Legend of love everlasting รักเธอไม่มีวันเปลี่ยน
4)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
อากาศยามเช้าช่างสดใสอะไรเช้นนี้ ฉันยังคงนอนบิดแขนบิดขาอยู่บนเตียงที่แสนจะกว้าง ห้องของฉันถูกตกแต่งให้ดูเหมือนห้องของเจ้าหญิง ส่วนใหญ่ห้องของฉันจะเป็นสีทองปะปนด้วยสีครีม ห้องนี้มันไม่ใช่สไตล์ฉันเลย ห้องนี้ถูกตกแต่งมาตั้งแต่ฉันยังไม่เกิดพ่อกับแม่คิดว่าน่าจะได้เป็นลูกสาว และมันก็ได้เป็นลูกสาวจริงๆแต่ลูกสาวไม่จำเป็นต้องแต่งห้องหวานๆก็ได้ ห้องของฉันใครเข้ามาก็มองว่าฉันเป็นคนหวานๆ เรียบร้อย มีมารยาท ซึ้งมันไม่ตรงกับความเป็นจริงเลย สังเกตได้เลยว่าถ้าใครมาเปิดลิ้นชักของฉันก็จะเห็น ปืน มีด และอาวุธฆ่าคนมากมาย ฉันจำเป็นที่จะต้องมีอาวุธพวกนี้ถ้าฉันไม่มี ศัตรูก็สามารถเข้ามาฆ่าฉันได้เพราะว่าฉันทำงานฆ่าคนให้กับคุณลุง (พ่อของแก้ว ) คุณลุงมีศัตรูมากมายเพราะว่าคุณลุงเป็นมาเฟีย และแน่นอนฉันเป็นนักฆ่าที่มีแต่เงาไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉัน ศัตรูของคุณลุงก็ไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร มีแต่ครอบครัวภายในของฉันเท่านั้นที่รู้จักชื่อและนามสกุลที่แท้จริงคือ ธนันต์ธรณ์ นีระสิงห์ และฉันก็มีอีกชื่อหนึ่ง เบลล่า ชื่อนี้จะรู้จักกันในนามนักฆ่าที่มีแต่เงาแต่ฝีมือไม่เบา ฉันฆ่าคนมานับไม่ถ้วนแล้ว The win (ชื่อกลุ่มมาเฟียของคุณลุง ) เป็นกลุ่มมาเฟียที่ฉันทำงานมาหกปีแล้ว แต่มาเฟียกลุ่มอื่นๆยังไม่เคยเห็นหน้า เบลล่า เลยสักคน The win ก็ยังไม่มีใครเคยเห็นหน้าของเบลล่า มีแต่คุณลุงเท่านั้นที่รู้ว่าเบลล่าคือใคร ครอบครัวของฉันรู้เรื่องที่ฉันมาทำงานกับคุณลุงแล้ว ฉันก็ยังคงทำงานให้คุณลุงเหมือนเดิม และสาเหตุที่ฉันกลับมาที่ไทยก็น่าจะมีส่วนเรื่องของ The win ด้วย ฉันลุกขึ้นจากเตียงและเดินตรงไปที่ห้องน้ำ สักพักฉันก็เดินออกมาจากห้องน้ำและแต่งตัวเตรียมตัวที่จะลงไปกินข้าวข้างล่างกับครอบครัว ฉันใส่กางเกงยีนขาสั้นและใส่เสื้อยืนสีขาวบางๆตัวเดียว ฉันค่อยๆหวีผมที่ไม่ค่อยสระเท่าไหร่ (แต่ผมฉันสวยนะ ) แล้วมัดผมขึ้นสูง สักพักฉันแต่งตัวเส็จฉันหยิบโทรศัทพ์ใส่กระเป๋ากางเกงและลงไปกินข้าวข้างล่าง
ฉันเดินลงจากบันไดที่แสนจะยาวมากกกกกก ฉันสังเกตเห็นทุกคนกำลังมองมาที่ฉันอย่างโกรธเคือง แต่มันไม่ทำให้ฉันสะเทือนหรอก ฉันเดิมมานั่งที่เก้าอี้ประจำ มีคนของพ่อที่อยู่ในชุดสูทสีดำเช่นเดิม มาเลื่อนเก้ากี้ให้ฉันพร้อมกับคำพฝุดที่ใช้เช่นเดียวกันกับ ยัยเฟย์และแก้ว
" เชิญนั่งครับคุณหนู " ฉันพยักหน้าแทนคำขอบคุณ พ่อของฉันนั่งที่หัวโต๊ะ ส่วนข้างขวาของพ่อที่จริงต้องเป็นแม่ที่นั่ง แต่แม่ฉันไปดูงานที่ฝรั่งเศส ฉันเลยนั่งแทนแม่ข้างๆของฉันก็เป็นยัยเฟย์และถัดจากเฟย์ก็เป็นยัยแก้ว และข้างซ้ายของพ่อก็เป็น คุณป้าของฉันเอง หลังจากที่แม่บ้านตักข้าวให้พวกเราทั้งหมดพ่อของฉันก็เอยขึ้นมาว่า
"ฟาง เมื่อคืนหนูมายังไง " ฉันว่าพ่อฉันต้องถามเรื่องนี้
"แท็กซี่ค่ะ " ฉันตอบอย่างมั่นใจ
"แล้วหนูอยู่คนเดียวรึเปล่า " หายนะมาเตือน !
"ค่ะ หนูอยู่คนเดียว" โกหกคืองานอดิเรกของฉัน
"อยู่คนเดียวแล้วทำไมต้องเสียงดัง " ทำไมถามเยอะจัง
"หนูคุยโทรศัทพ์เพื่อนแล้วทะเลาะกันนิดหน่อยค่ะ " ฉันบอกแล้ว โกหกคืองานอดิเรกของฉัน^_^
"เหรอ แล้วคุยกับเพื่อนที่ไหนล่ะ" อันนี้พ่อของฉันไม่ได้ถามแต่เป็นป้าของฉันต่างหากที่ถาม
"ที่ลอนดอนค่ะ" งานนี้ฉันจะรอดไหมเนี้ย
"ที่ลอนดอนเขาพูดภาษาไทยได้ด้วยเหรอ" เออ เพื่อนฉันที่ลอนดอนพูดภาษาไทยไม่ได้เลยสักคน
"หนูมีเพื่อนคนหนึ่งเขาเป็นคนไทยค่ะและก็ไปเรียนที่ลอนดอนเหมือนหนูค่ะ" ฉันยังคงโกหกป้าฉันเหมือนเดิม และป้าก็ไม่มีท่าทีว่าจะไม่เชื่อด้วย สงสัยฉันโกหกเก่งล่ะสิ
" อืม " ฮ่า ฮ่า สุดท่ายป้าก็เชื่อฉันฉันบอกแล้วว่าการโกหกเนี้ยต้องยกให้ฉัน ระหว่างที่ฉันกับครอบครัวกินข้าวอยู่ก็มีทั้ง แม่บ้าน และคนของพ่อฉันที่คอยดูแลพ่อฉัน ยืนอยู่ข้างหลังของฉันเต็มไปหมด ถ้าให้เดานะประมาณฝั่งละสิบคน ฝั่งที่ยืนอยู่ข้างหลังป้าฉันสิบคน ข้างหลังฉันอีกสิบคน ถ้าอะไรทำไมต้องยืนด้วยอันนี้ฉันรู้มาประมาณหนึ่งว่า ถ้ามีศัตรูบุกลุก จะได้ช่วยทันเพราะตอนนี้พ่อและคุณลุงได้สร้างศัตรูเยอะมากเป็นพิเศษ ทุกคนในบ้านก็จะหวาดกลัว แต่สำหรับ พวกเรา เฟย์ ฉันและแก้ว ไม่เคยกลัวอะไรง่ายๆอยู่แล้ว พวกเราจับปืนมากันตั้งแต่เด็กๆ และการต่อสู้ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเราไปแล้ว สักพวกเราทั้งหมดก็กินข้าวเส็จ แม่บ้านก็เจ็บจานเรียบร้อยแล้ว กินเส็จฉันก็ขอไปสูดอากาศข้างนอกบ้านเพื่อจะทำลายความคิดถึงที่ฉันมีต่อที่นี้
"พ่อค่ะ หนูขอไปสูดอากาศเพื่อทำลายความคิดถึงนะค่ะ"
" ไปสิลูก " พ่อบอกฉันแล้วลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน
"ป่ะ ยัยเฟย์ แก้ว " ฉันบอกยัยเฟย์กับยัยแก้วให้มาด้วยกันเพราะว่าเรามีเรื่องที่จะคุยกันตามภาษาพี่น้องและเพื่อน
เราทั้งสามคนเดินออกมาจากรัวประบ้านพร้อวกับมีคนของพ่อฉันตามมาด้วยห้าคน ! นี้ฉันแค่ทานอกบ้านนะไปได้ไปออกรบถึงจะต้องมีคนมาคามดูแลขนาดนี้ และอีกอย่างฉันก็ป้องกันตัวเป็น ไม่จำเป็นที่จะต้องมีคนคอยมาตามแบบนี้ นี้ตกลงฉันจะไม่มีเวลาส่วนตัวของตัวเองเลยใช่มั๊ยเนี้ย อ๋อ ฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไง เราถึงจะคุยกันได้อย่างสนุนสนาน
"นี่่ ฉันมีปืนไม่ต้องหวงหรอกถ้ามีอะไรด้วยฉันจะตะโกนเรียกเอลและอีกอย่างฉันก็อยู่ที่บ้านไม่ได้ออกไปไหนฉันดูแลตัวเองได้ไม่ต้องเป็นหวง" ฉันพูดพร้อมกับหยิบปืนที่อยู่ขอบกางเกงด้านหลัง แต่ดูท่าทางแล้วเหทือนคนของพ่อฉันจะไท้เชื่อที่ฉันพูดนะ
"แต่คุณหนูครับ คุณท่านสั่งว่า...." นั้นไงว่าแล้วต้องไม่เชื่องั้นฉันต้องใช้ไม้เด็ดซะแล้ว ฉันไม่รอให้คนของพ่อพูดจบก่อนหรอกเพราะมันเสียเวลา ฉันเลยพูกขัดขึ้นมาก่อน
"ฉัน-ดู-แล-ตัว-เอง-ได้" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ใครๆฟังแล้วเป็นต้องเกรงกลัวฉันทันที
"ก็ได้ครับคุณหนู" ฉันว่าแล้วว่าต้องทำแบบนี้ถึงจะยอมไป
แล้วเราทั้งสามคนก็เดินไปนั่งที่โต๊ะสีขาวนอกบ้าน โต๊ะนี้พ่อกับแม่ซื้อมาเพื่อพวกเราโดนเฉพาะเพราะว่าโต๊ะนี้มีเก้าอี้ทั้งหมดแค้สามตัวเท่านั้น สวนหน้าบ้านถูกตกแต่งด้วยต้นไม้นานาชนิด ส่วยใหญ่ก็โตกันหมดแล้วทำให้เวลามานั่งเก้าอี้ที่สวนหน้าบ้านจะไม่มีเเดด แล้วดอกไม้ที่ตกแต่ง ฉันเลือกเองเลยนะ ฉันเลือกเป็นดอกกุหลาบสีขาวที่ถูกจัดตั้งแต้ฉันยังเด็กส่วนตอนนี้มันก็ยังอยู่เพราะว่าฉันรักดอกกุหลาบขาวมากเช่นเดียวกันกับแม่ พ่อเลยดูแลดอกไม้เป็นพิเศษ แล้วยัยแก้วก็ถามฉันว่า
"เป็นไงเมื่อคืนอ่ะ" ยัยแก้วพูดพร้องส่งสายตาที่มีเลศนัยมาที่ฉัน
"เป็นไงอะไรล่ะ เขาตื่นฉันก็ให้เขากลับบ้านของเขาไปเท่านั้นแหละ" ฉันพูดแล้วนึกถึงรอยยิ้มที่เขายิ้มให้ฉันเมื่อคืนและฉันก็เผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว
"ไม่มีอะไปแล้วทำไมต้องยิ้มด้วยอ่ะ" ยัยแก้วนี่ ถามมากไม่เคยหยุด
"คุยเรื่องอะไรกันทำไมเฟย์ ไม่รู้อ่ะ"
เอาแค่นี้ก่อนแล้วพรุ่งนี้มาอัพใหม่
ขอบคุณนะที่อ่าน
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ