[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  110.74K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

52) [Episode 4 :: Friendly Lover] # Chapter 12

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Episode 4 Friendly Lover

:: Chapter 12 ::

 

            “เขาเป็นรักแรกของฉันจริงๆ และเขาทำให้ฉันเป็นแบบนี้จริง...แต่เมื่อฉันได้มาเจอเธอทุกอย่างก็เปลี่ยนไป...เธอทำให้ฉันมีความคิดที่จะหยุดอยู่ที่ใครสักคน...”  ดงอุนพูดไปมองหน้าฉันไปอย่างมีความหมายในทุกๆ คำที่เขาพูด

            ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะก้มลงมองมือของตัวเอง เรื่องราวต่างๆ ที่เพิ่งจะผ่านมาทำให้ฉันรู้สึกไม่มั่นใจ ถ้าเกิดเป็นก่อนหน้านี้...ก่อนที่เรื่องราววุ่นวายพวกนี้จะเกิดขึ้นฉันคงตัดสินใจและตอบตกลงเขาได้ไม่ยาก

            “ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอสับสนและวุ่นวายใจขนาดไหน...ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันก็ไม่รู้จะเอายังไงเหมือนกันเพราะเราก็เป็นเพื่อนกันมานาน ฉันกลัวว่าถ้าเธอไม่ได้คิดเหมือนกันกับฉันเราจะเสียความเป็นเพื่อนไปเปล่าๆ แต่เมื่อมีคนอื่นๆ เริ่มเข้ามา มันยิ่งทำให้ฉันมั่นใจและตัดสินใจได้ว่า ฉันต้องบอกเธอให้รู้ว่าฉันรู้สึกยังไง...ฉันชอบเธอนะวิลล่า...”

            เหมือนกับว่าเวลาหยุดลงตรงนี้ ถึงเสียงของดงอุนจะเงียบไปแล้วแต่มันยังคงดังก้องอยู่ในใจฉันอยู่อย่างนั้น จนหัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ฉันรู้สึกว่าร่างกายมันเบาหวิวอย่างไร้การควบคุมจนต้องใช้มือทั้งสองข้างค้ำไว้กับเตียง ถึงที่ผ่านมาการกระทำของดงอุนจะบอกฉันว่าเขาห่วงใยและใส่ใจฉันมากขนาดไหน แต่เมื่อได้ฟังคำพูดของเขาตรงๆ มันกลับทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ

            “วิลล่า เป็นอะไรรึเปล่า...ให้เรียกพี่ฝันไหม”  ดงอุนเข้ามาแตะที่มือฉันเบาๆ

            “ฉันไม่เป็นไร แค่...ตกใจนิดหน่อย”  ฉันส่ายหน้าไปมาเบาๆ เพื่อปฏิเสธ

            “เดี๋ยวฉันไปเรียกพี่ฝันดีกว่า หน้าเธอซีดๆ”  ดงอุนพูดแล้วดันตัวลุกขึ้นยืน ฉันจึงรีบคว้าข้อมือของดงอุนเอาไว้เพราะฉันอยากจะคุยให้มันจบๆ เขาหันกลับมาหาฉันแล้วนั่งลงตามเดิม

            “ฉัน...เชื่อใจนายได้ใช่ไหม...ดงอุน”  ฉันพูดออกไปพร้อมกับใจที่เต้นรัวระทึก ฉันหวังว่าการตัดสินใจของฉันครั้งนี้มันจะทำให้ฉันมีความสุขขึ้นกว่าทุกวันนี้นะ…

            “เธอต้องถามตัวเองมากกว่า ว่าจะเชื่อสิ่งที่ฉันพูดไหมและจะสามารถเชื่อใจฉันได้รึเปล่า...”

            ฉันนิ่งไปกับคำตอบของดงอุน จริงสินะ...เรื่องนี้มีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่จะตัดสินใจได้ว่าจะลองเชื่อเขาดีไหม?

            “ฉัน...จะลองเชื่อนายดู...”

            “วิล...อ้าว! ดงอุน เข้ามาได้ไงเนี่ย”  พี่ณัชเดินเข้ามาในห้องนอนหลังจากที่ฉันตอบดงอุนไปแค่อึดใจเดียว ดงอุนละสายตาจากฉันหันไปมองพี่ณัชอย่างเสียดายแต่ฉันสังเกตเห็นว่าแววตาของเขาฉายแวววิบวับด้วยความดีใจอยู่ เห็นแบบนั้นแล้วรู้สึกว่าหน้าตัวเองมันร้อนวูบวาบยังไงบอกไม่ถูก >////<

            “เอ่อ...ผมเห็นพี่ๆ ไปที่ห้องนั้นหมด เลยกลัวว่าจะไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนวิลน่ะครับ ^^”  ดงอุนตอบกลับไปด้วยเหตุผลข้างๆ คูๆ พี่ณัชมองหน้าฉันกับดงอุนสลับกันไปมาก่อนจะมีเสียงแว๊ดๆ ของใครบางคนดังขึ้น

            “ดงอุน...เราต้องพูดกันให้รู้เรื่องนะ! ดงอุน!!!” 

            “กิ๊กนายมาแน่ะ”  ฉันพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันเต็มที่

            ชิ! นี่น่ะหรอบอกให้ฉันเชื่อใจ พูดน้ำลายยังไม่ทันจะแห้ง เสียดายที่ตอบตกลงไปแล้วจริงๆ เลย น่าจะเล่นตัวอีกสักหน่อย -*-!

            “รีบไปไล่ยัยนั่นกลับไปเลยนะ ก่อนที่ฉันจะเป็นคนไล่ไปเอง!”  พี่ณัชกอดอกมองดงอุน ดงอุนพยักหน้าหงึกหงักอย่างรีบร้อนก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

            “เธอน่ะอยู่นี่แหละ เดี๋ยวเป็นลมล้มพับไปอีกพี่มะนาวจะมาบีบคอพวกพี่”  พี่ณัชปรามขณะที่ฉันกำลังจะเดินตามออกไปดู

            “โธ่! นิดเดียวเองค่ะพี่ณัช”

            “งั้น...ยืนดูตรงนี้แล้วกัน”  พี่ณัชพูดแล้วชี้ไปที่บานประตูที่เปิดแง้มเอาไว้ ฉันเดินเข้าไปยืนข้างๆ พี่ณัชแล้วแอบดูเหตุการณ์ด้านนอกผ่านรูเล็กๆ ของช่องประตู

            “ทำไมนายกลับมาก่อนล่ะ! ฉันอุตส่าห์ให้นายไปเป็นเพื่อน นายทิ้งฉันไว้แบบนั้นได้ยังไง!!”  ลีซาซาตวาดดงอุนทันทีที่ดงอุนเดินไปถึงตัว

            “ฉันมีธุระด่วนน่ะ อีกอย่างคุณมินนากับคุณแฮวอนก็อยู่ด้วยเธอจะกลัวอะไร”

            “นายพูดเหมือนนายไม่รู้จักท่าน!...ไม่รู้จักเขาเลยนะ”  ลีซาซาอึกอักเมื่อต้องพูดถึงคนที่ยัยนั่นไปเคลียร์ด้วย ตัวสั่นเทิ้มขึ้นมาเล็กน้อยจนฉันแยกไม่ออกว่าสั่นเพราะความโกรธหรือสั่นเพราะความกลัวกันแน่

            “เออๆ ขอโทษแล้วกันนะที่ทิ้งเธอไว้ที่นั่น”

            “แค่นี้น่ะหรอ!”

            “แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง ฉันมีธุระจริงๆ”

            “ธุระกับยัยวิลล่าน่ะสิ! ใช่ไหม?...เพราะมันใช่ไหมนายถึงทิ้งฉันไว้!...ไหน! มันอยู่ไหน!!!”  ลีซาซากวาดตามองไปทั่วห้องพักแล้วทำท่าจะเดินเข้ามาในห้องนอนที่ฉันแอบแง้มประตูดูอยู่ แต่ก็ถูกพี่ๆ คนอื่นเข้ามาขวางทางไว้

            “วิลล่าไม่สบาย ตอนนี้หลับอยู่”  เภตราพูดเสียงเรียบๆ ที่ฟังแล้วน่าขนลุกสุดๆ -_-;

            “สำออยน่ะสิ ตอนเจอกันยังดีๆ อยู่เลย เรียกมันออกมาเลย!...”

            “ฉันบอกว่า!!...วิลล่าหลับอยู่”  พี่เภตราย้ำอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้น จนลีซาซาหยุดฝีเท้าที่กำลังจะเดินเข้ามาในห้องแทบจะทันที

            “ดี๊! ปกป้องกันดีจริงๆ เลยนะ”  ลีซาซามองหน้าพี่เภตราและพี่คนอื่นๆ เขม็ง ก่อนจะหยุดสายตาไปที่ดงอุน

            “รู้ไหมว่านายทำกับฉันไว้แสบมาก!!”  ลีซาซาขบกรามพูดกับดงอุนแล้วเดินกระแทกไหล่ดงอุนออกไปจากห้อง ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจของพี่ๆ ทุกคนดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกันรวมทั้งฉันด้วย =_=;

            “นายกลับไปก่อนเถอะ วันนี้นายคงจะเหนื่อยมามากแล้ว”  พี่เฝ้าฝันบอกดงอุนเบาๆ ดงอุนพยักหน้ารับแต่ก็ไม่วายมองมาที่ช่องเล็กๆ ที่ฉันแอบดูอยู่ก่อนจะเดินออกไปโดยดี

            ทำไมแค่นายนั่นมองมาฉันถึงต้องหน้าแดงขนาดนี้ด้วยเนี่ย -///-

            “เอาล่ะ เรื่องจบแล้วพักผ่อนเถอะ”  พี่ณัชที่ฉันลืมไปแล้วว่ายืนอยู่ข้างๆ ฉัน พูดขึ้นระหว่างที่พี่ทุกคนเดินเข้ามาในห้องนอน

            “พี่รู้แล้วนะว่าพวกเธอ 2 คน...”  พี่เภตราละไว้ในฐานที่เข้าใจ

            “คบกัน ^_^”  อันนี้พี่หยาเติมให้ชัดเจนขึ้น =////=

            “ทำไม...พวกพี่รู้กันแล้วล่ะคะ?”  ฉันขมวดคิ้วมองพี่ทีละคนเพราะฉันเพิ่งจะตอบตกลงกับดงอุนไปเมื่อกี๊นี้เอง

            “ดงอุนเล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว รวมทั้งเรื่องที่พวกเธอคบกันด้วย”  พี่เฝ้าฝันบอก

            ว่าไงนะ...เล่าหมดเลยหรอ หวังว่านายคงรู้จักการเล่าข้ามช็อตนะดงอุน >////<!

            “เอ่อ...”  ฉันส่งเสียงจะถามแต่พี่เฝ้าฝันก็พูดขึ้นมาก่อน

            “พี่ไม่ได้ห้ามเรื่องที่พวกเธอจะคบกันหรอกนะ แต่พี่ก็ไม่อยากให้วิลต้องมาเสียใจและร้องไห้กับดงอุนมากกว่านี้ พี่แค่อยากเตือนๆ เอาไว้ว่าดงอุนน่ะเพลย์บอยขนาดไหน”

            “แต่...”  ฉันจะเถียงไปว่า ดงอุนก็ไม่ได้เจ้าชู้อะไรขนาดนั้นสักหน่อย (ตลอดช่วงเวลาที่รู้จักกันมาน่ะนะ -///-) แต่พี่เภตราก็พูดแทรกขึ้นมาอีกคน

            “ใช่...พี่อยากให้วิล...เอ่อ เผื่อใจไว้บ้าง ก็แค่...เผื่อๆ ไว้น่ะ” 

            “โธ่! พวกเธอ 2 คนนี่ยังไงนะ แทนที่จะให้กำลังใจน้องดันมาไซโคกันซะงั้น...อย่าไปคิดมากเลยวิล ยัยสองคนนี้พูดเกินจริงไปหน่อยเท่านั้นเอง”  พี่หยาพูดขึ้นแทรกขณะที่พี่เฝ้าฝันกำลังจะพูดต่อ

            “อย่าลืมสิ แฟนเธอก็เพลย์บอยตัวพ่อเหมือนกันไม่เห็นเธอกับดูจุนจะมีปัญหาอะไรเลย...ส่วนเธอ แฟนเธอก็ออกจะอัธยาศัยดีกับใครต่อใครไปทั่ว ไม่เห็นพวกเธอจะทะเลาะอะไรกันรุนแรงเลย”  พี่หยายกตัวอย่างให้เห็นภาพกันทีละคน

            เออ...จริงสินะ คู่ของพี่เฝ้าฝันกับพี่เภตราก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรใหญ่ๆ เลยนี่นา ส่วนมากก็แค่งอนกันเล็กๆ น้อยๆ ง้อกันหน่อยก็หายตามปกติของคนเป็นแฟนกัน ถึงจะมีเรื่องตอนที่ยัยของขวัญตามตื้อพี่โยซอบแต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีนี่นา

            “เฮ้อ...เอาล่ะๆ พวกเธอยากให้น้องมันพักไม่ใช่หรอ ทำไมยังมัวพูดอะไรอยู่เนี่ย แยกย้ายกันได้แล้ว”  พี่ณัชพูดตัดบทขึ้นมา ทำให้การประชุมครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้สิ้นสุดลง

            แล้วสรุป...ฉันตัดสินใจถูกไหมเนี่ย U_U?

           

            วันรุ่งขึ้นแทนที่ฉันจะได้นอนตื่นสายๆ หน่อยเพราะวันนี้ไม่มีงานและพี่นาบีให้พัก 1 วัน แต่กลับมีอีเว้นท์เข้าตั้งแต่เช้าเพราะจดหมายจากชอนแอที่ฉันซ่อนเอาไว้ดิบดีถูกค้นพบ Y.Y

            “ทำไมไม่บอกพี่?”  พี่ณัชทิ้งซองสีน้ำตาลมากมายลงมาตรงหน้าฉัน ความรู้สึกของฉันเหมือนกับนักโทษที่มีตำรวจ 11 คนกำลังรุมสืบสวนอยู่ยังไงยังงั้น ทุกคนยังอยู่ในชุดนอนกันหมดยกเว้นพี่ณัชและพี่เภตราที่เป็นคนค้นพบจดหมายพวกนี้

            ฉันอุตส่าห์ซ่อนไว้ใต้อ่างล้างจานแล้วนะ ถ้าเกิดท่อไม่ตันหรือว่ารั่วไม่มีใครเปิดเข้าไปแน่ๆ เพราะในนั้นเต็มไปด้วยแบคทีเรียจากเศษอาหารและรังแมลงสาบหลายร้อยชีวิต =..=

            “วิล...ขอโทษค่ะ”  ฉันก้มหน้างุดๆ เพราะไม่รู้จะแก้ตัวยังไงมือก็เริ่มเย็นและชื้นไปด้วยเหงื่อ ส่วนดงอุนเขาแค่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันเงียบๆ เท่านั้น เขาต้องกำลังโทษตัวเองอยู่แน่ๆ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเขา ฉันไม่อยากให้เขาคิดแบบนั้นเลย...

            “ได้มาตั้งแต่เมื่อไหร่”  พี่ดูจุนถาม

            “ได้หลังจากกลับจากแค้มป์วันหนึ่งน่ะค่ะ U_U;”

            “รู้ไหมว่าทำแบบนี้มันอันตรายขนาดไหน ถ้าวิลเป็นอะไรขึ้นมาพวกพี่จะทำยังไง จะตอบพ่อกับแม่ของวิลยังไง”  พี่เฝ้าฝันพูดพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอๆ

            “รู้รึเปล่า ว่าพวกพี่รู้ได้ยังไง”  พี่เฝ้าฝันพูดต่อหลังจากกลืนก้อนน้ำตาลงได้ ฉันเลยได้แต่มองหน้าพี่เขาเพื่อให้พี่เขาพูดต่อ

            “เพราะพี่เจอซองนี้ตกอยู่ที่โรงรถ”  พี่เฝ้าฝันยื่นซองสีน้ำตาลที่ฉันจำได้แม่นว่าเป็นซองเดียวกันกับวันที่ฉันโดนบีบคอ เพราะมันมีรอยเท้าอยู่ที่ซองซึ่งฉันจำได้ว่ามันหล่นตอนที่ฉันวิ่งหนี

            “ที่จริง พี่ก็ไม่ได้อยากเสียมารยาทแกะอ่านหรอก แต่พี่เห็นซองมันเปิดพี่เลยจะเก็บเข้าไปให้ แต่พี่ก็เห็นจดหมายที่ยัยแฟนคลับนั่นมันเขียนด่าเธอพี่เลยรู้”     

            “พวกเธอสองคนนี่ยังไงนะ เหมือนกันไม่มีผิด”  พี่ดอกหลิวกอดอกมองฉันกับดงอุนสลับกัน ฉันเลยเหลือบไปมองดงอุนนิดหน่อยก็พบว่าเขากำลังยิ้มบางๆ มาให้ฉันอยู่

            “ที่พี่ปลุกมานี่ไม่ใช่อะไรหรอก พี่แค่อยากให้รู้ว่าที่ทำอยู่เนี่ยมันอันตรายกับวิลมากเลยนะ ต่อไปมีอะไรถึงแม้ว่าเรื่องเล็กๆ ก็ต้องบอกเข้าใจไหม!”  พี่เภตราออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด จนฉันโต้แย้งอะไรไม่ได้

            “เรามีกันแค่นี้นะ ถ้าเธอหรือว่าใครเป็นอะไรไป พี่ในฐานะลีดเดอร์คงต้องโทษตัวเองไปตลอดชีวิตแน่” 

            “พี่เภ...”  ฉันพูดออกมาเบาๆ เพราะเห็นพี่เขาทำท่าเหมือนกำลังจะร้องไห้ นี่ฉันทำให้พี่เขาร้องไห้หรอเนี่ย!

            หลังจากแยกย้ายกันไปพักผ่อนเรียบร้อยแล้วก็ลงมติกันว่า ‘ห้ามฉันไหนมาไหนคนเดียวเด็ดขาด!’ มันก็ต้องแน่อยู่แล้ว ฉันคงไม่กล้าเดินท่อมๆ ไปไหนมาไหนคนเดียวอีกแล้วล่ะเกือบโดนหักคอขนาดนั้น U_U;

            พอเรื่องช่วงเช้าจบลง ช่วงบ่ายออสตินก็มาถึงห้องของฉันพร้อมกับยัยของขวัญที่ดูเหมือนจะตามมาห้ามออสตินโดยเฉพาะ =_=;

            “ทำไมวิล! ทำไมถึงไปคบกับไอ้หัวงูนั่นล่ะ!!”

            “เอ่อ...ออสิติน -_-;”  ฉันปรามออสติน เพราะตอนนี้เขากำลังโวยวายอยู่ตรงประตูห้องของฉันโดยไม่ได้เข้ามาในห้อง เพราะทันทีที่ฉันเปิดประตูออกไปไอ้ออสมันก็ใส่ฉันไม่ยั้งเลย -_-!

            “สักวันมันต้องทำให้เธอเสียใจแน่!”

            “งั้นหรอ?”  อันนี้ไม่ใช่เสียงของฉันค่ะ เป็นเสียงของดงอุนเอง U///U

            “ใช่!”  ออสตินกระแทกเสียงใส่ดงอุนอย่างไม่ยอมแพ้

            “ฉันรับรองว่าฉันไม่มีทางทำให้วิลล่าเสียใจแน่”  ดงอุนเข้ามายืนอยู่ข้างๆ ฉัน

            “ฮึ! มั่นใจจริงๆ นะ”  ออสตินพ่นลมออกมาแรงๆ

            “ใช่!”  ดงอุนตอบกลับอย่างมั่นใจจนฉันเผลอใจเต้นกับคำยืนยันของเขา

            “เฮ้ย! ออส กลับเหอะ แกมาทำไมเนี่ย!”  ของขวัญพูดพร้อมกับจะลากเพื่อนกลับ

            “เฮ้อ...ฉันผิดเองที่ไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกตัวเองตั้งแต่แรก...”  ออสตินพูดออกมาอย่างหมดหวัง

            “ขอโทษนะ...”  ฉันพูดพร้อมกับมองเพื่อนที่ฉันรักที่สุดคนหนึ่งอย่างเสียใจ ฉันไม่นึกเลยว่าคำพูดทีเล่นทีจริงที่ออสตินชอบพูดหยอดใส่ฉันตลอดเวลาจะเป็นความรู้สึกจริงๆ ของเขา

            “ไม่เป็นไร...”  ออสตินพูด แล้วอยู่ๆ เขาก็รวบตัวฉันเข้าไปกอดไว้แน่น จนฉันแทบจะหายใจไม่ออก

            “ออส...”  ฉันเรียกชื่อออสตินเพราะหมอนั่นกอดฉันไว้แล้วเงียบไปเลย

            “ถ้าเธอเลิกกับมันเมื่อไหร่ ต้องมาคบกับฉันนะ”  ออสตินกระซิบแต่ก็ดังพอจะได้ยินกันทั้งหมด =_=

            “เฮ้ยๆ มากไปแล้ว ปล่อยเลย!!”  ดงอุนเข้ามาแยกออสตินออกจากฉันแล้วดึงฉันไปไว้ข้างหลัง

            “ไอ้ออสกลับได้แล้ว ฉันมีเรียนต่อนะเว้ย!”  ของขวัญพูดแล้วลากออสตินออกไปจากห้อง

            “เฮ้อ...เมื่อไหร่เธอจะเคลียร์เรื่องกิ๊กเธอให้มันจบๆ เนี่ย เธอมีแฟนแล้วนะ!”  ดงอุนทำหน้ามุ่ยใส่

            “ยังกับนายเคลียร์ได้งั้นแหละ เมื่อวานยังมาโวยวายอยู่เลย”  ฉันค้อนดงอุนกลับแล้วไปนั่งดูทีวีต่อ

            “ต่อไปไม่มีแน่ๆ คอยดูแล้วกัน ^^”  ดงอุนนั่งลงข้างๆ ก่อนจะนอนหนุนตักฉันอย่างรวดเร็ว ดีนะที่วันนี้พี่คนอื่นๆ เขาออกไปซื้อของเข้าบ้านกันหมด ไม่งั้นโดนแซวแน่เลยฉัน -///-

            “ที่นายโทรไปบอกฉันเมื่อคืนหมายความว่ายังไงดงอุน!!”  อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาในห้องโดยไม่ได้เคาะประตูหรือบอกกล่าวอะไรเลย

            ยัยโอฮานึลนี่เอง =_=!

            “เธอเข้ามาได้ยังไง”  ดงอุนดันตัวลุกขึ้น

            “พูดยังไม่ทันขาดคำ...”  ฉันพึมพำในลำคอเพื่อให้ดงอุนได้ยินเพียงคนเดียว ดงอุนหันมองหน้าฉันด้วยท่าทางที่ดูกังวล ใครจะคิดล่ะว่าความวัวยังไม่ทันหายความควายจะเข้ามาแทรกแบบนี้ -_-;

            “นายบอกว่านายคบกับยัยวิลล่างั้นหรอ!”  ฮานึลยังคงตั้งคำถามโดยไม่สนใจจะตอบคำถามของดงอุน

            “ใช่...ฉันกับวิลล่าเราคบกันแล้ว”  ดงอุนยืนกรานหนักแน่นพร้อมกับจับมือทั้งสองข้างของฉันเอาไว้

            “แล้วที่นายบอกว่ารักฉันล่ะดงอุน...”  ฮานึลพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

            “ฉัน ‘เคย’ รักเธอต่างหาก...”  ดงอุนพูดแทรกขึ้นมาโดยที่ไม่รอให้ฮานึลพูดจนจบประโยค

            “ว่าไงนะ...?”  ฮานึลขมวดคิ้วถาม ม่านน้ำตาเริ่มรื้อขึ้นมาให้เห็น...

            ในโรงรถตอนนั้น...ดงอุนไม่ได้พูดว่ารักฮานึลจริงๆ อย่างที่เขาบอก เขาแค่เงียบและเดินออกมา แต่ถ้าเป็นฉัน ฉันก็ต้องคิดว่าเขารักฉันอยู่แล้วถึงไม่พูดและเลือกที่จะเดินออกมาแบบนั้น

            “เมื่อก่อนฉันยอมรับว่าฉันเคยรักเธอมาก...แต่ตอนนี้...ฉันรักวิลล่า”  ดงอุนยืนยันให้ฟังชัดๆ อีกครั้ง

            “ไม่จริง!”

            “ขอโทษนะที่ฉันไม่พูดให้เคลียร์ตั้งแต่วันนั้น ขอโทษที่ฉันทำให้เธอเข้าใจผิด...แต่ฉันรักวิลล่าจริงๆ”

            “รักหรอ?...ฮึ! อย่างนายเนี่ยนะรักใครเป็น...เห่อของเล่นชิ้นใหม่ล่ะซิไม่ว่า!”  ฮานึลเปลี่ยนน้ำเสียงมาเป็นประชดประชันแล้วค่อยๆ เดินเข้ามาหาฉัน ดงอุนจึงผลักให้ฉันไปยืนอยู่ข้างหลังเขาแทนที่จะให้เผชิญหน้ากันตรงๆ

            “ฮานึล…”  ดงอุนเรียกชื่อโอฮานึลเบาๆ ยัยฮานึลจึงละสายตาจากฉันแล้วหันควับไปมองดงอุนแทน

            “ทำไม! ก็มันเป็นความจริงนี่! เมื่อก่อนนายบอกว่ารักฉันนักหนา ทำทุกๆ อย่างก็เพื่อฉันไม่ใช่หรอ! แล้วทำไมนายไปคบกับยัยนั่นเฉยเลยล่ะ! อ๋อ...หรือว่านายอยากแก้แค้นที่ฉันทิ้งนายไปตอนนั้น”

            “ฉันไม่เคยคิดเรื่องแก้แค้นไร้สาระแบบนั้นเลยนะ”  ดงอุนยังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ราวกับไม่อยากจะให้มีเรื่องบานปลายไปมากกว่านี้

            ทำไมพอฉันกับดงอุนจะคบกันจริงจังขึ้นมา อุปสรรคมันเยอะจนน่าเกลียดแบบนี้ล่ะ Y.Y;

            “ฉันด้อยกว่ายัยนี่ตรงไหนหรอดงอุน...ทำไม...”  ฮานึลปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาพร้อมกับพูดออกมาซ้ำๆ ว่า ‘ทำไม?’

            มองไปก็น่าสงสารเหมือนกันนะ แต่ถ้าจะปล่อยให้คาราคาซังกันแบบนี้ต่อไปก็คงไม่ดี เลือกเจ็บแต่จบแบบนี้ดีกว่า

            “ฉันขอโทษ...”  ดงอุนได้แต่พูดประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา ฉันเลยสะกิดบอกดงอุนให้เข้าไปปลอบฮานึลหน่อยเพราะดูเหมือนเธอจะยืนไม่ติดพื้นแล้ว แต่พอดงอุนออกห่างจากฉันเท่านั้นแหละฉันถึงรู้ว่าฉันช่วยงูเห่าแท้ๆ

            “แก!!!”  โอฮานึลร้องออกมาทั้งน้ำตาพร้อมกับพุ่งตรงเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็ว และ...

            เพี๊ยะ!!!

            เสียงฝ่ามือกระทบกับใบหน้าฉาดใหญ่ดังก้องไปทั่วห้อง แต่...ทำไมฉันไม่เจ็บล่ะ?

            ฉันเปิดเปลือกตาที่เผลอหลับตาปี๋เมื่อกี๊ขึ้นดูเหตุการณ์ ก็เห็นดงอุนยืนอยู่ใกล้ๆ ฉัน และหน้าของเขาหันไปด้านขวามือของตัวเองจนสุด

            “ดง...อุน...”  ฮานึลยกมือขึ้นปิดปากตัวเองพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มยิ่งกว่าเดิม คราวนี้ฉันเชื่อแล้วว่ายัยนั่นไม่ได้แกล้งบีบน้ำตา เพราะแววตาที่มองมานั้นมันเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด

            ดงอุน...เข้ามาขวางให้ฮานึลตบแทนฉันหรอ?

            “พอใจรึยังฮานึล...ถ้ายังไม่พอ...ฉันยินดีให้เธอตีฉันได้ตามสบาย แต่ฉันขออย่างเดียว อย่าทำร้ายวิลล่าได้ไหม?”  ดงอุนพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนพร้อมกับเดินมาบังตัวฉันไว้จนมิดเพื่อไม่ให้ฮานึลเข้ามาถึงตัวฉันได้

            “นาย...”  ฮานึลพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ร้องไห้โฮออกมาดังๆ พร้อมกับบ่นอะไรสักอย่างที่ฟังแล้วไม่ค่อยได้ศัพท์แล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ดงอุนจึงเข้าไปตบไหล่ของฮานึลเบาๆ เพื่อปลอบใจ แต่ฉันไม่ได้โกรธดงอุนเลยที่เข้าไปแสดงความห่วงใยแบบนั้น ฉันสงสารฮานึลมากกว่า อุตส่าห์ตั้งความหวังเอาไว้ว่าความรักที่แสนดีและอบอุ่นเมื่อครั้งก่อนกำลังจะกลับมา แต่ความหวังนั้นกลับพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี...เพราะฉัน

            หลังจากฮานึลร้องไห้จนพอใจ ก็ออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบและเรียบร้อย เห็นท่าทางซึมๆ แบบนั้นแล้วฉันกับดงอุนเลยแอบขับรถตามไปจนเห็นว่าฮานึลกลับไปถึงบ้านโดยปลอดภัยเราถึงกลับหอ ที่จริงฉันก็ไม่ได้เป็นนางเอกอะไรมากมายน่ะนะ...แต่ฉันก็เป็นนางเอกจริงๆ อ่ะ (งง? -_-;)

 

            หลังจากมหกรรมเคลียร์กิ๊กของฉันกับดงอุนผ่านไปหอของเราก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง (มันเคยสงบสุขด้วยหรอ =_=?) ที่เพิ่มมาก็คงเป็นระบบรักษาความปลอดภัย เพราะพอพี่นาบีรู้เรื่องที่ฉันโดนชอนแอขู่ก็เพิ่มอัตราการดูแลเป็น 2 เท่า รวมถึงพี่ๆ ของฉันด้วย ขนาดห้องน้ำในบริษัทยังไม่ให้ไปเข้าคนเดียวเลย =_=

            “เดี๋ยวตอนเย็นมารับนะ”  ดงอุนบอกเมื่อขับรถมาจอดที่หน้าตึกที่ฉันต้องมาทำงานเป็นพิธีกร

            “โอเค นายก็ขับรถดีๆ ล่ะ อย่ารีบ”

            “อื้ม”  ดงอุนรับคำสั้นๆ แล้วช่วยยื่นของของฉันออกมาให้

            “ฉันบอกนายแล้วว่าถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องมาก็ได้”  ฉันพูดอย่างเป็นห่วง เพราะฉันกลัวว่าเขาจะรีบมากเกินไปจนเกิดอุบัติเหตุน่ะสิ ที่ทำงานของเขากับฉันยิ่งไกลกันด้วย

            “ฉันจะขับรถระวังๆ เข้าไปในตึกเถอะ ฉันจะรออยู่จนกว่าเธอจะเข้าประตูไปแล้ว”  ดงอุนบอก ฉันเลยต้องรีบเดินเข้าไปในตึกเพื่อให้ดงอุนสบายใจและยอมไปทำงานสักที

            บางที่รู้สึกว่าทุกคนห่วงฉันมากเกินไปรึเปล่า เพราะว่าหลังจากวันนั้นชอนแอก็ไม่ได้มายุ่งกับฉันอีกเลย สงสัยบีบคอฉันจนสะใจแล้ว -_-!

            กึก!

            ฉันหยุดฝีเท้าลงทันทีที่มีใครบางคนเดินมาขวางทาง ลีซาซามองหน้าฉันด้วยแววตาสำนึกผิดแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

            “วิลล่า...ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม?”  ลีซาซาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นมิตร ฉันไม่ตอบอะไรเพียงแค่มองท่าทีของลีซาซาอย่างชั่งใจว่าตกลงยัยนี่จะมาไม้ไหน

            “ฉันอยากอธิบายเกี่ยวกับเรื่องวันนั้น วันที่ฉันให้ดงอุนไปเป็นเพื่อนในร้านอาหารของโรงแรม...เธอจำได้ไหม?”  ลีซาซาถามเพื่อทวนความทรงจำให้ฉัน

            วันนั้นฉันลืมไม่ลงหรอก -///-

            “จำได้...แต่ฉันว่าเธอไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก ดงอุนเล่าให้ฉันฟังแล้วและฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไร”  ฉันพูดแล้วเดินไปที่ลิฟต์ แต่ยัยนั่นเดินมาขวางประตูลิฟต์ฉันไว้

            “เดี๋ยวก่อนสิ! ฉันไม่อยากไปทั้งๆ ที่มีเรื่องคาใจอยู่แบบนี้นะ”  ลีซาซาเริ่มพูดโดยใช้น้ำเสียงเป็นปกติ แบบนี้สิค่อยหน้าคุยด้วยหน่อย ฟังยัยนี่พูดดีๆ แล้วขนลุกยังไงบอกไม่ถูก =_=;

            “เธอจะไปไหน?”  ฉันขมวดคิ้วถาม

            “ฉันว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อนสักพักเผื่อจะลืมอะไรได้บ้าง แล้วอีกอย่างฉันก็อยากจะหนีท่าน...เอ่อ...หนีใครบางคนน่ะ”  ลีซาซาอึกอักเมื่อต้องพูดถึงใครคนนั้นที่ฉันไม่รู้จัก เธอหลบสายตามองลงไปที่พื้นเหมือนกลัวว่าฉันจะล่วงรู้ความคิดของตัวเอง

            ‘ท่าน’ ที่ลีซาซาพูดถึงจะอาเสี่ยที่เป็นข่าวด้วยรึเปล่านะ? แล้วทำไมต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ แบบนี้ด้วย

            “ฉันขอเวลาเธอไม่นานหรอก ฉันแค่อยากจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังก่อนไปเท่านั้นเอง เพราะบางทีฉันอาจจะไม่กลับมาอีกแล้วก็ได้...”  ลีซาซาทำสีสลดลงเล็กน้อย

            “ขอแค่ 15 นาที....ไม่สิ! 10 นาทีก็ได้”  ลีซาซาเข้ามากุมมือฉันไว้ทั้ง 2 ข้าง รู้สึกว่ายัยลีซาซาจะกลัว ‘ท่าน’ คนนั้นมากจริงๆ เพราะมือที่จับฉันไว้ทั้งสั่นทั้งชุ่มเหงื่อไปหมด เป็นคนใหญ่คนโตรึไงนะ -_-;

            “แค่ 10 นาทีนะ ฉันต้องไปเตรียมตัว งานจะเริ่มแล้ว”  ฉันตอบออกไปในที่สุดเพราะลีซาซาคงไม่ปล่อยฉันไปดีๆ แน่ คุยแป๊บเดียวคงไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างคนในล็อบบี้ก็ออกจะพลุกพล่านขนาดนี้ ยัยลีซาซาไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก

            “งั้นมาทางนี้เลย ฉันจองโต๊ะไว้แล้ว”  ลีซาซาเดินนำทางฉันมาที่โต๊ะหนึ่งในล็อบบี้ มันเป็นโต๊ะมุมสุดซึ่งถ้าใครไม่สังเกตคงไม่เห็นฉันกับลีซาซาแน่ๆ ซุป’ตานี่อยู่ในสังคมยากจริงๆ ต้องทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ ยังกะเป็นนักโทษแหกคุกคดีอุกฉกรรจ์ยังไงยังงั้น =_=;

            แต่มันลับตาคนเกินไปไหมเนี่ย -_-;

            “ว่าไง...”  ฉันถามทันทีที่หย่อนก้นลงนั่ง เพราะถึงวันนี้ลีซาซาจะไม่มีรังสีอมหิตแผ่ออกมาเหมือนทุกวันแต่ก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี -_+

            “ฉันอยากจะบอกเธอว่า...วันนั้นน่ะ ฉันต้องการไปเคลียร์เรื่อง...เรื่องของฉันกับท่านให้มันจบๆ แต่เพราะท่านเป็นคนใหญ่คนโตฉันกลัวว่าจะเป็นอันตรายเลยต้องการเพื่อนไปเยอะๆ ฉันเลย...ขอให้ผู้จัดการของบีสท์กับดงอุนไปเป็นเพื่อน...”

            “ฉันขอถามอะไรตรงๆ ได้ไหม?...’ท่าน’ ที่ว่าเนี่ย...ใช่คนเดียวกับที่เป็นข่าวกับเธอรึเปล่า”  ฉันค่อยๆ ยิงคำถามที่คิดว่าเรียบเรียงคำพูดแล้วฟังดูซอฟที่สุดออกไป

            “ใช่...”  ลีซาซาตอบสั้นๆ

            “แต่ข่าวตอนนั้นก็ตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมยังไม่จบกันอีกล่ะ”

            “เรื่องนี้มันจบไม่ได้ง่ายๆ หรอก...เธอเห็นวงการนี้เป็นยังไง...เธอคิดว่ามันสวยงามมากนักหรอ?...”  ลีซาซาเปลี่ยนน้ำเสียงมาเป็นประชดประชันฉัน สายตาดูแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างน่าตกใจ พวกดารานี่น่ากลัวชะมัดเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วเกิ๊น!

            “เธอหมายความว่ายังไง?”

            ลีซาซายิ้มมุมปากพร้อมกับยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ก่อนจะเอาทิชชูหนาๆ ที่วางอยู่ข้างๆ แก้วขึ้นเช็ดปากและพูดออกมาโดยที่ไม่ได้เอาทิชชูออกมาจากหน้า

            “ฉันหมายความว่าวงการนี้ถ้าเธอคิดจะอยู่ให้ได้ เธอก็ต้องยอมแลกกับอะไรหลายๆ อย่างน่ะสิ...เธอจำข่าวดาราชื่อจางมุนอาฆ่าตัวตายได้ไหม...คนๆ นั้นเป็นรุ่นพี่ฉันเอง...เธอเครียดมากที่โดนกดดันจากเบื้องบนให้ไปทำเรื่องที่เสียศักดิ์ศรี เธอทนไม่ไหวจนต้องฆ่าตัวตายหนีความจริงที่โหดร้าย...”  ลีซาซาเล่าไปน้ำตาคลอไป

            “เรื่องจริงที่โหดร้าย...หรอ?”  ฉันทวน เพราะฉันไม่มั่นใจว่าเรื่องที่ฉันคิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับดาราที่ชื่อจองมุนอาใช่เรื่องเดียวกันรึเปล่า แต่ที่ฉันได้ข่าวมาดาราเกาหลีโดยเฉพาะผู้หญิงมักจะถูกกดดันให้ไปกินข้าวกับพวกผู้บริหารระดับสูงบ้างล่ะ ไปนั่งดริ๊งเป็นเพื่อนบ้างล่ะ แล้วก็อะไรต่างๆ นาๆ ที่ฉันไม่อยากจะให้เกิดกับตัวเอง!

            “ฮึ!...อยากรู้รึเปล่าล่ะ?”  ลีซาซาเลิกคิ้วถาม แต่ปฏิกิริยาอื่นๆ ฉันไม่เห็นเพราะยัยนั่นยังไม่เอาทิชชู่ออกจากหน้าเลย ฉันว่ามันแปลกๆ นะ -_-!

            “ฉันว่าฉันไปทำงานสายแล้วล่ะ ขอตัวก่อน!...”  ฉันพูดแล้วดันตัวลุกขึ้นยืน แต่ฉันกลับรู้สึกเวียนหัวยังไงบอกไม่ถูก เปลือกตาก็รู้สึกหนักๆ ขึ้นมาแปลกๆ นี่ฉันเป็นอะไรไป!

            “ถ้าอยากรู้นักก็ไปดูเองแล้วกัน...”  ลีซาซาเดินมาหิ้วปีกฉันให้กลับมานั่งบนเก้าอี้ตามเดิม ก่อนจะรีบเอาทิชชูปึกนั้นขึ้นมาปิดปากและจมูกของตัวเองไว้อีกครั้ง

            “เธอ...”  ฉันส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบากเพราะร่างกายของฉันเริ่มรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและควบคุมไม่ได้ ภาพของลีซาซาเริ่มพร่ามัวลงเรื่อยๆ และมืดลงเมื่อเปลือกตาของฉันปิดสนิท!!

 

 

 

 

 

 

 

*********************************

มาตามสัญญาค่ะ ^^

เป็นยังไงก็ฝากคอมเม้นติชม+เป็นกำลังใจด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ ^O^

*********************************

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา