินนาเข้ามาบีบไหล่ฉันเพื่อให้ฉันเชื่อเขา ตั้งแต่ฉันทำงานเป็นช่างภาพตามติดบีสท์มา ฉันเห็นคุณมินนาเป็นผู้จัดการของบีสท์มานานมากแล้ว...ฉันคิดว่าเธอคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับบีสท์แน่นอน แต่ทำไมเธอต้องทำตัวลึกลับน่าสังสัยแบบนี้ด้วย

            “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องร้ายๆ ที่เกิดกับบีสท์บ่อยๆ รึเปล่าคะ”

            “เธอรู้เรื่องนั้นได้ยังไง”  คุณมินนามีท่าทางตกใจมากเมื่อฉันถามออกไป

            “ฉันก็พอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง คุณก็รู้แล้วนี่ว่าฉันลูกใคร...”  ฉันพูดพร้อมกับยืดตัวเองขึ้นนิดหน่อย นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ฉันภูมิใจในการเป็นลูกสาวมาเฟีย

            “ฉันสืบจนรู้มาว่าบีสท์มีศัตรูคู่อาฆาตที่คอยตามก่อกวนมาตั้งแต่เริ่มเดบิวต์ แล้วมันก็หนักขึ้นตอนที่มีลัสตี้เพิ่มขึ้นมา...ข่าวที่ฉันรู้มา จริงไหมคะ?”

            “เฮ้อ...ในเมื่อรู้แล้วฉันก็ไม่มีอะไรจะปกปิดแล้วล่ะ เอาเป็นว่าในเมื่อเธอรู้แล้วว่าตอนนี้บีสท์อยู่ในสถานการณ์ยังไงเพราะฉะนั้นฉันขอให้เธอเงียบไว้ก่อน...หวังว่าฉันจะเชื่อใจเธอได้นะ”

            “ค่ะ...ฉันยืนยันว่าจะไม่เล่าให้ใครฟัง ส่วนคนของฉันคุณไม่ต้องห่วง ฉันจะสั่งห้ามทุกคนพูดถึงคุณมะนาว”

            “ขอบใจนะ ขอบใจจริงๆ ^^”  คุณมินนายิ้มออกมาในที่สุด เธอดูผ่อนคลายขึ้นมากกว่าหลายวันก่อนที่เราเจอกัน...แบกภาระหนักอึ้งแบบนี้ไว้คนเดียวคงเหนื่อยใจแย่

            “งั้น ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”  ฉันบอกพร้อมกับกระชับเป้ใช้ที่หลังก่อนจะเดินไปที่ประตู

            “อย่าเพิ่งไปสิ ฉันยังมีอีกเรื่องจะคุยกับเธอ”

            “คะ?”  ฉันส่งเสียงพร้อมกับหันเข้ามาในห้องอีกครั้ง

            “ฉันคงกลับเกาหลีไป ทั้งที่ยังเป็นแบบนี้ไม่ได้หรอก...เรื่องเธอกีกวังน่ะ”

            “เอ่อ...”

            “ฉันอยู่กับเด็กพวกนั้นมาตั้งแต่เป็นเทรนนี่ในค่าย พวกเขาก็เปรียบเหมือนน้องชายของฉัน เพราะฉะนั้น ฉันไม่อยากเห็นพวกเขาเสียใจหรือเศร้าใจ...แม้แต่นิดเดียวฉันก็ไม่อยากเห็น บางค่ายในเกาหลี การที่ศิลปินมีแฟนถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์และเป็นเรื่องต้องห้าม แต่สำหรับฉัน...ฉันไม่ให้มันเป็นอย่างนั้น ฉันไม่ห่วงเลยถ้าในอนาคตพวกเขาจะต้องเสียใจหรือว่าต้องเลิกกัน แต่สิ่งฉันเป็นห่วงก็คือ พวกเขาจะมีความสุขกับชีวิตในปัจจุบันไหมมากกว่า...”

            “คุณมินนา...”  ฉันเรียกชื่อคุณมินนาเบาๆ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในตอนนี้ แววตาของเธอช่างอบอุ่นเกินกว่าที่ฉันจะค้านหรือแทรกการพูดของเธอได้ ความห่วงใยของเธอที่มีต่อบีสท์มันช่างมีมหาศาลจนฉันรับรู้ถึงมันได้อย่างง่ายดาย

            “กีกวังรู้สึกผิดมากที่วันนั้นรีบร้อนอุ้มเธอออกมาจากบริษัทโดยไม่ฟังคุณอธิส จนทำให้เธอต้องถูกยิง...เธอสลบไปหลายวันอาการก็ทรุดลงจนน่าเป็นห่วง เขาเลยสัญญากับคุณอธิสว่าจะอยู่ห่างๆ เธอ เพื่อให้เธอปลอดภัยมากขึ้นจากตัวโชคร้ายอย่างเขา และเพื่อให้คุณอธิสได้ดูแลเธอได้อย่างเต็มที่...”

            “โง่จริงๆ”  ฉันสบถกับตัวเองเบาๆ ความเจ็บปวดแล่นแปล๊บขึ้นมาในใจพร้อมกับม่านน้ำตาเริ่มรื้อขึ้นมาอีกในรอบวัน นี่สินะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาบอกฉันว่า ‘ทำให้เขาเจ็บปวด’ เขาถึงบอกว่าไม่อยากยุ่งกับฉันอีก

            “ความรัก...มันทำให้คนเราทำอะไรโง่ๆ ได้เสมอนั่นแหละ”  คุณมินนาบอกพร้อมกับแตะที่ไหล่ของฉันเบาๆ  “หมอนั่นน่ะอดทนมากที่จะไม่คุยและไม่ติดต่อกับเธอ ทั้งที่ห่วงเธอแทบตายแต่ก็ทำฟอร์มว่าไม่ได้รู้สึกอะไร แต่วันหนึ่งพอรู้ว่ามีโปรเจ็กต์จากประเทศไทยเสนอไปเขาตอบตกลงรับงานแทบจะทันทีโดยไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าที่ตกลงไปมันคืองานออะไร ฮึๆ คิดไปแล้วก็ตลกดีนะ กีกวังไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย”

            “ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ทำไมเวลาที่ได้เจอกับฉัน เขาก็ยัง...ทำเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรล่ะคะ”

            “เพราะเขาเป็นผู้ชายไง...”

            “...”

            “ผู้ชายเขารักศักดิ์ศรีจะตาย พูดแล้วเขาไม่ยอมคืนคำง่ายๆ หรอกนะ”

            “แต่...”

            “ไม่ต้องแต่แล้ว เธอหยุดสร้างข้อแม้ให้ความรักสักทีเถอะ กีกวังทำขนาดนี้อแล้วเธอยังคิดว่าเขาไม่รู้สึกอะไรอยู่หรอ กอดเธอกลางสื่อขนาดนั้นต้องรวบรวมความกล้าขนาดไหนเธอรู้ไหม”

            “แต่..”

            “หยุดคำว่า แต่ ของเธอเลย ถ้าเธอจะบอกว่าแค่เล่นเกมล่ะก็...ลองถามใจตัวเองดูว่าใจเธอคิดว่ายังไง ฉันเชื่อว่าใจเธอจะตอบอีกอย่างที่มันตรงข้ามกับปากของเธอนะ ฉันช่วยเธอได้แค่นี้แหละ ที่เหลือก็เคลียร์กันเองแล้วกัน”  คุณมินนาบอกแล้วเดินไปที่ประตู

            “อ้อ! เครื่องออกคืนนี้เที่ยงคืนตรงเป๊ะนะจ้ะ ^^”  คุณมินนาบอกทิ้งท้ายก่อนจะเปิดประตูออกไป อะไรนะ! พวกเขาจะกลับคืนนี้แล้วหรอ!

            “เดี๋ยวค่ะคุณมิน!...โอ้ย!!”  ฉันต้องร้องออกไปในประโยคสุดท้าย เพราะว่าพอฉันหันไปปุ๊บก็ชนกับแผงอกกว้างของใครบางคน อ้าวซวยล่ะทีมงานรึเปล่า!

            “ขอโทษนะคะ!!”  ฉันลนลานโค้งตัวลง 90º เพื่อขอโทษ แต่ก็ได้รับเพียงแค่ความเงียบกลับมา...

            ใครวะ -_-!

            “ทำไมเธอยังอยู่ที่นี่ล่ะ”  เสียงของกีกวังดังอยู่ข้างหน้า ทำให้ฉันต้องรีบเงยหน้าขึ้นไปมองทันที แล้วก็เป็นกีกวังจริงๆ เขากำลังยืนมองฉันอย่างงงๆ แต่เขามาคนเดียวไม่มีทีมงานหรือว่าเพื่อนร่วมวงของเขาเลย

            “โกหกฉันมาใช่ไหมเนี่ย!”  กีกวังถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พร้อมกับสบถกับตัวเองอย่างหัวเสีย (แต่ฉันได้ยิน -_-)

            “เฮ้อ...โทษที”  กีกวังพูดแล้วหมุนตัวจะเดินออกไปจากห้อง ทำไมเขาไม่ยอมคุยกับฉันดีๆ สักทีนะ หรือต้องรอฉันล้มลงไปแน่นิ่งต่อหน้าถึงจะยอม!!

            พลั่ก!

            ฉันตัดสินใจขว้างเป้ตัวเองใส่แผ่นหลังของกีกวังทำให้เขาชะงักฝีเท้าทันที ก่อนจะหันกลับมามองฉันด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าแปลกใจมากกับปฏิกิริยาของฉัน

            เอาซิ! ด่าฉันเลยไหมล่ะที่ฉันทำแบบนี้! เอากระเป๋ามาเขวี้ยงฉันคืนเลย!! ช่วยทำอะไรสักอย่างที่แสดงออกว่านายยังสนใจฉันอยู่ ไม่ว่าจะทางดีหรือทางร้ายฉันก็รับได้...ได้โปรดเถอะกีกวัง อย่าเฉยชาแบบนี้ได้ไหม!

            “เธอ...ทำแบบนี้ทำไม” 

            “โกรธไหม!”

            “...”

            “ไม่โมโหบ้างหรอที่ฉันทำแบบนี้!”

            “...”

            “อย่าเอาแต่เงียบสิ! นายเป็นใบ้ไปแล้วรึไง!”

            “เปล่า”

            “แล้วไง...พูดกับฉันหน่อย บอกมาว่านายรู้สึกยังไง บอกมาว่านายจะเอายังไง ฉันจะได้ทำตัวถูก! ไม่ใช่ปล่อยให้ฉันเต้นเร่าๆ เป็นบ้าอยู่คนเดียวแบบนี้!!”

            “...”

            “ฉันจะเป็นบ้าอยู่แล้ว...ได้โปรด...พูดกับฉันที จะด่าจะว่าอะไรฉันก็ได้ แต่อย่าเป็นแบบนี้เลย...”  ฉันบอกพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ๆ กีกวัง เขาหลบตาฉันลงไปมองพื้นแล้วไม่พูดอะไรออกมาเลย

            “กีกวัง...ได้โปรด”  ฉันเอื้อมมือไปจับมือเขาไว้แต่เขาก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา

            “พูดสิ! พูดๆๆๆๆๆๆ ฉันบอกให้พูดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!”  ฉันตะโกนออกไปสุดเสียงพร้อมกับกระหน่ำทุบลงไปที่หน้าอกของเขาสุดแรงเกิดแต่กีกวังก็ไม่ได้ตอบโต้หรือขัดขืนอะไร ฉันออกแรงทุบอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งหมดแรงก่อนจะซบลงไปที่ไหล่ของเขาเพื่อพยุงร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปกองกับพื้นอีก

            “ฉันผิดเองที่ไปให้นายรู้จัก ฉันผิดเองที่รนหาที่แล้วก็สร้างแต่ปัญหาจนทำให้นายต้องเป็นห่วง...อึก...แล้วก็รู้แย่ขนาดนั้น ฉันผิดเองที่เข้าไปยุ่งกับชีวิตนายจนวุ่นวายไปหมด...ฮือออ...ฉันผิดเอง อึก! ผิดเองที่ทำให้นายเจ็บปวด...ฉันขอโทษ...”  ฉันพูดออกไปเหมือนคนเสียสติพร้อมกับก้อนสะอื้นลูกใหญ่ที่ถูกเก็บกดเอาไว้

            “...” 

            ในเมื่อกีกวังยังเงียบอยู่ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะสิ่งที่ฉันต้องการจะพูดมันก็หมดไปแล้ว...ฉันควรจะหยุดและพอแค่นี้สินะ...ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกลืนก้อนสะอื้นนั้นลงแล้วใช้ความแข็งแกร่งเฮือกสุดท้าย กล่าวคำลากับเขา

            “เดินทางคืนนี้แล้วใช่ไหม...เดินทางปลอดภัยนะ”  ฉันฝืนยิ้มทั้งน้ำตา คราวนี้คงเป็นการร่ำลาครั้งสุดท้ายของเราแล้ว...ครั้งสุดท้ายจริงๆ

            ฉันยิ้มให้กีกวังเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกมาตามทางเดิน น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ถูกปลดปล่อยออกมาเป็นอิสระอีกครั้ง

            หมับ!

            ระหว่างที่ฉันกำลังเดินออกมา อยู่ๆ ฉันก็รับรู้ถึงความอบอุ่นจากด้านหลัง...กีกวังเข้ามากอดฉันไว้แน่น แผงอกของเขาสัมผัสกับแผ่นหลังของฉันแนบสนิทจนรับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจของเขาได้อย่างชัดเจน...กีกวัง นายตามฉันมาหรอ...นายยอมคุยกับฉันแล้วใช่ไหม

            “กีกวัง...ฮืออออ”  ฉันร้องไห้ออกมามากกว่าเดิมเมื่อมีความอบอุ่นของเขาเข้ามาปลอบโยน...กีกวัง นายกลับมาแล้วใช่ไหม..กลับมาเป็นคนเดิมแล้วใช่ไหม

            “ฉันขอโทษ...”  เสียงที่เบาราวกับเสียงกระซิบที่ดังอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ในใจของฉันชัดเจนและกินใจ...ลมหายใจอุ่นๆ ปนความชื้นที่ปะทะต้นคอทำให้รู้ว่ากีกวังก็ร้องไห้อยู่เหมือนกัน และสิ่งที่ยืนยันได้ชัดเจนก็คือน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่หล่นลงมาที่ไหล่ของฉัน

            “ฉันขอโทษที่พูดทำร้ายจิตใจเธอครั้งแล้วครั้งเล่า...ฉันคิดว่ามันคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ฉันจะทำให้เธอออกห่างจากฉันได้ ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายอีกเมื่อไหร่ฉันเลยต้องทำแบบนี้...ขอโทษนะ...”  กีกวังพูดพร้อมกับซุกหน้าลงมาที่ไหล่ของฉันเบาๆ

            “...แล้วที่ฉันบอกว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอ...จริงๆ แล้ว ฉันอยากเป็นมากกว่านั้น ถ้าเป็นได้แค่เพื่อนฉันจะไม่สามารถปกป้องและดูแลเธอได้อย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นฉันมีอะไรอยากจะถามเธอ...คบกับฉันได้ไหม...แบบแฟน”

            ฉันรีบหันไปหากีกวังทันที เขาไม่ได้ปล่อยให้ฉันเป็นอิรสะซะทีเดียว เขาเพียงแค่คลายกอดเพื่อให้ฉันหันไปหาเขาได้เท่านั้นโดยที่มือของเขายังคงโอบตัวฉันไว้หลวมๆ

            “นาย...พูดจริงหรอ?”

            “ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมั่นใจขนาดนี้เลย”

            “กีกวัง...”

            “ว่าไง...”

            “ขอบใจนะ ^^”  ฉันยิ้มออกมาทั้งน้ำตา...น้ำตาที่ไหลรินออกมาเพราะความสุขที่มีอย่างเต็มเปี่ยม

            “ขอบใจ...แค่นี้หรอ”

            “เอ่อ...”

            “ว่าไง พูดต่อสิ...”  กีกวังตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบ ฉันเลยตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำ นั่นคือ…

            จุ๊บ!

            ฉันเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจุ๊บที่ริมฝีปากของกีกวังเร็วๆ ก่อนจะกลับลงมายืนอยู่เหมือนเดิม

            โอ้ยยย เขินโว้ยยย >////<

            “คำตอบหรอ?”

            “อื้ม”  ฉันพยักหน้านิดหน่อยแทนเพราะว่าตอนนี้มันเขินจนไม่รู้จะทำยังไงดี จะหนีก็หนีไม่ได้เพราะว่ากีกวังยังกอดฉันอยู่

            “แบบนี้มันเป็นคำตอบเด็กๆ นะ ผู้ใหญ่เขาต้องต้องตอบแบบนี้”  กีกวังพูดแล้วกระชับอ้อมแขนเข้าไปอีกทำให้เราแนบชิดกันมากขึ้น ก่อนจะค่อยๆ ก้มลงมาประทับริมฝีปากอย่างนุ่มนวลและอบอุ่น...

            ความอบอุ่นแบบนี้นี่เองที่ฉันตามหามานาน ความอบอุ่นที่มาจากรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เสียงพูดหรือแม้กระทั่งอ้อมกอด รวมทั้งการกระทำทุกอย่างของเขาล้วนมอบความรักและความอบอุ่นให้ฉันได้มากมายอย่างเหลือเชื่อ น่าแปลกที่สิ่งต่างๆ เหล่านี้มาจากผู้ชายคนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น มิน่า...ฉันถึงสู้สุดแรงเกิดเพื่อไม่ให้เสียเขาคนนี้ไป

            ฉันรักนาย...เจ้าชายอสูรของฉัน

 

 

THE END

 

16/09/2557

23:01 น.

 

 

 

****************************************************

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด... .ในที่สุด!...ในที่สุด! ก็จบกันแบบฟินๆ >////<

หวังว่าคงติดใจกับ Back Hug ฉากนี้กันนะคะ ^O^

จบไปแล้วสำหรับโปรเจ็กต์ Dream Story แถมจบแบบงงๆ อีกต่างหาก ฮ่าๆๆๆ 

ที่ไรท์ทิ้งปริศนาไว้ให้เพราะว่าอยากให้รีดเดอร์ตามไปอ่าน Special ไง 

ไรท์ตั้งใจคิดเพิ่มอีก 2 ตอนเชียวนะ ^_^ (ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ)

ถ้าใครอยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ติดตามได้ในตอนพิเศษของ Dream Story นะคะ

 

:: ตอนจบแล้ว ไรท์ไม่ขออะไรมาก

แค่ขอคอมเม้นเป็นกำลังใจแล้วก็โหวตให้นิดหน่อยแค่นั้นเองค่ะ    

อยู่เป็นเพื่อนกัน เป็นกำลังใจให้กันนะคะท่านผู้อ่านที่น่ารัก เรารู้ว่ามีคนอ่านอยู่นะ กิๆๆ (รึเปล่า?)   

เอาเถอะเราจะอยู่อย่างโลกสวยต่อไป จะคิดเสมอว่ายังมีคนคอยตามมาให้กำลังใจอยู่ (Y_Y)

หรือบางทีมันอาจจะไม่สนุกจนเกิดอารมณ์แบบว่า    

"โห โคตรเจ๋งอ่ะ"    

หรือ    

"แอ๊รยย โดนใจอ่ะโดนใจ! >///<" ...ก็เป็นได้ =_=   

ก็เลยไม่มีใครอยากคอมเม้นอะไร

แต่ไม่เป็นไรค่ะ ไรท์จะสู้สุดใจให้เรื่องนี้จบแบบสมบูรณ์ที่สุด ฮึบ!!                                                                                                 

เจอกันใน Dream Story >>> Special นะจ้ะ ^O^

 

****************************************************

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา