[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  113.69K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

38) [Episode 3 :: Dangerous Lover] # Chapter 13

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
Episode 3 Dangerous Lover
:: Chapter 13 ::
 
            ฉันค่อยๆ ลืมตาที่หนักอึ้งขึ้นช้าๆ ห้องสีขาวกับกลิ่นฉุนเฉพาะตัวทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาล
            “ฮยอนอิน!”  เสียงพี่จุนเจดังขึ้นใกล้ๆ พร้อมกับเจ้าของเสียงที่รีบเดินเข้ามาหา ส่วนจุนฮยองยืนถัดจากพี่จุนเจไปอีก แต่เขาไม่ได้พูดอะไร
            “เป็นยังบ้าง ปวดหัวไหม?”  พี่จุนเจถามอย่างห่วงใยขณะที่บีบมือฉันเบาๆ
            “ไม่ค่ะ”  ฉันตอบสั้นๆ ด้วยเสียงที่แหบพร่าแปลกๆ เจ็บคอจัง
            “เมื่อคืนฮยอนอินไข้ขึ้นทั้งคืน หมอเลยยังไม่ให้กลับบ้าน”  พี่จุนเจบอก
            “ขอบคุณมากนะคะที่ไปช่วยเมื่อวาน”  ฉันบอก เสียงที่ขาดๆ หายๆ ทำให้ฉันต้องพูดช้าๆ ฟังเสียงเหมือนนางแม่มดแก่ๆ เลยอ่ะ T^T
            “ไม่เป็นไร พี่เต็มใจ”  พี่จุนเจยิ้มบางๆ ให้ฉัน ระหว่างที่คนข้างหลังเดินออกไปนอกห้องเงียบๆ
            ตุ่ง ตุ้ง ตุ๊ง ตุ้ง ตุง ตุง…
            ริงโทนพี่จุนเจดังขึ้นระหว่างที่คุยกัน พี่เขารับสายแป๊บหนึ่งก่อนจะวางสายด้วยสีหน้าที่แปลกไปจากเดิม ปลายสายคงโทรมาบอกเรื่องไม่ดีแน่
            “มีอะไรหรอคะ” 
            “ตอนนี้คุณลุงกำลังจะมาที่นี่”  พี่จุนเจบอก ใจฉันกระตุกวูบไปทีหนึ่ง คราวนี้พ่อคงจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับฉันแน่ถึงมาด้วยตัวเองแบบนี้…
            “อยู่คนเดียวได้ไหม เดี๋ยวพี่มา”  พี่จุนเจถาม หลังจากที่ชำเลืองมองด้านหลังก็ไม่เห็นจุนฮยองยืนอยู่แล้ว
            “อยู่ได้ค่ะ ไม่มีใครก็ดีเหมือนกัน ฉันอย่างพักผ่อน” 
            “อื้ม”  พี่จุนเจรับคำ ก่อนจะปล่อยมือฉันอย่างช้าๆ แล้วเดินออกไปจากห้อง ฉันค่อยๆ หลับตาที่ร้อนผ่าวลงช้าๆ ไข้จะขึ้นอีกรึไงเนี่ย
            “วันไหนเธอไม่มีเรื่องตีคนจะนอนไม่หลับรึไง”  อยู่ๆ เสียงของคนที่ฉันคิดว่าอยู่นอกห้องก็ดังอยู่ข้างเตียง ฉันเลยรีบลืมตาขึ้นทีนทีก็เจอจุนฮยองยืนจ้องฉันอยู่ข้างเตียง ยังกับโดนผีอำแน่ะ! วิญญาณอาฆาตซะด้วย =_=
            “นายเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
            “...”  จุนฮยองไม่ตอบ แต่เขายังคงจ้องฉันอยู่ ถ้าเกิดฉันไม่ยอมตอบฉันคงโดนพลังสายตาพิฆาตมารแน่ๆ...จิ้วๆๆๆ (เสียงปล่อยพลัง -_-)
            “ก็เพื่อนฉันกำลังโดนรุมนี่ จะให้ทำไง?”  ฉันตอบคำถามเขาแต่โดยดี เพราะถ้าเกิดฉันไม่ตอบเขาคงจะยืนจ้องฉันนิ่งๆ ไม่พูดไม่จาจนโลกแตกโน่นแหละ =_=
            “แล้วเธอไม่ห่วงตัวเองบ้างหรือไง ไปคนเดียวแบบนั้นคิดว่าจะช่วยได้หรอ ทำไมไม่บอกใครเลย! ถ้าเธอไม่รู้จะบอกใครก็บอกฉันสิ! ทางโน้นก็กำลังมีปัญหาอยู่ แต่ฉันก็ไม่มีกระจิตกระใจทำอะไรเพราะมัวแต่ห่วงว่าเธอจะไปมีเรื่องกับใครรึเปล่า!”  จุนฮยองด่าฉันยาวเหยียดเลยล่ะ U_U;
            “ตอนนั้นมันฉุกละหุกนี่ แล้วอีกอย่าง ฉันไม่ได้ไปคนเดียวซะหน่อย เพื่อนๆ ของฉันก็มี”
            “เฮ้อ...”  จุนฮยองถอนหายใจออกมาอย่างจงใจ ก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างเตียง
            “เจ็บมากไหม”  จุนฮยองถาม ความอบอุ่นที่ฉันกำลังสัมผัสตอนนี้มันอาจจะเป็นแค่ความรู้สึกของฉันฝ่ายเดียวก็ได้...แต่ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
            “สิวๆ น่า”  ฉันบอกอย่างอวดเก่ง แต่จริงๆ ก็เริ่มตึงๆ แล้วล่ะ -_-
            โป๊ก!!
            “โอ้ย!”  ฉันร้องพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ  “นายมาเขกหัวฉันทำไมเนี่ย!”
            “ไม่ห่วงตัวเองแล้วยังอวดเก่งอีก”  จุนฮยองพูดพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก แต่เขาจะรู้ไหมว่ารอยยิ้มแค่นั้นมันทำให้หัวใจของฉันทำงานหนักขึ้นเป็นอีกเท่าตัว -///-
            “...ฉันไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้เลย...ฉันขออะไรอย่างได้ไหม?”  อยู่ๆ จุนฮยองก็พูดออกมาเบาๆ พร้อมกับเอื้อมมือมาวางทับมือฉันไว้ แต่เขาไม่ได้จับนะ...แค่วางทับไว้เฉยๆ พอให้ฟินเล่นๆ U///U
            “ขออะไรของนาย -///-“
            “ฉันขอให้เธอเลิกทำตัวแบบนี้...เลิกไปหาเรื่องตีกับคนอื่นจะได้ไหม”  จุนฮยองมองลึกเข้ามาในดวงตาของฉัน บ่งบอกว่าเขาต้องการให้ฉันหยุดมันจริงๆ แต่ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อคนที่เริ่มก่อนไม่ใช่ฉัน แต่เป็นพวกยัยซอนบีกับกีอุนต่างหาก!
            “ฉัน...ทำไม่ได้หรอก”  ฉันเบือนหน้าหลบสายตาอ้อนวอนของจุนฮยองเพราะขืนฉันมองต่อไป ได้ใจอ่อนกันพอดี -///-
            “ทำไมล่ะ เธอยังไม่ได้ลองพยายามเลยนะ”  จุนฮยองบีบมือฉันเบาๆ
            “ถึงฉันจะพยายามจบ แต่ถ้าพวกนั้นไม่ยอมจบ ฉันก็ไม่มีทางเลือกอยู่ดี”
            “เธอจะเป็นฝ่ายยอมเขาหน่อยไม่ได้รึไง”   
            “ไม่ได้!!”  ฉันโพลงออกไปอย่างลืมตัว  “พวกมันทำเรื่องร้ายกาจเกินกว่าจะให้อภัย!”
            ประโยคสุดท้ายฉันพูดเสียงอ่อนลงนิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆ นะ
            “เรื่องอะไร...คงไม่ลำบากมากใช่ไหมถ้าจะเล่าให้ฉันฟังบ้าง”
            ฉันมองจุนฮยองสักพักแล้วถอนหายใจพรืดใหญ่ออกมาอย่างเหนื่อยใจ ไม่รู้เพราะมืออุ่นๆ ของเขารึเปล่าที่ทำให้ฉันยอมเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน...
          ตอนที่ฉันเรียนอยู่ชั้น ม.ปลาย ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งชื่อลีซูอึน ด้วยความที่ซูอึนเป็นดาวโรงเรียนและฉันก็หน้าตาดีไม่แพ้กันแถมยังพ่วงมาด้วยดีกรีทายาทประธานซอยองวอนทำให้เราสองคนกลายเป็นดาวเด่นของโรงเรียนอย่างไร้ซึ่งคู่แข่ง ส่วนฮันกีอุนก็เป็นหัวหน้าแก๊งใหญ่ในโรงเรียนและถือว่าเป็นผู้ชายที่หล่อและหุ่มเฟิร์มประทับใจสาวๆ ทั้งโรงเรียน (แต่ในสายตาฉันมันเหมือนปูกล้ามโตๆ เดินไปเดินมามากกว่า -_-) วันหนึ่งมันรู้ว่าซูอึนแอบปลื้มมันอยู่ มันเลยเข้ามาตีสนิทและในที่สุดก็คบกัน ในตอนนั้นฉันไม่รู้เลยว่าเพื่อนของฉันกำลังคบกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าชั่วมากๆ คนหนึ่งอยู่ จนกระทั่งวันที่ซูอึนโทรมาหาฉันพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟายเล่าเรื่องที่ไอ้กีอุนกับเพื่อนมันทำไว้ให้ฟัง ฉันถึงได้รู้...ฮันกีอุนหลอกให้ซูอึนไปงานวันเกิดแล้วรวมหัวกับเพื่อนชั่วๆ ของมันมอมซูอึนจนเมา และสุดท้ายก็รุมข่นขืนซูอึนจนไม่เหลือสภาพของดาวโรงเรียนผู้สดใสหลงเหลืออยู่เลย!
          แค่นั้นยังไม่พอ...พ่อของฮันกีอุนยังส่งคนไปปิดปากซูอึนแต่ทำไม่สำเร็จเพราะฉันไปเจอเข้าซะก่อน แต่ก็ถือเป็นโชคร้ายของซูอึนเพราะถึงรอดมาได้ แต่อาการหนักเอาการจนถึงตอนนี้ซูอึนยังเป็นเจ้าหญิงนิทรานอนนิ่งอยู่ที่โรงพยาบาลมาตลอด 2 ปี โดยมีคุณยายที่เป็นญาติเพียงคนเดียวของซูอึนคอยเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ห่าง ยังดีที่มีผู้ใจบุญรับเป็นเจ้าของไข้ของซูอึนคุณยายเลยไม่ลำบากเรื่องค่าใช้จ่ายตลอดการรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ฉันให้คุณอินโจสืบเท่าไหร่ก็หาตัวผู้ใจบุญคนนั้นไม่เจอสักที...ฉันแค่อยากเจอและขอบคุณเขาเท่านั้นที่มีน้ำใจช่วยคนที่กำลังลำบาก ไม่เหมือนกับฉันที่เป็นถึงทายาทเศรษฐีที่โด่งดังแต่กลับช่วยอะไรเพื่อนไม่ได้เลย...
            “...เรื่องเป็นแบบนี้แล้ว นายยังจะให้ฉันให้อภัยมันอีกไหม!”  ฉันถามเมื่อเล่ามหากาพย์จบตอน
            “ใช่ มันไม่น่าให้อภัย แต่เรื่องมันก็ผ่านไปนานแล้ว ยิ่งเธอเข้าไปยุ่งเรื่องจะไม่ยิ่งบานปลายหรอ อีกอย่างเพื่อนเธอที่นอนอยู่โรงพยาบาลคงไม่อยากตื่นมาเจอเพื่อนตัวเองมีรอยช้ำเต็มตัวเพราะตามแก้แค้นให้หรอกนะ”  จุนฮยองบอก แล้วจับมือฉันขึ้นไปจับๆ พลิกๆ เล่นเหมือนเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของเขา เฮ้ๆ จับไปจับมาจนมันเละหมดแล้วน่ะ -///-
            ฉันไม่รู้จะพูดอะไรเลยได้แต่มองมือตัวเองถูกจับเล่นอย่างเงียบๆ
            “อย่างน้อยๆ ก็เว้นช่วงไว้ระหว่างที่เธอยังเป็นแฟนฉันอยู่”
            “แต่...”
            “นี่! ฉันอุตส่าห์ช่วยเป็นแฟนเธอเชียวนะ เธอจะช่วยทำให้ฉันสบายใจหน่อยไม่ได้รึไง”  จุนฮยองละสายตาจากมือเงยหน้าขึ้นมามองฉัน ถ้าเกิดฉันไม่ตกลงเขาต้องหาเรื่องล้มเลิกแผนการคบกันหลอกๆ ของเราแน่เลย T.T
            “...ก็ได้ๆ ฉันจะลองพยายามดู”
            “ดีมาก ^_^”  จุนฮยองโยกหัวฉันไปมาพร้อมรอยยิ้ม เอ่อ...นี่ก็ดีใจเกิ๊นนน =_=
            ระหว่างนั้นเอง พ่อ พี่จุนเจและคุณอินโจก็เดินเข้ามาในห้องพัก แต่ก็ชะงักกันอยู่ที่ประตูห้องจุนฮยองจึงรีบลุกจากเก้าอี้ข้างเตียงแล้วไปยืนอยู่ที่โซฟามุมห้องแทน
            “ลูกจะทำแบบนี้อีกสักกี่ครั้ง! เมื่อไหร่จะหยุดสักที ลูกกำลังจะทำให้เรื่องมันยุ่งกว่าเดิมนะ!!”  พ่อเดินเข้ามาพูดด้วยเสียงอันดัง ใบหน้าของพ่อแดงก่ำทำให้ฉันรู้ว่าวันนี้พ่อคงโกรธมากจริงๆ
            “ก็พ่อไม่ยอมช่วยหนูเองนี่ หนูเลยต้องหาวิธีของหนู!”  ฉันตอบกลับไปด้วยระดับเสียงที่ไม่ต่างกันเพียงแค่เสียงของฉันมันสั่นเครือกว่า มือทั้ง 2 ข้างบีบเข้าหากันแน่นจนรู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือเพราะแรงจิกของเล็บตัวเอง
            “เรื่องซูอึนพ่อคิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐาน ยังเอาผิดเขาไม่ได้ เด็กคนนั้นธรรมดาซะที่ไหน”
            “เพราะมันเป็นลูกนักการเมืองใช่ไหมคะถึงแตะต้องไม่ได้!!”
            “คุณหนูครับ คือว่า...”  คุณอินโจเหมือนพยายามจะเข้ามาพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็โดนพ่อยกมือห้ามเอาไว้
            “ไม่ใช่เพราะเขาเป็นลูกนักการเมืองเราเลยแตะต้องไม่ได้ แต่มันเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เราจะกล่าวหาใครลอยๆ ไม่ได้...ลูกเข้าใจไหม?”
            ฉันหอบหายใจด้วยความโกรธ มือยังคงจิกเนื้อตัวเองอย่างไม่ลดละ -_-; ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ และไม่ยอมเงยหน้ามองพ่อ นาทีนี้ฉันไม่อยากแม้แต่จะเจอหน้าใครเลยด้วยซ้ำ! ที่นี่ไม่มีใครเข้าใจฉันเลยสักคน!!
            “ฮยอนอินจะปิดเทอมอาทิตย์หน้าใช่ไหม”  อยู่ๆ พ่อก็ถามขึ้น
            “ใช่ครับนายท่าน”  คุณอินโจตอบพ่อเสียงเรียบ
            “ช่วยจองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศไทยให้ฮยอนอินด้วย” 
            “ว่าไงนะคะ!!”  ฉันตะโกนขึ้น พ่อจะส่งฉันกลับเมืองไทยหรอ O_O!
            “ในเมื่อที่นี่มันทำให้ลูกเปลี่ยนไป พ่อก็ไม่มีทางเลือก แค่ลูกต้องมาเจ็บตัวไม่เว้นแต่ละวันแบบนี้ พ่อก็รู้สึกผิดต่อแม่ของลูกมากพอแล้วที่ดูแลลูกสาวคนเดียวของเราได้ไม่ดี...”
            “พ่อ!...”
            “ถ้าเกิดวันนี้จุนเจไม่ตามลูกไปจะเป็นยังไง พ่อตัดสินใจมานานแล้วล่ะ ลูกอยู่ที่โน่นคงจะสบายใจกว่าอยู่ที่นี่” 
            “พ่อ...หนูไม่!...”
            “เอ่อ...ขอโทษนะครับ ผมว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกแน่นอน”  อยู่ๆ จุนฮยองที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่นานก็เดินเข้ามายืนข้างๆ เตียง ทุกคนจึงมุ่งความสนใจไปที่เขาแทนฉันทันที
            “คุณอีกแล้วหรอ?”  พ่อขมวดคิ้วมองจุนฮยอง
            “ครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่มาแนะนำตัวช้า ผมยงจุนฮยอง เป็นแฟนของฮยอนอินครับ”  จุนฮยองบอกพ่ออย่างหนักแน่นและมั่นใจดุจภูผา แอร๊ยยย เมื่อกี๊หูฉันไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม ฉันคงไม่เป็นหูน้ำหนวกขึ้นมากระทันหันหรอกใช่ไหม >////<
            “ว่าไงนะ!”  พ่ออุทานออกมาอย่างลืมตัว ก่อนจะหันควับกลับมามองฉันด้วยแววตาที่ตกใจปนช็อกไม่ต่างจากคุณอินโจ ส่วนพี่จุนเจยืนอยู่นิ่งๆ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ต่อเหตุการณ์นี้
            “ขอโทษนะคะพ่อ...ที่หนูไม่อยากหมั้นเพราะว่า...หนูมีแฟนแล้ว U_U” 
            ตามน้ำไปก่อนแล้วกันน่าของขวัญ วันนี้ได้โชคหลายชั้นจริงๆ ชั้นแรกไม่ได้หมั้นกับพี่จุนเจ ชั้นที่ 2 มีหลักประกันชีวิตไม่ต้องถูกเนรเทศกลับประเทศบ้านเกิดก่อนวัยอันควร ชั้นที่ 3...?
            ...ได้แฟนเป็นซุป’ตา เกาหลีน่ะเซ่! >////<
            “แล้วคุณไว้ใจลูกสาวผมแค่ไหน ขนาดผมเป็นพ่อยังเตือนไม่ค่อยจะฟัง”
            อ้าวพ่อ! ขายลูกสาวซะงั้น =_=! จุนฮยองลอบมองฉันขำๆ แต่พี่จุนเจนี่สิถึงกับหลุดขำออกมา มันน่าขำมากเลยใช่ไหมวีรกรรมของฉันเนี่ย?
            “ผมเชื่อใจฮยอนอินครับ ผมเชื่อว่าเธอจะไม่ทำให้ผมผิดหวังแน่นอน”  จุนฮยองตอบกลับไป ทำเอาฉันขนลุกซู่ไปทั้งตัว ยงจุนฮยอง ‘เชื่อใจ’ ฉัน เอ่อ...มันฟังดูทะเม่งๆ แปลกๆ ไม่ค่อยชินกับอะไรที่มันดูเลี่ยนๆ แบบนี้เลยจริงๆ -///-
            “เฮ้อ...เอาไว้ค่อยคุยกันอีกทีแล้วกัน พ่อมีงานต่อ”  อยู่ๆ พ่อก็ตัดบทแล้วเดินออกไปจากห้องซะเฉยๆ คุณอินโจโค้งคำนับฉันก่อนจะเดินตามออกไปติดๆ และพี่จุนเจก็ยิ้มให้ฉันนิดหน่อยแล้วออกไปเป็นคนสุดท้าย
            “ขอบคุณนะที่แนะนำตัวออกไปแบบนั้น พ่อฉันเชื่อสนิทเลย ^^”  ฉันยิ้มเบาๆ ให้จุนฮยอง ระหว่างที่เขาทรุดนั่งลงบนเตียงใกล้ๆ ฉัน
            “ฉันต้องทำให้สมบทบาทหน่อยสิ...แต่พ่อเธอเนี่ยเวลาอยู่ใกล้แล้วดูน่ากลัวจังนะ” 
            อ๋อ ที่นั่งบนเตียงเนี่ยเพราะกลัวพ่อฉันจนขาอ่อนสินะ -_-;
            “แต่เวลาท่านไม่โกรธก็น่ารักอยู่นะ”  ฉันยิ้มออกมานิดหน่อย แต่พอนึกถึงเรื่องที่พ่อพูดทิ้งท้ายไว้ให้ ก็อดที่จะใจหายไม่ได้ ถึงฉันจะมาที่นี่แบบไม่ค่อยเต็มใจแต่ฉันก็อยู่มานานจนรู้สึกผูกพันกับมันมากทีเดียว พอรู้ว่าต้องจากที่นี่ไป มันเศร้าจนอธิบายไม่ถูกเลย
            “เป็นอะไรอีกล่ะ อารมณ์เธอเปลี่ยนเร็วจัง”  จุนฮยองก้มหน้าลงมามองหน้าฉันตรงๆ
            “บางที...ถ้าเรื่องพวกนี้จบลง ฉันอาจจะกลับไปอยู่เมืองไทยก็ได้ กลับไปอยู่กับป้าที่นั่น...”
            “เรื่องไหนล่ะที่เธอว่ามันจะจบ”
            “ก็เรื่องพี่จุนเจ กีอุน ซอนบีแล้วก็ซูอึนน่ะสิ ถ้าเรื่องพวกนี้จบลงได้ ฉันคงมีชีวิตเหมือนวัยรุ่นใสๆ ปกติธรรมดาได้สักที”
            “แล้วเรื่องฉันล่ะ?...” 
            เพราะประโยคนี้ ฉันเลยหันไปมองจุนฮยองอย่างอัตโนมัติ เมื่อกี๊เขาพูดว่า ‘เรื่องของฉันล่ะ’ รึเปล่านะ? ได้ยินไม่ค่อยชัด
            “นาย...ว่าไงนะ?”
            ต้องถามให้แน่ใจอีกรอบ ฉันไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม? หรือว่ายัยซอนบีตบฉันจนประสาทการได้ยินมันได้รับความกระทบกระเทือนไปแล้ว วันนี้ถึงได้ยินแต่อะไรแปลกๆ -///-?
            “เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”  จุนฮยองพูดแล้วก้มลงมองมือตัวเอง ฉันเลยเอี้ยวตัวไปมองหน้าจุนฮยองใกล้ๆ อย่างจับผิด
            “แน่ะ! ต้องมีอะไรแน่ๆ ทำปากห้อยขนาดนี้”  ฉันหลิ่วตามองแล้วชี้นิ้วไปที่ริมฝีปากห้อยๆ (ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา -_-;) พร้อมหัวเราะคิกคักในลำคอเพื่อให้เขายอมบอกสักทีว่าเมื่อกี๊พูดอะไร
            “ก็บอกว่า...!” 
            อยู่ๆ จุนฮยองก็หันมากะทันหัน ทำให้จมูกของเราชนกันอย่างช่วยไม่ได้ เราสบตากันนิ่ง จนกระทั่งจุนฮยองค่อยๆ เลื่อนหน้าเข้ามาหาฉันเรื่อยๆ ริมฝีปากของเราสัมผัสกันเบาๆ ความอบอุ่นเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเพียงแค่สัมผัสที่แผ่วเบาๆ นี้ จากความแผ่วเบาที่ได้รับ จุนฮยองเริ่มกดน้ำหนักลงมาแรงขึ้น เริ่มลุกล้ำ เร่าร้อนมากขึ้น และโถมหน้าอกแกร่งแนบชิดเข้ามาพร้อมกับใช้มือทั้ง 2 ข้างของเขายื่นมาค้ำเตียงไว้ แต่เพราะฉันเริ่มตั้งสติได้และเริ่มหายใจไม่ออก ฉันจึงรีบผลักหน้าอกเขาออกแรงๆ ก่อนจะหายใจหอบเพื่อสูดเอาอากาศเข้าปอดให้เร็วที่สุด
            “ฉัน...จะ...จะนอนแล้ว”  ฉันพูดติดๆ ขัดๆ แล้วรีบล้มตัวลงนอนหันหลังให้จุนฮยองทันที แอร๊ยยย เมื่อกี๊ฉันยอมให้เขาจูบขนาดนั้นได้ยังไงกัน เราแค่คบกันหลอกๆ เองนะ >////<
            “อะ...อื้ม”  จุนฮยองอึกอักแล้วความรู้สึกยวบตัวขึ้นของเตียง ทำให้ฉันรู้ว่าเขาลุกขึ้นจากเตียงแล้ว
            “อย่าลืมห่มผ้า”  จุนฮยองพูดแล้วผ้าห่มก็ลอยวืดขึ้นมาห่มให้ฉันอย่างรวดเร็ว
            “เอ่อ...ขอบคุณ >////<”  
            “อย่าลืมเรื่องที่เราสัญญากันไว้ล่ะ ตราบใดที่เธอยังเป็นแฟนฉันอยู่ห้ามตีใครเด็ดขาด” 
            “โอเคค่ะคุณแฟน!”  ฉันตอบกลับแกมประชด แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ จากคนที่ยืนอยู่ข้างหลังก่อนเสียงจะเงียบไป เขาออกไปจากห้องแล้วหรอ?
            ฉันค่อยๆ หันไปมองด้านหลังก็ไม่เจอใครแล้ว แต่มี sms เข้าแทน
‘ฉันจะลงไปซื้อของกิน เธอจะเอาอะไรส่งข้อความมาบอกนะ
จุนอยอง’
            ฉันเผลอยิ้มกับข้อความ แค่นั้นยังไม่พอ! ฉันยังเผลอแตะริมฝีปากตัวเองอีกต่างหาก อ๊ากส์ นี่นายทำให้ฉันชอบนายมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน >/////<
 
            1 เดือนต่อมา...
            ฉันรีบเก็บข้าวของเข้ากระเป๋าทันทีที่เลิกคลาส เพราะฉันโดนไอ้คุณแฟนโทรจิกยิกๆ เลยเนี่ย! วันนี้มันวันเกิดฉันแท้ๆ แต่กลับโดนนายจุนฮยองแกล้งแบบนี้ มันไม่น่าประทับใจเอาซะเลย >.<
            [นี่! ยัยคุณแฟน! อืดอาดเป็นเต่าอยู่ได้]  จุนฮยองบ่นมาจากปลายสาย ยัยยูรีที่กำลังมองอากับกิริยาลุกลี้ลุกลนของฉัน ก็เอาแต่หัวเราะคิกๆ พร้อมกับแอบแซวฉันทางสายตา แทนที่จะมาเก็บของช่วยกันนะยัยเพื่อนคนนี้ -_-!
            “รีบอยู่เนี่ย >_<”  ฉันตอบกลับไปพร้อมกับเก็บของยัดๆ เข้ากระเป๋าอย่างลวกๆ คอก็เอียงหนีบโทรศัพท์จนคอจะเคล็ดอยู่แล้วเนี่ย
            [เฮ้! ของเยอะขนาดนั้นเลยหรอ ฉันต้องไปขับสิบล้อมารับรึเปล่าเนี่ย]  จุนฮยองยังคงบ่นต่อไป ขี้บ่นเป็นตาแก่ไปได้ ถ้าไม่บอกฉันไม่รู้นะเนี่ยว่าอายุมากกว่าฉันไม่กี่ปี -_-!
            “เสร็จแล้วๆ...กลับก่อนนะยูรี”  ประโยคสุดท้ายฉันหันไปหายูรีที่รอส่งยิ้มหวานแซวฉันอยู่ก่อนแล้ว และรีบวิ่งลิ่วตัวปลิวออกไปหาจุนฮยองที่จอดรถรออยู่หน้าคณะ
            ฉันกดตัดสายจุนฮยองแล้วเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมตุ๊กตาหมีตัวโตเท่าๆ กับฉันที่พี่จุนเจอุ้มมาให้ด้วยตัวเอง จนเพื่อนในมหาวิทยาลัยพากันอิจฉาฉันเป็นแถว แอบปลื้มเล็กๆ นะเนี่ย ถ้าไม่ติดว่าฉันชอบจุนฮยองไปแล้ว ฉันต้องหวั่นไหวแล้วยอมหมั้นด้วยไปแล้วแน่ๆ เลย >///<
            ขณะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดฉันก็เห็นอึนพาออกมาจากลิฟต์อีกตัวแล้วเดินไปอย่างเร็วจนฉันเรียกไม่ทัน ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอึนพาเรียนที่นี่ด้วย?
            “ของใครน่ะ”  จุนฮยองขมวดคิ้วมองพลางบิดจมูกหมีตัวโตของฉันไปมา นี่! ห้ามทำมันเจ็บเชียวนะนาย -_+! (ปัญญาอ่อน U_U;)
            ดีหน่อยที่วันนี้เขาเอารถของกีกวังมา ทำให้มีพื้นที่ว่างในการวางหมีตัวนี้ได้อย่างสบายๆ
            “ของพี่จุนเจ”  ฉันตอบสั้นๆ แล้วพยายามปกป้องจมูกหมีสุดชีวิต
            “ไหนว่าไม่ใช่คู่หมั้นกันแล้วไง ทำไมยังเอาของขวัญมาให้อีก -*-”
            “ก็คนที่เขาได้ชื่อว่าเป็นแฟนฉันยังไม่มีของขวัญมาให้เลยน่ะสิ พี่เขาสงสารเลยหามาให้”  ฉันตอบประชดๆ ไป เออ...จะว่าไป ฉันกับพี่จุนเจก็สิ้นสภาพจากการเป็นคู่หมั้นกันมาได้พักใหญ่ๆแล้ว แต่ทำไมฉันกับจุนฮยองถึงยังเล่นพ่อแม่ลูก...เอ่อ เล่นเป็นแฟนกันไม่เลิกสักที...ฉันควรจะเริ่มต้นพูดเรื่องนี้กับเขายังไงดี
            ‘นี่นายๆ เรามาเลิกเล่นเป็นแฟนกันเถอะ’…หรอ -_-?
            หรือว่า ‘จุนฮยอง นายว่าเราเล่นเป็นแฟนกันนานเกินไปแล้วรึยัง เลิกเล่นป่ะ’…งั้นหรอ -_-;
            หรือจะเป็น ‘เลิกเล่นเป็นแฟนกันเถอะ เบื่อแล้วง่ะ’…เร๊อะ -_-!
            โอ้ย! คิดแล้วปวดกะโหลกชะมัดให้ตาย!!
            “ฉันว่ามันพยายามจะจีบเธอใหม่มากกว่า เอาของน่าเกลียดๆ แบบนี้มาได้ไง ดูสิ! ขนก็ร่วง”  จุนฮยองไม่พูดเปล่า เขาเอามือมาดึงขนหมีออกเป็นจุกเลย TOT
            “ก็นายจงใจดึงนี่ไม่ให้มันหลุดได้ยังไงเล่า เอามือออกไปจากหมีน้อยของฉันเลยนะ >O<”  ฉันพูดพร้อมกับพยายามปัดป้องมือนิสัยเสียของจุนฮยองออกจากหมีน้อยของฉันเป็นพัลวัน
            “น้อยตรงไหน ตัวใหญ่ยังกะช้างน้ำ” 
            เอ่อ...เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี๊เขาบอกว่า ‘ตัวใหญ่ยังกะช้างน้ำ’ แต่ไอ้หมีตัวนี้มันสูงเท่าๆ กับฉัน งั้นก็แสดงว่า...
            ฉัน = ช้างน้ำ -_-?...เปรียบเทียบซะ...ฮึ่ม!!
            “จิ๊”  ฉันจิ๊จ๊ะในลำคออย่างขัดใจ แต่ดูเหมือนคนที่ไม่พอใจยิ่งกว่าฉันก็คือจุนฮยอง เขาจะไม่พอใจอะไรนักหนา ไม่เข้าใจจริงๆ เลือดจะไปลมจะมารึไงยะ!
            “ยุ่งเกินไปละ! ทำตัวยังกะเป็นแฟนฉันจริงๆ แหละนายน่ะ”  ฉันบ่น ขณะยกหมีไปไว้เบาะหลังเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของมันเอง
            “ก็ใช่น่ะสิ!!”  จุนฮยองโพลงออกมาทั้งที่ฉันยังพูดไม่ทันจบประโยคดีซะอีก ทำให้ฉันชะงักงันไปชั่วขณะในท่าหันไปวางหมี =_=;
            อากับกิริยาแบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้ แถวบ้านที่เมืองไทยเข้าเรียกว่าหึงนะ เริ่มมีหวังแล้วเว้ยของขวัญเอ้ย >////<
 
 
 
 
 
*********************************
เหลืออีกแค่ 2 ตอนเท่านั้น Ep. นี้ก็จะจบแล้ว >.<
ยังไงก็ฝากติดตามจนจบด้วยนะคะ 
แล้วก็อย่าลืมติดตาม Episode 4 ต่อด้วยนะคะรีดเดอร์ >O<
*********************************
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา