[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  113.55K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

20) [Episode 2 :: Brighter Lover] # Chapter 8

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Episode 2 Brighter Lover

:: Chapter 8 ::

 

                ความรู้สึกแห้งผากที่คอทำให้ฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่น แต่ฉันยังไม่อยากลืมตาขึ้นมาตอนนี้ ฉันกลัว...กลัวว่าพอลืมตาขึ้นมา ฉันจะพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในที่ที่ควรอยู่ ถ้าเกิดฉันลืมตาขึ้นมาแล้วอยู่ในนรกหรือสวรรค์ที่ใดที่หนึ่ง ฉันจะทำยังไง? ฉันคงต้องช็อคตายไปอีกรอบแน่!

                “เฮ้อ...วันนี้ก็ยังไม่ยอมฟื้นอยู่ดีสิน่า”  เสียงพี่มะนาวโอดครวญหลังจากมีเสียงประตูปิดลงเบาๆ ซึ่งนี่ทำให้ฉันมั่นใจไปได้เปราะหนึ่งว่าฉันยังไม่ตาย เท่าที่รู้สึกตอนนี้คือ ฉันกำลังนอนบนเตียงนอนนุ่มๆ ภายในห้องที่มีการปรับอากาศด้วยอุณหภูมิห้องที่พอดี ไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป รวมทั้งกลิ่นยาและกลิ่นภายในห้องที่คุ้นเคยทำให้ฉันมั่นใจมากว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงพยาบาล

                นี่ฉันรอดหรอเนี่ย? ฉันเจ็บปวดทรมานปางตายขนาดนั้น ฉันยังรอดมาได้หรอเนี่ย...

                “พี่ฝัน เมื่อไหร่จะฟื้นซะทีคะ นอนนานไปป่ะ?”  เสียงวิลล่าดังอยู่ใกล้ๆ ตัว มือของฉันถูกมือนุ่มๆ ของวิลล่ากุมไว้แน่น

                “คอนเสิร์ตก็อดไปดูเลยนะแก”  เสียงหยาดังขึ้นอีกคน ฟังพวกนี้พูดแล้วมันสงสัยจริงๆ ว่าฉันหลับไปนานขนาดไหนกัน =_=;

                “พวกเราทวงความยุติธรรมให้พี่ไปแล้วนะคะ ไอ้ซังฮุนกับมยองมุนนั่นก็เข้าคุกเรียบร้อย ฟื้นขึ้นมาเถอะค่ะ”  วิลล่าพูดเสียงอู้อี้อย่างที่เคยทำเวลาอ้อนฉัน ยัยเด็กบ๊องเอ้ย -_-

                “ขออนุญาตวัดความดันโลหิตนะคะ”  เสียงของพี่ฟินดังเข้ามาอีกคน เสียงฝีเท้าของพี่ฟินดังเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ข้างเตียง

                “เมื่อไหร่จะฟื้นจ้ะน้องเฝ้าฝัน พี่มีเคสให้น้องช่วยดูอยู่หลายเคสเชียวนะ”  พี่ฟินพูดไปวัดความดันให้ฉันไป

                “เอ...วันนี้ความดันดีขึ้นเยอะเลยนี่ ชีพจรก็เต้นเร็วขึ้น”  พี่ฟินพึมพำในลำคอ จะไม่ให้ชีพจรเต้นเร็วได้ยังไงล่ะคะพี่ฟิน ก็ฉันกลัวพี่จับได้นี่ว่าฉันกำลังแอ๊บหลับอยู่ -_-;;

                “เดี๋ยวก่อนนะคะ ขออนุญาต”  อยู่ๆ พี่ฟินก็ค้นอะไรกุกกักๆ อยู่ใกล้ๆ เตียง ก่อนจะมีแสงสว่างวาบส่องเข้ามาในตาข้างขวาของฉัน ทำเอาฉันสะดุ้งสุดตัวยกมือขึ้นปัดไฟฉายที่อยู่ในมือพี่ฟินออกแทบไม่ทัน จะทดสอบรูม่านตาทำไมไม่บอกหนูก่อนล่ะพี่ T^T

                “เฮ้ย!! พี่ฝัน O_O!”  วิลล่าร้องออกมาคนแรก

                “เฝ้าฝัน >O<”  <<< อันนี้หยา

                “ฝัน T^T”  <<< อันนี้พี่มะนาว

                และ

                “ฟื้นแล้วจริงๆ ด้วย >O<!”  พี่ฟินยืนกอดไฟฉายด้วยท่าทางปลื้มปีติ  “ทำไมฟื้นแล้วไม่ยอมตื่นมาคุยกับเพื่อนๆ ล่ะ”

                “ฝะ...”  ฉันกำลังจะพูดว่า ‘ฝันเพิ่งจะตื่นก่อนพี่มาแป็บเดียวเอง’ แต่...เสียงของฉัน! เสียงของฉันมันเป็นแค่ลมผ่านคอออกมาเฉยๆ ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาเป็นประโยคได้ แม้กระทั่งเปล่งเสียงออกมาเป็นคำๆ ก็ยังไม่ได้!!

                จริงสินะ! ฉันลืมไปได้ยังไงว่าก่อนจะมานอนอยู่ที่นี่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง...

                “เอ่อ...”  พี่ฟินส่งเสียงออกมาเบาๆ ฉันค่อยเอื้อมมือขึ้นมาจับที่คอของตัวเองด้วยมือที่สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ หัวใจเริ่มเต้นรัวด้วยความกลัว กังวลและความรู้สึกอื่นๆ อีกมากมายหลากหลายที่เริ่มประเดประดังเข้ามา เสียงของฉันถูกทำลายไปแล้วจริงหรอ!!!

                “ยาทำลายเส้นเสียงแล้วก็...ลำคอของน้องฝันมาก จน...ไม่มีเสียงแบบนี้แหละ แต่ไม่ต้องห่วงไปนะจ้ะ คุณหมอเอื้องบอกว่าเสียงของน้องเฝ้าฝันยังสามารถกลับมาเป็นปกติได้...เพียงแค่...”

                “...?”  ฉันขมวดคิ้วเพื่อเป็นการถามว่า ‘ยังไงต่อคะ?’ พี่ฟินนิ่งไปสักพักก่อนจะพูด

                “แค่...ไม่ร้อยเปอร์เซ็นเท่าเดิมน่ะจ้ะ”  พี่ฟินพูดแล้วทำสีหน้าสลดลงเล็กน้อย  “เอ้อ! เดี๋ยวพี่รีบไปบอกหมอเอื้องดีกว่านะ พอดีคุณหมอมาราวน์วอร์ดพอดี”  พี่ฟินเก็บข้าวของอย่างรีบร้อนแล้วเดินออกไปจากห้องเลย

                “ไม่เป็นไรนะพี่ อ่ะ! ฉันซื้อมาฝาก ^^”  วิลล่ายื่นกระดานไวท์บอร์ดอันเล็กๆ มาให้ฉัน พร้อมเชียวนะยะ -_-!

                “ตอนนี้รู้สึกเป็นยังไงบ้างฝัน ดีขึ้นบ้างไหม ยังเจ็บคอมากอยู่รึเปล่า...”  พี่มะนาวเดินเข้ามาจับแขนฉันเบาๆ อย่างห่วงใย ฉันค่อยๆ จับปากกาขึ้นมาเขียนบนกระดานอย่างขัดๆ เขินๆ เพราะไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาเขียนอะไรแบบนี้...เคยเห็นก็แต่ดาราเวลาที่ป่วยเขาเขียนลงกระดาษแล้วให้นักข่าวถ่ายภาพไปออกรายการอ่ะนะ =_=;;

                [รู้สึกดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ยังรู้สึกแสบๆ ที่คออยู่]  ฉันหันกระดานออกไปให้พี่มะนาวอ่าน 

                “ทำไมฟื้นแล้วยังแอ๊บหลับอยู่ไม่ทราบ”  หยาเริ่มต้นยิงคำถามมาให้ฉันอีกคน ฉันเลยลบและเขียนลงไปบนกระดานใหม่ว่า

                [ฉันเพิ่งจะตื่นตอนที่พวกแกเข้ามานี่เอง]

                “อ๋อ”  ทั้ง 3 คนร้องออกมาพร้อมกันเมื่ออ่านข้อความของฉันจบ

                [แล้วคนอื่นๆ ไปไหนกัน]  ฉันเขียนคำถามลงไปบนกระดานบ้าง

                “พวกเราผลัดกันมาเฝ้าพี่ค่ะ วันนี้เวรวิลกับพี่หยา”  วิลล่าตอบ

                “ส่วนพี่มาเมื่อว่างจ้ะ แต่ส่วนมากก็มาทุกวันนะช่วงกะเช้า ^^”  พี่มะนาวชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง  “อ้อ! จริงสิ ต้องโทรบอกข่าวดีกับนาบีแล้วก็พวกเด็กๆ แล้วล่ะ ว่าเฝ้าฝันฟื้นแล้ว”

                พูดจบพี่มะนาวก็เดินจ้ำๆ ออกไปโทรศัพท์นอกห้องอย่างรีบร้อน เฮ้อ...ทำไมทุกคนทำเหมือนว่าฉันหลับไปนานเลยนะ -_-?

                [ฉันหลับไปนานขนาดไหนเนี่ย]  ฉันเขียนคำถามบนกระดานอีกครั้ง

                “3 วันเต็มๆ”  หยาพูด

                สะ...สามวัน O_O! พักร้อนนานไปไหมยัยฝัน!!

                “ช่วงนี้บีสท์ไม่ค่อยว่างเลย มาไทยคราวนี้ไปออกรายการเกือบครบทุกรายการแล้ว แต่พี่รู้ป่ะ...โยซอบมาเยี่ยมพี่ตลอดเลยนะ ยุ๊งยุ่งแต่เขาก็ยังมาอ่ะ มาแบบเช้าถึงเย็นเลย >///<”  ประโยคสุดท้ายยัยวิลล่าเลื่อนหน้าเข้ามากระซิบฉันเบาๆ แล้วทำท่าเขินบิดซ้ายบิดขวาอยู่บนก้าวอี้ข้างเตียง -///-

                “เป็นไรวิล ปวดอึหรอ =_=”  หยามองวิลล่าอย่างแปลกใจ

                “วิลเขินต่างหาก อิอิ ^///^” 

                หลังจากนั้นอาจารย์หมอของฉัน (พี่เอื้อง) ก็เดินเข้ามาดูอาการทั่วไป หลังจากนั้นเพื่อนๆ อีก 4 คนของฉันก็มาถึงโรงพยาบาล พอเภตรา ณัช ดอกหลิวและอึนพามาถึงก็ถือว่าครบทีม ห้องพักของฉันแทบจะระเบิดด้วยเสียงพูดคุยที่ดังออกไปถึงด้านนอกจนพยาบาลต้องเข้ามาปรามอยู่หลายรอบเลยทีเดียว

                เภตราเล่าว่า พี่นาบีโกรธมากที่ไม่มีใครเล่าให้ฟังและเทศนายาวยืด 2 ชั่วโมงเต็มเหมือนเปิดคอนเสิร์ตฉายเดี่ยวเลยทีเดียว ทั้งคุณมินนา ทั้งพี่มะนาวก็ไม่มีใครเอาอยู่สักคน วันนั้นทุกคนเลย ‘อิ่ม’ จนกินข้าวไม่ลงไปตามๆ กัน ฉันรู้แล้วล่ะว่าทำไมจิตฉันถึงสั่งว่าให้หลับๆ ไปตั้ง 3 วัน รอดตัวจากการโดนเทศนาไปอย่างหวุดหวิด U_U;

                หลังจากที่ทุกคนกลับออกไปแล้ว ก็มีคนมาเยี่ยมฉันอีกคนนั่นคือ โยซอบ วิลล่าบอกว่าถ้าเขาไม่ติดงานอะไร เขาจะมาช่วงเวลานี้ ซึ่งวันนี้ก็มาเวลาเดิมตามที่วิลล่าบอกเป๊ะ!

                “เป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่าเพิ่งฟื้น”  โยซอบเดินเข้ามานั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง

                [ก็ดี]  ฉันเขียนเป็นภาษาเกาหลีลงบนกระดาน

                “อ๋อ ยังไม่มีเสียงสินะ”  โยซอบพูดแล้วก้มหน้ามองมือตัวเองก่อนจะพูดต่อ  “ขอโทษนะที่ทำให้เธอเดือดร้อน แล้วยัง...ต้องดื่มน้ำนั่นแทนฉันอีก”

                “...”  มีอะไรสักอย่างขึ้นมาจุกอยู่ที่คอของฉันทำให้คิดคำพูดไม่ออก มือก็ไม่สามารถลงมือเขียนประโยคใดๆ ลงไปได้เลย ทำไมฉันฟื้นมาคราวนี้สีหน้าของโยซอบเศร้าจัง ภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นเขา...ตอนนั้นเขากำลังตะโกนหารถพยาบาลและกอดฉันไว้แนบอก แววตาเต็มไปด้วยความแค้นและความดุดันผิดกับที่เคยเห็น แต่ตอนนี้กลับมีแค่ความเศร้าและรู้สึกผิดฉายอยู่ในแววตา ความสดใสของเขาหายไปไหนหมดนะ...

                “ขอบใจเธอมากๆ เลยนะที่พยายามปกป้องพวกเรา ฉันจะทำยังไงถึงจะทดแทนสิ่งที่เธอทำให้ได้นะ”  โยซอบทำท่าครุ่นคิดสักพัก สลับกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างคิดไม่ตก แต่อยู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ฉันเคยเห็น -///-

                “ฉันจะดูแลเธอจนกว่าฉันจะกลับเกาหลีเป็นการตอบแทนแล้วกัน ^O^”

                [ว่าไงนะ!!]  ฉันเขียนมันลงในกระดานแทบไม่ทัน หมอเนี่ยนะจะมาดูฉัน! จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว งานการไม่มีทำรึไง? ไหนวิลล่าบอกว่าบีสท์งานเยอะมากเลยไม่ใช่หรอ -_-?

                “นอกจากเสียงแล้ว ยาพิษนั่นยังทำลายการได้ยินของเธอด้วยรึไงฉันบอกว่า จะดูแลเธอจนกว่าฉันจะกลับเกาหลี ไง”  โยซอบพูดย้ำชัดๆ อย่างขัดใจที่ฉันทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด

                [นายไม่มีงานทำเหมือนเพื่อนเขารึไง]  ฉันเขียนลงไปบนกระดาน

                “มี แต่ก็มีเวลาให้เธอแล้วกัน ^_^”

                “...”  ฉันถอนหายใจออกไปอย่างตั้งใจ เพื่อแสดงออกว่า ‘นายนี่มันจริงๆ เลย =_=’ ชอบทำให้ฉันรู้สึกร้อนทั้งๆ ที่อากาศรอบตัวมันไม่ได้ชวนให้ร้อนเลย -///-;

                “แกทำอะไรเฝ้าฝันน่ะ ทำไมยัยนั่นทำหน้าเซ็งโลกจัง”  จุนฮยองเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับบีสท์คนอื่นๆ และคุณมินนา

                “เปล่าซะหน่อย”  โยซอบหันไปพูดกับเพื่อนของเขา

                “วิ่งขึ้นมาก่อนเพื่อนจนลืมของฝากเฝ้าฝันเลยนะแก”  ดูจุนพูดพร้อมกับวางกระเช้าเยี่ยมไข้ไว้บริเวณโต๊ะข้างเตียง

                อะไรนะ! นายโยซอบวิ่งขึ้นมาหรอ มิน่าถึงมาถึงก่อนชาวบ้านเขา  =_=?

                “เป็นไงบ้างจ้ะ นาบีกำลังตามมาติดๆ เลยพอรู้ข่าวว่าฝันฟื้นแล้ว”  คุณมินนาเดินเข้ามากุมมือฉันไว้เบาๆ

                [ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ ติดก็ตรงไม่มีเสียงนี่แหละ]  ฉันเขียนลงไปบนกระดานเป็นภาษาเกาหลี

                “เรื่องเสียงไม่ต้องกังวลไปนะ ยังไงก็ต้องกลับมาเสียงดีเหมือนเดิมแน่ๆ พี่เชื่ออย่างนั้น” 

                [ขอบคุณค่ะ ^^]  ฉันเขียนให้คุณมินนาพร้อมกับยิ้มให้เบาๆ

                “อาทิตย์หน้าพวกเราจะได้กลับเกาหลีแล้วนะ เธอจะได้ไปส่งไหมเนี่ย”  ฮยอนซึงถาม จริงสินะ...เภตราก็บอกฉันว่าจะกลับอาทิตย์หน้า รู้สึกใจหายจังเมื่อคิดว่าพวกเขาจะกลับไปแล้ว

                [ไม่รู้สิ หมอยังไม่ว่ายังไง]  ฉันเขียนบอก

                “เภตราอยากให้เธอลองคิดดู ว่าอยากกลับเกาหลีด้วยกันไหม?”  ดูจุนถาม ทำเอาฉันอึ้งกับความคิดของเพื่อน...ฉันไม่มีเสียงแล้ว ถึงฉันไปที่เกาหลี มันจะมีประโยชน์อะไร จะกลายไปเป็นตัวถ่วงของพวกเขาเปล่าๆ

                “ไม่ต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้นก็ได้ครับ ถ้าเกิดพี่ฝันไม่อยากกลับกับพวกเราก็ไม่เป็นไร พี่เภตราไม่ได้บังคับพี่ซะหน่อย”  ดงอุนพูดแล้วยิ้มบางๆ มาให้ฉัน

                “ทุกคนรอเธออยู่นะ”  อยู่ๆ เสียงของพี่นาบีก็ดังเข้ามาในบทสนทนา ฉันมองไปตามเสียงนั้นก็เห็นพี่นาบีกำลังเดินเข้าห้องมา

                ฉันได้แต่ส่งเสียงว่า ‘พี่นาบี...’ ในใจ เพราะยิ่งพี่เขาพูดเหมือนยังรอความหวังจากฉันอยู่...ฉันก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ต้องทำให้ผู้มีพระคุณอย่างพี่นาบีต้องผิดหวัง

                “แต่พี่เคารพการตัดสินใจของฝันเสมอ อย่างพี่ได้พูดกับเธออยู่บ่อยๆ ว่าไม่ต้องคิดมาก ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเป็นพอ...เมื่อกี๊พี่ก็พูดไปงั้นแหละ เผื่อฟลุ๊คเธอเปลี่ยนใจกลับไปกับพี่ ^^”  พี่นาบียิ้มให้ฉัน ฉันเลยได้แต่ยิ้มตอบกลับไป

                หลังจากที่พูดคุยกันได้สักพักพี่นาบี คุณมินนาและบีสท์ก็ต้องกลับเพราะมีถ่ายรายการต่อ ฉันนอนอยู่เซ็งๆ เปิดทีวีดูก็แล้ว อ่านการ์ตูนก็แล้วจนไม่รู้จะทำอะไร นอนโรงพยาบาลนี่เซ็งได้อีกอ่ะ =_=

                แต่ก่อนที่ความเซ็งจะกัดกร่อนพลังชีพฉันไปมากกว่านี้ พี่ฟินก็เข้ามาเฝ้าไข้ฉันเพราะพ่อให้มาเป็นพยาบาลพิเศษดูแลฉันในช่วงที่อยู่โรงพยาบาลก็ยังดีที่มีเพื่อนคุยแก้เซ็ง

                มีพ่อเป็นหมอ...แต่ฉันยังไม่เคยเห็นพ่อมาเยี่ยมหรือมาดูฉันเลยสักครั้ง ส่วนแม่ก็มาบ้างเวลาหลังเลิกงาน แต่ก็ดึกมากแล้วฉันรู้สึกว่าแม่มาตอนที่ฉันกำลังจะเคลิ้มหลับทุกครั้ง แต่ท่านก็ไม่ได้ปลุกฉัน ทำไมเวลาของเราไม่ค่อยมีให้กันเลยนะ ถึงพ่อกับแม่จะคิดว่าฉันโตแล้ว แต่บางที...ฉันก็ต้องการความอบอุ่น ต้องการการเอาใจใส่จากพ่อกับแม่บ้างเหมือนกัน...

                “เธอนี่ชอบทำหน้าซีเรียสจัง”  อยู่ๆ เสียงของโยซอบก็ดังเข้ามาในความคิดของฉัน

                “...!”  ฉันสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อหันไปตามเสียงก็เจอโยซอบยืนอยู่ข้างเตียง นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยโยซอบ =_=;

                “เธอคงคิดว่าฉันเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่สินะ ฉันตอบให้เลยว่าเข้ามาได้สักพักแล้ว แต่เธอมัวแต่เหม่อคิดอะไรไม่รู้ เธอเลยไม่รู้สึกตัวตอนฉันมา เคลียร์ป่ะ?”  โยซอบตอบซะยืดยาว ก็ดีนะ ฉันยิ่งขี้เกียจเขียนอยู่ เอ...ว่าแต่ว่า พี่ฟินไปไหน ปล่อยให้โยซอบมาเดินลอยนวลอยู่ได้ยังไง (โดยไม่ขอลายเซ็นกับถ่ายรูป =_=)

                “เธอมองหาคุณพยาบาลคนนั้นใช่ไหม เห็นเหมือนเดินไปข้างนอกได้สักพักแล้ว สงสัยไปเอายาก่อนนอนมาให้”

                ฉันได้แต่ส่งสายตาเป็นคำถามกลับไปว่า ‘นายนี่รู้ได้ไงว่าไปเอายา -?-‘ ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจไหมนะ

                “ที่ฉันรู้ว่าไปเอายา เพราะเวลาเท่านี้เธอต้องได้กินยาก่อนนอนแล้ว ^_^”  โยซอบพูดแล้วยิ้มน่ารักมาให้ฉัน เอาเข้าไป! อ่านใจฉันออกขนาดนั้นเลย?

                เอ่อ...เมื่อกี๊ฉันบอกว่าไงนะ ‘ยิ้มน่ารัก’ หรอ?...ฉันชมว่าหมอนี่น่ารักหราาา...=[]=!!

                “ที่ฉันรู้เพราะฉันมาช่วงนี้ของทุกวันน่ะสิ ^__^”  โยซอบตอบให้ฉันเสร็จสรรพ ถ้าหมอนี่อยู่นานอีกสักพักฉันว่าฉันคงเป็นใบ้กับเป็นง่อยตลอดชีวิตแหละ -///-

                “ทำไมเธอหน้าแดงๆ ไข้ขึ้นรึไง?”  เขาไม่พูดเปล่าแต่ยกมือขึ้นอังหน้าผากฉันอย่างถือวิสาสะแล้วพึมพำกับตัวเองว่า...“เธอยิ่งชอบไข้ขึ้นช่วงนี้อยู่ด้วย”

                เอาเข้าไป...เอาเข้าไป!! นี่นายจะมาดูแลฉันหรือว่าจะมาปั่นหัวฉันกันแน่เนี่ย -///-!

                “แน่ะ! ตัวก็ไม่ร้อนนี่ ทำไมหน้าแดงกว่าเดิมอีกล่ะ?...”  โยซอบตีสีหน้างงๆ แต่ปากอมยิ้ม ส่วนตาก็เป็นประกายแปลกๆ จนฉันต้องหันไปดูทีวีแทนเพราะฉันทนมองสายตาแบบนี้ไม่ได้...มันหวั่นไหว ใจสั่นพริ้วยังไงบอกไม่ถูก >///<

                “นี่ไงๆ รายการที่พวกฉันไปถ่ายวันนี้ ออกอากาศเร็วดีนะ”  โยซอบพูดแล้วเลื่อนเก้าอี้ใกล้ๆ ตัวมานั่งข้างเตียงแล้วกดรีโมทเพิ่มโวลุ่มเสียงขึ้นนิดหน่อย

                “เธอช่วยแปลให้ฟังหน่อยสิว่าพวกเขาพูดว่าไงบ้าง บางช่วงฉันก็ไม่ได้ยินที่ล่ามแปลให้ฟังอ่ะ”  โยซอบทำตาโตๆ เหมือนเด็กที่กำลังคอยฟังนิทานเรื่องโปรด

                “เฮ้อ...”  ฉันถอนหายใจออกไปแรงๆ แต่ก็ยอมแปลให้เขาฟังโดยดีแต่ที่ไม่ดีก็ตรงที่ฉันต้องฟังแล้วจับใจความมาเขียนใส่ไวท์บอร์ดนี่แหละ แต่โยซอบก็ยังใจเย็นนั่งรออ่านข้อความที่ฉันเขียนให้

                ทำไมเวลาที่อยู่กับโยซอบฉันรู้สึกว่ามีเรื่องที่จะพูดเยอะแยะขนาดนี้ก็ไม่รู้ ทั้งที่ปกติฉันออกจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยมีเรื่องจะคุยเหมือนชายบ้านเขาเลย...

 

                1 อาทิตย์ต่อมา

                “ยินดีด้วยนะจ้ะน้องฝันในที่สุดเสียงก็มา แล้วก็ยินดีด้วยที่ได้ออกจากโรงพยาบาลที่แสนจะน่าเบื่อ”  พี่ฟินพูดพร้อมกับยกแก้วแคนตาลูปปั่นขึ้นมาชนกับแก้วคาปูชีโน่ร้อนของฉัน

                “ขอบคุณค่ะพี่ฟิน ^^”  ฉันยิ้มให้พี่ฟินแล้วยกคาปูชีโน่ขึ้นจิบ เสียงของฉันกลับมาแล้วก็จริง แต่เวลาพูดประโยคยาวๆ หรือพูดมากๆ หน่อยจะรู้สึกระคายเคือง ไม่สบายคอที่เท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าดีขึ้นมากแล้วถ้าเทียบกับอาทิตย์ก่อน ฉันเลยขอพี่เอื้องออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านแทน

                “ฝัน ฉันสงสัยตั้งแต่ตอนเข้าโรงพยาบาลแล้ว ตกลงไปกินอะไรมา ทำไมเสียงพังขนาดนั้น”  กรีนที เพื่อนร่วมคณะของฉันที่ขอมาร่วมวงฉลองด้วยเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง

                “ก็ เผลอดื่มน้ำแปลกๆ ที่เด็กที่บ้านชงเล่นน่ะ”  ฉันตอบแล้วยิ้มแหยๆ ให้ กรีนทีกับพี่ฟินมองหน้าฉันแบบไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่

                “แต่ฉันแอบถามอาจารย์เอื้องมาแล้ว อาจารย์บอกว่าเธอกินสารเคมีชนิดรุนแรงเข้าไป” 

                ในเมื่อเธอรู้ขนาดนี้แล้ว เธอจะมาถามทำไมล่ะยะยัยชาเขียว -_-!

                “ร้านนี้คนเยอะจังเลยนะ ทำไมพาฉันมาที่คนเยอะๆ แบบนี้ล่ะ ถ้าคอฉันติดเชื้อขึ้นมาทำไง”  ฉันถามเพื่อเลี่ยงที่จะตอบคำถามที่ฉันพยายามเลี่ยงมาเป็นอาทิตย์ แล้วก็ได้ผลเพราะพี่ฟินเปลี่ยนเรื่องไปพูดถึงสภาพแวดล้อมภายในร้านแทนเรื่องยาพิษที่ฉันกิน

                “ที่พี่พาพวกเธอมาร้านนี้เพราะว่าบีสท์จะมาอัดรายการที่นี่น่ะสิ >///<”  พี่ฟินทำท่ากรี๊ดกร๊าด

                “วันนี้บีสท์ต้องกลับเกาหลีไม่ใช่หรอคะ”  ฉันถามด้วยความสงสัย เพราะพี่นาบีบอกว่าจะกลับกันวันนี้ ทำไมบีสท์ยังมาถ่ายรายงานนี่ที่ได้ล่ะ

                “รู้สึกว่าถ่ายเสร็จแล้วจะตรงไปสนามบินเลยน่ะ เพราะฉะนั้นพวกเธอต้องไปส่งบีสท์กับพี่ที่สนามบินด้วย โอเคป่ะ?”  พี่ฟินพูดเองเออเองซะลืมไปเลยว่าฉันเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ =_=

                “โห...พี่ คนเยอะกรีนไม่เอาด้วยหรอก งานก็ยังไม่เสร็จเลย”  กรีนทีโอดครวญด้วยความขี้เกียจ ฉันก็ขี้เกียจไม่ต่างกันอ่ะกรีน T.T

                “ไม่ได้ อย่าลืมนะว่าพวกเธอติดรถมากับพี่ เพราะฉะนั้นไปด้วยกันซะดีๆ”  พี่ฟินยิ้มอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า

                “พวกเรากลับเองได้ค่ะ”  ฉันพูด ทำให้พี่ฟินถึงกับคอตกไปเลยทีเดียว ขอโทษจริงๆ นะคะพี่ฟิน ฉันไปไม่ได้จริงๆ ฉันทำใจไม่ได้ที่ต้องเห็นเพื่อนๆ ของฉันเดินขึ้นเครื่องไป ฉันต้องแสดงความอ่อนแอออกมาให้พวกนั้นเห็นแน่ๆ U.U

                “ใช่ค่ะพี่ฟิน!”  กรีนทียืนกรานหนักแน่น จนพี่ฟินเถียงไม่ออกสักคำ

                “เอาเถอะ ในเมื่อพวกเธอยืนยันแบบนั้น พี่ก็จนใจ Y_Y”

                “เฮ้ยๆ นั่นๆ Beast Girl band วง cover เมืองไทยที่ไปดังอยู่เกาหลีก็มาด้วย”  อยู่ๆ กรีนทีก็พูดขึ้นมา ทำให้ฉันรีบหันไปมองตามสายตาของกรีนทีทันที เพื่อนทั้ง 6 คนของฉันกำลังเดินแหวกแฟนคลับของ Beast เข้ามาในร้านแล้วตรงไปที่ห้องแต่งตัว นี่พวกเธอดังจนเพื่อนของฉันรู้จักเลยหรอเนี่ย ก้าวหน้าใหญ่แล้วนะยะ ^^

                “ยิ้มอะไรอ่ะฝัน ชอบวงนี้เหมือนกันหรอ”  กรีนทีมองฉันตาโต นี่ฉันเผลอยิ้มออกมาหรอเนี่ย?

                “อ๋อ ใช่ ชอบมากเลย พวกเขามีความสามารถดีนะ ^^;” 

                “ใช่ ปกติฉันจะไม่ชอบวงผู้หญิงเท่าไหร่ แต่วงนี้ฉันชอบมากเลย ^_^”  กรีนทีพูด

                ในช่วงเวลาที่ฉัน cover ตอนนั้นวงเราก็ดังเฉพาะในหมู่แฟนคลับและคนที่รู้จักวง Beast แต่หลังจากการออร์ดิชั่นที่ KB Entertainment ผ่านไป Beast Girl ก็ดังขึ้นมาก ซึ่งเป็นช่วงที่ฉันออกมาพอดี ไม่แปลกที่จะมีคนไม่รู้ว่าฉันเคยเป็นสมาชิกของวงนี้ และฉันก็ไม่อยากบอกด้วยว่าฉันเคยเป็นขี้ขลาดขนาดไหนที่แยกตัวออกมา...U_U;

                ฉันจะรอติดตามผลงานของพวกเธอนะ Beast Girl band...

                “เอ้อ จริงสิ ช่วงหนึ่งฉันได้ข่าวว่าแกก็ไปเรียนเต้นอยู่ที่โรงเรียนดนตรีคังยูเหมือนกันนี่นา เธอเคยเจอพวกเขาบ้างรึเปล่า พวกเขาเคยเรียนอยู่ที่นั่นเหมือนกันนะ”  อยู่ๆ กรีนทีก็ถามขึ้นระหว่างที่ฉันกำลังจิบคาปูชีโน่ ฉันเลยสำลักออกไปคำใหญ่ จะไม่รู้จักได้ไงล่ะยะ ก็นั่นมันเพื่อนร่วมวงฉันเลย =_=;

                “เฮ้ย! โทษทีๆ ทำไมต้องสำลักขนาดนั้นด้วยล่ะ”

                “เอ่อ...ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ มันเลอะกางเกงอ่ะ”

                “จริงหรอ โทษทีนะ”  กรีนทีส่งสายตาสำนึกผิดมาให้ฉัน

                “รีบไปรีบมานะ เดี๋ยวบีสท์มาจะอดเห็นตัวเป็นๆ >O<”  พี่ฟินบอกก่อนที่ฉันจะเดินแยกออกมาจากโต๊ะ

                พี่ฟินคะ ฝันสัมผัสตัวเป็นๆ จนจำได้แล้วค่ะว่าใครมีกระกี่จุด รอยสิวกี่เม็ด =_= เอ่อ...ฉันไม่ได้เข้าไปมองชิดผิวหนังใบหน้าของบีสท์ขนาดหรอกนะ ฉันแค่หมายความว่า เจอตัวเป็นๆ บ่อยน่ะ U_U;;

                “น้องฝัน เพิ่งออกจากโรงพยาบาลทำไมมาเดินอยู่แถวนี้ล่ะจ้ะ มารอส่งเพื่อนๆ ที่สนามบินหรอ”  พี่มะนาวเข้ามาทักทายขณะที่ฉันกำลังเช็ดคราบคาปูชีโนในกางเกงออก

                “อ๋อ พี่ที่โรงพยาบาลพามาฉลองที่ได้ออกจากโรงพยาบาลน่ะค่ะ”  ฉันตอบแล้วก้มหน้าเช็ดกางเกงต่อ เห็นหน้าพี่มะนาวแล้วยิ่งใจแป้วแฮะ...

                ความจริง...ก็อยากไปเกาหลีอีกสักครั้งนะ T^T

                “กางเกงเลอะหรอ?”

                “ใช่ค่ะ T^T”

                “งั้นมาห้องแต่งตัวกับพี่สิ พี่มีกางเกงของเพื่อนคนอื่นติดมาหลายตัวเลย ถ้าจำไม่ผิด ฝันใส่ไซส์เดียวกับดอกหลิวรึเปล่า”

                “เอ่อ...ใช่ค่ะ”  ฉันตอบเสียงสั่นๆ ฉันพยายามควบคุมเสียงของตัวเองแล้วแต่มันก็ยังสั่นอยู่ พี่มะนาวที่เหมือนจะสังเกตเห็นความผิดปกติของฉันก็เงียบไป แล้วเอื้อมมือขึ้นมาลูบศีรษะของฉันเบาๆ

                “ไม่ต้องถามหรอกนะว่าทำไมพี่ถึงยังจำได้ทั้งๆ ที่มันก็ผ่านมาเกือบปีแล้ว...พี่จำเรื่องราวของพวกเธอทุกคนได้แม่นเลยล่ะ”

                “พี่มะนาว...” 

                “มาเถอะ เพื่อนๆ ต้องดีใจแน่ที่เจอฝันวันนี้”  พี่มะนาวพูดแล้วพาฉันเดินออกจากห้องน้ำตรงไปที่ห้องแต่งตัวทันที

 

 

 

 

 

***************************

อัพแล้วค่าาาา ^O^

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

***************************

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา