ซอมบี้ วันที่ 1

-

เขียนโดย Domewriter

วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 01.21 น.

  10 บทที่
  2 วิจารณ์
  6,074 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2566 15.15 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

4) ซอมบี้ วันที่ 1 ตอนที่ 4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            "สุนัขตัวนี้ติดเชื้อชีวภาพแน่ๆ มันเกิดอะไรขึ้นครับ"
            ผมบอกด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ยังไม่หายจากความตกใจ พนักงานส่งอาหารยกนิ้วชี้ปัองที่ปากของหมวกกันน็อกว่าห้ามส่งเสียง ผมเลยนิ่งเงียบมองดูเขาหยิบรีโมทบนโต๊ะเตี้ยของโซฟารับแขกแล้วใช้รีโมทปิดโทรทัศน์แล้วเดินเลี่ยงซากสุนัขครึ่งท่อนที่จมกองเลือดบนพื้นไปแง้มม่านประตู เขามองดูที่ด้านนอกก่อนปิดม่านประตูบ้านจนมิดชิด 
            พนักงานส่งอาหารกลับมาที่ผม เขาถอดหมวกกันน๊อคที่ปิดใบหน้าออกถือด้วยมือซ้าย ผมจึงสังเกตเห็นรอยเลือดที่เปื้อนแขนซ้ายของเสื้อแจ๊กเก๊ต
             พนักงานส่งอาหารพูดเบาๆ กับผมว่า "ถ้าทำเสียงดังจะทำให้ทั้งคนทั้งสัตว์ที่ติดเชื้อชีวภาพได้ยินเสียงแล้วมาที่บ้านนี้"
            ผมจึงถามเขาเสียงเบาๆ ว่า "แล้วแขนซ้ายพี่โดนอะไรมาครับ แขนซ้ายเสื้อแจ๊กเก๊ตพี่มีเลือดเปื้อนด้วย"
            พนักงานส่งอาหารขอใช้ห้องน้ำล้างแผลก่อนที่เขาจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผมฟัง เขาวางหมวกกันน็อกที่โซฟาเดินถือชแลงเหล็กเข้าห้องน้ำที่ใต้บันไดชั้นล่างเพื่อล้างแผล ผมจึงสังเกตเห็นรอยขาดที่ใกล้ต้นคอเสื้อแจ๊กเก๊ตที่เขาสวมใส่อีกแห่ง ผมไม่รู้ว่าพนักงานส่งอาหารเจออะไรมาบ้าง ได้แต่รอให้เขาล้างแผลเสร็จก่อนแล้วค่อยถามเขา   
            ผมยืนรอพนักงานส่งอาหารคนนั้นอยู่ด้านนอกห้องน้ำ ผมมองดูซากศพสุนัขที่ขาดครึ่งท่อนที่มันสมองออกมาจากกระโหลกศรีษะที่แตกของมัน ในใจผมก็รู้สึกกังวลและหวาดกลัวพนักงานส่งอาหารที่ถูกสุนัขที่ติดเชื้อชีวภาพตัวนี้กัดและทำให้เขาติดเชื้อชีวภาพ ดังนั้นอีกไม่นานเขาคงเปลี่ยนเป็นซอมบี้
           ผมหันกลับไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ นึกคิดในใจ ถ้าพนักงานส่งอาหารกลายเป็นซอมบี้ไปแล้วผมจะทำยังไง ผมมองดูมีดหันปักในมือซ้ายก่อนที่จะเอามีดหันผักในมือซ้ายมาถือด้วยมือขวาที่ถนัด แล้วค่อยๆ ก้าวเท้าไปที่ซากศพสุนัข เพื่อหยิบมีดอีโต้ที่หล่นอยู่ใกล้ๆ ผมมองดูซากศพสุนัข แน่ใจว่าเชื้อชีวภาพไม่ทำให้ซากสุนัขครึ่งท่อนที่ถูกฟาดจนสมองไหล มันสามารถฟื้นมากัดใครได้อีก 
            พอผมเข้าไปใกล้ก็เห็นมีดอีโต้บนพื้นอยู่บนกองเลือดของสุนัขตัวนั้น ผมกลัวว่าถ้าถูกเลือดของสุนัขจะทำให้ผมติดเชื้อชีวภาพจากสุนัขได้เลยไม่กล้าแตะต้องมีดอีโต้เล่มนั้น ผมกลับมายืนห่างๆ จากห้องน้ำใต้บันได            

            พนักงานส่งอาหารอยู่ที่กระจกอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ เขามองดูใบหน้าของตัวเองในกระจกเห็นใบหน้าที่ซูบผอมมีโหนกแก้มและหนวดเหนือริมฝีปาก เขาเปิดก๊อกน้ำล้างหน้ามองดูใบหน้าของตัวเองในกระจกอีกครั้งแล้วถอดเสื้อแจ๊กเก็ตออกดูบาดแผลที่สุนัขกัดที่แขนซ้ายและแผลใกล้ต้นคอที่ถูกผู้ติดเชื้อชีวภาพกัด
             พนักงานส่งอาหารนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เข้าไปสำรวจในบ้านหลังหนึ่งแล้วพบสุนัขซอมบี้ที่กำลังกินศพของคนที่เลี้ยงมันในห้องครัวของบ้าน พอสุนัขขนปุยตัวนั้นหันมาเห็นเขา มันก็พุ่งเข้ามาทำร้ายทันที ขณะที่เขาใช้ชแลงเหล็กหวดใส่สุนัขจนมันเซถลาห่างออกไปนั้น ผู้หญิงที่อยู่ในบ้านที่ติดเชื้อชีวภาพจนเป็นซอมบี้ก็เข้ามากัดทางด้านหลังโดยที่เขาไม่ทันระวัง ขณะที่เขาหันกลับหลังไปผลักผู้หญิงคนนั้นออก ในจังหวะที่กำลังชุลมุนกับซอมบี้ผู้หญิง เจ้าสุนัขซอมบี้ตัวนั้นก็กระโจนเข้ากัดที่แขนซ้ายของเขา ในจังหวะนั้น เขาหมุนตัวเหวี่ยงแขนสองแขนจับร่างผู้หญิงออกไปพอดี สุนัขจึงไม่ทันงับแขนซ้ายแต่ก็ถูกเขี้ยวของมันที่งับลงมาที่แขนซ้ายจนเป็นแผลมีเลือดออกไม่มาก เขาผลักซอมบี้ผู้หญิงออกห่างตัวแล้วใช้เท้าเตะสุนัขขนปุยสีขาวตัวนั่นอย่างแรงแล้วรีบวิ่งออกจากบ้านหลังนั้น
            พนักงานส่งอาหารดูรอยฟันบริเวณผิวเนื้อใกล้ต้นคอในกระจก บริเวณใกล้ต้นคอที่ถูกกัดไม่มีแผลที่ถูกฟันกัดเลยเข้าผิวเนื้อชั้นใน ตอนนั้นก็ได้ยินเสียงผมที่อยู่นอกห้องน้ำถามว่า "พี่เป็นอะไรมากไหม ต้องการยาทำแผลไหม" 

            เขาบอกว่า "ได้น้ำยาล้างแผลกับยาทาแผลและผ้าพันแผลมาทำแผลก็ดี" 

            ผมพูดกับพนักงานส่งอาหารที่อยู่ในห้องน้ำทดลองว่าเขากลายเป็นซอมบี้แล้วหรือยัง พอได้ยินเขาตอบกลับมาก็โล่งใจ ผมบอกว่า "ยาอยู่ชั้นบน ผมขึ้นไปเอาลงมาให้พี่นะ"

            เขาบอกว่า "ขอบใจ น้อง" 

            ผมรีบขึ้นบันไดไปเอายาทำแผลที่ห้องชั้นบน แต่ก็ไม่ลืมที่จะไม่ทำให้เกิดเสียงดังขึ้น ผมหยิบน้ำยาล้างแผล ยาทาแผล สำลี และพลาสเตอร์ยา แล้วมายืนอยู่ที่ตรงหน้าขั้นบันได ผมตะโกนลงไปที่ชั้นล่างเพื่อให้พนักงานส่งอาหารส่งเสียงตอบกลับมาก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าเขายังไม่เป็นซอมบี้ 

           "พี่ ผ้าพันแผลไม่มี มีแต่พลาสเตอร์ยาปิดแผล"

            พนักงานส่งอาหารตรวจดูรอยเขี้ยวสุนัขที่แขนที่ถูกกัดจนมีเลือดออกอีกแห่งแล้วไปเปิดฝักบัวอาบน้ำและหยิบสบู่มาล้างแผลแล้วพอเขาได้ยินเสียงของผมก็ปิดก๊อกน้ำฝักบัวและอ่างล้างหน้า เขาหยิบชแลงเหล็กและเสื้อแจ็กเก๊ตเปิดประตูออกจากห้องน้ำ

           "พี่ ผ้าพันแผลไม่มี ใช้พลาสเตอร์ยาแทนได้ไหม" 

           ผมตะโกนลงไปที่ชั้นล่างอีกครั้ง แต่ไม่ได้ยินเสียงพนักงานส่งอาหารตอบกลับมา พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงเขาเดินขึ้นบันไดเบาๆ ช้าๆ ผมตื่นตระหนกจนขวัญหนีดีฝ่อคิดว่าพนักงานส่งอาหารคงกลายร่างเป็นซอมบี้แล้ว ผมรีบกลับเข้าห้องนอนและปิดล็อคประตูห้อง

             เขาขึ้นบันไดมาถึงบนชั้นบนแล้วก็เดินหาห้องที่ผมอยู่ ชั้นบนของบ้านมีห้องนอนสามห้อง ห้องว่างที่เป็นห้องที่มีตู้เก็บยาที่ผมไปเอายาเมื่อครู่ ห้องนอนของพ่อแม่ผม และห้องนอนของผม 

            ผมอยู่ในห้องนอนยืนถือมีดในมือด้วยความหวาดกลัว แก๊กๆๆ ได้ยินเสียงเขาหมุนลูกบิดประตูห้องนอนของพ่อแม่ผมที่อยู่ตรงข้ามห้องนอนของผม แต่ประตูห้องล็อคเอาไว้ไม่สามารถเปืดเข้าไปได้  จากนั้นเขาก็ลองหมุนเปิดประตูห้องของผมดัง แก๊ก แกืก ๆ 

            "โก้ โก้  พี่มาเอายาทำแผล โก้อยู่ห้องไหนนะ"

           พนักงานส่งอาหารร้องเรียกชื่อผมเบาๆ แต่ก็สามารถได้ยินเสียงของเขาได้ และพอผมได้ยินเสียงของเขาก็มั่นใจว่าเขายังไม่กลายเป็นซอมบี้  ผมเปิดประตูห้องนอนแล้วก็เห็นเขายืนถือชแลงเหล็กอยู่ตรงหน้าประตู กำลังหันมองไปที่ประตูห้องน้ำชั้นบนและห้องถัดไปที่เป็นห้องว่าง

          เขาหันมามองผมแล้วบอกว่า "น้องโก้อย่าตะโกนเสียงดังสิ พี่บอกแล้วนี่ว่าพวกติดเชื้อมันจะได้ยินแล้วมาที่บ้าน พี่ก็เลยต้องขึ้นมาที่ชั้นบนเตือนน้องโก้" 

           ผมกลัวพนักงานส่งอาหารรู้ว่าผมกลัวเขากลายเป็นซอมบี้จนไม่กล้าเอายาลงไปให้ที่ชั้นล่าง ผมหาเรื่องแก้ตัวบอกเขาไปว่า

           "ผมกำลังจะเอายาลงไปให้พอดี แต่อยากรู้ว่าคนที่กลายเป็นซอมบี้ที่บ้านตรงข้ามตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว ผมเลยเข้ามาในห้องนอนลองมองดูซอมบี้ที่เห็นที่บ้านที่อยู่ตรงข้ามบ้านผมก่อน พี่มาดูผู้ชายที่กลายเป็นซอมบี้ที่บ้านตรงข้ามด้วยกันสิ"

            ผมบอกแล้วก็เดินไปเปิดม่านหน้าต่างให้เขาดูชายที่เป็นซอมบี้ผ่านหน้าต่างไปที่หน้าต่างห้องชั้นบนบ้านฝั่งตรงข้ามที่หลังบ้านติดกัน เรามองผ่านหน้าต่างในห้องไปที่หน้าต่างที่แตกที่มีเหล็กดัดกั้นของบ้านฝั่งตรงข้าม  ม่านหน้าต่างทำให้ไม่สามารถเห็นชายที่เป็นซอมบี้ที่ถูกมัดสองแขนด้วยเชือกไว้กับลำตัวอยู่ภายในห้อง นอกจากชายที่เป็นซอมบี้จะโผล่มาที่หน้าต่าง 

             พนักงานส่งอาหารมองดูที่หน้าต่างบ้านฝั่งตรงข้าม แม้ไม่มีชายที่เป็นซอมบี้ปรากฏตัวให้เห็น แต่กระจกหน้าต่างที่แตกก็ยืนยันได้ว่าเป็นฝีมือของซอมบี้ที่อยู่ภายในห้อง
            "เมื่อกี้ ผมยังเห็นอยู่ที่หน้าต่างอยู่เลย" ผมบอก
             พนักงานส่งอาหารมองดูที่หน้าต่างนั้นไม่พูดอะไร แล้วเขาก็ขอยาทำแผลจากผม ผมยื่นขวดน้ำยาล้างแผล ขวดยาทาแผล ซองใส่สำลี และพลาสเตอร์ยา ให้เขา
              เขาบอกว่า "น้ำยาล้างแผลมีอีกไหม"
              ผมบอกว่า "มีครับ ยาอยู่ในห้องอีกห้อง"
             เราไปที่ห้องว่างที่มีตู้เก็บยาประจำบ้าน  พนักงานส่งอาหารนั่งลงที่เก้าอี้เอาน้ำยาล้างแผลที่บริเวณต้นคอและแขนซ้าย ผมนั่งที่เก้าอี้อีกตัวและถามเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะวิ่งมาถึงที่บ้านผม

            พนักงานส่งอาหารใช้ยาทาแผลแล้วเอาพลาสเตอร์ยาปิดแผล พลางบอกว่า เขามีชื่อเล่นว่า ซัน พอมาส่งอาหารตามสั่งถึงหมู่บ้านที่ผมอยู่ บ้านหลังหนึ่งตรงซอยตรงข้ามบ้านผม เจ้าของบ้านไม่ออกมาเอาอาหารตามสั่งที่มาส่ง เขาเห็นประตูเหล็กรั้วกำแพงบ้านก็เปิดอยู่ก็เลยเลื่อนบานประตูเหล็กที่รั้วกำแพงหน้าบ้านเปิดเข้าไปในบ้าน แกเห็นชแลงเหล็กวางไว้กับเครื่องมืออื่นๆ แกก็หยิบชแลงเหล็กที่วางอยู่ที่หน้าบ้านมาถือไว้เพื่อความปลอดภัยก่อนเรียกคนในบ้านให้ออกมารับอาหารที่มาส่ง
            พี่ซันบอกว่า  "ตามหมู่บ้านต่างๆ ที่พี่ไปส่งอาหาร พี่ก็รู้นะว่ามีคนติดเชื้อปะปนอยู่ ถ้าเรียกคนในบ้านแล้วไม่ตอบ ในบ้านเงียบๆ ก็ไม่ควรเข้าไป ควรจะวางอาหารตามสั่งไว้หน้าบ้าน แต่พี่ก็ดันสงสัยอยากรู้ เข้าไปดูในบ้าน พอเปิดประตูบ้านก็เจอทั้งเจ้าของบ้านที่เป็นผู้หญิงและไอ้สุนัขที่ติดเชื้อชีวภาพของผู้ก่อการร้ายที่ทำให้คลั่งกินเนื้อคนเหมือนกับที่น้องโก้เรียกตามอย่างหนังที่ดูว่าซอมบี้นั้นละ"
             พี่ซันเล่าต่อว่า แกรีบวิ่งออกจากบ้านหลังนั้นแล้วกะว่าจะขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่จอดติดเครื่องไว้หน้าบ้านขี่หนีไป แต่ก็ไม่ทันเพราะสุนัขที่ติดเชื้อชีวภาพกินเนื้อมนุษย์ มันไล่กัดอยู่ด้านหลังใกล้ๆ แกไม่สามารถที่จะขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์ได้ทันแน่นอน แกจึงกระโดดข้ามรั้วกำแพงบ้านใกล้ๆ เข้าไปในกำแพงรั้วบ้านข้างๆที่ติดกัน แต่สุนัขซอมบี้ตัวนั้นก็กระโดดข้ามรั้วกำแพงบ้านตามมาอีก มันส่งเสียงเห่าดังเตรียมจะเข้ามากัด
           ในตอนนั้น พี่ซันคิดจะใช้ชแลงเหล็กในมือฟาดสุนัขซอมบี้ตัวนั้นให้ตาย แต่ก็ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างในบ้าน  พี่ซันคาดว่าสุนัขซอมบี้ส่งเสียงเห่าเสียงดังจนทำให้ผู้ติดเชื้อในบ้านได้ยิน แกเลยรีบกระโดดข้ามรั้วกำแพงบ้านออกไป โดยที่สุนัขซอมบี้ตัวนั้นก็กระโดดข้ามกำแพงบ้านไล่กัดตามกัดแก จนวิ่งมาถึงที่บ้านของผมที่อยู่ซอย 7 

            ขณะที่พี่ซันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผมฟังนั้นในเสียงสัญญาณไซเรนเตือนภัยที่ดังมาจากสี่แยกอนุเสาวรีย์มาถึงหมู่บ้านก็มีเสียงปืนดังจากที่ห่างออกไปและเสียงเฮลิคอปเตอร์บินผ่านไปมาตลอด แม้เสียงปืนจะดังทิ้งระยะให้ได้ยินเป็นช่วงๆ แต่เสียงของเฮลิคอปเตอร์บินไปมาไม่หยุด บ้างครั้งก็ได้ยินเสียงระเบิด ดูเหมือนว่าหน่วยความมั่นคงแห่งชาติเริ่มเคลื่อนไหวจัดการกับเหตุการณ์เชื้อชีวภาพที่ระบาดในจังหวัด
             พี่ซันบอกว่า  "อาหารที่น้องโก้และคนอื่นสั่งอยู่ที่กระเป้าท้ายรถมอเตอร์ไซค์ แต่พี่ต้องทิ้งอาหารทั้งหมดไว้พร้อมกับรถมอเตอร์ไซค์เลยไม่ได้เอาอาหารมาส่งให้น้องโก้"
            ผมบอกว่า  "พี่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ แบบนี้พี่ซันจะกลับร้านยังไงครับ" 

            พี่ซันหันหน้าไปทางทิศที่เสียงปืนดังให้ได้ยิน บอกว่า "เดี๋ยวคงมีคนส่งอาหารคนอิ่นๆ ที่ร้านมาตาม แต่ก็ไม่แน่ ดูท่าทางสถานการณ์เชื้อชีวภาพที่ระบาดจะแย่ลง ไม่แน่ใจว่าหน่วยความมั่นคงจะยกเลิกอนุญาตให้ส่งอาหารสั่งทีบ้านไหม พี่คงต้องกลับไปที่มอเตอร์ไซค์ ตอนนี้พี่ต้องขอรบกวนน้องโก้ก่อนสักพัก ดูว่าสถานะการณ์ข้างนอกเป็นยังไงแล้วค่อยกลับไปที่มอเตอร์ไซค์  " 

            "แผลพี่เป็นไงบ้าง ดีขึ้นไหม"

            ผมถามเรื่องแผลที่ใกล้ต้นคอที่โดนซอมบี้ผู้หญิงกัดและแขนซ้ายโดนสุนัขซอมบี้กัด พี่ซันเอียงคอให้ผมดูรอยกัดที่บริเวณใกล้ต้นคอ บอกว่า

           " พี่ตรวจดูรอยฟันแล้วไม่เข้าเนื้อใน ไม่ติดเชื้อแน่  แต่ที่แขนซ้ายที่โดนเขี้ยวสุนัขกัดแบบถากๆ จนเป็นแผลเลือดออก  พี่ไม่แน่ใจว่าจะติดเชื้อชีวภาพซอมบี้หรือไม่นะ" พูดจบแกก็หัวเราะแบบแห้งแล้ง
             ผมบอกอาการของคนที่ติดเชื้อชีวภาพก่อนที่จะกลายเป็นซอมบี้ที่ดูจากโทรทัศน์ให้พี่ซันฟังว่า

              "คนที่ติดเชื้อชีวภาพ CME (Crazy Man Eater) จากอาวุธของผู้การร้ายที่ผมเห็นพิธีกรข่าวและแพทย์สาธารณะสุขใน TV อธิบาย เขาบอกคนที่ติดเชื้อชีวภาพจะมีอาการป่วยเหมือนเป็นไข้หวัดจากนั้นร่างกายจะมีไข้ขึ้นสูงตัวร้อนมากแล้วค่อยกลายร่างซอมบี้คลั้งทำร้ายกินเนื้อคน ซึ่งเวลาที่ป่วยจนกลายเป็นซอมบี้ยังสรุปแน่นอนไม่ได้ ตอนนี้พี่ซันรู้สึกป่วยเหมือนเป็นไข้หวัดหรือเปล่าครับ"
           พี่ซันบอกว่า "ยังรู้สึกแข็งแรงสบายดี บางทีถูกเขี้ยวสุนัขมีเลือดออกแค่นี้ ภูมิต้านทานในร่างกายมนุษย์อาจจะต้านทานเชื้อชีวภาพซอมบี้ได้"
           ผมนึกหวังในใจว่ามันจะเป็นแบบที่พี่ซันว่าถ้าถูกซอมบี้กัดหรือทำร้ายรับเชื้อชีวภาพเข้าร่างกายไม่มาก ภูมิคุ้มกันของมนุษย์จะสามารถต้านทานได้ ทำให้ไม่มีอาการกลายร่างเป็นซอมบี้ แต่ถ้าไม่ ก็หมายความว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่แกจะกลายเป็นซอมบี้แล้วไล่กินเนื้อผม และการที่ผมต้องอยู่ใกล้พี่ซันที่เป็นผู้ติดเชื้อชีวภาพซอมบี้ มันก็เสี่ยงที่ผมจะติดเชื้อชีวภาพ CME จากเขา

             พี่ซันถามว่า "แพทย์สาธารณะสุขใน TV ที่โก้ดู พวกนั้นบอกวิธีรักษาเชื้อชีวภาพกับวิธีระป้องกันตัวและจัดการกับพวกซอมบี้บ้างหรือเปล่า"

To be continue ซอมบี้ วันที่ 1 ตอนที่ 5

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับเรื่องสั้นเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา