[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  113.55K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

35) [Episode 3 :: Dangerous Lover] # Chapter 10

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Episode 3 Dangerous Lover

:: Chapter 10 ::

 

            “เอ่อ...ขอโทษ!”  ฉันพูดหลังจากที่ประมวลความคิด 3 วินาทีแล้วรีบปิดประตูทันที ทำไมใจฉันมันหวิวๆ แปลกๆ นะ ให้ตาย!

            “คุณหนู! มะ..มีอะไรหรอครับ?”  พนักงานโรงละครที่พาฉันมาส่ง ถามด้วยความตกใจ หน้างี้ซีดเผือดเป็นไก่ต้ม ท่าทางกระวนกระวายหลังจากที่ฉันปิดประตูลง

            ฉันดูเหมือนคุณหนูเอาแต่ใจ ขี้วีนขนาดที่เขาต้องกลัวฉันขนาดนี้เลยหรอเนี่ย =_=!

            “ไม่มีอะไรหรอก ฉันนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ขอบคุณคุณมากนะคะที่พามาส่ง ไปได้แล้วล่ะ”  ฉันบอกเพื่อเคลียร์ทางให้จุนฮยองกับโฮยอน ถ้าเกิดมีพนักงานมาเห็นว่าพวกเขาออกมาจากห้องเดียวกัน เป็นข่าวดังแน่

            ตึกๆๆ

            ฉันเดินตามพนักงานคนนั้นออกมาจากโซนของนักแสดงโดยมีเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังอยู่ข้างหลัง แต่ฉันไม่ได้หันไปดูว่าเป็นใคร จนกระทั่งมีแรงกระตุกที่ต้นแขนแรงๆ ฉันเลยต้องหันไปตามแรงดึง

            “เธอ!...มีอะไรรึเปล่า”  จุนฮยองถาม หายใจหอบเหนื่อยเหมือนเพิ่งวิ่งในระยะทางไกลๆ มา โดยมีปาร์กโฮยอนตามมาด้วย

            “เอ๋อ ฉะ..ฉันแค่จะมาคุยเรื่องเมื่อวานน่ะ แต่วันนี้ถ้านายไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ!”  ฉันพูด แล้วก็เผลอปัดมือจุนฮยองออกแรงๆ ฉันเพิ่งรู้ว่ามันแรงมากก็ตอนที่เห็นจุนฮยองเอียงตัวไปกับแรงสะบัดของฉัน

            “เอ่อ...ขอโทษ”  ฉันขอโทษเบาๆ จุนฮยองไม่พูดอะไร เพียงแต่มองหน้าฉันนิ่งๆ

            “คุณหนู มีอะไรให้ช่วยไหม”  พนักงานคนที่เดินนำหน้าฉันออกมาถามด้วยความเป็นห่วง อ้าว! นายยังไม่ไปอีกหรอ -_-?

            “ไม่มีอะไรแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณมาก ไปทำงานเถอะ”  ฉันหันไปยิ้มเบาๆ ให้ เขาจึงเดินออกไปจากทางเดินอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะมันเป็นคำสั่ง ฉันมองตามไปจนแน่ใจว่าพนักงานคนนั้นไปแล้วและไม่มีใครอยู่แถวนี้

            “เอ่อ...ไว้ค่อยคุยแล้วกัน คุณโฮยอนเขารอแน่ะ”  ฉันพยักพเยิดไปที่โฮยอนที่ยังคงยืนกอดอกมองฉันอย่างอารมณ์เสียอยู่ข้างหลัง

            โทษทีนะที่ฉันไปขัดจังหวะเข้าพระเข้านางของเธอกับจุนฮยองน่ะ =_=;

            “นั่นสิ กับยัยคนนั้นแล้วค่อยคุยไม่ได้หรอ”  ยัยโฮยอนพูดด้วยเสียงอันดัง จ้ะ! ฉันรุ้ว่าฉันทำอารมณ์ของเธอบูด ไม่ต้องมองจิกฉันขนาดนั้นก็ได้ แน่ะๆ ลูกตาจะถลนออกมาอยู่แล้ว!

            “ฉันบอกเธอแล้วว่าฉันไม่มีอะไรจะคุย!”  จุนฮยองพูดโดยไม่ได้หันไปมองคู่สนทนา

            “แต่ฉันมี!!”  ยัยนั่นกำหมัดแน่นแล้วย่างสามขุมเข้ามากระชากฉันออกให้ห่างจากจุนฮยองโดยที่ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัว

            “เพราะนังนี่ใช่ไหมที่ทำให้นายเปลี่ยนไป!! เพราะมันใช่ไหม!!”  ยัยนั่นกระชากมวยผมที่พี่ซังมีบรรจงเกล้าขึ้นให้อย่างแรง จนหัวฉันเอนไปตามแรงกระชากโดยที่ไม่ต้องออกแรงใดๆ Y_Y

            “โฮยอน!”  จุนฮยองพยายามเข้ามาแยกยัยโฮยอนออกจากฉัน แต่ดูเหมือนจะยิ่งทำให้ยัยนั่นจิกหัวฉันแรงขึ้นกว่าเดิมอีก ไม่ต้องช่วยก็ได้นะจุนฮยอง ฉันจะพยายามสลัดยัยนี่ออกเองขนาดไอ้กีอุนจอมถึกฉันยังตีมาแล้วเลย T^T

            “อย่ามายุ่งนะ ฉันจะทำให้ยัยคุณหนูนี่รู้สำนึกว่านายเป็นของฉันคนเดียว!!”  ยัยนั่นทั้งพูดทั้งทึ้งหัวฉันจนผิวหนังบริเวณนั้นรู้สึกร้อนและปวดตุบๆ ขึ้นมา

            วันก่อนยัยโฮยอนยังบอกว่าฉันเป็นพวกนักเลงข้างถนนอยู่เลยนะ =_=

            “ว่าไงนะ! ของของเธอ...หรอ?”  อยู่ๆ จุนฮยองก็นิ่งไป ทำให้โฮยอนที่กำลังทึ้งผมฉันอยู่ ก็ถึงกับนิ่งไปเหมือนกัน

            “คุณทำอะไรน่ะ!!”  เสียงของพี่จุนเจดังแทรกขึ้นมาระหว่างความนิ่งเงียบที่ผิดปกติ พร้อมกับที่ร่างฉันถูกแยกออกจากมือของยัยโฮยอน

            “คุณรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?”  พี่จุนเจถามโฮยอนเสียงกร้าว เป็นน้ำเสียงที่ฉันไม่เคยได้ยินจากเขาเลยตั้งแต่รู้จักกันมา

            “เป็นใครฉันไม่สน ถ้าใครหน้าไหนมายุ่งกับของๆ ฉัน ฉันก็ไม่ไว้หน้าทั้งนั้นแหละ!!”  โฮยอนตะโกนใส่พี่จุนเจ พร้อมกับมองฉันที่อยู่ในอ้อมแขนของพี่จุนเจอย่างเอาเรื่อง

            เอ่อ...เดี๋ยวนะ -_-?

            ‘อ้อมแขน?’

            พี่จุนเจกอดฉันอยู่งั้นหรอ -[]-!

            “เอ่อ...เรื่องเข้าใจผิดน่ะค่ะ”  ฉันบอกแล้วผละออกจากพี่จุนเจเบาๆ

            “เธอทำไมไม่บอกไปล่ะว่าเพราะฉัน”  อยู่ๆ จุนฮยองก็ดึงฉันเข้าไปใกล้ๆ ตัว นี่เขาประชดฉันเรื่องที่พี่จุนเจพูดเมื่อวานรึเปล่า?

            “เพราะคุณอีกแล้วหรอ”  พี่จุนเจถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มคุกรุ่นไปด้วยอารมณ์โกรธ

            “ใช่!”  จุนฮยองตอบสั้นๆ ห้วนๆ น้ำเสียงแบบนี้ฉันคิดว่าไม่พ้นมีเรื่องชัวร์ =_=;

            “งั้นผมก็คงต้องขอคู่หมั้นผมคืนแล้วล่ะ เพราะอยู่กับคุณก็จะยิ่งอันตราย”  พี่จุนเจจับที่ต้นแขนฉันไว้ แต่จุนฮยองก็จับต้นแขนข้างที่ว่างไว้แน่นเหมือนกัน

            เฮ้ๆ ฉันเจ็บนะ เบาๆ กันหน่อย +_+!

            “แค่ ‘ว่าที่’ ไม่ใช่หรอ? ยังไม่ได้หมั้นสักหน่อย แล้วอีกอย่างแฟนตัวจริงของเขาก็ยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน ไม่เกรงใจกันบ้างเลยรึไง!”  จุนฮยองถามด้วยน้ำเสียงยียวนกวนบาทาสุดๆ เฮ้อ...ตกลงอยากมีเรื่องกันจริงๆ ใช่ไหมพวกคุณๆ ทั้งหลาย >_<!

            “วะ...ว่าไงนะจุนฮยอง เมื่อกี๊!...นายพูดเล่นใช่ไหม!!!”  โยฮอนเข้ามากระชากมือของจุนฮยอง (ข้างที่ไม่ได้บีบแขนฉันนะ =_=) ไปจับไว้ สีหน้ากระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด

            “นายเล่นอะไรเนี่ย?”  ฉันกระซิบถามจุนฮยอง เพราะเมื่อวานเขาเป็นคนบอกฉันเองว่าเขาจะไม่ช่วย แล้วทำไมวันนี้เขาถึงเปลี่ยนใจกระหันล่ะ!

            แต่...เป็นแบบนี้ก็ดีแฮะ ^.,^

            “ก็เล่นตามบทของเธอไง”  จุนฮยองก้มลงมากระซิบฉันเบาๆ ก่อนจะหันไปหาโฮยอนที่ดิ้นพล่านๆ อยู่อีกด้าน

            “ฉันไม่ได้พูดเล่น ฉันกับของขวัญ เราเป็นแฟนกัน!!”  จุนฮยองพูดด้วยเสียงอันดัง ฉันว่ามันดังเกินไปนะจุนฮยอง -///-

            แล้วฉันจะหน้าแดงทำไมล่ะเนี่ย U///U!

            “ไม่จริง! นายเป็นของฉันนะ!!”  โฮยอนร้องกรี๊ดสุดเสียง ทำเอาหูฉันอื้อไป 5 วินาทีก่อนจะกลับมาได้ยินตามปกติ ส่วนต้นแขนอีกข้างที่พี่จุนเจจับไว้ แรงบีบรู้สึกว่าจะเพิ่มขึ้นเยอะเลย อู๊ย~ ถึงฉันจะถึกเกินมนุษย์ผู้หญิงธรรมดาทั่วไป แต่ฉันก็เจ็บเป็นนะยะ! T^T

            “ฉันไม่ได้เป็นของเธอตั้งแต่เราเลิกกันแล้ว...ตอนนี้ คนที่เป็นเจ้าของฉัน มีแค่ของขวัญคนเดียวเท่านั้น!!”  จุนฮยองพูดเสียงเด็ดขาดจนโฮยอนยอมปล่อยมือ ตัวสั่นเทิ้มไปกับก้อนสะอื้นที่เริ่มจะก่อตัวขึ้นมาให้เห็น

            เอาเข้าไป! นายอย่ามาทำให้ฉันจิ้นไปเองคนเดียวได้ไหม? >////< รู้นะว่านายพูดไปตามบทที่ควรจะพูด แต่มันฟังดูจริงใจเกินไป รู้ตัวรึเปล่า!

            “ไม่จริง! นายโกหกก็เพื่อที่จะไล่ฉันไปใช่ไหมล่ะ นายกลัวตัดใจจากฉันไม่ได้เลยต้องทำแบบนี้ใช่ไหม?...นายไม่ต้องพยายามตัดใจอีกแล้ว ฉันกลับมาหานายแล้วนี่ไง!!”

            “ฉันไม่ต้องการเธอ!!”  จุนฮยองยืนยันหนักแน่นและไร้เยื่อใยจนน่ากลัว แต่สิ่งที่ทำให้ต่อมจิ้นของฉันแตกกระจายไม่มีชิ้นดีก็ตรงที่แววตาของเขา ถึงฉันจะไม่ได้สบตาเขาตรงๆ แต่ฉันก็เห็นความเจ็บปวดที่แล่นแว็บขึ้นมาในดวงตาคู่นั้น แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ครู่เดียว...มันก็ทำให้ฉันรู้ ว่าที่โฮยอนพูดเป็นความจริง...จุนฮยองยังตัดใจจากโฮยอนไม่ได้ และเขากำลังใช้ฉันเป็นเครื่องมือเพื่อให้โฮยอนเลิกมาให้ความหวังเขาสักที!!

            “ไม่จริง!! นายรักฉัน!!”  โฮยอนตะโกนลั่น มือของจุนฮยองที่จับฉันอยู่สั่นขึ้นอย่างน่าประหลาด โฮยอนยังคงมีอิทธิพลต่อจิตใจของนายอยู่สินะ...

            “ฉันรักขอขวัญ”  จุนฮยองตอบกลับไปโดยไม่ได้หยุดคิดหรือไตร่ตรองอะไร ถ้าเขาพูดก่อนที่ฉันจะเห็นแววตานั้นของเขา ฉันคงหวั่นไหวกับคำว่า ‘รัก’ นั้นไปแล้ว

            “ในเมื่อเรื่องของนายก็ยังเคลียร์ไม่จบ อย่าเอาฮยอนอินไปเกี่ยวด้วยได้ไหม”  พี่จุนเจพูดขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นาน เสียงพี่เขาฟังดูเรียบจนเดาไม่ออกเลยว่าตอนนี้อารมณ์แบบไหน

            ฉันหันไปมองพี่จุนเจก็เห็นเขามองฉันอยู่ก่อนแล้ว แต่พอพี่เขาเห็นว่าฉันหันไป เขาก็รีบเบือนหน้าหนีทันที แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยแขนของฉัน

            “แล้วคุณยุ่งอะไรด้วย! ปล่อยแขนแฟนผมได้แล้ว!!”  จุนฮยองออกแรงกระตุกที่แขนฉันเบาๆ แต่ก็รู้สึกว่าแรงพี่จุนเจก็ใช่ย่อยเหมือนกัน

            “ผมไม่เชื่อหรอกว่าพวกคุณจะเป็นแฟนกัน เพราะที่ผ่านมาดูเหมือนพวกคุณจะไม่ถูกกันด้วยซ้ำ อย่าใช้ฮยอนอินเป็นเครื่องมือเพื่อลืมผู้หญิงคนนั้นเลยนะ”  พี่จุนเจพูดแทงใจดำดังจึ๊กๆ นี่พี่จะแสนรู้ไปหมดทุกเรื่องเกินไปรึเปล่าคะ T^T

            “ฮึ! ไม่เชื่องั้นหรอ...”  อยู่ๆ จุนฮยองก็หัวเราะออกมาอย่างร้ายกาจ พอฉันหันไปมองก็เห็นว่าเขากำลังยิ้มมุมปากเหมือนคิดแผนร้ายอะไรบางอย่างอยู่ ฉันหวังว่าแผนการของเขาจะไม่มีฉันไปเอี่ยวหรอกนะ!

            แล้วการคาดการณ์ของฉันก็เหมือนจะถูกต้อง เพราะจุนฮยองออกแรงกระตุกที่แขนแรงๆ แล้วเอาปากมาประกบปากฉันทันที ฉันตกใจกับสัมผัสของเขาเลยใช้มือผลักหน้าอกของเขาออก แต่เขาก็ใช้แขนข้างหนึ่งรวบเอวฉันไว้ ส่วนอีกข้างล็อกที่ต้นคอของฉันเพื่อไม่ให้ฉันดิ้นไปไหน 

            ฉันกระพริบตาถี่ๆ ไปกับสัมผัสที่เร่าร้อนของจุนฮยอง มันเหมือนจะทำให้ฉันหลอมละลายลงตรงนี้ให้ได้เมื่อเขาเปลี่ยนจากจูบที่เร่าร้อน ดุดันมาเป็นความนุ่มนวลและดูดดื่ม จนทำให้ฉันเริ่มจะทรงตัวไม่อยู่ เขาจึงค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกช้าๆ

            เรา 2 คนมองตากันสักพักก่อนที่ฉันจะเป็นฝ่ายหลบตาลงไปมองด้านล่างและสูดหายใจเข้าให้เต็มปอดหลังจากที่ขาดอากาศหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง หัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะจนฉันเผลอเอามือขึ้นจับที่หน้าอกของตัวเองเหมือนกับว่ามันจะช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้มันช้าลงได้บ้าง

            “ฮยอนอิน...”  เสียงพี่จุนเจดังมาจากด้านหลัง แต่ฉันไม่กล้าจะหันไปมองพี่เขา ฉันทั้งรู้สึกอายและรู้สึกผิดยังไงบอกไม่ถูกที่ทำแบบนี้กับพี่เขา ทั้งที่ผ่านมาพี่เขาก็ดีกับฉันทุกอย่าง

            “ไม่จริง...”  เสียงโฮยอนลอยขึ้นมาเบาๆ ฉันมองผ่านไหล่ของจุนฮยองไปก็เห็นน้ำใสๆ กำลังไหลเอ่อลงมาอาบแก้มของเธอพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างคนเสียสติ นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแย่เข้าไปอีกที่แผนบ้าๆ ของฉันมันทำร้ายคนมากมายขนาดนี้

            “ไปเถอะ”  จุนฮยองพูดแล้วจับมือฉันเดินออกไปจากบริเวณนั้น คราวนี้เขาเดินช้ามากๆ ทั้งที่เมื่อก่อนเดินเขาเร็วจนฉันต้องวิ่งตามไปถึงจะทัน เราเดินมาได้สักพักก็ถึงประตูห้องรับรองของจุนฮยอง

            จุนฮยองเอื้อมมือข้างที่ยังว่างไปหมุนลูกบิดประตูก่อนจะพาฉันเข้าไปในห้องนั้น แต่ฉันกลับรู้สึกกลัวที่ต้องอยู่กับเขาแค่ 2 คน ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยกลัวขนาดนี้เลย

            “ทำไมไม่เข้ามาล่ะ?”  จุนอยองหันกลับมามองฉันเพราะฉันรั้งมือตัวเองไว้และไม่เดินตามเขาไป แต่ดูเหมือนเขาจะรู้เหตุผลโดยที่ฉันไม่ต้องเอ่ยปากบอก

            เขาเอื้อมมือขึ้นมาเช็ดที่มุมปากฉันเบาๆ ทันทีที่นิ้วเรียวของเขามาแตะที่ริมฝีปาก หัวใจฉันก็เริ่มเต้นเร็วและไม่เป็นจังหวะยิ่งกว่าเดิม ฉันเลยสะบัดหน้าหนีแล้วเอามือขึ้นเช็ดด้วยตัวเอง พอเอาออกมาดูก็เห็นลิปสติกสีชมพูติดอยู่ที่นิ้วมือ

            “ลิปสติกเธอเลอะ ฉันเลยพาเธอมาที่นี่ก่อน”  จุนฮยองบอกแล้วจูงมือฉันเข้าไปในห้อง แต่ฉันก็ยังไม่ไว้ใจที่จะเข้าไปกับเขาอยู่ดี

            “ไม่ต้องกลัวฉันหรอก ฉันไม่ทำอะไรเธอแล้ว...”  จุนฮยองพูดเสียงที่ฟังดูสบายๆ ฉันเลยยอมเดินเข้าไปในห้อง

            จุนฮยองหาทิชชู่และกระจกมาให้ฉันเพื่อเช็ดคราบลิปสติกออก ฉันรับมาแค่ทิชชู่แล้วเช็ดปากตัวเองอย่างลวกๆ เพราะถ้าฉันส่องกระจกแล้วเห็นปากตัวเองฉันต้องหน้าแดงขึ้นมาอีกแน่ๆ

            ไม่ได้ๆ ฉันต้องใจแข็งเข้าไว้ >////<

            “ฉัน...ขอโทษนะที่...”  จุนฮยองละไว้แค่นั้นแล้วนั่งลงบนโซฟาข้างๆ ฉัน

            “ทำไม...นายถึงเปลี่ยนใจยอมช่วยฉันล่ะ”  ฉันถามเฉออกไปนอกเรื่องเพราะฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เรา...เอ่อ จูบกัน -////-

            “...”  จุนฮยองไม่ตอบอะไร นั่นมันยิ่งตอกย้ำคำตอบในใจฉัน ว่าเขาใช้ฉันเป็นเครื่องมือที่จะลืมโฮยอนจริงๆ

            “เอาล่ะ ฉันรู้แล้วว่าทำไม...ฉันกลับล่ะ”  ฉันบอกแล้วดันตัวลุกขึ้น แต่ก็โดนจุนฮยองจับข้อมือเอาไว้

            “ฉันจะไปส่ง”  จุนฮยองตอบสั้นๆ แล้วจูงมือฉันออกไปจากห้อง

            “เดี๋ยวๆ ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้ >.<”  ฉันรั้งมือตัวเองไว้ แต่จุนฮยองไม่พูดอะไรเพียงแค่ลากฉันให้เดินตามเขาไปที่รถเท่านั้น

            “ขึ้นไปสิ”  จุนฮยองเปิดประตูรถให้ฉัน แต่ฉันไม่อยากกลับกับเขานี่ ขนาดเดินอยู่ในที่โล่งๆ ฉันยังอึดอัดจะตายอยู่แล้ว แต่นี่ต้องนั่งอยู่ในรถเดียวกับเขา ฉันใจขาดตายแหงๆ Y_Y

            “ฉันบอกแล้วไงว่าจะกลับเอง”

            “ฉันเป็นแฟนเธอนะ ฉันต้องทำหน้าที่ไปส่งเธอสิ” 

            “ฟะ...ฟงแฟนอะไร? เราเป็นแฟนกันแค่ตอนที่อยู่ต่อหน้าพี่จุนเจกับยัยโฮยอนนั่นต่างหาก >///<”  ฉันพยายามเก็บอาการเขินเอาไว้ เพราะถ้าเขารู้ว่าฉันหวั่นไหวกับการแสดงของเขาล่ะก็ เขาต้องหัวเราะเยาะฉันแน่ T^T

            “อ้าว ก็ต้องทำตัวให้ชินสิ เขาจะได้เชื่อ อีกอย่าง...คู่หมั้นเธออาจจะกำลังจับตามองเราสองคนอยู่ก็ได้นะ”  ประโยคสุดท้าย จุนฮยองก้มลงมากระซิบฉันพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยเหตุนี้ฉันเลยต้องยอมให้เขาไปส่งที่คอนโดอย่างเลี่ยงไม่ได้ -////-

            นายทำให้ฉันหวั่นไหวมากไปแล้วนะจุนฮยอง >////<!

 

            [ได้โปรดเถอะ ไปซื้อของช่วยอึนพาหน่อยนะ เด็กตัวเล็กๆ จะให้ไปคนเดียวได้ไง]  วิลล่าออดอ้อนฉันผ่านสายโทรศัพท์ เพราะอยากให้ฉันไปซื้อของช่วยอึนพา

            “แล้วเธอทำไมไม่ไปเป็นเพื่อนอึนพาล่ะ วันนี้ฉันมีรายงานต้องทำนะ” 

            ฉันไม่ใช่คนใจดำอะไรหรอกนะ แต่ฉันกลัวเจอจุนฮยองต่างหาก >///<

            [วันนี้ฉันกับพี่ๆ ต้องไปถ่ายรายการเรียลลิตี้ชีวิตจริงอะไรสักอย่างก่อนเดบิวต์อ่ะ แต่อึนพาไม่ได้ไปเพราะว่าวันนี้ไม่มีคิว นะๆ ช่วยไปซื้อของแทนฉันที วันนี้เวรฉันซื้อของคู่กับอึนพาแต่ฉันไปไม่ได้ ถือซะว่าช่วยเพื่อนรักหน่อยนะ]  วิลล่าอธิบายยาวยืด

            “แค่ซื้อของ ไปวันอื่นไม่ได้หรอ -_-!” 

            [ของในหอไม่มีอะไรจะกินได้แล้วขวัญ หรือว่าแกอยากให้ฉันกับพี่ๆ แทะกินโต๊ะญี่ปุ่นคนละตัวล่ะยะ]  วิลล่าเริ่มประชด =_=;

            “อ่ะๆ ไปก็ได้ บอกอึนพาว่าเดี๋ยวฉันไปรับเอง” 

            [เย้ๆ เพื่อนของฉันน่ารักที่สุดเลย เดี๋ยวจะเลี้ยงชุดใหญ่เลย...วิลล่ามาเร็วเข้า!...อ๋อ ค่ะๆ...ขวัญ แค่นี้ก่อนนะ ขอบใจจริงๆ...ตู๊ด...ตู๊ด...]  เสียงของใครสักคนลอดเข้ามาในสาย วิลล่ารับคำแล้วมาบอกลาฉันก่อนจะตัดสายไป คงยุ่งจริงๆ สินะเพื่อนเรา -_-

            ฉันเก็บโทรศัพท์และกระเป๋าเงินยัดเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างคู่ใจ ก่อนจะขับรถไปรับอึนพาที่หอ ซึ่งก็เจออึนพายืนรออยู่หน้าหอเรียบร้อยแล้ว ฉันเลยรีบบึ่งรถออกจากหอนั้นทันทีเพื่อเลี่ยงที่จะเจอจุนฮยอง -///-

            “คู่หมั้นของพี่เชื่อไหมคะว่าพี่กับพี่จุนฮยองเป็นแฟนกัน”  อึนพาชวนคุยระหว่างทางที่ไปซื้อของ เอ่อ...ชวนคุยเรื่องอื่นดีกว่าไหม เรื่องนี้มันจะทำให้ฉันไม่มีสมาธิขับรถนะ -_-;;

            “ก็...เหมือนจะเชื่ออยู่นะ”  ฉันบอก เพราะจากที่เห็นเมื่อวาน คงเชื่อขึ้นมาเยอะเลยแหละ -///-

            “หรอคะดีจังเลย แล้ว...พี่โฮยอน ไม่วีนแตกเลยหรอเนี่ย” 

            “ตอนรู้เรื่องก็วีนหนักอยู่เหมือนกันแหละ...อื้ม แล้วจะซื้อของที่นั่นที่เดียวครบเลยใช่ไหม ต้องไปหลายที่รึเปล่า ฉันจะได้กะเวลาเดินทางถูก”  ฉันพาเปลี่ยนเรื่อง อึนพาเลยคุยเรื่องซื้อของกับฉันแทนการคุยเรื่องของจุนฮยอง เฮ้อ...ขนาดเลี่ยงไม่เจอหน้า ยังทีเรื่องมาทำให้ร้อนวูบวาบแบบนี้อีกนะ -////-

            หลังจากที่ฉันพาอึนพาซื้อของมากมายเสร็จเรียบร้อย เราก็ช่วยกันเข็นรถเข็น 2 คันกลับมาที่โรงรถ ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาเตรียมกักตุนข้าวสารอาหารแห้งขนาดนี้ไว้ในหอทำไมเยอะแยะ น้ำจะท่วมเกาหลีรึไง? ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง =_=;

            ครั้งแรกที่เจอกัน ฉันคิดว่าเรารุ่นเดียวกันซะอีก แต่จริงๆ แล้วอึนพาเป็นรุ่นน้องฉัน 2 ปี แต่หน้าแก่เท่าๆ ฉัน สงสัยเพราะแว่นที่อึนพาชอบใส่ล่ะมั้งที่ทำให้ลุคดูแก่เกินวัน แต่วันนี้ใส่คอนแทคเลนส์หน้าเลยดูเด็กลงเยอะเลย

            “พวกเธอต้องซื้อของเยอะแบบนี้ทุกครั้งเลยหรอ”  ฉันถามขณะที่กำลังช่วยกันขนของทั้งหมดยัดเข้าไปที่ท้ายรถ

            “ค่ะ พวกเราไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไหร่ มีเวลาซื้อครั้งหนึ่งเลยต้องกักตุนไว้เยอะๆ”

            “หลังจากเดบิวต์แล้วคงจะยุ่งกว่าเดิมอีกสิเนี่ย”

            “นั่นสิคะ คงจะยุ่งมากเลย ^^”  อึนพายิ้มให้ฉันอย่างสดใส ดวงตาเป็นประกายอย่างมีความสุข สงสัยจะฝันถึงการเป็นนักร้องไว้มากเลยสินะ ฉันทึ่งพวกเขาจริงๆ ที่ต้องทำสิ่งเดิมซ้ำๆ อยู่ทุกวันโดยที่ไม่รู้สึกเบื่อเลย ไม่มีเวลาให้ตัวเอง ไม่มีเวลาพักผ่อนแบบส่วนตัว ถ้าไม่รักอาชีพแบบนี้จริงๆ คงทำไม่ได้ อย่างน้อยๆ ก็ฉันคนหนึ่งแหละที่ทำไม่ได้ =_=

            ฉันยกแพ็คน้ำดื่มขึ้นมาจากรถเข็นแต่ก็ต้องตกใจจนน้ำเกือบหล่นลงพื้น เพราะมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งยืนจ้องพวกเราเขม็ง เอ่อ...ฉันไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม พวกนั้นกำลังจ้องฉันกับอึนพาอยู่ -_-?

            “มีอะไรหรอคะ?” 

            อึนพาขมวดคิ้วมองฉัน แล้วมองตามสายตาฉันไปยังกลุ่มคนประมาณ 5-6 คน พอหันไปเห็นปุ๊บบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแพ็คใหญ่ที่อึนพาถืออยู่ก็หล่นลงพื้นเกือบจะทับเท้าฉันแน่ะ =_=;

            “ฉะ...ฉันว่า เรา...ระ...รีบเก็บของเถอะค่ะ”  อึนพาละสายตาจากกลุ่มคนกลุ่มนั้นแล้วก้มหน้าก้มตาเก็บของเข้าท้ายรถอย่างลนลานจนของหลายอย่างตกกระจายเกลื่อนพื้นเต็มไปหมด

            “เป็นอะไรอึนพา”  ฉันจับมือของอึนพาไว้ แต่อึนพาก็สะบัดมือฉันออกแล้วเก็บของต่ออย่างบ้าคลั่ง

            นี่เธอกล้าสะบัดมือฉันทิ้งหรอ? ฉันอุตส่าห์เป็นห่วง -*-

            “นี่! เป็นอะไรกันแน่เนี่ย พูดหน่อยสิ ถ้าฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรฉันก็จะไม่พาเธอกลับนะ!”  ฉันเท้าสะเอวถามอย่างเบื่อๆ อึนพาหยุดมือที่กำลังขนของอยู่แล้วมองฉันด้วยน้ำตานองหน้า ฉันเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าอึนพาร้องไห้อยู่ นี่ฉันทำคนร้องไห้อีกแล้วหรอเนี่ย o_o!

            “เธอเป็นอะไร ฉันแค่พูดเล่นเองนะ ยังไงฉันก็พาเธอกลับอยู่ดีแหละ”  ฉันถามแล้วจับมือที่สั่นเทาของอึนพาไว้

            “พวกนั้น...เขาเป็น...”  อึนพาพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลงมาอาบแก้ม โอ้ย! เป็นอะไรเล่า ถ้าเป็นนักเลงที่โรงเรียนเธอฉันจะจัดการให้เองน้องรัก +_+

            “เป็น?”  ฉันเร่งเร้าให้อึนพารีบพูดๆ มาเพราะพวกนั้นกำลังย่างสามขุมเข้ามาแล้ว!!

 

 

 

*********************************

อัพแล้วค่ะ ^O^

*********************************

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา