ซอมบี้ วันที่ 1
เขียนโดย Domewriter
วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 01.21 น.
แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2566 15.15 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
10) ซอมบี้ วันที่ 1 ตอนที่ 10 Another People part 4
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความAnother people Part 4
หลังจากที่ชายใส่ชุดสูทขับรถมาถึงโค้งหักศอกพ้นไปแล้วไปก็พบว่าบนถนนเบื้องหน้ามีรถกระบะไมตี้เอ๊กสีน้ำเงินสภาพเก่าจอดเอียงขวางทางถนนอยู่ ช่ายใส่ชุดสูทเก็บปืนในมือไว้ข้างเอวด้านหลังโดยมีเสื้อสูทบังไว้ แล้วลงจากรถลงไปดูรถกระบะสีน้ำเงินสภาพเก่านั้น เพื่อหาทางเคลื่อนออกจากถนน
สักพักใหญ่ ชายฉกรรจ์ผิวดำสองคนก็เดินมาทางถนนทางเบื้องหน้า คนทั้งสองมาถึงรถกระบะที่จอดขวางถนน ชายผิวดำไว้หนวดเคราก็บอกว่า รถกระบะปิกอักคันนี้เป็นรถของเขา เขาหักรถปิกอัพหลบคนจนรถเสียหลักขวางถนน และรถก็เสีย ขยับรถไม่ได้ ส่วนคนที่วิ่งตัดหน้ารถก็วิ่งหนีเข้าตรอกถนนหายไป เขากับเพื่อนเลยเดินหาร้านช่างซ่อมรถใกล้ๆ แถวนี้ แต่สามทุ่มกว่าแล้ว ร้านค้าปิดกันหมด ใช้ internet โทรศัพท์มือถือไปที่ร้านช่างซ่อมรถที่เปิด 24 ช.ม ก็สายไม่ว่าง เลยหาร้านซ่อมรถไม่ได้ เขากับเพื่อนเลยเดินกลับมาที่รถกระบะ
ชายผิวดำอีกคน บอกว่า ให้ชายใส่ชุทสูทช่วยพวกเขาสองคนผลักรถปิกอัพที่เอียงขวางถนน แล้วเขาจะให้เพื่อนเขาบังคับพวงมาลัยรถและให้ชายใส่สูทกับเขาช่วยกันเคลื่อนรถกระบะไปข้างถนน รถของชายใส่สูทจะได้ขับผ่านไปได้
ชายใส่ชุดสูทจึงช่วยชายฉกรรจ์ทั้งสองเคลื่อนรถกระบะไปข้างถนน พอเคลื่อนรถกระบะออกไปไว้ข้างถนนได้ ชายไว้หนวดเคราก็ลงมาจากรถแล้วขออาศัยรถไปลงที่เชิงทะเล
ชายใส่ชุดสูทปฏิเสธไม่ให้ทั้งสองคนอาศัยไปกับรถ และบอกเรื่องที่เกิดขึ้นที่สี่แยกอนุเสาวรีย์ ตอนนี้เชื้อชีวภาพ CME ที่แพร่มาถึงที่จังหวัดแล้ว
ชายฉกรรจ์ทั้งสองคนรู้สึกตกใจและพยายามเกลี้ยกล่อมขอให้ชายใส่ชุดสูทอนุญาตให้เขาทั้งสองคนอาศัยรถไปลงที่เชิงทะเลด้วย ชายใส่ชุดสูทยังคงยืนกรานปฏิเสธ
ชายฉกรรจ์ผิวดำทั้งสองคนจึงลงมือทำร้ายชายใส่ชุดสูทเพื่อแย่งชิงรถของเขา ชายใส่ชุดสูทสู้ชายฉกรรจ์ผิวดำทั้งสองคนไม่ได้ เขาจึงเอาปืนพกท่าเหน็บเอวด้านหลังออกมาจะยิงใส่คนทั้งสอง แต่ชายผิวดำไว้หนวดเคราปราดเข้ามาแย่งปืนอย่างรวดเร็วจนปืนเกิดลั่น จำรัสกับพวกทั้งสามคนก็มาถึงพอดี
ชายหนุ่ม บอกว่า "จะถึงบ้านเพื่อนอยู่แล้ว ดันมีคนตีกันขวางทางได้"
จำรัส บอกว่า "นั่นมันเจ้าของรถที่ทิ้งพวกเราไว้ที่คลองน้ำนี่น่า"
ชายกลางคน บอกว่า "แย่งปืนกันแบบนั้น เดี๋ยวปืนลั่นขึ้นมาอีก เราจะโดนลูกหลงได้ หลบก่อนดีกว่า ปล่อยให้ตีกันเสร็จก่อน"
ผู้ติดเชื้อชีวภาพโผล่เข้ามาทางด้านหลังของจำรัส โดยที่จำรัสและชายทั้งสองคนไม่รู้ตัว เนื่องจากกำลังมองดูชายใส่ชุดสูทกับชายผิวดำไว้หนวดที่กำลังแย่งปืนกัน ส่วนชายฉกรรจ์ผิวดำอีกคนรอดูจังหวะเข้าไปช่วยชายผิวดำไว้หนวดเคราที่เป็นเพื่อน
จำรัสร้องเสียงดังเมื่อถูกผู้ติดเชื้อชีวภาพกัดเข้าที่ไหล่ทางด้านหลัง ชายหนุ่มกับชายวัยกลางคนพอหันหน้าไปเห็นจำรัสถูกผู้ติดเชื้อชีวภาพที่กัดหัวไหล่ทางด้านหลัง ทั้งสองคนก็ถอยรีบปราดออกห่างจำรัสแล้ววิ่งหนีไปในทันที
จำรัสใช้สองมือจับศรีษะผู้ติดเชื้อที่กัดหัวไหล่เขาผลักออกไป พร้อมถอยออกห่างจากผู้ติดเชื้อ ผู้ติดเชื้อชีวภาพยังเดินตรงเข้ามาหาเขา
จำรัสจึงวิ่งหนีไปทางชายใส่ชุดสูทกับชายผิวดำไว้หนวดเคราที่กำลังแย่งปืนกันโดยไม่สนใจจำรัสที่โดนผู้ติดเชื้อกัดและวิ่งตรงมาทางตนเอง
ชายผิวดำอีกคนเห็นจำรัสวิ่งตรงมาหาพร้อมผู้ติดเชื้อชีวภาพที่วิ่งตามหลัง ชายผิวดำคนนั้นร้องว่า "หยุดแย่งปืนก่อน ผู้ติดเชื้อชีวภาพมาทางนี้แล้ว"
เสียงปืนที่ดังทำให้ผู้ติดเชื้อชีวภาพที่อยู่ในบริเวณนั่นได้ยินและมาที่ถนน ตอนนี้ทั้งสองฝั่งของถนนจึงมีผู้ติดเชื้อชีวภาพสองคนเดินมาที่ถนนทางเบื้องหน้า
ปัง เสียงปืนดัง ชายใส่ชุดสูทถูกปืนลั่นใส่ล้มลงนอนกับพื้นถนน ชายผิวดำอีกคนถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อจำรัสก็วิ่งมาถึงและผ่านทางถนนเบื้องหน้า
ชายผิวดำไว้หนวดเคราที่กำลังก้มลงหยิบปืนในมือชายใส่เสื้อสูทและค้นหากุญแจรถในกระเป้าเสื้อสูท ผู้ติดเชื้อชีวภาพที่วิ่งตามหลังจำรัสก็เปลี่ยนเป้าหมายพุ่งเข้าไปตะครุบร่างชายผิวดำไว้หนวดเคราพร้อมอ้าปากกัดเนื้อบนร่าง
ชายผิวดำไว้หนวดเคราร้องเสียงดังด้วยความเจ็บ เขาใช้ปืนสั้นในมือยิงศรีษะผู้ติดเชื้อชีวภาพที่เข้ามากัดทางด้านหลัง ปัง ปัง กระสุนปืนสองนัดเจาะศรีษะผู้ติดเชื้อชีวภาพล้มลงนอนตายบนร่าง ชายผิวดำไว้หนวดเคราผลักรศพผู้ติดเชื้อชีวภาพที่ตายออกไปนอนบนถนนด้านข้าง ก่อนลุกยืนขึ้น ชายผิวดำอรกคนที่เป็นเพื่อนเข้ามาถามว่า แผลที่โดนกัดเป็นยังไง
จำรัสวิ่งไปที่ถนนเบื้องหน้า แต่ก็พบผู้ติดเชื้อชีวภาพสองคนกำลังเดินกะย่องกะแย่งสวนทางมา พอผู้ติดเชื้อชีวภาพทั้สองคนเห็นจำรัสที่วิ่งสวนมาก็วิ่งเข้าหาจำรัส
จำรัสเห็นท่าทางของผู้ติดเชื้อชีวภาพสองคนที่ที่เดินอยู่กลางถนนเบื้องหน้า เขาก็หยุดวิ่ง และหันหลังกลับแล้ววิ่งย้อนกลับไปที่ชายฉกรรจ์ผิวดำสองคน
จำรัสมองแต่ไกลเห็นชายฉกรรจ์ผิวดำสองคนบนถนนข้างรถ CRV สีดำ ชายใส่สูทกับผู้ติดเชื้อชีวภาพทถูกปืนยิงนอนนิ่งอยู่บนถนน แล้วชายผิวดำไว้หนวดเคราก็ยกปืนสั้นในมือขึ้นเล็งมาทางจำรัสที่วิ่งย้อนกลับมาโดยมีผู้ติดเชื้อชีวภาพสองคนวิ่งไล่ตามมาด้านหลัง
จำรัสรีบร้องตะโกนบอกว่า "อย่ายิง ๆ ๆ" พลางวิ่งหลบออกไปหาที่กำบังที่ถังขยะเบื้องหน้าที่อยู่ข้างถนน ชายผิวดำไว้หนวดเคราจึงใช้ปืนสั้นยิงใส่ผู้ติดเชื้อชีวภาพ กระสุนปืนสั้นโดนร่างผู้ติดเชื้อชีวภาพแต่ไม่ถูกจุดสำคัญ ผู้ติดเชื้อชีวภาพทั้งสองคนวิ่งเข้าใกล้ชายฉกรรจ์ผิวดำทั้งสองคนเรื่อยๆ ชายผิวดำไว้หนวดเคราเริ่มก้าวถอยหลัง พลางยิงปืนไปด้วย ชายผิวดำอีกคนก็ถอยหลังตาม แล้วชายฉกรรจ์ผิวดำทั้งสองคนก็หันหลังวิ่งหนีผู้ติดเชื้อชีวภาพที่วิ่งเข้ามาใกล้ถึงตัวไปไปทางถนนหักศอกเบื้องหน้า
บรรยากาสเงียบไปสักพัก พอจำรัสเห็นว่าสถานะการณ์ปลอดภัย เขาก็ออกจากที่ซ่อนข้างถังขยะเดินมาที่รถ CRV สีดำ จำรัสเดินเข้าไปใกล้ๆ ศพคนใส่ชุดสูทกับผู้ติดเชื้อชีวภาพที่ถูกชายผิวดำไว้หนวดเครายิงตายเมื่อครู่ เขาหันมองดูทางซ้ายและขวาแล้วก้มตัวลงไปค้นเสื้อของชายใส่ชุดสูท พอเขาเจอกุญแจรถแล้วก็ขับรถออกจากถนนเขตบ้านพอนกลับไปที่ถนนใหญ่
ขณะที่จำรัสขับรถหลบหลีกรถที่ขับขี่กันอย่างสับสนอลหม่านบนถนน เสียงไซเรนจากสี่แยกถนนอนุเสาวรีย์ก็ดังขึ้น จำรัสที่ขับรถอยู่รู้สึกตัวร้อนเหมือนมีไข้ แต่ก็สามารถขับรถหลบหลีกรถบนถนนตัดข้ามฟากถนนย้อนกลับเข้าหมู่บ้านชวนชื่น
จำรัสขับรถเข้ามาในหมู่บ้านก็พบผู้ติดเชื้อชีวภาพกับคนในหมู่บ้านกลุ่มหนึ่งอยู่บนถนน เขารู้สึกมีอาการไข้ขึ้นมากขึ้น เขากดแตรรถไล่คนที่อยู่บนถนนในหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านรีบขึ้นไปที่ฟุตบาทริมถนน ส่วนผู้ติดเชื้อชีวภาพหันมามองดูรถแล้ววิ่งเข้าหารถ จำรัสจึงขับรถชนผู้ติดเชื้อชีวภาพบนถนนแล้วขับรถเลี้ยวเข้าซอยที่อยู่เบื้องหน้ากลับมาที่บ้าน
จำรัสนั่งอยู่ที่โซฟารับแขกในบ้าน เขานึกถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อครู่ ลูกสาวและลูกชายที่เป็นเด็กทั้งคู่ถามเขาไม่หยุดด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นเลือดที่เปื้อนไหล่และแขนเสื้อยาวของเสื้อเชิ๊ต
"อ้อม อู๊ด นี อย่ามาใกล้พ่อ อยู่ห่างๆ เดี๋ยวติดไข้หวัดจากพ่อ"
จำรัสบอกให้ภรรยาและลูกทั้งสองคนอย่าถูกตัวของเขา ยานีบอกอ้อมกับอู๊ดให้เงียบ แล้วถามจำรัสว่า "พี่นัทเกิดเรื่องอะไรขึ้น"
จำรัสบอกว่า "เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง ขอน้ำในตู้เย็นหน่อย เอามาขวดหนึ่งเลย ขอยาแก้ไข้พี่ด้วย เอาน้ำมาให้พี่ก่อน "
ยานีเดินไปหยิบขวดน้ำที่ตู้เย็นในห้องครัวมาให้จำรัส แล้วชวนลูทั้งสองคนขึ้นบันไดไปหยิบยาแก้ไข้ที่ห้องนอนชั้นบน เพื่อจะได้ไม่รบกวนจำรัส
จำรัสดื่มน้ำเย็นจนหมดขวด เขาดูข่าวในโทรทัศน์เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อ CME แพร่กระจายอย่างรวดเร็วจนเกือบทั่วประเทศในตอนนี้ โดย
เขาหยิบรีโมทกดเปิดดูสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆ มีแต่ข่าวผู้ติดเชื้อ CME ในประเทศ และประเทศใกล้เคียง จำรัสหยุดกดรีโมท เมื่อพบข่าวเกี่ยวกับอาการของผู้ติดเชื้อที่มีแพทย์สาธารณสุขกำลังอธิบายอาการของเชื้อ CME
อาการของเขาไม่ต่างจากอาการของผู้ติดเชื้อชีวภาพที่เห็นในข่าวโทรทัศน์ เหมือนเป็นไข้และมีไข้ขึ้นสูงตัวร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ จนเชื้อไวรัสกินสมองจนหมด ไม่สามารถระบุได้ว่าใช่เวลานานเท่าไร เพราะภูมิตุ้มกันในร่างกายแจ่ละคนไม่เหใอนกีย เมื่อเชื่อไวรัสจะกินวสมองจนหมดจนคลุ่มคลั่งอยากกินเนื้อมนุษย์และเนื้อสัตว์ทุกชนิด สภาพร่างกายเหมือนคนปกติ แต่ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดหลงเหลืออยู่ มีอาการคล้ายคนเมายา ม่านตาดำหดตัวเล็กลง พูดไม่ได้ มีเพียงเสียงครางโหยหวนแปลกๆ ที่ฟังเหมือนคนอดอยากหิวโหยอาหาร จำรัสรู้สึกท้อแท้และกังวลเมื่อรู้ว่าตัวเองติดเชื้อชีวภาพอย่างที่คิดไว้
ยานีกับลูกสาวและลูกชายลงบันไดเอายาแก้ไข้มาให้จำรัส เธอก็เห็นสามีนั่งดูโทรทัศน์เหมือนคนกำลังเหม่อลอย ยานีเดินมาที่โต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา จำรัสรู้สึกตัว หันมามองดูเธอ
ยานีหันมองดูข่าวในโทรทัศน์ เกี่ยวกับอาการของผู้ที่ถูกผู้ติดเชื้อชีวภาพกัดและคลุ้มคลั่งกินเนื้อมนุษย์ ที่แพทย์สาธารณะสุขบอกว่ายังไม่มียารักษาในขณะนี้ แต่เชื้อว่าไม่นานจะมียารักษาเชื้อ CME นี้อย่างแน่นอน ยานีนึกภาวนาในใจขออย่าสามีของเธอถูกผู้ติดเชื้อชีวภาพกัด
จำรัสบอกว่า "พี่ดื่มน้ำหมดขวดแล้ว ขอน้ำให้พี่กินกับยาสักแก้ว"
ยานีละสายตาจากโทรทัศน์หันมาบอกจำรัสว่า "นีเอาน้ำเปล่าธรรมดาให้นะ น้ำเย็นจะทำให้ไข้สูงขึ้น"
ยานีชวนลูกทั้งสองคนไปเอาน้ำในครัวมาให้จำรัส จำรัสกินยาแก้ไข้และดื่มน้ำแล้ว เขาบอกให้ภรรยาขอเขาพาลูกๆ ไปนอน
"อ้อม อู๊ด ดึกแล้วไปนอนได้แล้วจะ อย่ารบกวนพ่อ ให้พ่อพักผ่อน"
ยานีบอกกับลูกทั้งสองคนแล้วพาทั้งสองขึ้นไปนอนที่ห้องนอนชั้นบน ซึ่งเด็กทั้งสองคนนอนห้องเดียวกัน
ยานีกลับลงมาหาสามี เธอนั่งลงที่โซฟา แล้วถามสามีว่าเกิดอะไรขึ้น จำรัสเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สี่แยกถนนอนุเสาวรีย์ให้ภรรยาฟัง
"พี่ติดเชื้อชีวภาพ ตอนนี้ยังไม่มียารักษาด้วย แล้วพี่รู้สึกตัวร้อนมากเลย พี่นัทกลัวจะเป็นเหมือนพวกผู้ติดเชื้อในโทรทัศน์ แล้วทำร้ายนีกับลูกๆ"
"แพทย์สาธารณะสุขบอกว่าไม่นานก็สามารถคิดยารักษาเชื้อโรคได้ ถึงพี่นัทจะถูกเชื้อ...จนคลุ้มคลั่งกินเนื้อมนุษย์ แต่ต่อไปมันก็มียารักษาได้แน่"
จำรัสนิ่งเงียบนั่งคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง บอกว่า "เอางี้ พี่นัทจะขังตัวเองไว้ในห้อง จนกว่าจะมียารักษา"
ยารักษาผู้ติดเชื้อ CME แม้มันจะเป็นความหวังที่เลือนลาง แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีความหวังอะไรเลย
ยานีบอกจำรัสว่าจะใช้โทรศัพท์มือถือหาแพทย์ที่โรงพยาบาล เพราะที่ทำการสาธารณะสุขปิดทำการตั้งแต่ 4 โมงเย็น ถามเรื่องการนักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อ CME แต่สายไม่ว่าง
จำรัสบอกว่า "คนคงจะโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลกันเยอะ ตอนนี้คงกำลังจะวุ่น"
ยานีเลยโทรหาพ่อแม่ของเธอที่อยู่ในตัวเมือง พ่อแม่ของยานีบอกว่า เสียงไซเรนรถดังไปหมด เพราะพบผู้ติดเชื้อสร้างความวุ่นวายไปทั่วเมืองเช่นกัน ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อชีวภาพ
จำรัสเอามือถือของเขาที่น้ำเข้าจนเครื่องเสียออกมาจากกระเป้ากางเกง เขากดปุ่มเปิดข้างตัวเครื่อง ภาพน้าจอขึ้น แต่พอใช้นิ้วชี้กดที่หน้าจอ ระบบที่หน้าจอมือถือก็เพี้ยนไปหมด
นีโทรศัพท์มือถือคุยกับพ่อแม่ของเธอเสร็จแล้วก็บอกจำรัสว่า สถานะการณ์ในเมืองตอนนี้ก็วุ่นวายเหมือนกัน จำรัสบอกภรรยาว่า มือถือของเขาเปียกน้ำเสีย และขอยืมมือถือของภรรยาโทรหาพ่อแม่ของเขาที่ต่างจังหวัด
ยานียื่นมือถือให้จำรัส พลางบอกว่า "พ่อแม่ของนีบอกว่าจะโทรไปที่โรงพยาบาล เพื่อมีทางช่วยพี่นัท"
พ่อแม่ของจำรัสบอกเขาว่า นั่งดูโทรทัศนอยู่ที่บ้าน กำลังนั่งดูข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อชีวภาพ โทรทัศน์มีข่าวผู้ติดเชื้อในจังหวัดหลายสิบคนไล่กินเนื้อคน แต่ยังไม่เห็นมีผู้ติดเชื้อชีวภาพแถวบ้านสักคน เพราะบ้านอยู่นอกเมือง จำรัสโล่งใจที่พ่อแม่เขาปลอดภัย
พ่อแม่ของจำรัสบอกว่า รู้สึกเป็นห่วง เพราะเห็นข่าวโทรทัศน์ที่จังหวัดที่เขาอยู่มีผู้ติดเชื้อไล่กินเนื้อคน
จำรัสไม่บอกเรื่องที่ตัวเองถูกผู้ติดเชื้อกัด บอกว่าเขากับเมียและลูกทั้งสองคนปลอดภัยดี และบอกว่าจะโทรติดต่ออีก เพราะไม่อยากให้พ่อแม่ของเขาเป็นห่วง เพียงบอกว่าที่จังหวัดที่เขาอยู่มีผู้ติดหลายสิบคนตามที่เห็นในข่าวโทรทัศน์ และบอกว่าจะโทรติดต่ออีก
จำรัสยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้ภรรยา ยานีรับมือถือไปโทรหาพ่อแม่ของเธออีกครั้ง และถามเรื่องท่ให้พ่อแม่ของเธอช่วยโทรติดต่อโรงพยาบาล เพราะจำรัสสามีของเธอถูกผู้ติดเชื้อชีวภาพกัดที่ไหล่ พ่อแม่ของเธอ บอกว่า สายไม่ว่างเลย ถ้าติดต่อหมอทีโรงพยาบาลได้ความเมื่อไรจะโทรมาบอกเธอ
ยานีวางมือถือลงบนโต๊ะเตี้ย เธอและสามีรู้ว่าในถานะการณ์เช่นนี้มีแต่ต้องช่วยเหลือตัวเองก่อน จำรัสลุกขึ้นบอกว่าจะไปเอาหยิบเชือกจากห้องเก็บของใต้บันได แล้วชวนยานีไปที่ห้องนอนที่ว่างชั้นบน
จำรัสนั่งบนเตียงนอนและให้ภรรยาเอาเชือกมัดสองแขนกับลำตัวไว้ เพื่อเวลาที่เชื้อไวรัสกินสมองของเขาแล้ว เขาจะได้คลุ้มคลั่งจะได้ทำร้ายใครไม่ได้
"นี เอาตู้เสื้อผ้ามากั้นไว้ที่หน้าประตูห้องด้วยนะ ตอนที่พี่อาการหนักจนคลุ้มคลั่งแยากกินเนื้อมนุษย์แล้ว พี่จะได้พังประตูออกไปไม่ได้"
"คะ พี่นัท"
"นี ตอนที่พี่ป่วย ดูแลลูกให้ดีละ สาธารณะสุขคิดยารักษาได้เมื่อไร พี่ก็หายกลับมาเป็นปกติ ไม่ต้องกังวล "
"พี่นัท เอาอะไรอีกไหมค่ะ"
"น้ำขวดก็พอแล้วละ อาหารและอื่นคงไม่ต้องกังวล พอสาธารณะสุขตั้งค่ายกักกันผู้ติดเชื้อแล้ว เขาคงจัดการพาพี่ไปค่ายกักกันผู้ติดเชื้อทำการรักษาเอง"
"อีกสักชั่วโมงสองชั่วโมง แล้วนีค่อยเอาตู้ผ้ามากั้นประตู เพื่อพี่นัทยังต้องการอะไรอีก"
"ถ้าพี่นัทต้องการอะไรจะบอกนีล่ะกัน"
นีบอกว่า "พรุ่งนี้ นีจะติดต่อแพทย์ที่โรงพยาบาลกับสาธารณะสุขให้พี่นัท นะ" พูดจบก็เดินไปเปิดประตูจะออกจากห้องนอน
จำรัสบอกว่า "พี่รักนี อ้อมและอู๊ดนะ " เหมือนเป็นคำกล่าวลา
นียิ้มให้สามีพลางกล่าวว่า "นีก็รักพี่นัทคะ"
นียิ้มให้สามีแล้วกดล็อคปิดบานประตูอกจากห้องนอน นีกลับไปดูลูกที่ห้องนอนแล้วไปที่ห้องนอนของเธอกับจำรัส สามีของเธอที่ติดเชื้อชีวภาพต้องขังตัวเองไว้ในอีกห้อง ยานีใช้โทรศัพท์มือถือคุยกับพ่อแม่ของเธอสักพัก แล้วปิดไฟในห้องเข้านอน
นีคลุมผ้าห่มนอนอยู่บนเตียงนอน แต่ไม่สามารถนอนหลับได้ คิดถึงวันพรุ่งนี้ที่เธอจะรีบติดต่อกับโรงพยาบาลหรือสาธารณะสุข เพื่อหาทางรักษาอาการป่วยจากเชื้อ CME ให้สามีของเธอ
To be Continue.....ซอมบี้ วันที่ 1 Another people part 5
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ