[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  97.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

63) [Episode 5 :: Beautiful Lover] # Chapter 9

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Episode 5 Beautiful Lover

:: Chapter 9 ::

 

            วันต่อมา เราก็เริ่มซ้อมคอนเสิร์ตเปิดตัวซิงเกิ้ลใหม่ของบีสท์ที่บริษัทตั้งแต่เช้า บีสท์จะเปิดตัวซิงเกิ้ลนี้อีก 4 อาทิตย์ข้างหน้าพวกเราเลยต้องรีบซ้อมมันให้เป๊ะที่สุด และเพราะว่าฉันจะออกมาช่วงกลางๆ ของเพลงเลยซ้อมเสร็จก่อนพวกเขาฉันเลยขอตัวกลับก่อน เพราะยิ่งฉันอยู่ใกล้ฮยอนซึงมากเท่าไหร่ฉันยิ่งรู้สึกแปลกๆ และเสียงของนายนั่นก็ยิ่งดังหลอกหลอนฉันบ่อยขึ้น -////-

            “กลับแล้วนะคะ”  ฉันบอกพี่ๆ ทีมงานที่ในห้องซ้อมแล้วโค้งให้พวกเขาทั่วทั้งห้องก่อนจะรีบเดินออกมา

            “แขนหายเจ็บแล้วรึไง” 

            ให้ทายว่าเสียงใคร -///-?

            “หายแล้ว”  ฉันตอบ แต่ฮยอนซึงกลับแย่งเป้ของฉันไปอย่างหน้ามึนๆ

            “นี่!”  ฉันหันไปค้อนเขาทีหนึ่งกับความมีมารยาทของเขา ทำไมต้องแย่งไปถือด้วยเนี่ย -_-?

            “นายไม่ไปซ้อมรึไง”

            “พี่เขาให้พักสิบนาที”

            “แล้วทำไมนายไม่ไปพัก เดินมาส่งฉันทำไม”

            “ก็อยากไป”  พูดจบ ฮยอนซึงก็เดินนำหน้าไปกดลิฟต์เพื่อลงไปชั้นล่างให้อย่างเสร็จสรรพ

            “ช่วงนี้เธอรู้สึกแปลกๆ บ้างรึเปล่า”  ฮยอนซึงถามเมื่อเราเดินเข้ามาในลิฟต์แล้ว

            “รู้สึกแปลกๆ ยังไง?”  ฉันถามแล้วถอยออกห่างจากเขามาหนึ่งก้าว นี่อย่าบอกนะว่าเขาจะพูดอะไรบ้าๆ กับฉันน่ะ >///< (นี่แกคิดไกลไปนะณัช -_- : ไรเตอร์)

            “เธอทำอะไรน่ะ -_-?” 

            “เปล่า แค่ฉันรู้สึกว่าใกล้ไปเลยถอยออกมา....แล้วที่นายถามหมายความว่าไงไอ้ รู้สึกแปลกๆ อ่ะ”  ฉันบอก แล้วเงยหน้าขึ้นมองตัวเลขในลิฟต์แทนการสบตากับเขา

            “ก็ฉันรู้สึกว่าไม่เป็นส่วนตัวยังไงไม่รู้ เหมือนมีคนจับตาดูเราตลอดเวลา” 

            “หรอ ฉันไม่เห็นรู้สึกเลย”  ฉันยักไหล่ พอดีกับประตูลิฟต์เปิดออกฉันเลยเดินนำหน้าออกมาแต่...

            พลัก!

            “ขอโทษ!”  อยู่ๆ ก็มีผู้ชายชุดดำคนหนึ่งเดินมาชนฉันทันทีที่เดินออกมา แต่ยังดีที่ฮยอนซึงเดินตามมาติดๆ เลยรับฉันไว้ได้ทัน

            “ไม่เป็นไร...อ้าว!”  ฉันอุทานออกมาในตอนท้ายเพราะพอหันไปอีกทีผู้ชายคนนั้นก็ไม่อยู่แล้ว

            “เธอเจ็บตรงไหนรึเปล่า?”

            “เปล่า -///-”

            “เธอเนี่ยนะ เดินไม่รู้จักมองเล๊ย”

            “ฉันว่าแทนที่นายจะโทษฉันอยู่อย่างนี้ นายเอาเป้คืนมาดีกว่า ฉันจะได้กลับ”

            “โอเค ขับรถดีๆ ล่ะ” 

            “อื้ม”  ฉันบอกแล้วเดินแยกออกมาเลย ทำไมอยู่กับหมอนี่แล้วมันใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ แบบนี้นะ >///<

            กึก!

            อยู่ๆ ก็มีชายชุดดำ 4 คนมายืนขวางทางฉันบริเวณลานจอดรถ พวกนี้ท่าทางไม่น่าไว้ใจแฮะ -*-!

            “พวกแกเป็นใคร”  ฉันถามพร้อมก้าวเท้าไปข้างหลังขณะที่พวกนั้นก็ก้าวเข้ามาหาฉัน ไม่ได้การล่ะ!!

            “ช่วย!!....ด้วย....”  ร่างของฉันไร้การควบคุมและหนังตาก็หนักอึ้งขึ้นมาทันทีที่มีผ้าสีขาวๆ มาปิดปากปิดจมูก แล้วทุกอย่างก็มืดลง....

 

            [Hyunseung : Talk]

            ผมมองณัชเดินออกไปจนกระทั่งเธอพ้นประตูบริษัทผมถึงหันไปกดลิฟต์ อันที่จริงผมอยากขับรถไปส่งเธอด้วยซ้ำแต่ผมกลัวว่าเธอจะอึดอัดเพราะผมรุกมากเกินไปเลยเปิดโอกาสให้เธอได้อยู่คนเดียวบ้าง

            “อ้าว! ณัชกลับแล้วหรอ”  กีกวังเดินออกมาจากลิฟต์ตัวข้างๆ ท่าทางรีบร้อน

            “อื้ม ทำไม?”

            “เขาลืมโทรศัพท์” 

            “หรอ”  ผมรับโทรศัพท์ของณัชมาจากกีกวังแล้วมองไปที่ประตูบริษัท  “คงยังไม่ถึงไหนหรอกมั้ง”

            “งั้นก็เอาไปให้เขาสิ เมื่อกี๊ยิ่งมีสายเข้าอยู่”

            “ใครโทรมา?”

            “แหมๆ เสียงเข้มเชียวนะ”  กีกวังหลิ่วตาใส่ผม เออ! แซวอยู่นั่นแหละ -///-

            “รู้สึกว่าจะเมมเบอร์ไว้ว่าอธิสน่ะ”

            นั่นไง! ผมว่าแล้วว่าไม่ใช่คนอื่นแน่ -_-*

            ผมกับกีกวังเดินออกมาที่โรงรถก็ไม่เจอใครแล้ว ทั้งที่รถก็ยังอยู่...ลืมว่าตัวเองเอารถมาแล้วขึ้นแท็กซี่กลับไปแล้วรึเปล่านะ?

            “เฮ้ย! นี่มันกระเป๋าณัชรึเปล่า”  จู่ๆ กีกวังมันก็ร้องซะลั่นแล้วเดินกลับมาพร้อมเป้ใบที่ผมพายมาส่งณัชเมื่อกี๊

            “ใช่! แกเจอที่ไหน”

            “มันตกอยู่ข้างๆ รถฝั่งนั้น”  กีกวังพูดแล้วชี้ไปที่ตำแหน่งที่มันเคยอยู่

            “ไม่ได้การแล้วว่ะ โทรบอกพวกเราเถอะว่าณัชตกอยู่ในอันตราย” 

            เอี๊ยด!!

            ตอนนั้นเองก็มีเสียงยางรถบดกับพื้นอย่างแรงเพราะการออกตัวที่รวดเร็ว ผมรีบหันไปมองรถตู้คันนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าณัชต้องอยู่บนรถคันนั้นแน่!!

            “แกรีบไปตามพวกเรามา เดี๋ยวฉันจะตามรถคันนั้นไปก่อน!”  ผมพูดแล้วรีบค้นหากุญแจรถในกระเป๋าของณัชและขับตามรถคันนั้นไปติดๆ

            เหมือนว่าพวกมันจะรู้แล้วว่ามีคนตามพวกมันมา พวกมันยิ่งเร่งเครื่องและหักเลี้ยวหลบรถที่แล่นอยู่บนถนนอย่างหวาดเสียวจนเกือบจะชนเข้ากับฟุตบาทข้างทางแล้วก็รถคันอื่นอยู่หลายครั้ง โธ่เว้ย! ถ้าเกิดณัชอยู่บนรถคันนั้นจริงๆ แล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมาผมสาบานตรงนี้เลยพวกมันไม่ได้ตายดีแน่!!

            “พวกเวรเอ้ย!!”  ผมสบถออกมาอย่างหัวเสีย เพราะผมไล่ตามมาถึงสี่แยกไฟแดงผมกลับคราดกับรถตู้คันนั้นอย่างน่าเสียดาย แล้วแบบนี้ผมจะรู้ได้ยังไงว่าพวกมันพาณัชไปไว้ที่ไหน

            ครืดๆๆๆ

            มือถือของผมสั่นต่อเนื่องกันหลายครั้ง ผมหันไปมองก็เห็นว่าดูจุนโทรเข้ามาลยรีบกดรับเพราะเหลืออีก 30 วินาทีก็จะไฟเขียวแล้ว

            “ว่าไง!”  ผมกรอกเสียงเข้าไปในเอียร์โฟนอย่างรีบร้อน

            [แกตามไปถึงไหนแล้ววะ]  ดูจุนถามกลับมาจากปลายสาย เสียงเครื่องยนต์และล้อที่บดเอียดอ๊าดกับพื้นถนนทำให้ผมรู้ว่ามันคงกำลังบึ่งรถตามมา

            “ถึงนัมแดมุน แต่รถติดชิบ! ฉันคราดกับพวกมันแล้ว”  

            [มันล่อแกไปทางรถติดน่ะสิ นายอธิสนั่นบอกว่าให้ไปที่โรงงานเก่าของกังจากรุ๊ปเลย ไม่ต้องตามไปให้เสียเวลา]

            “แล้วหมอนั่นมาเกี่ยวอะไรด้วย -*-”

            [เออน่า แล้วค่อยเล่าไปกังจากรุ๊ปก่อน แค่นี้นะ!]

            ดูจุนกดตัดสายก็พอดีกับไฟเขียวพอดี ผมรีบยูเทิร์นรถกลับทันทีโดยไม่สนว่าจะมีรถสวนมาไหม ตอนนี้ผมห่วงแค่ณัชเท่านั้น!!

            ผมขับลัดเลาะมาตามตรอกซอกซอยต่างๆ จนกระทั่งมาถึงโรงงานเก่าของกังจากรุ๊ปอย่างรวดเร็ว แต่ที่นี่ผมยังไม่เจอเพื่อนของผมเลยสักคน เจอก็แค่รถตู้คันที่ผมขับตามมาจอดอยู่ ที่นี่แหละไม่ผิดแน่! ผมรีบโทรไปหาดูจุนทันทีเพื่อบอกว่าผมมาถึงแล้ว แต่...

            “อ้าว...มาตามเพื่อนกลับหอหรอ ^^”  ชายชุดดำคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน แย่งมือถือผมไปแล้วขว้างทิ้งลงพื้นแตกกระจาย

            “อยากเป็นพระเอกหรอแก ห๊ะ!!!” 

            ผั๊วะ!!

            ด้วยแรงกระแทกแรกๆ ที่ท้อง ทำให้ผมล้มลงไปกองกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า โธ่เว้ย! นี่ผมมาช่วยณัชหรอว่ายิ่งทำให้เธอลำบากกันแน่เนี่ย!!

            ผมถูกไอ้ชุดดำคนนั้นมันลากเข้ามาในโรงงาน ในนั้นมีพวกชุดดำอีกประมาณ 7-8 คนยืนล้อมณัชเอาไว้ เธอถูกมัดไว้บนเก้าอี้ไม้เก่าๆ กลางโรงงาน คอหักพับลงเหมือนคนไม่มีสติ พวกมันทำอะไรเธอ!!

            หัวใจผมเต้นแรงขึ้นอย่างมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความโกรธที่พุ่งพล่านขึ้นมา เธอเป็นอะไรไป!! เกิดอะไรขึ้นกับเธอน่ะณัช!!

            ตุบ!

            “เอ้า ลงไปนอนเฝ้าเพื่อนแกซะ”  ไอ้คนที่พาผมมาทิ้งผมลงพื้นอย่างแรง แต่ผมไม่รู้สึกเจ็บเลยผมห่วงก็แต่ณัชที่หลับไม่ได้สติอยู่ตรงนั้นเลยรีบดันตัวลุกขึ้นแล้วเข้าไปเขย่าๆ ตัวเธอแรงๆ เพื่อเรียกสติ

            “ณัช!! ณัช...เธอเป็นอะไรไป!! ณัช...ฟื้นสิ!!” 

            “มานี่เลยมึง!”  ผู้ชายชุดดำ 2 คนเข้ามาล็อกแขนผมไปด้านหลังแล้วมัดมือผมไว้ทั้ง 2 ข้าง

            “ปล่อยนะเว้ย!! ปล่อย!!”  ผมขัดขืนอย่างถึงที่สุด ถึงผมจะมั่นใจว่าสู้พวกมันคนเดียวไม่ไหวแน่ๆ แต่ผมก็ยังไม่อยากยอมแพ้!!

            ฉันจะปกป้องเธอเอง...ณัช

 

            [Nad : Talk]

            “ปล่อยนะเว้ย!! ปล่อย!!” 

            เสียงที่คุ้นเคยดังเข้ามาในประสาทการรับรู้ เสียงของฮยอนซึง...งั้นหรอ

            ฉันค่อยๆ ดันเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมอง ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ฉันต้องรีบเรียกสติสัมปชัญญะของตัวเองกลับมาให้เร็วที่สุดเพื่อรับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

            “ฮยอนซึง!!”  ฉันร้องเรียกฮยอนซึงที่กำลังถูกชายชุดดำประมาณ 4-5 คนรุมอยู่

            “ณัช”  ฮยอนซึงยิ้มมาให้ฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเหนื่อยๆ เขาเพิ่งจะถูกซ้อมมาหยกๆ แล้วมายิ้มให้ฉันแบบนี้ได้ยังไง!

            “เธอไม่เป็นไรนะ”  ฮยอนซึงรีบดันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบากแล้วเขยิบตัวมาหาฉันใกล้ๆ

            “นายมาที่นี่ได้ยังไง!”  ฉันถามกลับโดยไม่สนใจจะตอบคำถามเขา ทำไมพอฉันเห็นหน้าที่มีรอยฟกช้ำและรอยถลอกของฮยอนซึงฉันถึงอยากจะร้องไห้มากขนาดนี้นะ

            “ก็ขับรถตามมาน่ะสิ”

            “แล้วคนอื่นไปไหน ทำไมนายไม่มาพร้อมเพื่อน นายบ้าไปแล้วรึไง! มาคนเดียวคิดว่าจะสู้เขาได้หรอ!!” 

            “ก็ฉัน...เป็นห่วงเธอนี่”

            “เอ้าๆ ทักทายกันนานเกินไปแล้วสาวๆ ทั้งสอง”  ไอ้ถึกชุดดำ (มันตัวโตกว่าเพื่อนน่ะ -_-) เดินเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาที่ดุเดือดของเรา แต่ไอ้ สาวๆ ทั้งสอง เนี่ย มันคืออะไร? ฉันไม่เข้าใจ -_-?

            “เฮ้ยๆ เมาอยู่รึไงแจซัน สาวทั้งสองได้ไงไอ้คนที่ฉันลากเข้ามาใหม่เนี่ยมันผู้ชายไม่ใช่หรอ กล้ามมันเป็นมัดๆ เลยนะ”  ไอ้ชุดดำอีกคนแย้งขึ้น อย่าบอกนะว่าไอ้ถึกดำนั่นมันคิดว่าฮยอนซึงเป็นผู้หญิง O_o!

            “อ้าว! ฉันก็นึกว่าเป็นเพื่อนสาวตามมาช่วยกันซะอีก”

            “เอ้า! ตกลงแกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายวะ”  ไอ้ถึกนั่นเดินเข้ามาบีบคางฮยอนซึงให้เงยขึ้นไปหามัน

            “เอ...หรือฉันควรถามแกว่าเป็นผู้หญิงหรือกระเทยดี ฮ่าๆๆๆ”  แล้วเสียงหัวเราะของบรรดาไอ้คนชุดดำที่ล้อมพวกเราอยู่ก็ระเบิดออกมาอย่างขบขัน

            ถึงฉันจะชอบล้อเขามาสวยเหมือนผู้หญิง แต่พอมาได้ยินเขาถูกล้อแบบนี้แล้วมันรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก...ฉันสังเกตเห็นฮยอนซึงขบกรามจนได้ยินเสียงกรอดของฟันที่กระทบกันดังออกมาให้ได้ยิน

            “อะไร! มองหน้าหาเรื่องหรอ!!! ห๊ะ!!! อยากชกฉันบ้างรึไงตุ๋มติ๋ม!!”  พูดจบพวกมันก็เข้าไปรุมกระทืบฮยอนซึงอย่างรวดเร็ว

            “หยุดเดี๋ยวนี้นะ...หยุดสิ!!!”  ฉันตะโกนออกไปสุดเสียง แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจเสียงของฉันเลย หมอนั่นก็มัวแต่นอนให้เขารุมอยู่ได้!! สู้เขาซะบ้างสิ! สู้ให้เหมือนตอนที่ไปช่วยเภตรา เหมือนตอนไปช่วยของขวัญ...แล้วทำไมเขาถึงช่วยตัวเองไม่ได้เลยล่ะ!

            “เฮ้ย! ทำอะไรกันวะ”  อยู่ๆ ก็มีเสียงผู้มาใหม่ดังเข้ามาในโรงงาน ชายชุดดำหยุดกระทืบฮยอนซึงแล้วแหวกทางให้ผู้มาใหม่เดินเข้ามาหาพวกฉัน

            “นี่น่ะหรอ แม่นักร้องที่ไอ้อธิสกำลังควงอยู่...แอ็กใช้ได้ฮึๆๆ”  มันมองฉันด้วยรอยยิ้มหื่นๆ ที่ฉันไม่นึกว่าจะมีใครมองฉันแบบนี้ ไอ้สารเลวเอ้ย!!!

            “ดูสายตาสิ ดุใช่เล่นเลยนะเรา” 

            “แกเป็นใคร!! จับตัวฉันมาทำไม”

            “จับมาต่อรองอะไรกับกิ๊กเธอนิดหน่อย...คุยกับมันแล้วบอกว่าโอกังจาอยากคุยด้วย!!”  มันยื่นมือถือที่กำลังต่อสายไปยังอธิสมาให้ยัดใส่หูฉัน

            “อย่ายุ่ง...กับเธอ...”  ฮยอนซึงยื่นมือที่สั่นเทามาจับขาโอกังจาเอาไว้แน่น อย่าไปยั่วโมโหมันสิฮยอนซึงเดี๋ยวนายก็เจ็บตัวอีกหรอก!! ฉันเอาตัวรอดได้ไม่ต้องห่วงฉัน...

            “หมอนี่ใคร! เอามันไปไว้ไกลๆ ซิ!!”  โอกังจาบอก สมุนของมันจึงเข้ามาลากฮยอนซึงออกไปยังมุมหนึ่งของโรงงานแทน

            “ถ้าแกอยากให้ฉันพูดกับอธิสล่ะก็ แกต้องปล่อยผู้ชายคนนั้นไป!”  ฉันต่อรอง ถึงแม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนจะต่อรองอะไรไม่ได้ก็ตาม แต่ฉันก็อยากขอใช้สิทธิ์บ้าง...ฉันไม่อยากให้เขาต้องเจ็บตัวเพราะฉันอีกแล้ว...

            “แหมๆ สาวน้อย อย่ามาลูกเล่นกับฉันเลย คุยกับมันซะดีๆ”  โอกังจาพูดแล้วเข้ามากระชากผมฉันแรงๆ หนึ่งที  “มันรับแล้ว พูดซะสิ...” 

            ผมเม้มปากไว้แน่นไม่ยอมพูด...โอกังจาจึงกระชากผมฉันแรงๆ อีกหลายครั้งจนฉันเผลอร้องออกไป

            “โอ้ย!!”

            [ณัช!!...นั่นคุณใช่ไหม!!]

            “ใช่...แกได้ยินเสียงความเจ็บปวดของเด็กแกรึยัง...ถ้าไม่อยากให้สาวน้อยคนนี้เจ็บปวดกว่าเดิมล่ะก็...แกก็ยอมยกหุ้น T-Link มาให้ฉัน แล้วคืนหลักฐานที่แกมีอยู่ทั้งหมดเกี่ยวกับธุรกิจของฉันมาซะ!!!”  โอกังจาเอามือถือไปคุยด้วยตัวเอง แต่มันนิ่งฟังคุณอธิสพูดสักพักตัวก็สั่นเทิ้ม ดวงตาแข็งกร้าวเหมือนกำลังโกรธจัด

            “ว่าไงนะ!...”  สิ้นสุดเสียงของโอกังจา เสียงปืนรัวๆ ประมาณ 7-8 นัดก็ดังขึ้นรอบตัวฉันตาปี๋ลงทันที ก่อนจะรีบเปิดเปลือกตาออกเมื่อเสียงปืนสงบ

            ร่างของสมุนชุดดำของโอกังจานอนเกลื่อนอยู่เต็มพื้นพร้อมกับเลือดสีแดงเข้มค่อยๆ ไหลออกมาจากร่าง

            “แกช้ากว่าฉันก้าวหนึ่งเสมอนะโอกังจา...”  เสียงของคุณอธิสดังเข้ามาในโรงงาน พร้อกกับการ์ดชุดดำของเขาที่เดินตามเข้ามาอีกเกือบ 20 คน บีสท์ก็มาด้วย พวกเขากำลังเข้าไปช่วยพยุงฮยอนซึงออกมาจากมุมนั้น...ปลอกภัยแล้วสินะฮยอนซึง

            “ตอนนี้ตำรวจกำลังมายอมมอบตัวดีกว่าโอกังจา”  คุณอธิสพูดอย่างเป็นต่อ

            “งั้นหรอ...ฉันไม่มีทางเลือกแล้วสินะ”  โอกังจายิ้มมุมปากนิดหน่อยอย่างเจ็บใจ

            “ใช่...เพราะถ้าแกเล่นตุกติกล่ะก็ นักแม่นปืนที่ซ่อนอยู่จะช่วยส่งแกไปหาลูกน้องทันที”

            “ฮึ! ดูซิว่าจะยิงแม่นขนาดไหน!!”  พูดจบมันก็จับฉันให้ยืนขึ้นแล้วใช้แขนโอบล็อกรอบคอฉันไว้ ส่วนมืออีกข้างก็เอาปืนจ่อมาที่ขมับของฉัน ด้วยแรงกดของปากกระบอกปืนทำให้ฉันรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที

            “เอาสิ!! ยิงเลยสิ ยิงมาที่หัวฉันเลย!!!”  โอกังจาจับฉันเหวี่ยงหมุนไปหมุนมาเหมือนคนบ้า นักแม่นปืนแม่นขนาดไหนแต่ถ้าจับตัวประกันเหวี่ยงไปมาแบบนี้ยังไงก็เสี่ยงอยู่ดีถ้าเกิดจะยิง!!

            “แกต้องการอะไร...ต้องการหุ้น ต้องการหลักฐานที่ฉันมีอยู่...แล้วแกรู้ได้ยังไงว่าฉันจะไม่ก๊อปปี้ไว้”

            “ขนาดนี้ผู้หญิงของแกอยู่ในกำมือฉันแกยังไม่ยอมอีกหรอ!! แกมันเห็นแก่ตัวชัดๆ”

            “ฉันไม่ได้เห็นแก่ตัว ฉันแค่อยากให้แกคิด...”

            “ไม่ต้องพูด หลีกไป...ฉันบอกให้หลีก!!!” 

            ด้วยคำขู่และปืนที่จ่อหัวฉันอยู่ ทำให้ทุกคนยอมหลีกทางให้ฉันกับโอกังจาออกมาจากโรงงานได้อย่างง่ายดาย

            “ณัช!!”  ฮยอนซึงพยายามจะเดินเข้ามาหาฉัน แต่ก็โดนดูจุนกับกีกวังรั้งเอาไว้

            “ฮยอนซึง อย่าเข้ามานะ ฉันไม่อยากเป็นต้นเหตุให้นายต้องเจ็บตัวเพราะฉันอีกแล้ว...ขอบใจนะที่มาช่วยฉัน...ขอบใจจริงๆ”

            ใช่...ฉันต้องบอกเขาเอาไว้ว่าฉันรู้สึกขอบคุณเขาจริงๆ ที่ยอมเสี่ยงชีวิตมาช่วย...นอกจากคำขอบคุณฉันมีอีกอย่างที่อยากบอกเขา ก่อนที่ฉันจะไม่มีโอกาสได้พูดอีก...

            “ฮยอนซึงฉัน...”

            “ล่ำลากันอยู่นั่นแหละ ขึ้นไป!!”  โอกังจาจับฉันยัดเข้ามาในรถแล้วบังคับให้ฉันขับรถออกมาจากโรงงานนั้น โดยมีคุณอธิสและบีสท์ตามมาห่างๆ

            “ขับเร็วๆ หน่อยได้ไหม เธออยากให้พวกมันตามมาทันรึไง!”

            “ใช่ ทำไมล่ะ!! ฉันยังไม่อยากตายไปกับคนเลวๆ อย่างแกนี่!!”

            “ปากดีนักนะมึง! เร่งเครื่องขึ้นอีก!”  โอกังจากดปากกระบอกปืนเข้ามาในขมับของฉันแรงกว่าเดิม ฉันเลยจำเป็นต้องทำตาม

            วี๊หว่อ!! วี๊หว่อ!! วี๊หว่อ!!

            เสียงหวีดไซเรนของตำรวจที่ดังอยู่ไม่ไกลทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมาเปราะหนึ่ง อย่างน้อยๆ ตัวช่วยของฉันก็เพิ่มมาอีก 1 แล้ว ตั้งสติไว้ณัชเธออย่าเพิ่งสติหลุดนะ!

            “ตำรวจหรอ!”  โอกังจาชะงักไปทันทีแล้วหันไปดูกระจกมองข้างฝั่งตัวเอง ฉันเลยอาศัยจังหวะนี้เหยียบเบรกและหักพวงมาลัยจนสุดเพื่อให้รถหยุดและทำให้โอกังจาเสียหลัก แต่เพราะฉันไวไม่พอโอกังจารีบหักพวงมาลัยกลับอีกทาง ทำให้รถข้ามเกาะกลางถนนไปอีกเลน

            ปี๊กกกกกกกกก!!!!!

            ตอนนี้รถที่ฉันขับอยู่จอดนิ่งสนิทอยู่กลางถนนของเลนฝั่งตรงข้าม เสียงแตรรถดังระงมไปทั่ว รถคันแล้วคันเล่าหักหลบรถของพวกเราเป็นพัลวัน

            เพี๊ยะ!

            “อยากตายเร็วๆ รึไงห๊ะ! อีกนิดเดียวฉันก็จะทำให้เธอสมใจแล้ว แต่ขอให้พาฉันหนีให้พ้นก่อนแล้วค่อยตาย!”  โอกังจาหันมาตบหน้าฉันฉาดใหญ่แล้วจี้ปืนมาที่ฉันต่อ

            “รีบขับรถไป” 

            ฉันหันไปมองหน้าโอกังจาทั้งน้ำตา ฉันไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยที่โดนตบ แต่ฉันแค้นใจที่ไม่สามารถตอบโต้อะไรมันได้เลย!

            ปี๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!

            อยู่ๆ เสียงแตรรถบรรทุกก็ดังขึ้น ฉันกับโอกังจาหันไปมองต้นเสียงก็พบว่ามีรถบรรทุกกำลังแล่นตรงมาที่เราด้วยความเร็ว!!

            โครมมมมมมมมมม!!!!

            เสียงโครมดังกระหึ่มอยู่ในหูพร้อมๆ กับแรงกระแทกมหาศาลจนเหมือนร่างกายจะแหลกละเอียดเป็นชิ้นๆ ต่อมาฉันรู้สึกว่าตัวเองลอยคว้างอยู่กลางอากาศนานมากก่อนจะรับรู้ถึงแรงกระแทกอีกครั้ง!!!

 

 

 

 

*********************************

Ch.9 อัพเดตจ้า

ฝากติดตามต่อด้วยนะคะ ^O^

*********************************

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา