ซอมบี้ วันที่ 1
-
เขียนโดย Domewriter
วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 01.21 น.
10 บทที่
2 วิจารณ์
6,251 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2566 15.15 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
9) ซอมบี้ วันที่ 1 ตอนที่ 9 Another People part 3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความAnother people Part 3
ชายเจ้าของรถพยายามขับรถไปข้างหน้า แต่รถบนถนนจะติดและโกราหลอย่างมาก เขาจึงขับรถขึ้นฟุตบาทถนนอย่างช้า พลางมองดูคนและรถที่ขับขึ้นมาบนฟุตบาทแบบเดียวกับเขา เสียงบีบแตรรถทำให้ผู้ติดเชื้อวิ่งเข้ามาหารถ พอทุกคนเริ่มสังเกตรู้ว่าเสียงแตรรถทำให้ผู้ติดเชื้อวิ้งเข้ามาหาก็หยุดบีบแตรรถ ค่อยๆ ขับรถเคลื่อนที้อย่างช้าๆ ไปข้างหน้า เจ้าของรถ CRV ขับรถช้าๆ และพอมีจังหวะก็ขับรถพุ่งอย่างรวดเร็วในทันที รถพุ่งตัดรถคันอื่นๆ ฝ่าขึ้นไปบนเกาะกลางถนนแล้วตัดข้ามถนนฝั่งตรงข้ามพุ่งเข้าไปในลานถนนหน้าร้านค้าอาคารพาณิชย์ที่ติดถนนใหญ่ เพื่อขับรถอ้อมไปออกที่ถนนใหญ่ทางด้านหน้าใน รถเก๋งสีเขียวที่อยู่บนถนนตรงข้ามขับรถเลี้ยวตามเข้ามาในลานถนนหน้าย่านร้านค้าอาคารพาณิชย์ ขณะที่รถกำลังขับไปช้าๆ ถึงทางเลี้ยวออกจากถนนหน้าอาคารพาณิชย์ไปที่ถนนใหญ่ รถเก๋งคันสีเขียวขับตามหลังอย่างช้าๆ ก็พุ่งขึ้นแซงเบียดเพื่อขึ้นไปที่ถนนใหญ่ก่อน เจ้าของรถ CRV สีดำที่พวกจำรัสนั่งมาด้วยต้องรีบหักรถหลีกให้รถเก๋งสีเขียวที่แซงเบียดรถ เจ้าของรถต้องหักพวงมาลัยรถหลบออกไปทางฟุตบาทริมถนน จำรัสและคนในรถตื่นตระหนกตกใจ ทุกคนหันมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เห็นรถเก๋งสีเขียวที่ขับเบียดรถผ่านขึ้นหน้าอย่างไม่เกรงใจ เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อชีวภาพสองสามคนไล่ตามอยู่ด้านหลังรถ รถที่จำรัสนั่งหลบรถเก๋งสีเขียวขึ้นไปบนฟุตบาทที่ติดกับลานหญ้าเล็กๆ ข้างคลองน้ำ ลานหญ้ากว้างประมาณเมตรกว่ามีพุ่มไม้ดอกเข็มที่ปลูกเป็นกำแพงกั้นตลิ่งริมคลองเล็กๆ ริมฟุตบาทถนนหน้าอาคารพาณิชย์ที่เป็นทางออกไปถนนใหญ่ ซึ่งเจ้าของโครงการก่อสร้างไม่ได้ทำรั้วกำแพงกั้นตลิ่งข้างคลอง รถ CRV สีดำเบียดทับพุ่มดอกเข็มอยู่ข้างใต้ รถเกือบตกลงในคลองที่สูงประมาณ 3 เมตร กว้าง 3 เมตร จำรัสและคนที่อยู่ในรถมองดูผู้ติดเชื้อชีวภาพสามสองคนวิ่งไล่ตามหลังรถเก๋งสีเขียวที่เลี้ยวออกไปถนนใหญ่
เจ้าของรถ CRV ด่าคนขับรถเก๋งสีเขียวด้วยความโมโห จำรัสและชายอื่นสองคนที่เป็นผู้อาศัยรถนั่งนิ่งเงียบ หนึ่งในผู้ติดเชื้อชีวภาพสทั้งสามคนที่วิ่งตามหลังรถเก๋งสีเขียวไม่ทันก็หยุดหันมาทางรถที่จำรัสนั่งอยู่ และเดินตรงมาที่รถอย่างรวดเร็ว เจ้าของรถรีบเปลี่ยนเกียร์รถเหยียบคันเร่ง พลัน ท้ายรถก็วูบ รถเคลื่อนหล่นจากตลิ่งลงไปในคลอง รถยนตร์หล่นลงไปในคลองน้ำ นอกจากเจ้าของรถแล้วจำรัสและคนอื่นไม่ได้ใส่สายรัดที่นั่ง เพราะกลัวว่าหากรถประสบอุบัติเหตุต้องหยุดจอดแล้วจะออกจากรถหนีผู้ติดเชื้อชีวภาพได้ไม่ทันท่วงที ร่างของจำรัสและชายอีกสองคน กระดอนจากที่นั่งกระแทกกับตัวรถด้านใน แต่รถตกลงคลองน้ำจึงทำให้เกิดแรงกระแทกไม่มากนัก ท้ายรถหันไปทางท่ออุโทงค์ระบายน้ำใต้ถนนที่น้ำในคลองไหลผ่านเอื่อยๆ แต่หากมีฝนตกลงมาน้ำในคลองจะไหลเชี่ยวรุนแรง รถยนตร์จมลงในน้ำคลองช้าๆ จำรัสและชายในรถสองคนเคลื่อนกลับมานั่งที่เดิม รู้สึกเข็ดขัดยอกและเจ็บปวดเมื่อยตามร่างกายเล็กน้อย จำรัสและคนในรถทั้งสี่คนหันมองดูน้ำที่อยู่ๆ รอบรถที่กำลังจมลงในน้ำ พอรถจมลงในน้ำเกือบถึงขอบหน้าต่างแล้วรถก็จอดนิ่งอยู่ในคลอง ทั้งสี่คนเริ่มหายจากอาการตื่นตกใจ พลันปรากกฏเสียงดังโครมใหญ่ วัตถุหนึ่งล่วงลงใส่หลังคารถยนตร์ จำรัสและคนอื่นๆ พากันตกใจที่ผู้ติดเชื้อชีวภาพกระโดดจากตลิ่งลงคลองน้ำหล่นใส่บนหลังคารถ จำรัสและคนอื่นเหงนหน้าดูเพหลังคารถ สักพพัก ผู้ติดเชื้อชีวภาพก็เคลื่อนลงจากหลังคารถหล่นลงในน้ำคลองเสียงตูม น้ำในคลองแตกกระเซ็นสาดถูกกระจกหน้าต่างประตูด้านขวา แล้วผู้ติดเชื้อชีวภาพหล่นลงในน้ำก็โผล่ขึ้นมาเบียดหน้าและร่างที่หน้าต่างกระจกรถ ผู้ติดเชื้อชีวภาพพยายามที่เบีบดฝ่ากระจกหน้าต่างรถเข้ามาในรถ "แฮรว แฮรว แฮรว แอรว..." ชายที่นั่งที่นั่งข้างกระจกเขยิบร่างเบียดมาทางจำรัสที่นั่งข้างอยู่อีกด้าน เจ้าของรถเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักรถเอาปืนสั้นออกมาถือไว้ แล้วเล็งปืนสั้นไปทางผู้ติดเชื้อชีวภาพที่หน้าต่างกระจกรถ ผู้ติดเชื้อชีวภาพไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อยพยายามดันใบหน้าและร่างเบียดกระจกหน้าต่างรถ พลางส่งเสียงร้อง "แฮรว แฮรว แฮรว แอรว..." พอเจ้าของรถมั่นใจว่าผู้ติดเชื้อชีวภาพพังกระจกหน้าต่างรถเข้ามาไม่ได้ก็เอามือที่ถือปืนไปวางที่พวงมาลัยขับรถฝ่าคลองน้ำไปข้างหน้า ผู้ติดเชื้อชีวภาพเดินลุยน้ำตาม เจ้าของรถยนตร์ขับรถเคลื่อนลุยน้ำไปเบื้องหน้าทิ้งห่างผู้ติดเชื้อชีวภาพทิ้งผู้ติดชีวภาพเดินลุยน้ำตามอยู่ห่างจากหลังรถช่วงใหญ่ๆ แสงไฟหน้ารถกระทบผิวน้ำคลอง สองฟากคลองเป็นตลิ่งดินที่มีวัชพืชเขียวและก่อหญ้าขึ้นตามตลิ่ง จำรัสกับชายอีกสองคนบนรถหันมองผ่านกระจกท้ายรถไปดูผู้ติดเชื้อชีวภาพที่เดินลุยน้ำตามหลังรถโดยทิ้งระยะห่างจากรถไกลขึ้นเรื่อยๆ " ไอ้เจ้าของโครงการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ติดถนนใหญ่นี่ แม่ม เค็มฉิบหาย ไม่ยอมสร้างรั้วกันตลิ่ง รอให้เทศบาลจัดสรรงบมาทำกำแพงรั้วกั้นตลิ่งคลอง" เจ้าของรถพูดกับจำรัสและชายสองคนที่นั่งในรถของเขา ชายกลางคนอายุประมาณ 40 กว่าปี ที่นั่งข้างคนขับรถ พอเห็นเจ้าของรถชวนคุย เขาก็บอกว่า "ผมเห็นด้วย ไอ้พวกบริษัทก่อสร้าง พอมันเห็นว่าโยนให้เทศบาลได้ มันประหยัดได้ มันก็ไม่ทำ ทั้งที่ต้องทำรั้วกั้นตลิ่งกันคนตกลงในคลอง" จำรัส บอกว่า "ใช่ครับ พอเห็นว่าทำรั้วกำแพงกั้นตลิ่งไปแล้ว พอเทศบาลออกแบบทำกำแพงรั้วกั้นตลิ่งก็ต้องพังรั้วที่มันทำ เพื่อทำรั้วกั้นคลองแบบที่เทศบาลออกแบบให้มีหงค์ทองโคมไฟ ลงลายมังกรที่รั้วกำแพง มันก็เลยถือโอกาสไม่ทำปล่อยทิ้งไว้" ชายหนุ่มที่นั่งข้างจำรัส บอกว่า "คลองน้ำนี้ไหลมาจากทางป่าคลอก ปลายคลองน้ำ ไม่รู้ไปถึงทะเลอ่าวปอไหม " เจ้าของรถบอกว่า "ถ้าคลองน้ำไม่ลึกจนรถจมคลองไปก่อน ถ้าผมเจอตลิ่งที่ไม่ชันมาก บางทีผมขับรถกลับขึ้นไปที่ถนนได้" รถยนตร์ขับลุยน้ำไปตามคลองที่คดเคี้ยว บนสองฟากตลิ่งมืดสนิทมองเห็นแต่ไฟจากเสาไฟฟ้าไกลๆ และแสงดาวจากบนฟ้ายามค่ำ เจ้าของรถถือปืนไว้ในมือพลางขับรถ เขาเปิดวิทยุในรถฟังทุกสถานีวิทยุมีแต่รายงานฉุกเฉินเรื่องเชื้อชีวภาพที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วประเทศ
เจ้าของรถสนทนากับคนแปลกหน้าทั้งสามคนที่เข้ามาอาศัยรถ ทั้งสี่คนที่อยู่ในรถก็สนทนาเรื่องขีปนาวุธเชื้อชีวภาพ CME ที่ผู้ก่อการร้ายในประเทศคีสจาร์สยิงขีปนาวุธชีวภาพพลาดข้ามเข้ามาในเขตจังหวัดชายแดนเมื่อสัปดาห์ก่อน รัฐบาลบอกว่ามีค่ายกักกันเขตผู้ติดเชื้อ เชื้อชีวภาพชนิดใหม่ของผู้ก่อการร้ายไม่สามารถแพร่กระจายออกไปได้ แต่สุดท้ายเชื้อชีวภาพก็แพร่ไปทั่วประเทศ เจ้าของรถมองเห็นตลิ่งข้างคลองน้ำเบื้องหน้าที่ไม่ชันมาก พอที่จะขับรถขึ้นไปบนตลิ่งได้ เจ้าของรถจึงขับรถพยายามขึ้นไปบนตลิ่ง แต่แรงรถยนตร์ไม่พอและล้อรถหลังข้างหนึ่งติดหล่มดินตลิ่ง เขาจึงบอกคนแปลกหน้าทั้งสามที่นั่งในรถว่า "ผมขอแรงคุณทั้งสามคนช่วยลงไปดันท้ายรถขึ้นบนตลิ่งหน่อย"
จำรัสกับคนบนรถสองคนจึงลงจากรถไปในคลองน้ำที่ท่วมเกือบถึงสะโพกเอวแล้วช่วยกันดันท้ายรถยนตร์ขึ้นตลิ่งไปบนฝั่งด้านบน ทั้งสามหันมองดูคลองน้ำทั้งด้านซ้ายและขวาที่มืดมิด เนื่องด้วยกลัวว่าจะมีผู้ติดเชื้อชีวภาพ เจ้าของรถเลื่อนกระจกหน้าต่างรถข้างคนขับรถลง เขาเลื่อนเกียร์รถ เตรียมพร้อมเหยียบคันเร่งรถแล้วก็บอกให้ทั้งสามคนออกแรงดันท้ายรถขึ้นไปด้านบนของตลิ่งได้ พอจำรัสกับชายทั้งสองคนช่วยกันดันท้ายรถยนตร์จนขับขึ้นไปบนฝั่งได้แล้ว เจ้าของรถก็ขับรถจากไปทันที จำรัสกับชายทั้งสองคนตะโกนด่าทอเจ้าของรถ CRV สีดำที่ทิ้งพวกเขาทั้งสามไว้ จำรัสเอาโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป้ากางเกงขึ้นมากดโทรหาภรรยาที่บ้าน แต่โทรศัพท์มือถือถูกน้ำคลองจากการที่เขาดันท้ายรถยนตร์ขึ้นบนตลิ่งเมื่อครู่ จนน้ำเข้าโทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้ ชายกลางคนกับชายหนุ่มก็เช่นเดียวกัน โทรศัพท์มือถือของเขาเปียกน้ำจนมือถือเสียใช้ไม่ได้เช่นกัน ทั้งสามคนมองดูแสงไฟจากเสาไฟถนนและหมู่บ้านในบริเวณนั้นส่องสว่างให้เห็นอยู่ห่างไม่ไกล ประมาณ 2 กิโลเมตร ชายหนุ่มหันหน้าไปทางด้านหลัง มองดูแสงไฟจากหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากคลอง บอกว่า "ถ้าไปที่ถนนเดินผ่านหมู่บ้านทางนั้นก็กลับไปที่ถนนใหญ่ที่รถตกคลอง" ส่วนทางด้านหน้าที่รถ CRV สีดำมุ่งไป มองเห็นแสงไฟที่ถนนตัดขวางที่อยู่ไม่ไกลประมาณ 1 กิโลเมตร มีหมู่บ้านสองแห่งปลูกไม่ไกลจากกันมาก ทั้งสามคนจึงเดินไปที่หมู่บ้านทางข้างหน้า ชายหนุ่มกับชายกลางคนมองดูที่หมวกกันน๊อกของจำรัสที่ติดสติ๊กเกอร์สะท้อนแสงแวววาว จำรัสถอหมวกกันน๊อกออกถือไว้ในมือขวา ชายกลางคนบอกว่า "สติ๊กเกอร์บนหมวกกันน๊อกมันสะท้อนแสงเป็นจุดสังเกต พวกติดเชื้อมันอาจสนใจ ตนทิ้งหมวกกันน๊อกไว้ที่นี้ก่อนดีกว่ามั้ง" จำรัสมองดูสติ๊กเกอร์สะท้อนแสงบนหมวกกันน๊อกแล้วโยนหมวกทิ้งลงพื้น แล้วทั้งสามคนก็เดินตัดผ่านลานป่าไปอย่างระมัดระวังท่ามกลางความมืด จนมาใกล้จะถึงถนนตัดขวางตรงข้ามทางเข้าหมู่บ้านที่อยู่ทางเบื้องหน้า แต่ทั้งสามคนก็พบเห็นผู้ติดเชื้อชีวภาพสองคนเดินกะย่องกะแย่งเหมือนคนเมาสุราเดินห่างกันๆอยู่บริเวณถนนที่มีแสงส่องสว่างจากเสาไฟฟ้าข้างทาง จำรัส ชายหนุ่ม และชายกลางคน ทั้งสามคนไม่กล้าเสี่ยงวิ่งข้ามถนนไปที่หมู่บ้านที่อยู่ตรงข้ามถนน เพราะอาจไปพบกับผู้ติดเชื้อที่อาจอยู่ในหมู่บ้าน ชายกลางคนบอกว่า "มีคนติดเชื้อเดินอยู่ที่ถนนหน้าหมู่บ้านแบบนี้ สงสัยในหมู่บ้านก็มีผู้ติดเชื้อ" จำรัส บอกว่า "เงียบผิดปกติแบบนี้ ชาวบ้านคงปิดบ้านหนีผู้ติดเชื้อกันหมด" ชายหนุ่ม บอกว่า "หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ กัน ผมก็ว่าน่าจะมีคนติดเชื้อ ผมว่าเราเดินไปทางถนนทางโน้นดีกว่าครับ แถวบ้านพอนนี้ ผมมาบ้านเพื่อนบ่อยๆ อยู่ไม่ไกล ถ้าไปถึงบ้านเพื่อนผม ที่เห็นแสงไฟทางโน้น ผมขออาศัยพักที่บ้านเพื่อนผมได้" จำรัสบอกว่า "บ้านพอนอยู่ห่างจากสี่แยกถนนอนุเสาวรีย์ไม่ไกล น่าจะมีพวกติดเชื้อเหมือนกัน" ชายกลางคน บอกว่า "ไปที่แถวบ้านพอนก็ดีกว่าอยู่แถวนี้ ผมว่าเราไปหาคนแถวบ้านพอนให้เขาช่วยก็ดี เดินๆ ไป เผื่อมีรถผ่านมา จะได้โบกรถ เพื่อมีคนใจดีให้อาศัยรถไปด้วย" จำรัสจึงตัดสินใจไปที่บ้านของเพื่อนชายหนุ่มคนนั้น ทั้งสามคนเดินไปตามถนนที่เงียบสงัดมีเพียงแสงไฟอย่างระมัดระวังไปที่หมู่บ้านข้างหน้า พอใกล้ถึงย่านหมู่บ้านที่ผู้คนพักอาศัย เริ่มเห็นบ้านคนที่ข้างถนนหลายหลัง ทั้งสามคนไม่พบผู้ติดเชื้อชีวภาพ ได้ยินเสียงสุนัขเห่าและหอน ร้านค้าต่างๆ ปิดร้านแล้ว ชายหนุ่มเดินนำหน้าจำรัสและชายวัยกลางคนไปที่บ้านเพื่อนของชายหนุ่ม จำรัสและชายวัยกลางคนจึงไม่ต้องรบกวนขอความช่วยเหลือจากบ้านคนที่พักอาศัยในบริเวณบ้านพอน พอจำรัสกับชายกลางคนมองเห็นนถนนโค้งหักศอกที่มีร้านค้าและบ้านสองชั้นอยู่สองฟากถนน ชายหนุ่มก็บอกว่า "พอพ้นโค้งนี้ไปร้อยกว่าเมตรก็ใกล้ถึงบ้านเพื่อนผมแล้ว" พอทั้งสามคนเดินมาถึงทางโค้งหักศอกก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น คนทั้งสามจึงหยุดยืนฟังเสียง ชายกลางคนบอกว่า "สงสัยมีคนใช้ปืนยิงพวกติดเชื้อ" จำรัสกับชายทั้งสองคนเดินช้าๆ ไปเบื้องหน้าพอพ้นโค้งถนนหักศอก ทั้งสามก็มองเห็นรถจอดอยู่บนถนนห่างไปประมาณ 100 เมตร เป็นรถ CRV สีดำที่ทิ้งพวกเขาทั้งสามคนไว้ที่ตลิ่งข้างคลองน้ำเมื่อครู่
To be continue.....Another peple part 4
ชายเจ้าของรถพยายามขับรถไปข้างหน้า แต่รถบนถนนจะติดและโกราหลอย่างมาก เขาจึงขับรถขึ้นฟุตบาทถนนอย่างช้า พลางมองดูคนและรถที่ขับขึ้นมาบนฟุตบาทแบบเดียวกับเขา เสียงบีบแตรรถทำให้ผู้ติดเชื้อวิ่งเข้ามาหารถ พอทุกคนเริ่มสังเกตรู้ว่าเสียงแตรรถทำให้ผู้ติดเชื้อวิ้งเข้ามาหาก็หยุดบีบแตรรถ ค่อยๆ ขับรถเคลื่อนที้อย่างช้าๆ ไปข้างหน้า เจ้าของรถ CRV ขับรถช้าๆ และพอมีจังหวะก็ขับรถพุ่งอย่างรวดเร็วในทันที รถพุ่งตัดรถคันอื่นๆ ฝ่าขึ้นไปบนเกาะกลางถนนแล้วตัดข้ามถนนฝั่งตรงข้ามพุ่งเข้าไปในลานถนนหน้าร้านค้าอาคารพาณิชย์ที่ติดถนนใหญ่ เพื่อขับรถอ้อมไปออกที่ถนนใหญ่ทางด้านหน้าใน รถเก๋งสีเขียวที่อยู่บนถนนตรงข้ามขับรถเลี้ยวตามเข้ามาในลานถนนหน้าย่านร้านค้าอาคารพาณิชย์ ขณะที่รถกำลังขับไปช้าๆ ถึงทางเลี้ยวออกจากถนนหน้าอาคารพาณิชย์ไปที่ถนนใหญ่ รถเก๋งคันสีเขียวขับตามหลังอย่างช้าๆ ก็พุ่งขึ้นแซงเบียดเพื่อขึ้นไปที่ถนนใหญ่ก่อน เจ้าของรถ CRV สีดำที่พวกจำรัสนั่งมาด้วยต้องรีบหักรถหลีกให้รถเก๋งสีเขียวที่แซงเบียดรถ เจ้าของรถต้องหักพวงมาลัยรถหลบออกไปทางฟุตบาทริมถนน จำรัสและคนในรถตื่นตระหนกตกใจ ทุกคนหันมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เห็นรถเก๋งสีเขียวที่ขับเบียดรถผ่านขึ้นหน้าอย่างไม่เกรงใจ เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อชีวภาพสองสามคนไล่ตามอยู่ด้านหลังรถ รถที่จำรัสนั่งหลบรถเก๋งสีเขียวขึ้นไปบนฟุตบาทที่ติดกับลานหญ้าเล็กๆ ข้างคลองน้ำ ลานหญ้ากว้างประมาณเมตรกว่ามีพุ่มไม้ดอกเข็มที่ปลูกเป็นกำแพงกั้นตลิ่งริมคลองเล็กๆ ริมฟุตบาทถนนหน้าอาคารพาณิชย์ที่เป็นทางออกไปถนนใหญ่ ซึ่งเจ้าของโครงการก่อสร้างไม่ได้ทำรั้วกำแพงกั้นตลิ่งข้างคลอง รถ CRV สีดำเบียดทับพุ่มดอกเข็มอยู่ข้างใต้ รถเกือบตกลงในคลองที่สูงประมาณ 3 เมตร กว้าง 3 เมตร จำรัสและคนที่อยู่ในรถมองดูผู้ติดเชื้อชีวภาพสามสองคนวิ่งไล่ตามหลังรถเก๋งสีเขียวที่เลี้ยวออกไปถนนใหญ่
เจ้าของรถ CRV ด่าคนขับรถเก๋งสีเขียวด้วยความโมโห จำรัสและชายอื่นสองคนที่เป็นผู้อาศัยรถนั่งนิ่งเงียบ หนึ่งในผู้ติดเชื้อชีวภาพสทั้งสามคนที่วิ่งตามหลังรถเก๋งสีเขียวไม่ทันก็หยุดหันมาทางรถที่จำรัสนั่งอยู่ และเดินตรงมาที่รถอย่างรวดเร็ว เจ้าของรถรีบเปลี่ยนเกียร์รถเหยียบคันเร่ง พลัน ท้ายรถก็วูบ รถเคลื่อนหล่นจากตลิ่งลงไปในคลอง รถยนตร์หล่นลงไปในคลองน้ำ นอกจากเจ้าของรถแล้วจำรัสและคนอื่นไม่ได้ใส่สายรัดที่นั่ง เพราะกลัวว่าหากรถประสบอุบัติเหตุต้องหยุดจอดแล้วจะออกจากรถหนีผู้ติดเชื้อชีวภาพได้ไม่ทันท่วงที ร่างของจำรัสและชายอีกสองคน กระดอนจากที่นั่งกระแทกกับตัวรถด้านใน แต่รถตกลงคลองน้ำจึงทำให้เกิดแรงกระแทกไม่มากนัก ท้ายรถหันไปทางท่ออุโทงค์ระบายน้ำใต้ถนนที่น้ำในคลองไหลผ่านเอื่อยๆ แต่หากมีฝนตกลงมาน้ำในคลองจะไหลเชี่ยวรุนแรง รถยนตร์จมลงในน้ำคลองช้าๆ จำรัสและชายในรถสองคนเคลื่อนกลับมานั่งที่เดิม รู้สึกเข็ดขัดยอกและเจ็บปวดเมื่อยตามร่างกายเล็กน้อย จำรัสและคนในรถทั้งสี่คนหันมองดูน้ำที่อยู่ๆ รอบรถที่กำลังจมลงในน้ำ พอรถจมลงในน้ำเกือบถึงขอบหน้าต่างแล้วรถก็จอดนิ่งอยู่ในคลอง ทั้งสี่คนเริ่มหายจากอาการตื่นตกใจ พลันปรากกฏเสียงดังโครมใหญ่ วัตถุหนึ่งล่วงลงใส่หลังคารถยนตร์ จำรัสและคนอื่นๆ พากันตกใจที่ผู้ติดเชื้อชีวภาพกระโดดจากตลิ่งลงคลองน้ำหล่นใส่บนหลังคารถ จำรัสและคนอื่นเหงนหน้าดูเพหลังคารถ สักพพัก ผู้ติดเชื้อชีวภาพก็เคลื่อนลงจากหลังคารถหล่นลงในน้ำคลองเสียงตูม น้ำในคลองแตกกระเซ็นสาดถูกกระจกหน้าต่างประตูด้านขวา แล้วผู้ติดเชื้อชีวภาพหล่นลงในน้ำก็โผล่ขึ้นมาเบียดหน้าและร่างที่หน้าต่างกระจกรถ ผู้ติดเชื้อชีวภาพพยายามที่เบีบดฝ่ากระจกหน้าต่างรถเข้ามาในรถ "แฮรว แฮรว แฮรว แอรว..." ชายที่นั่งที่นั่งข้างกระจกเขยิบร่างเบียดมาทางจำรัสที่นั่งข้างอยู่อีกด้าน เจ้าของรถเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักรถเอาปืนสั้นออกมาถือไว้ แล้วเล็งปืนสั้นไปทางผู้ติดเชื้อชีวภาพที่หน้าต่างกระจกรถ ผู้ติดเชื้อชีวภาพไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อยพยายามดันใบหน้าและร่างเบียดกระจกหน้าต่างรถ พลางส่งเสียงร้อง "แฮรว แฮรว แฮรว แอรว..." พอเจ้าของรถมั่นใจว่าผู้ติดเชื้อชีวภาพพังกระจกหน้าต่างรถเข้ามาไม่ได้ก็เอามือที่ถือปืนไปวางที่พวงมาลัยขับรถฝ่าคลองน้ำไปข้างหน้า ผู้ติดเชื้อชีวภาพเดินลุยน้ำตาม เจ้าของรถยนตร์ขับรถเคลื่อนลุยน้ำไปเบื้องหน้าทิ้งห่างผู้ติดเชื้อชีวภาพทิ้งผู้ติดชีวภาพเดินลุยน้ำตามอยู่ห่างจากหลังรถช่วงใหญ่ๆ แสงไฟหน้ารถกระทบผิวน้ำคลอง สองฟากคลองเป็นตลิ่งดินที่มีวัชพืชเขียวและก่อหญ้าขึ้นตามตลิ่ง จำรัสกับชายอีกสองคนบนรถหันมองผ่านกระจกท้ายรถไปดูผู้ติดเชื้อชีวภาพที่เดินลุยน้ำตามหลังรถโดยทิ้งระยะห่างจากรถไกลขึ้นเรื่อยๆ " ไอ้เจ้าของโครงการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ติดถนนใหญ่นี่ แม่ม เค็มฉิบหาย ไม่ยอมสร้างรั้วกันตลิ่ง รอให้เทศบาลจัดสรรงบมาทำกำแพงรั้วกั้นตลิ่งคลอง" เจ้าของรถพูดกับจำรัสและชายสองคนที่นั่งในรถของเขา ชายกลางคนอายุประมาณ 40 กว่าปี ที่นั่งข้างคนขับรถ พอเห็นเจ้าของรถชวนคุย เขาก็บอกว่า "ผมเห็นด้วย ไอ้พวกบริษัทก่อสร้าง พอมันเห็นว่าโยนให้เทศบาลได้ มันประหยัดได้ มันก็ไม่ทำ ทั้งที่ต้องทำรั้วกั้นตลิ่งกันคนตกลงในคลอง" จำรัส บอกว่า "ใช่ครับ พอเห็นว่าทำรั้วกำแพงกั้นตลิ่งไปแล้ว พอเทศบาลออกแบบทำกำแพงรั้วกั้นตลิ่งก็ต้องพังรั้วที่มันทำ เพื่อทำรั้วกั้นคลองแบบที่เทศบาลออกแบบให้มีหงค์ทองโคมไฟ ลงลายมังกรที่รั้วกำแพง มันก็เลยถือโอกาสไม่ทำปล่อยทิ้งไว้" ชายหนุ่มที่นั่งข้างจำรัส บอกว่า "คลองน้ำนี้ไหลมาจากทางป่าคลอก ปลายคลองน้ำ ไม่รู้ไปถึงทะเลอ่าวปอไหม " เจ้าของรถบอกว่า "ถ้าคลองน้ำไม่ลึกจนรถจมคลองไปก่อน ถ้าผมเจอตลิ่งที่ไม่ชันมาก บางทีผมขับรถกลับขึ้นไปที่ถนนได้" รถยนตร์ขับลุยน้ำไปตามคลองที่คดเคี้ยว บนสองฟากตลิ่งมืดสนิทมองเห็นแต่ไฟจากเสาไฟฟ้าไกลๆ และแสงดาวจากบนฟ้ายามค่ำ เจ้าของรถถือปืนไว้ในมือพลางขับรถ เขาเปิดวิทยุในรถฟังทุกสถานีวิทยุมีแต่รายงานฉุกเฉินเรื่องเชื้อชีวภาพที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วประเทศ
เจ้าของรถสนทนากับคนแปลกหน้าทั้งสามคนที่เข้ามาอาศัยรถ ทั้งสี่คนที่อยู่ในรถก็สนทนาเรื่องขีปนาวุธเชื้อชีวภาพ CME ที่ผู้ก่อการร้ายในประเทศคีสจาร์สยิงขีปนาวุธชีวภาพพลาดข้ามเข้ามาในเขตจังหวัดชายแดนเมื่อสัปดาห์ก่อน รัฐบาลบอกว่ามีค่ายกักกันเขตผู้ติดเชื้อ เชื้อชีวภาพชนิดใหม่ของผู้ก่อการร้ายไม่สามารถแพร่กระจายออกไปได้ แต่สุดท้ายเชื้อชีวภาพก็แพร่ไปทั่วประเทศ เจ้าของรถมองเห็นตลิ่งข้างคลองน้ำเบื้องหน้าที่ไม่ชันมาก พอที่จะขับรถขึ้นไปบนตลิ่งได้ เจ้าของรถจึงขับรถพยายามขึ้นไปบนตลิ่ง แต่แรงรถยนตร์ไม่พอและล้อรถหลังข้างหนึ่งติดหล่มดินตลิ่ง เขาจึงบอกคนแปลกหน้าทั้งสามที่นั่งในรถว่า "ผมขอแรงคุณทั้งสามคนช่วยลงไปดันท้ายรถขึ้นบนตลิ่งหน่อย"
จำรัสกับคนบนรถสองคนจึงลงจากรถไปในคลองน้ำที่ท่วมเกือบถึงสะโพกเอวแล้วช่วยกันดันท้ายรถยนตร์ขึ้นตลิ่งไปบนฝั่งด้านบน ทั้งสามหันมองดูคลองน้ำทั้งด้านซ้ายและขวาที่มืดมิด เนื่องด้วยกลัวว่าจะมีผู้ติดเชื้อชีวภาพ เจ้าของรถเลื่อนกระจกหน้าต่างรถข้างคนขับรถลง เขาเลื่อนเกียร์รถ เตรียมพร้อมเหยียบคันเร่งรถแล้วก็บอกให้ทั้งสามคนออกแรงดันท้ายรถขึ้นไปด้านบนของตลิ่งได้ พอจำรัสกับชายทั้งสองคนช่วยกันดันท้ายรถยนตร์จนขับขึ้นไปบนฝั่งได้แล้ว เจ้าของรถก็ขับรถจากไปทันที จำรัสกับชายทั้งสองคนตะโกนด่าทอเจ้าของรถ CRV สีดำที่ทิ้งพวกเขาทั้งสามไว้ จำรัสเอาโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป้ากางเกงขึ้นมากดโทรหาภรรยาที่บ้าน แต่โทรศัพท์มือถือถูกน้ำคลองจากการที่เขาดันท้ายรถยนตร์ขึ้นบนตลิ่งเมื่อครู่ จนน้ำเข้าโทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้ ชายกลางคนกับชายหนุ่มก็เช่นเดียวกัน โทรศัพท์มือถือของเขาเปียกน้ำจนมือถือเสียใช้ไม่ได้เช่นกัน ทั้งสามคนมองดูแสงไฟจากเสาไฟถนนและหมู่บ้านในบริเวณนั้นส่องสว่างให้เห็นอยู่ห่างไม่ไกล ประมาณ 2 กิโลเมตร ชายหนุ่มหันหน้าไปทางด้านหลัง มองดูแสงไฟจากหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากคลอง บอกว่า "ถ้าไปที่ถนนเดินผ่านหมู่บ้านทางนั้นก็กลับไปที่ถนนใหญ่ที่รถตกคลอง" ส่วนทางด้านหน้าที่รถ CRV สีดำมุ่งไป มองเห็นแสงไฟที่ถนนตัดขวางที่อยู่ไม่ไกลประมาณ 1 กิโลเมตร มีหมู่บ้านสองแห่งปลูกไม่ไกลจากกันมาก ทั้งสามคนจึงเดินไปที่หมู่บ้านทางข้างหน้า ชายหนุ่มกับชายกลางคนมองดูที่หมวกกันน๊อกของจำรัสที่ติดสติ๊กเกอร์สะท้อนแสงแวววาว จำรัสถอหมวกกันน๊อกออกถือไว้ในมือขวา ชายกลางคนบอกว่า "สติ๊กเกอร์บนหมวกกันน๊อกมันสะท้อนแสงเป็นจุดสังเกต พวกติดเชื้อมันอาจสนใจ ตนทิ้งหมวกกันน๊อกไว้ที่นี้ก่อนดีกว่ามั้ง" จำรัสมองดูสติ๊กเกอร์สะท้อนแสงบนหมวกกันน๊อกแล้วโยนหมวกทิ้งลงพื้น แล้วทั้งสามคนก็เดินตัดผ่านลานป่าไปอย่างระมัดระวังท่ามกลางความมืด จนมาใกล้จะถึงถนนตัดขวางตรงข้ามทางเข้าหมู่บ้านที่อยู่ทางเบื้องหน้า แต่ทั้งสามคนก็พบเห็นผู้ติดเชื้อชีวภาพสองคนเดินกะย่องกะแย่งเหมือนคนเมาสุราเดินห่างกันๆอยู่บริเวณถนนที่มีแสงส่องสว่างจากเสาไฟฟ้าข้างทาง จำรัส ชายหนุ่ม และชายกลางคน ทั้งสามคนไม่กล้าเสี่ยงวิ่งข้ามถนนไปที่หมู่บ้านที่อยู่ตรงข้ามถนน เพราะอาจไปพบกับผู้ติดเชื้อที่อาจอยู่ในหมู่บ้าน ชายกลางคนบอกว่า "มีคนติดเชื้อเดินอยู่ที่ถนนหน้าหมู่บ้านแบบนี้ สงสัยในหมู่บ้านก็มีผู้ติดเชื้อ" จำรัส บอกว่า "เงียบผิดปกติแบบนี้ ชาวบ้านคงปิดบ้านหนีผู้ติดเชื้อกันหมด" ชายหนุ่ม บอกว่า "หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ กัน ผมก็ว่าน่าจะมีคนติดเชื้อ ผมว่าเราเดินไปทางถนนทางโน้นดีกว่าครับ แถวบ้านพอนนี้ ผมมาบ้านเพื่อนบ่อยๆ อยู่ไม่ไกล ถ้าไปถึงบ้านเพื่อนผม ที่เห็นแสงไฟทางโน้น ผมขออาศัยพักที่บ้านเพื่อนผมได้" จำรัสบอกว่า "บ้านพอนอยู่ห่างจากสี่แยกถนนอนุเสาวรีย์ไม่ไกล น่าจะมีพวกติดเชื้อเหมือนกัน" ชายกลางคน บอกว่า "ไปที่แถวบ้านพอนก็ดีกว่าอยู่แถวนี้ ผมว่าเราไปหาคนแถวบ้านพอนให้เขาช่วยก็ดี เดินๆ ไป เผื่อมีรถผ่านมา จะได้โบกรถ เพื่อมีคนใจดีให้อาศัยรถไปด้วย" จำรัสจึงตัดสินใจไปที่บ้านของเพื่อนชายหนุ่มคนนั้น ทั้งสามคนเดินไปตามถนนที่เงียบสงัดมีเพียงแสงไฟอย่างระมัดระวังไปที่หมู่บ้านข้างหน้า พอใกล้ถึงย่านหมู่บ้านที่ผู้คนพักอาศัย เริ่มเห็นบ้านคนที่ข้างถนนหลายหลัง ทั้งสามคนไม่พบผู้ติดเชื้อชีวภาพ ได้ยินเสียงสุนัขเห่าและหอน ร้านค้าต่างๆ ปิดร้านแล้ว ชายหนุ่มเดินนำหน้าจำรัสและชายวัยกลางคนไปที่บ้านเพื่อนของชายหนุ่ม จำรัสและชายวัยกลางคนจึงไม่ต้องรบกวนขอความช่วยเหลือจากบ้านคนที่พักอาศัยในบริเวณบ้านพอน พอจำรัสกับชายกลางคนมองเห็นนถนนโค้งหักศอกที่มีร้านค้าและบ้านสองชั้นอยู่สองฟากถนน ชายหนุ่มก็บอกว่า "พอพ้นโค้งนี้ไปร้อยกว่าเมตรก็ใกล้ถึงบ้านเพื่อนผมแล้ว" พอทั้งสามคนเดินมาถึงทางโค้งหักศอกก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น คนทั้งสามจึงหยุดยืนฟังเสียง ชายกลางคนบอกว่า "สงสัยมีคนใช้ปืนยิงพวกติดเชื้อ" จำรัสกับชายทั้งสองคนเดินช้าๆ ไปเบื้องหน้าพอพ้นโค้งถนนหักศอก ทั้งสามก็มองเห็นรถจอดอยู่บนถนนห่างไปประมาณ 100 เมตร เป็นรถ CRV สีดำที่ทิ้งพวกเขาทั้งสามคนไว้ที่ตลิ่งข้างคลองน้ำเมื่อครู่
To be continue.....Another peple part 4
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ