[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร
8.9
เขียนโดย Kreota
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.
87 ตอน
86 วิจารณ์
113.75K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
24) [Episode 2 :: Brighter Lover] # Chapter 12
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความEpisode 2 Brighter Lover
:: Chapter 12 ::
“ฉันคิดว่าเสียงของฉันไม่พร้อมสำหรับการร้องเพลง...” ฉันพูดออกมาในที่สุด การตัดสินใจครั้งนี้อาจจะทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล และคงไม่มีวันที่ใครจะมาหยิบยื่นโอกาสแบบนี้ให้ฉันอีกครั้งเมื่อฉันเกิดความรู้สึกว่าต้องการมันขึ้นมาแน่ๆ
“เฝ้าฝัน...” เภตราพูดชื่อของฉันเบาๆ ฉันหันไปมองเพื่อนๆ ของฉันอีกครั้ง ตอนนี้พวกเขามองมาที่ฉันด้วยแววตาที่หมดหวัง...ดวงตาของพวกเธอเศร้าเกินไปแล้วนะ นั่นมันเพราะฉันใช่ไหม?
“ลองดูหน่อยสิคะพี่” อึนพาพูดขึ้นมาอีกคน ฉันส่งยิ้มให้พวกเขาก่อนจะหันกลับมามองกรรมการและพี่นาบีอีกครั้ง...ฉันตัดสินใจแล้ว!!
“อย่างที่ฉันได้บอกไป...เสียงของฉันไม่พร้อม...” ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป...
”แต่ตัวฉัน...พร้อมแล้ว!”
“ดี! งั้นเริ่มเลย” คุณอันโซยิ้มให้ฉันแล้วยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ทีมงานเปิดเพลง ดนตรีที่ฉันได้ยินเป็นเพลง On Rainy Days ของ BEAST
ฉันนิ่งนึกเนื้อเพลงอยู่สักพักก่อนจะเริ่มร้องไปตามจังหวะดนตรี โดยมีณัชมาร้องท่อนแร็บให้ในช่วงท้ายของเพลง ฉันมองเพื่อนๆ ทั้ง 5 คนของฉันได้เต็มตาหลังจากที่ละอายใจจนมองหน้าพวกเขาไม่ติดมานาน...
“ต่อไป เต้นแล้วกัน” คุณนาจองพูดพร้อมรอยยิ้ม
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ ออร์ดิชั่นครั้งก่อนพวกเราก็ยังออร์ดิชั่นไม่จบ วันนี้พวกเราขอ...ออร์ดิชั่นให้จบแล้วกันนะคะ” เภตราพูดก่อนที่เพลงจะขึ้น พี่นาบีกระตุกรอยยิ้มขึ้นมานิดหน่อย ก่อนที่กรรมการท่านอื่นๆ จะตอบตกลง
พวกเราเดินไปเข้าไปของตัวเองราวกับแอบซุ่มซ้อมกันมาอย่างหนัก ทั้งที่จริงๆ แล้ว เราไม่ได้ซ้อมเข้ากันมานานมาก ส่วนอึนพาส่งยิ้มมาให้ฉันระหว่างที่เดินไปนั่งกับพี่ทีมงานที่เปิดเพลงอยู่ด้านหลัง
“เริ่มได้แล้วใช่ไหม?” คุณโบอาพูดก่อนที่เพลงจะดังขึ้น มันเป็นเพลงที่ฉันไม่ได้ยินมานานและไม่ได้เต้นมานานแล้ว แต่ก็แปลกนะ ที่ฉันยังสามารถเต้นได้ และสามารถจำการเคลื่อนที่ การมูฟเม้นต่างๆ ได้แม่นเหมือนกับว่ามันมีอยู่ในเนื้อหนังและสายเลือดของฉันอยู่แล้ว
“ฉันไม่อยากจะบอกว่ามันเป็นการออร์ดิชั่นที่ขี้โกงมากๆ แต่ฉันก็ยอมรับในฝีมือน่ะนะ” คุณโบอาเบ้ริมฝีปากมองมาที่ฉันและเพื่อนๆ
“ขี้โกง...หรอ?” ณัชถามพร้อมกับท่าทางที่ดูเอาเรื่องมากทีเดียว =_=;
“ไม่มีอะไรหรอก...แค่ทางเราได้ลงมติกันมานานแล้วว่า ถ้าหากเธอมาออร์ดิชั่นอีกครั้งนั่นแสดงว่าเธอกลับมารายงานตัวแล้ว เพราะที่ผ่านมาถือว่าเธอขออนุญาตลากลับไปเรียนเท่านั้น” คุณอันโซอธิบาย
“งั้นแสดงว่า...เฝ้าฝันผ่านหรอคะ o_o!” ดอกหลิวถามคณะกรรมการตรงหน้า พวกเขาไม่ว่าอะไรเพียงแค่พยักหน้ากลับมาเป็นคำตอบเท่านั้น
“แล้วโกงยังไงหรอคะ” ฉันถามด้วยความกังวล เพราะเพื่อนมาช่วยเต้นช่วยร้องรึเปล่านะ =_=!
“โบอาก็แค่พูดให้มันดูแย่เกินจริงไปเท่านั้นเองแหละ จริงๆ ก็คือ เธอผ่านการออร์ดิชั่นตั้งแต่เธอส่งใบสมัครแล้วล่ะจ้ะ” คุณอาจองช่วยอธิบายอีกคน
ในขณะที่ฉันยังงงๆ เพราะผ่านการออร์ดิชั่นมาได้อย่างงงๆ เพื่อนทั้ง 5 คนก็เข้ามากอดฉันไว้แน่น นี่ฉัน...กลับมาได้แล้วหรอ! ความฝันของฉัน ใกล้เข้ามาอีกก้าวแล้วสินะ!
หลังจากดีใจกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ฉันก็ขอมาเก็บของที่โรงแรมเพราะเพื่อนๆ ทั้ง 5 คนอยากจะฉลองการกลับมาของฉัน เรื่องนี้ต้องขอบคุณกรีนทีใช่ไหมเนี่ยที่เปิดโอกาสให้ฉันได้ทำลายกำแพงงี่เง่าที่ฉันพยายามสร้างขึ้นมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
แต่ฉัน!...ต้องฝึกงานต่อไม่ใช่หรอ?...แล้วพ่อกับแม่จะว่ายังไงนะ!!
“เป็นไรอีกแล้วล่ะ -*-” กรีนทีขมวดคิ้วมองฉัน เมื่อฉันชะงักมือที่กำลังเก็บของอยู่
“กรีน...พ่อแม่ฉันล่ะ พวกเขาจะว่ายังไง?” ฉันถาม ความคิดต่างๆ นาๆ เริ่มก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง
“เธอลองอธิบายสิ พวกเขาจะไม่เข้าใจเธอเลยงั้นหรอ...” กรีนทีเดินเข้ามากุมมือฉันไว้ “ฉันเชื่อ...ว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ ต้องเข้าใจลูกของตัวเองอยู่แล้ว”
ก็อก! ก็อก! ก็อก!
เสียงเคาะประตูถี่ๆ ดังขึ้นระหว่างการสนทนา กรีนทีอาสาไปเปิดประตู แต่เมื่อเปิดประตูออกไปปุ๊บ ยัยกรีนก็หน้าเสียทันทีแล้วหลีกทางให้ผู้มาใหม่ได้เข้ามาในห้อง
“เฝ้าฝัน...มีคนมาพบเธอ” พี่นาบีเดินเข้ามาก่อน ตามมาด้วยคน 2 คนที่ฉันกำลังพูดถึง...พ่อกับแม่นั่นเอง
“เฝ้าฝันลูกทำมันอีกแล้ว!...” แม่ของฉันเดินเข้ามาหาและพูดกับฉันเป็นคนแรก แต่พ่อยังไม่ได้พูดอะไร ท่านไม่มองหน้าฉันเลยด้วยซ้ำ T.T
“ไม่นะคะ! ความผิดหนูเองค่ะ หนูเป็นคน...”
“ไม่ต้องกรีน...” ฉันหันไปห้ามกรีนทีไว้ “ออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉัน...อธิบายเอง”
“ไม่ ฉันจะอยู่กับแก” กรีนทีทำท่าจะเดินเข้ามาหาฉัน
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ฉันจะอยู่กับเฝ้าฝันเอง หนูออกไปก่อนนะจ้ะ” พี่นาบีบอกกรีนทีก่อนจะพาไปส่งที่ประตู
“ลูกบอกแม่แล้ว...ลูกสัญญากับแม่แล้วว่าจะตั้งใจเรียนให้จบ แล้วนี่ลูกมัวทำอะไรอยู่ มัวทำแต่เรื่องไร้สาระพวกนี้น่ะหรอ?” แม่เข้ามาจับมือของฉันไว้แน่น
“มันไม่ได้ไร้สาระนะคะแม่...มันเป็นความฝันของหนู!” ฉันบอก ทำให้แม่ถึงกับนิ่งไป
“เห๊อะ! ความฝัน...แล้วความฝันของแกมันกินได้ไหม? แม้กระทั่งจับต้องยังจับต้องไม่ได้เลย!! แล้วในอนาคตแกจะเอาอะไรกิน กินมรดกพ่อแม่น่ะหรอ? ไม่นานมันก็หมด! ฉันอุตส่าห์สร้างอนาคตไว้ให้แก ปูทางไว้ซะดิบดีแต่แกกลับไปเดินตามความฝันลมๆ แล้งๆ นั่น...” พ่อของฉันพูดด้วยเสียงอันดัง ภาพความเป็นคุณหมอผู้ใจดีของคนไข้หายไปหมดเมื่อพ่อเริ่มพูดกับฉัน แต่ฉันชินซะแล้ว...ไม่มีครั้งไหนที่พ่อจะพูดกับฉันด้วยประโยคที่ดีกว่านี้เลย นอกซะจากว่าฉันจะเดินไปตามทางที่เขาปูพรมแดงไว้เท่านั้นเขาถึงจะพูดดีด้วย
“แต่ตอนนี้เขาใกล้ความฝันของเขาเข้าไปทุกทีแล้วนะคะ เหลือเพียงแค่...การอนุญาตจากพวกคุณ” พี่นาบีที่นิ่งฟังอยู่นานพูดขึ้น
“นี่มันเรื่องของครอบครัวของผม เพราะฉะนั้นคุณก็ควรจะออกไป!” พ่อของฉันพูดกับพี่นาบีแต่ก็ยังคงจ้องฉันอยู่อย่างไม่คลาดสายตา
“แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นจากฉัน เพราะฉะนั้นฉันก็ควรจะรับผิดชอบสิ่งที่ฉันกระทำด้วยเหมือนกันค่ะ” พี่นาบีพูดเสียงเรียบแบบเดียวกับที่ไปขอร้องพ่อกับแม่ฉันคราวก่อน...ตอนที่ขอให้ฉันมาที่เกาหลีครั้งแรก
“ฮึ! จริงสินะ คุณเป็นคนที่ชักจูงลูกสาวผมให้มาเต้นแร้งเต้นกาอยู่แบบนี้นี่นา...ทำไม! คนอื่นไม่มีหรือไง? ทำไมต้องเป็นลูกสาวผม!” พ่อเริ่มจะเข้าไปเอาเรื่องพี่นาบี ฉันเลยรีบลุกไปยืนขวางไว้
“คุณ ใจเย็นๆ ค่ะ” แม่ของฉันปรามพ่อเบาๆ
“คุณนาบีคะ กรุณาเข้าใจพวกเราเถอะค่ะ พวกเราต้องการให้ลูกของเรามีอนาคตที่มั่นคง ไม่อยากให้ลูกเราต้องมาทำอะไรที่อนาคตมันไม่แน่นอนแบบนี้” แม่พูดแทนพ่อที่กำลังอารมณ์เริ่มคุกรุ่น
“ฉันก็อยากให้พวกคุณเข้าใจลูกของคุณเหมือนกัน...ฉันอยากให้พวกคุณเข้าใจว่าลูกของคุณต้องการจะทำอะไร ต้องการจะเป็นอะไร ขอโทษนะคะที่ฉันต้องพูดแบบนี้ ฉันไม่ได้จะสอนพวกคุณ แต่...ฉันอยากอธิบายให้พวกคุณเข้าใจบ้าง...” พี่นาบีพูด ดูเหมือนพ่อกำลังจะพูดอะไรขึ้นมา แต่พี่นาบีรีบพูดขัดขึ้นก่อนที่พ่อจะได้พูด
“คุณถามว่าทำไม! ฉันถึงชักจูงให้ลูกสาวคุณมาทำอะไรแบบนี้...คุณถามว่าทำไมเป็นคนอื่นไม่ได้...ทำไมต้องเป็นลูกของพวกคุณ...ฉันตอบได้แต่คำเดียวว่าลูกของคุณเป็นคนพิเศษ เป็นคนที่เด็กคนอื่นๆ ต้องการอยากที่จะเป็นแบบนี้ ต้องการที่จะมีพรสวรรค์แบบนี้ ต้องการที่จะได้รับโอกาสแบบนี้...การมายืนอยู่ตรงนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ...คุณก็คงรู้ดีอยู่แก่ใจว่าการเรียนแพทย์มันเป็นยังไง แต่ลูกของคุณ...เขาทำมากกว่าคุณเป็น 2 เท่า เขาทั้งเรียนและทั้งฝึกฝนควบคู่กันไปและทำได้ดีทั้ง 2 อย่างซะด้วย...เขามีความมานะพยายามขนาดนี้คุณยังคิดว่าอนาคตของเขาจะมืดมนอยู่อีกหรอ?...คุณยังคิดว่าอนาคตของเขาจะไม่มีอะไรกินอยู่หรอ? คุณเคยฟังลูกตัวเองร้องเพลงบ้างรึเปล่า? คนอื่นเขาเห็นว่าลูกของคุณพิเศษกันทั้งนั้น!! แล้วคุณล่ะ...เห็นว่าลูกของคุณเป็นยังไง?” พี่นาบีพูด ทำให้พ่อกับแม่เหมือนจะอ่อนลงมาบ้าง
“ชีวิตของการทำงานของมนุษย์มันจะอยู่กับเรามากกว่าช่วงอื่นๆ เลยนะคะ ถ้าเกิดเราได้ทำงานที่เรารัก คนนั้นก็ถือว่าได้กำไรให้กับชีวิตของตัวเองแล้ว แต่ในทางกลับกันถ้าเกิดไม่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก...ชีวิตของคนๆ นั้นจะขาดทุนไปเกือบตลอดทั้งชีวิตของเขา!! ฉันอยากให้คุณลองคิดให้ดีว่าสิ่งที่คุณทำมันส่งผลยังไงกับลูกของคุณบ้าง”
“พ่อคะ แม่คะ...ฝันขอโทษ” ฉันพูดออกมาได้ในที่สุด นี่เป็นกี่ครั้งแล้วนะที่ฉันต้องพูดคำว่า ‘ขอโทษ’ กับเรื่องนี้...
“ฝันแค่อยาก...อยากให้ช่วงหนึ่งของชีวิตได้มีเรื่องให้จดจำว่าครั้งหนึ่งตัวเองเคยมีความฝันอะไรและเคยได้ทำมันแล้ว...ฝันแค่ลองเดินตามทางที่ตัวเองเลือกบ้าง ที่ผ่านมาฝันเป็นเด็กดี เดินตามที่พ่อกับแม่บอกทุกอย่าง แต่คราวนี้ฝันแค่อยากลองดูว่าถ้าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักจะทำได้ดีขนาดไหน...แต่ฝันไม่เคยคิดจะทำลายความหวังของพ่อแม่เลยนะคะ” ฉันพูดพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลลงมาอาบแก้ม
“พ่อบอกว่าความฝันของฝันมันไร้สาระ จับต้องไม่ได้ ไม่มีอนาคต...แต่ฝันก็ยังยืนยันว่านี่เป็นสิ่งที่ฝันรัก ในอนาคตฝันไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ฝันอาจจะไม่ดัง ไม่มีชื่อเสียงจนกระทั่งคนเขาลืมกันหมด อาจจะมีคนรักและอาจจะมีคนเกลียด แต่ฝันก็พร้อมที่จะยอมรับมันเพราะว่าอย่างน้อยฝันก็ได้ลงมือทำมันแล้ว และก็เป็นสิ่งฝันเลือกแล้ว...”
“อะไรนะ! แกเลือกแล้วยังงั้นหรอ?...ตกลงแกจะไม่กลับไปจริงๆ ใช่ไหม” พ่อเริ่มขึ้นเสียงอีกครั้ง
“แล้วเรื่องเรียนล่ะลูก ทางโน้นก็ใกล้จะจบแล้ว ทำไมไม่เรียนให้จบก่อน...คุณนาบีคะ ยังรอได้อยู่ไหม เหลืออีกแค่ปีเดียวเอง” ประโยคสุดท้ายแม่เงยหน้าไปถามพี่นาบี
“แกจะทิ้งทุกอยากไว้ข้างหลังแกแบบนี้ก็ตามใจ...ไม่ต้องมาสนใจ ไม่ต้องมาเห็นหัวพ่อกับแม่ของแกหรอก!!!” พ่อพูดทิ้งไว้แค่นั้นก็เดินออกไป แม่ลูบศีรษะฉันเบาๆ ก่อนจะเดินตามพ่อออกไปอีกคน
“ไม่เป็นไรนะฝัน...ไม่เป็นไร” พี่นาบีเดินเข้ามากอดฉันไว้แน่นพร้อมกับลูกศีรษะฉันอย่างแผ่วเบา
“พี่นาบีคะ...ฝันทำผิดมากไหม?” ฉันถามพี่นาบีทั้งน้ำตา ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยรู้สึกผิดมากเท่านี้มาก่อนเลย มันเหมือนว่าฉันทำผิดจนไม่น่าให้อภัยที่ทำให้พ่อกับแม่ต้องผิดหวังและเสียใจ...ฉันนี่มันเป็นลูกที่เลวมากจริงๆ
“ฝันไม่ผิดหรอก...พี่ผิดเอง...พี่ผิดเอง” พี่นาบีพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ...ฉันไม่เคยเห็นมุมที่อ่อนไหวของพี่นาบีแบบนี้มาก่อนเลย นี่ฉันทำให้พ่อแม่และผู้มีพระคุณต้องเสียใจได้ขนาดนี้เลยหรอเนี่ย!
ฉันร้องไห้โฮออกมาเพราะความเลวร้ายที่ตัวเองได้ทำ ท่ามกลางเสียงสะอื้นของฉัน ฉันรู้สึกถึงการมาเยือนของผู้มาใหม่อีกหลายต่อหลายคน พวกเขาเข้ามากอดฉันไว้...เพื่อนๆ ที่ร่วมเดินตามความฝันของฉันนั่นเอง
ณ สนามบินกรุงโซล
“ไม่ว่าฝันจะตัดสินใจยังไง พี่จะเคารพการตัดสินใจของฝันนะ ถ้าจะกลับไปพี่ก็จะไม่รั้ง ไม่ตาม และไม่พยายามพูดให้ไขว้เขวอีก แต่ถ้าจะอยู่พี่ก็จะช่วยเต็มที่...” พี่นาบีเดินมากุมมือฉันไว้ ขณะที่พ่อกับแม่ของฉันไปติดต่อเรื่องเอกสารอะไรสักอย่าง
“พี่นาบี...” ฉันเรียกชื่อพ่อนาบีเบาๆ ความรู้สึกมากมายเริ่มเข้ามาทำให้ฉันรู้สึกหวั่นไหวอีกครั้ง
“จะกลับจริงน่ะหรอ” ณัชถามฉันเบาๆ ตอนนี้เพื่อนทั้ง 6 คนมายืนล้อมฉันไว้ จนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องหันมามองเพราะคงคิดว่าเรากำลังมีเรื่องกัน ส่วนบีสท์พวกเขาก็มาส่งฉันเหมือนกัน แต่กระจายไปยืนอยู่คนละมุมเหมือนมือปืนที่กำลังซุ่มจะยิงฉันได้ตลอดเวลา =_=;;
“ฉัน...” ฉันพูดไม่ออก เพราะตอนนี้ฉันกำลังสับสนว่าสิ่งที่ฉันเลือกจะกลับไปนั้นมันดีรึเปล่า ทั้งที่เมื่อคืนก็ไตร่ตรองดีแล้วว่าจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม เหมือนที่ผ่านมา...
“ไปกันได้แล้ว” พ่อเดินเข้ามาหาฉัน ฉันค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามพ่อไปเงียบๆ โดยไม่สั่งลาอะไรเพื่อนเลยสักคำ เพราะฉัน...ทำใจไม่ได้จริงๆ T.T
“เฝ้าฝัน...เดินทางปลอดภัยนะ” เภตราตะโกนตามมา ฉันหยุดฝีเท้าลง แต่ก็ยังไม่ได้หันไปมองเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ไปเถอะลูก” แม่เดินมาโอบไหล่ฉันเบาๆ แล้วพาฉันเดินเข้าไปในห้องผู้โดยสาร...เราทั้ง 3 คนเดินมาได้สักพักพ่อก็หยุดเดินระหว่างทาง
“ที่นี่น่ะหรอ...ที่ที่แกอยากจะอยู่” อยู่ๆ พ่อก็หันมามองหน้าฉันด้วยสายตาจริงจัง
“...” ฉันไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ก้มลงมองเท้าของตัวเองเงียบๆ น้ำตาที่ไร้ที่มาเริ่มรื้อขึ้นมาอีกครั้ง
“แกว่าฉันโง่หรอ ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้แกไม่พูดสักคำ แกคิดว่าฉันไม่รู้หรอว่าแกอยากอยู่ที่นี่”
“หนู...จะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวังอีกแล้วค่ะ หนูจะกลับไปเรียนให้จบ”
“แต่ความไม่สบายใจที่แกทำให้ฉันกับแม่แกรู้สึกตอนนี้ก็เรียกว่าทำให้ฉันผิดหวังเหมือนกัน...เพราะฉะนั้นช่วยทำให้ฉันสบายใจได้ไหม?”
“หนูกำลังทำอยู่นี่ไงคะ หนูกำลังจะกลับไปเรียน...”
“ไม่ใช่!” พ่อพูดขัดขึ้น พนักงานที่ยืนอยู่หน้าประตูค่อยๆ เดินเข้ามาถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เอ่อ...มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?” เขาเอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษ
“มีครับ ช่วยพาเด็กคนนี้ออกไปข้างนอกหน่อย เรามีการเปลี่ยนแผนนิดหน่อยน่ะ” พ่อบอก ฉันกับแม่มองหน้ากันแล้วมองไปที่พ่อเป็นตาเดียว
“นี่มันอะไรกันคะคุณ” แม่เอ่ยถามพ่ออย่างไม่เข้าใจ
“ฉันจะอนุญาตให้แกทำตามความฝัน...”
“พ่อ! O_O!” ฉันอุทานออกมาอย่างตกใจ
“ที่ฉันพยายามกีดกันแกเพราะว่าไม่อยากให้แกต้องเหนื่อย...พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ดูแลแกได้ตลอดไปหรอกนะ”
“คุณคะ...” แม่เรียกพ่อด้วยความตื้นตันใจ
“ฉันแค่อยากมั่นใจแน่ๆ ว่าแกจะมีอนาคตที่สดใสและมั่นคง ไม่อดตายและไม่โดนคนอื่นเขาเอาเปรียบหรือว่าดูถูก...ฉันรู้ว่าฉันเป็นพ่อที่แย่ ไม่มีเวลาได้ดูแลแก ไม่ได้ให้ความรักกับแกเหมือนพ่อคนอื่นๆ แต่ที่ฉันทำไปเพราะเป็นห่วงแกนะ...”
“ในเมื่อแกมีความสุขแบบนี้ ฉันจะให้แกทำ...แต่ถ้ามันผิดพลาดหรือไม่สำเร็จ!...” พ่อหยุดพูดไป เพราะแม่แตะที่ต้นแขน พ่อหันไปกุมมือแม่แล้วยิ้มให้ ก่อนจะหันมาพูดกับฉันต่อ
“แต่ถ้ามันผิดพลาดหรือไม่สำเร็จขึ้นมา!...เมื่อถึงตอนนั้น แล้วค่อยว่ากัน”
“พ่อ...” ฉันยิ้มให้พ่อทั้งน้ำตา เราล่ำลากันนิดหน่อยเพราะเครื่องใกล้จะออกแล้ว ก่อนที่ฉันจะถูกพนักงานคนนั้นพาเดินออกมา ข้างนอกเพื่อนของฉันและพี่นาบียังคงยืนอยู่ที่เดิม พวกเขากำลัง...ร้องไห้!
“อ้าวเฝ้าฝัน...” พี่นาบีหันมาเห็นฉันก่อนใคร ตามมาด้วยเพื่อนคนอื่นๆ ทุกคนหันมามองฉัน
“ลืมอะไรหรอฝัน” ณัชเดินเข้ามาถามฉัน ตามมาด้วยเพื่อนคนอื่นๆ และพี่นาบี
“ฉันลืม...ลืมเพื่อนไว้ที่นี่ ^__^”
หลังจากนั้นฉันก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนๆ ฟังในระหว่างทางที่เราเดินทางกลับหอพัก วิลล่าเล่าว่าพอฉันเดินเข้าไปในห้องผู้โดยสารสักพักก็มีคนจำดูจุนกับจุนฮยองได้ พวกเขาก็เลยต้องกลับไปก่อน
“ยินดีต้อนรับอย่างเป็นทางการค่ะพี่ฝัน” อึนพาพูดเมื่อเราเดินเข้ามาในห้อง
“แล้วนี่ พี่มะนาวอยู่ไหนหรอ” ฉันกวาดตามองไปทั่วทั้งห้อง เพราะคิดว่าพี่มะนาวน่าจะวิ่งเข้ามาหาฉันทันทีที่ฉันมาถึงซะอีก
“พี่มะนาวกับพี่มิวกี้ไปซื้อของมาฉลอง เมื่อวานเราก็อดฉลองกันเพราะว่าเกิดเรื่องไง” หยาบอก จะว่าไปฉันก็คิดถึงพี่มิวกี้เหมือนกันนะ เขาเป็นพี่ที่แสนดีอีกคนหนึ่งเลยล่ะ ^^
“มากันแล้วหรอ” ดูจุนเดินเข้ามาในห้อง แล้วก็ต้องหยุดฝีเท้าลงทันทีที่เดินเข้ามาเห็นฉัน
“อ้าว! เธอ!! O_O!!”
“อ๋อ ฉันลืมบอกนายว่าเฝ้าฝันไม่ได้กลับเมืองไทยแล้ว ^^;” เภตราเข้าไปจับที่ต้นแขนของดูจุน
“งั้น...ไอ้โยซอบก็..” ดูจุนนิ่งไป
“พี่โยซอบทำไมหรอคะ?” วิลล่าถามด้วยความอยากรู้
“มันก็เศร้าฟรีน่ะสิ” ดูจุนพูด
“ตอนนี้โยซอบอยู่ที่ไหน” ฉันถามดูจุน ดูจุนบอกว่าโยซอบไปที่บริษัทตั้งแต่กลับมาจากสนามบินแล้ว ฉันเลยรีบไปที่บริษัท KB Entertainment ทันที
ฉันวิ่งตามหาโยซอบทั่วทั้งบริษัทจนกระทั่งมาถึงห้องซ้อมของบีสท์ ทำไมฉันไม่คิดว่าเขาต้องอยู่ที่นี่นะ!! ฉันถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเดินไปส่องดูด้านในผ่านกระจกที่ประตูห้อง ก็เห็นโยซอบกำลังเต้นอยู่ในนั้น ฉันเลยรีบผลักประตูเข้าไปทันทีโดยที่ไม่ได้คิดว่าเข้าไปแล้วฉันจะทำอะไรหรือจะพูดอะไรก่อน ฉันรู้แค่ว่าตอนนี้ฉันต้องเข้าไปให้เขาเห็นว่าฉันไม่ได้ไปไหน
“โอ้ย!” ฉันอุทานออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นปิดหูตัวเองไว้ทั้ง 2 ข้าง เพราะโยซอบเปิดเพลงดังมาก จนเขาไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าฉันเข้ามาในห้อง ขนาดฉันปิดประตูเสียงดังขนาดนั้นยังกลบเสียงเพลงของเขาไม่ได้เลย >.<!
“โยซอบ!!” ฉันเรียกชื่อโยซอบดังๆ แต่เขาก็ยังคงเต้นต่อไปอย่างบ้าคลั่ง เหงื่อไหลออกมาท่วมตัวจนเสื้อยืดที่เขาใส่อยู่เปียกโชกไปทั้งตัว และยังไม่ทันที่ฉันคิดจะทำอะไรต่อ โยซอบก็ล้มลงไปนอนอยู่บนพื้น
“เฮ้ย!” ฉันอุทานแล้ววิ่งเข้าไปหาโยซอบที่นอนหลับตานิ่งอยู่บนพื้น
“โยซอบ! นายเป็นไรไป...นี่!! ฟื้นสิ!” ฉันเข้าไปเขย่าตัวโยซอบแรงๆ เขายกมือขึ้นปัดมือฉันออกแรงๆ แล้วตะแคงหน้าไปอีกด้านแทน ฉันมองเขาอยู่สักพักก่อนจะเดินไปปิดเพลงที่ทำลายแก้วหูนี่ซะเลย
“ปิดทำไม!!” ทันทีที่ฉันปิดเพลงโยซอบก็ตะโกนออกมาลั่นห้องพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งอย่างขัดใจ แต่พอเขามองมาเห็นฉันเขาก็ทำสีหน้าแบบเดียวกับดูจุนเป๊ะ!
“ไง? จะลุกขึ้นมาเต้นต่อรึไงถึงปิดเพลงไม่ได้” ฉันเท้าสะเอวมองเขาอย่างเอาเรื่องไม่แพ้กัน โยซอบลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็วก่อนจะ...กอดฉัน O_O!!
*******************************
ติดตามด้วยนะคะ ตอนหน้าก็จะจบแล้วนะ >O<
*******************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ