[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร
เขียนโดย Kreota
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
59) [Episode 5 :: Beautiful Lover] # Chapter 5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Episode 5 Beautiful Lover
:: Chapter 5 ::
หลังจากเสร็จงาน เราก็กลับมาที่เกาหลีแต่ฮยอนซึงยังไม่หายดีเลยต้องงดออกงานไปสักระยะเพื่อให้ร่างกายพักฟื้นได้อย่างเต็มที่
แต่ฉันคิดว่าคงพักไม่เต็มที่เท่าไหร่หรอกเพราะเพิ่งได้รับมอบโปรเจ็กต์ใหม่จากพี่นาบีเมื่อวานนี้เองว่าให้ทำซิงเกิ้ลพิเศษขึ้นมา 1 เพลง บีสท์เลยต้องช่วยกันแต่งเนื้อร้องทำนองกันแบบชนิดที่เรียกว่าหามรุ่งหามค่ำเพื่อให้เสร็จทันงานประกาศรางวัลครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง และซิงเกิ้ลนี้ฉันได้มีโอกาสได้ร้องท่อนแร็ปร่วมกับจุนฮยองด้วย ^^
แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเราก็เกิดปัญหาซะแล้ว...-*-
“ถ้านายจะคิดท่อนแร็ปได้เถือนขนาดนี้นะ ฉันไม่มีทางร้องแน่ -_-” ฉันยื่นกระดาษแต่งเพลงที่ยับเยินไปด้วยรอยลบและขีดฆ่าคืนให้จุนฮยองเป็นครั้งที่ 7
“นี่! ฉันเปลี่ยนให้เธอตั้งเจ็ดครั้งแล้วนะ ตกลงจะเอายังไงเนี่ย!” จุนฮยองรับมันไปอย่างไม่พอใจ
พี่นาบีคิดยังไงให้ฉันกับจุนฮยองแต่งท่อนแร็ปด้วยกัน ใจร้อนกันทั้งคู่ แทบจะฆ่ากันตายอยู่แล้วเนี่ย =_=;
“โอ้ย! พี่ๆ คะ วิลมองพี่เถียงกันแบบนี้ชั่วโมงกว่าแล้วนะคะ ยังตกลงกันไม่ได้อีกหรอ” วิลล่าที่นอนดูทีวีอยู่ด้วยถามขึ้นอย่างขัดใจ
“ก็พี่เธอนั่นแหละ ไม่ยอมเลือกสักทีว่าจะเอาแบบไหน ฉันไม่รุ้จะแก้ให้ยังไงแล้ว” จุนฮยองโวยแล้วทิ้งกระดาษใบนั้นลงมากลางวง
“เฮ้ยๆ ใจเย็นเป็นไรกัน ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำเดี๋ยวก็ได้เองแหละน่า” กีกวังที่เพิ่งเดินเข้ามารีบปราม ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้
“ใช่ค่ะ ทะเลาะกันจนวิลดูซีรี่ย์ไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย”
“แล้วนี่คนอื่นไปไหนกันหมดเนี่ย” กีกวังกวาดตามองไปทั่วห้องที่เงียบสงบ
“อ๋อ พี่เฝ้าฝันไปเรียนน่ะค่ะ ส่วนพี่คนอื่นๆ ไปถ่ายรายการวาไรตี้อะไรสักอย่าง จำชื่อไม่ได้ ^^;” วิลล่าบอก
“อ๋อ” กีกวังพยักหน้ารับรู้
วันนี้ลัสตี้มีงานเกือบจะทุกคนค่ะ เหลือแค่ฉันที่กำลังคิดโปรเจ็กต์ร่วมกับบีสท์และวิลล่าที่กำลังอยู่ในช่วงท่องบทละครเท่านั้นที่อยู่ ส่วนบีสท์คนอื่นๆ เขานอนอืดอยู่ที่ห้องโน่นแน่ะ
ปึก!
อยู่ๆ ก็มีกรอบรูปขนาดใหญ่ถูกทิ้งลงกลางห้องนั่งเล่นที่พวกเรากำลังนั่งคุยกันอยู่ ถ้าถามว่ามันใหญ่ขนาดไหน ลองกางแขนออกทั้ง 2 ข้างออกดูสิคะ แล้วจะรู้ =_=
“แกเอาอะไรมาเนี่ยฮยอนซึง” จุนฮยองมองกรอบรู้ที่ถูกห่อด้วยแผ่นยางใสกันกระแทกสลับกับฮยอนซึงที่เพิ่งฟื้นจากพิษไข้อย่างงงๆ ฉันก็งงไม่ต่างกันหรอกยกมาได้ไงคนเดียวกรอบรูปใหญ่ขนาดนี้ =_=?
“เขาส่งผิดห้อง” ฮยอนซึงโยนซองจดหมายสีฟ้าลงมาที่ตักของฉัน
“อะไร?” ฉันถามพร้อมกับหยิบซองนั้นขึ้นดู ก็พบว่ามันจ่าหน้าซองถึงฉันและลงชื่อผู้ส่งคือ ‘อธิส’
“ของพี่นี่ O_O!” วิลล่าร้อง
“คราวหน้าคราวหลังก็บอกที่อยู่เขาดีๆ หน่อยนะ จะได้ไม่ลำบากคนอื่นเขายกมา!” ฮยอนซึงพูดเสียงดังลั่นห้อง ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่าคนเพิ่งหายจากไข้มา -_-!
“ฉันก็ไม่ได้ขอให้ยกมาให้นี่!” ฉันลอยหน้าตอบ
“แต่มันแกะกะเข้าใจป่ะ! คราวหน้าก็บอกเลขห้องเขาดีๆ แล้วกัน อ้อ! หรือจะให้กุญแจห้องเลยดีไหมเขาจะได้ไม่เคาะห้องผิดอีก” ฮยอนซึงเท้าสะเอวอย่างอารมณ์เสีย
“ว่าไงนะ เคาะห้องหรอ?” ฉันถามเมื่อรู้สึกตงิดๆ ในสิ่งที่ฮยอนซึงพูด
“ใช่!! มาถึงห้องเลย”
“ตอนนี้เขาอยู่ไหน?” ฉันลุกพรวดขึ้นจากที่ทันที บ้าน่า! ตามมาถูกได้ไง!
“คุณมินนาให้ลงไปรอที่ล็อบบี้โน่น รีบไปซะสิ!”
“ใช่ค่ะ รีบไปสิคะเดี๋ยวเขากลับก่อนนะ อิอิ ^^” วิลล่าส่งเสียงเชียร์อย่างสดใส โดยไม่ได้สนใจน้ำเสียงประชดประชันของฮยอนซึงเลย
ฉันหันไปถอนหายใจใส่วิลล่าก่อนจะรีบลงมาที่ล็อบบี้ ที่ฉันรีบๆ แบบนี้ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะพบเขาใจจะขาดหรอกนะ แต่ฉันอยากจะคุยกับเขาให้รู้เรื่องว่าอย่ามายุ่งกับฉันได้ไหมเพราะฉันรู้สึกอึดอัดที่เขามาทำอะไรแบบนี้ ฉันไม่อยากให้เขามาตามติดฉัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม...ฉันไม่อยากทำให้ใครคนหนึ่งต้องกังวลหรือว่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น ฉันอึดอัดและรู้สึกแย่มากที่เขาทำและพูดแบบนั้นกับฉัน...
“คุณอธิส!” ฉันเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับเขาทันทีที่ไปถึง
“อ้าว เร็วจัง นึกจะรอนานกว่านี้ซะแล้ว”
“คุณมาที่นี่ทำไม” ฉันถามเข้าเรื่องทันที
“ผมต้องขอโทษจริงๆ ที่ใช้สิทธิ์สปอร์ตเซอร์มาขอพบคุณแบบนี้ แต่ผมอยากพบคุณจริงๆ”
“เรื่อง?...อยากพบฉันเรื่องอะไรคะ?”
“เอ่อ...คุณอารมณ์เสียเรื่องอะไรมารึเปล่าเนี่ย” คุณอธิสมองฉันอย่างงงๆ
ฉันเพิ่งจะรู้ตัวตอนนี้เองว่ากำลังเหวี่ยงใส่เขาอยู่ พอนึกถึงคำพูดคำจาแล้วก็ท่าทางของนายฮยอนซึงเมื่อกี้แล้วมันอารมณ์พุ่งพล่านยังไงชอบกล =_=!
“เฮ้อ...ขอโทษค่ะ ฉันกำลังทำงานค้างอยู่ เลยอารมณ์เสียไปหน่อย” ฉันถอนหายใจและสูดเข้าไปลึกๆ เพื่อตั้งสติใหม่
ใช่...อย่าเพิ่งใจร้อนยัยณัช ยังไงเขาก็เป็นถึงสปอร์ตเซอร์รายใหญ่ในช่วงนี้นะ แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวหน่อยสิ!
“ผม...คุณณัช ระวัง!!!”
อยู่ๆ ฉันก็ถูกดึงให้ก้มลงใต้โต๊ะ และเพียงเสี้ยววินาทีต่อจากนั้นก็มีเสียงปืนดังลั่นไปทั่วล็อบบี้ เสียงกรีดร้องดังระงมแข่งกับเสียงปืนที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“มาหลบหลังผม!!” อธิสตะโกนแล้วดึงตัวฉันไปหลบอยู่ข้างหลังเขาขณะที่กำลังลั่นไกปืนไปที่ฝั่งตรงข้ามจนหมดแม็ก
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!!” ฉันถามอธิสในระหว่างที่เขาก้มลงมาเติมเต็มกระสุนให้ปืนพกของตัวเอง
“แล้วผมจะเล่าให้คุณฟัง ที่นี่มีทางออกอื่นอีกไหม?” อธิสถามหน้าตาซีเรียสจนฉันลืมภาพรอยยิ้มอุ่นๆ ของเขาไปเลย
“มีๆ ประตูหลัง” ฉันชี้ไปที่ตั้งของประตู อธิสมองตามแล้วกวาดสายตาไปทั่วล็อบบี้ก่อนจะจับมือฉันออกวิ่งไปตามทางที่ฉันบอก
ปัง!! ปัง!!
เสียงปืนไล่หลังเรามาเป็นระยะพร้อมกับข้าวของที่เราวิ่งผ่านมากระเด็นกระจายไปทั่วทั้งล็อบบี้ พนักงานและแขกมากมายที่มาพักต่างวิ่งหนีและหาที่กำบังให้ตัวเองวุ่นวายไปหมด พวกเราเลยวิ่งหนีได้ลำบาก
“หยุดนะ!!” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังไล่หลังมา ฉันรู้สึกว่ามันใกล้มากเลยนะ >_<!!!
ปัง!!
สิ้นสุดเสียงปืนนัดนี้ ก็ได้ยินเสียงไซเรนของรถตำรวจดังอยู่ที่ทางเข้าของคอนโด ผู้ชายชุดดำที่ไล่ยิงเรามาต่างพากันแยกย้ายไปคนละทิศละทางจนกระทั่งไม่เหลือใคร นอกจากผู้ชายชุดดำประมาณ 5 คนที่ฉันคิดว่าน่าจะเป็นคนของคุณอธิสยืนคุ้มกันเราอยู่
“คุณไม่เป็นไรใช่...ไหม...” อธิสอึกอักเมื่อมองไปมาที่แขนซ้ายของฉัน ฉันมองตามลงไปก็เห็นต้นแขนซ้ายเลือดโชกอยู่ มันหยดเป็นสายตามทางที่เราวิ่งมาเลย
“ฉัน...ถูกยิงหรอ?” ฉันเงยหน้ามองคุณอธิส ขณะที่แขนซ้ายเปลี่ยนจากอาการชาๆ เป็นปวดตุบๆ จนฉันขยับมันไม่ได้
“อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ...เดี๋ยวผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล...ณัช...ณัช...” เสียงของคุณอธิสเลือนรางลงเรื่อยๆ จนกระทั่งโลกทั้งใบมืดมิดลง..
[A-Tid : Talk]
“เฮ้ย!! อย่าหนีนะ!!” เสียงลูกน้องของโอกังจาดังไล่หลังผมมาติดๆ ผมปลายตาไปมองระยะของชายชุดดำประมาณ 10 คนที่วิ่งไล่หลังมาแล้วเร่งฝีเท้าเพิ่มขึ้นอีก
โธ่เว้ย! นี่ขนาดผมหนีมาพักผ่อนที่เมืองไทยยังตามมาฆ่ากันอีกหรอเนี่ย! ผมไม่คิดว่ามันจะทำอะไรอุกอาดใจกลางเมืองพัทยาแบบนี้เลยไม่ได้ให้การ์ดตามมาด้วยสักคน
“เอาไงดีครับนาย คนของเราเข้ามาไม่ได้เลย แถวนี้มันมีคอนเสิร์ตอะไรก็ไม่รู้” โทซองมือขวาชาวเกาหลีของผมตะโกนถามขณะวิ่งหนีมาด้วยกัน
“หาที่หลบก่อนแล้วกัน แล้วค่อยว่ากันอีกที”
ผมนั่งรถออกจากโรงแรมได้ไม่ถึงกิโลรถผมก็ถูกยิงจนยางรั่วทั้ง 4 เส้น แถมพวกมันยังไล่ยิงผมแบบไม่ดูสิ่งแวดล้อมเลยว่ามีคนบริสุทธิ์อีกตั้งมากมายที่อาจโดนลูกหลงไปด้วยผมเลยต้องวิ่งออกมาจากที่ที่มีคนเยอะเพื่อความปลอดภัยของทุกคน เป็นมาเฟียที่ไม่มีคุณธรรมเอาซะเลยไอ้คนพวกนี้!! เสียชื่อมาเฟียหมด -_-*
อ๋อ! ผมลืมแนะนำตัวครับ ผมชื่ออธิส เป็นนักธุรกิจธรรมดาๆ (?) คนหนึ่งนี่แหละ บริษัทของผมทำเกี่ยวกับการขนส่งระหว่างประเทศและที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้คือเครือข่ายโทรศัพท์ระหว่างประเทศ ‘O.T. Talk’ ธุรกิจที่ผมทำมันใหญ่มากและมีเครือข่ายมากมายเกือบทั่วโลก ผมเลยกลายเป็นผู้มีอิทธิพลไปโดยตำแหน่ง แต่จริงๆ แล้วผมก็เป็นคนธรรมดานี่แหละครับ แต่ใครๆ ก็มักเรียกผมว่าเป็น ‘มาเฟีย’
และเพราะความกว้างขวางของผมนี่เอง เลยไปขัดแข้งขัดขาโอกังจา มาเฟียที่เกาหลีเข้าโดยไม่รู้ตัว และยิ่งไปกว่านั้นผมแอบไปเจอตอนที่มันเจรจาธุรกิจผิดกฎหมายเข้าโดยบังเอิญ ผมเลยถูกตามล่าอย่างที่เห็น ขนาดผมหาเวลาว่างกลับมาเยี่ยมครอบครัวที่เมืองไทยได้ไม่กี่วัน ก็ยังโดนไล่ยิงอ่ะคิดดูสิครับ -_-
“นาย! ไปทางไหนดี” โทซองร้องขึ้นมาเมื่อเจอทางแยกที่ไม่คุ้นเคย
“งั้นแยกกัน เจอกันที่โรงแรม!” ผมบอกก่อนจะเลี้ยวไปคนละทาง ผมคิดว่าถ้าผมตายผมก็ขอตายคนเดียว ผมไม่อยากให้คนของผมมาตายด้วยเพราะยังไงพวกมันต้องตามผมมาแน่ๆ
ปัง!! ปัง!! ปัง!!
เสียงปืนยังคงไล่หลังผมมาติดๆ และดูเหมือนมันจะไม่เลิกราง่ายๆ ซะด้วย เพราะครั้งนี้เป็นโอกาสทองของมันเลยทีเดียวที่ผมไม่มีการ์ดคอยคุ้มกัน
ผมวิ่งมาตามซอยเล็กๆ เรื่อยๆ จนกระทั่งวิ่งมาถึงที่ไหนสักแห่ง มันน่าจะเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตที่โทซองพูดถึง
ผมหยุดช่างใจอยู่สักพักก็มีรถตู้คันหนึ่งแล่นมาจอด มีผู้ชาย 7-8 คนซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นทีมงานของคอนเสิร์ตนี้ ลงมาจากรถแล้วขนกล่องอุปกรณ์สีดำเข้าไปในประตูหลังฮอล์ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นทางที่เข้าไปหลังเวที ผมจึงรีบเดินเข้าไปยกกล่องใบหนึ่งเดินตามผู้ชายเหล่านั้นเข้าไปในงานอย่างเนียนๆ เพราะหวังว่าคงจะพอหลบได้จนกว่าโทซองจะมา
ผมวางกล่องใบนั้นลงในที่ที่เขาบอกให้วางแล้วเดินแยกออกมาอย่างเงียบๆ ไปทางไหนล่ะทีนี้?
ครืด...ครืด...
ระหว่างที่ผมกำลังหาทางออกโทรศัพท์ผมก็สั่นผมรีบกดรับสายโทซองอย่างรวดเร็ว โทรมาถูกจังหวะจริงๆ มือขวาของผม
“ว่าไงโทซอง แกอยู่ไหนแล้วเนี่ย”
[ผมวิ่งมาเจอคนของเราพอดีครับนาย ตอนนี้นายอยู่ที่ครับ เดี๋ยวผมจะไปรับ]
“ฉันอยู่หลังเวทีคอนเสิร์ตที่แกว่านั่นแหละ”
[อ้าว! เข้าไปในนั้นได้ยังไงล่ะครับ]
“ไม่มีทางหนีนี่หว่า”
[โอเคครับ งั้นนายรออยู่ในนั้นก่อน เดี๋ยวผมจะรีบไป]
“อื้ม” ผมรับคำแล้วเก็บมือถือให้เข้าที่ งั้นกลับไปทางเดิมก่อนแล้วกันข้างหน้าก็ไม่รู้จะมีทางออกอีกไหม
ผมเดินกลับไปทางเดิมแต่ยิ่งเดินเข้าไปใกล้กับประตูเท่าไหร่คนก็ยิ่งเยอะมากขึ้นเท่านั้น ผมเลยต้องก้มหน้าก้มตาเดินเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าผมไม่ใช่ทีมงานจะได้ไม่เป็นเรื่องใหญ่
“จริง...ก็ฉันมันแรงเยอะ ไม่เหมือนนายหรอก แรงก็น้อย ท่าทางอ้อนแอ้นแบบนี้ฉันไม่กล้าใช้ให้ถือของให้หรอก”
“เธอ!”
มีเสียงผู้หญิงกับผู้ชายคุยกันอยู่ตรงทางแยกที่ผมเดินผ่านมาแต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจนักเพราะที่ผมสนใจคือประตูทางออกที่อยู่ข้างหน้าเท่านั้น แต่ทว่าเมื่อเดินเข้าใกล้ประตูผมก็เห็นลูกน้องของกังจาเดินไปเดินมาเต็มทางออกไปหมด ผมเลยต้องถอยกลับเข้ามาตั้งหลักใหม่ แต่ทั้งที่ระวังตัวสุดชีวิตว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องใหญ่แท้ๆ แต่...
พลัก!
“โอ้ย!” ผู้หญิงที่ผมเพิ่งจะชนเธอร้องขึ้นมา พร้อมกับเซไปชนเข้ากับผู้ชายที่เธอกำลังคุยด้วย
ผมชนเธอในทางเดินที่ผมเพิ่งจะเลี้ยวเข้ามาหลบ เสียงเธอร้องอยู่ใกล้ๆ ผมพร้อมกับมีข้าวของมากมายกระจายเกลื่อนอยู่เต็มพื้น
“เอ่อ...ขอโทษครับ” ผมพูดพร้อมกับก้มลงเก็บข้าวให้ผู้หญิงคนนั้น
“เป็นไรไหม?” เสียงของผู้ชายคนนั้นถามเธอด้วยน้ำเสียงห่วงใย แต่เป็นภาษาเกาหลี
“ไม่เป็นไร” เธอคนนั้นตอบกลับอย่างห้วนๆ
“ขอโทษจริงๆ นะครับ พอดีผมรีบไปหน่อย” ผมเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับส่งของคืนเขาไป แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับใบหน้าเรียวๆ รับกับผมซอยสั้นระต้นคอนั้นอย่างลงตัว คิ้วขมวดเป็นปมแววตาไม่พอใจนักเมื่อมองมาที่ผมแต่ผมกลับรู้สึกชอบเวลาที่เธอมองมาจนละสายตาไม่เลย แต่เอ๊ะ! เมื่อกี๊เขาพูดภาษาเกาหลีกันนี่หว่า -_-?
“อ้าว! นักร้องเกาหลีรึเปล่าวะ...ขอโทษนะครับ พอดีผมรีบเกินไปหน่อย” ผมสบถกับตัวเองในประโยคแรก และประโยคถัดไปผมเปลี่ยนเป็นพูดภาษาเกาหลีกับเธอแทน
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอตอบกลับมาด้วยภาษาเกาหลีอย่างสุภาพทั้งที่หน้าเธอมันบอกผมว่าเธอไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ผมชนเธอเมื่อกี๊นี้
“เฮ้ย!! เข้ามาในนี้ได้ไง ออกไปเลยครับ ออกไปเลย!!” ระหว่างนั้นเองทีมงานมากมายที่แห่มาจากไหนไม่รู้วิ่งกรูเข้ามาจับตัวผมไว้แล้วลากผมออกมาจากหลังเวที แต่ยังโชคดีหน่อยที่เขาพาออกมาอีกประตูหนึ่ง
ต้องขอบคุณพวกเขานะเนี่ยที่ช่วยผมหาทางออกจนเจอ -_-;
“นาย!...นายครับ ทางนี้” เสียงโทซองดังมาจากอีกฟากของถนน
“รู้ได้ไงว่าฉันอยู่แถวนี้” ผมถามอย่างทึ่งๆ เพราะสถานที่ที่ผมบอกโทซองไปมันมีพิกัดกว้างมากที่จะหาคนๆ หนึ่งให้เจอในเวลาที่รวดเร็วขนาดนี้
“ถ้าผมหาไม่เจอน่ะสิแปลก นายลืมไปแล้วหรอว่าผมเป็นมือขาวของนายเลยนะครับ” โทซองพูดแล้วยืดตัวเองขึ้นมานิดหน่อยอย่างภูมิใจ ฮึ! ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะไอ้โทซอง -_-!
“เชิญครับนาย” โทซองเปิดประตูรถให้ ก่อนจะขึ้นมานั่งข้างๆ ผม ส่วนเบาะด้านหน้ามีบอดี้การ์ด 2 คนนั่งประจำที่อยู่แล้ว
“ฉันว่าฉันจะส่งแกไปเรียนยิงปืน แล้วทำเรื่องให้พกปืนอย่างถูกกฎหมายซะเลย จะได้คุ้มกันฉันได้บ้าง ไม่ใช่วิ่งหนีก่อนเจ้านายเหมือนอย่างวันนี้” ผมหันไปหาโทซองที่ยิ้มแหยๆ มาให้ผม
“ขอโทษจริงๆ ครับ ผมตกใจนี่พวกมันมากันเป็นสิบๆ คนเลยนะนาย!”
“เออ! เพราะแบบนี้ไงฉันถึงจะส่งแกไปเรียน จะได้ป้องกันตัวเองได้บ้าง”
“ครับๆ รับคำบัญชา!” โทซองทำท่าคาราวะผม 1 ครั้ง “อ้าวนาย! ไปเอาตุ๊กตานั่นมาจากไหนน่ะ”
“ไหน?” ผมถามแล้วมองตามสายตาของโทซองลงมาที่มือก็เห็นพวงกุญแจตุ๊กตาสีขาวห้อยมากับนิ้วกลางของผม เอ...ผมจำได้ว่าคืนเขาไปหมดแล้วนะ =_=?
“สาวเกาหลีเอาให้หรอนาย”
“แกนี่รู้ไปหมดเลยนะ -*-“
“อ้าว ก็มันมีชื่อภาษาเกาหลีเขียนอยู่ตรงหน้าอกตุ๊กตาไง ตรงนี้ๆ ครับ” โทซองชี้ที่หน้าอกตุ๊กตา ผมเลยดูตามที่มันบอก เออ...มีจริงๆ แฮะ
“นัด...” ผมพึมพำเบาๆ แล้วก็ต้องอมยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้าเรียวเล็กนั้น
“แน่ะ! ใครกันน่ะนาย ดาราเกาหลีรึไง?” โทซองหลิ่วตามองผมอย่างรู้ทัน
“ใช่ สืบให้ฉันด้วย...ฉันจะเอาของไปคืน ด่วนที่สุดนะ”
“รับทราบครับนาย” โทซองยิ้มให้ผมเบาๆ แล้วหันไปคุยกับการ์ดที่อยู่ด้านหน้า
หลังจากที่โทซองสืบประวัติเธอมาได้คร่าวๆ ผมก็รู้ว่าเธอชื่อ ‘ณัช’ ไม่ใช่ ‘นัด’ อย่างที่ผมเข้าใจ ตอนนี้เธอพักอยู่ที่โรงแรมในพัทยาเพราะเธอมาร้องเพลงในคอนเสิร์ตPattaya Inter-Music fes. ผมเลยตรงดิ่งไปหาเธอถึงที่พักทันที ไม่รู้เพราะอะไรทั้งที่เธอก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอไม่ต้อนรับผม แต่ผมก็ยังอยากเจอและอยากคุยกับเธออยู่ดี แล้วยิ่งรู้ว่าเธอเป็นคนไทยที่ไปดังอยู่ที่เกาหลีด้วยแล้ว ผมยิ่งทึ่งและสนใจเธอมากขึ้นไปอีก
แต่เพราะสิ่งที่ผมทำไว้ทำให้เธอเดือดร้อน...ผมใส่เมมโมรี่กล้องที่ผมแอบถ่ายตอนที่โอกังจาเจรจาธุรกิจเอาไว้ในตุ๊กตาตัวนั้น เพราะผมกลัวว่าถ้าเกิดวันนั้นเก็บไว้กับตัวมันจะไม่ปลอดภัยและอาจถูกชิงไปได้ แต่ผมไม่นึกเลยว่าไอ้กังจามันจะสั่งคนไปค้นของของณัชแบบนั้น ผมเลยต้องมาขอมันคืนจากเธอเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนและปลอดภัยจากน้ำมือคนชั่วอย่างโอกังจา
แต่มันกลับไม่ง่ายอย่างนั้นเลยเพราะณัชกลายเป็นเป้าหมายหนึ่งของโอกังจาไปเรียบร้อยแล้ว ผมจะทำยังไงถึงจะปกป้องเธอได้นะ ถ้าหากผมส่งคนมาดูแลเธอผมมั่นใจมากว่าเธอต้องปฏิเสธแน่
และถ้าเกิดเธอรู้ว่าผมเป็นมาเฟียเธอจะกลัวผมไหม
[Nad : Talk]
“ณัช...ณัช ฟื้นแล้วหรอ?” เภตราเข้ามากุมมือฉันไว้ทันทีที่ฉันลืมตาขึ้น
“พี่ณัช เป็นยังไงบ้างคะ” วิลล่าตรงเข้ามาเกาะที่ข้างเตียง
“หิวน้ำ...” ฉันส่งเสียงที่แหบพร่าของตัวเองออกมา เภตราเลยรีบหาน้ำมาให้ฉันดื่ม
“แล้วคนอื่นๆ ไปไหนหมดเนี่ย” ฉันถามเพราะทั้งห้อง ฉันเห็นแค่ 2 คนนี้
“พี่มะนาวกับพี่มิวกี้ไปส่ง...เอ่อ...ไปส่งคุณอธิสน่ะ เขาเพิ่งกลับไปเมื่อกี๊นี้เอง” เภตรา
“ส่วนคนอื่นๆ พาพี่ฮยอนซึงกลับหอน่ะค่ะ” วิลล่าพูดพร้อมกับทำวีหน้าแปลกๆ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าเนี่ย -_-?
“มีอะไรกันรึเปล่า?”
“คือ...เมื่อกี๊ พี่ฮยอนซึงเกือบจะชกกับคุณอธิสน่ะค่ะ” วิลล่าบอกขณะที่เภตราพยายามห้ามเอาไว้
“วิล! พี่บอกแล้วไงว่าอย่าเพิ่งบอก!!” เภตราพูดเสียงดุใส่วิลล่า
“โธ่! บอกไปเถอะค่ะ ถึงเราไม่บอกยังไงพี่ณัชก็ต้องถามจากคนอื่นอยู่แล้ว”
“เล่ามาให้หมดเลยนะ เกิดอะไรขึ้นบ้าง!”
*********************************
อัพจ้า ^O^
ฝากติดตามด้วยนะคะ
*********************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ