ยกกระชับบริเวณใบหน้าแบบไม่ผ่าตัด พร้อมราคาที่ต้องจ่าย
-
เขียนโดย GUEST1620966016
วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.21 น.
1 บท
0 วิจารณ์
2,537 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 13.35 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) ยกกระชับบริเวณใบหน้าแบบไม่ผ่าตัด พร้อมราคาที่ต้องจ่าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความถ้าต้องการยกกระชับบริเวณใบหน้าแบบไม่ต้องเจ็บตัวในการผ่าตัด ก็มีวิธีดี ๆ มาบอกกัน รวมถึงยังนำเสนอค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียเพื่อการวางแผนด้านการเงินอย่างเหมาะสม
แนะนำวิธียกกระชับใบหน้าแบบไม่ผ่าตัด และราคาที่ต้องจ่ายเพื่อการวางแผนอย่างเหมาะสม
ในการยกกระชับใบหน้าเพื่อทำให้ความหย่อนคล้อยที่มีลดเลือนลง ริ้วรอยหาย เพิ่มความกระจ่างใส ใบหน้าเข้ารูปสวยงาม แน่นอนว่าเรามักจะนึกถึงวิธีผ่าตัดทำศัลยกรรมเป็นอันดับแรก ทั้งที่จริงแล้วปัจจุบันก็มีวิธีอื่น ๆ แบบไม่ผ่าตัดให้เลือกด้วย แต่จะมีวิธีไหน แล้วราคาที่ต้องจ่ายเท่าไหร่ เพื่อการวางแผนทางการเงินอย่างลงตัว เลือกได้เหมาะสมตอบโจทย์ความต้องการ วันนี้เรามีข้อมูลมาให้ศึกษา
ใบหน้าที่หย่อนคล้อยของคนเรามีสาเหตุจากอะไร?
ก่อนที่จะพาไปศึกษาข้อมูลวิธียกกระชับ รวมถึงราคาที่ต้องจ่าย ขออธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้หน้าของเราหย่อนคล้อย สร้างความเข้าใจมากขึ้นสักเล็กน้อย ได้แก่
ปัจจัยภายนอก : แสงแดด ลดน้ำหนักลงเร็ว ขาดการดูแลผิว การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ มลภาวะที่เป็นพิษ
ปัจจัยภายใน : อายุที่เพิ่มมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความเครียด พักผ่อนน้อย ซึ่งการยกกระชับหน้าไม่ผ่าตัดด้วยวิธีต่าง ๆ ช่วยทำให้หน้ากลับมาดูดีได้อีกครั้ง
วิธียกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดมีอะไรบ้าง?
วิธีฉีดโบท็อกซ์ทำหน้ากระชับ
การฉีดโบท็อกซ์ จะช่วยยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาททำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ไม่หดตัวเกิดริ้วรอย หรือสร้างความหย่อนคล้อย ใบหน้าเรียวเล็ก เข้ารูป กรอบหน้าชัด ดูกระชับอ่อนกว่าวัย เห็นผลได้ทันที และใน 7 วันเห็นผลชัดเจน สามารถฉีดที่ใบหน้าและลำคอได้ ราคาไม่แพง อยู่ในนาน 4 – 6 เดือน แต่ไม่สามารถสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวชุ่มชื้นได้ คงไม่ต้องถามแล้วว่ายกกระชับหน้าวิธีไหนดีที่สุด
วิธีร้อยไหมละลาย PDO
เป็นการเย็บเส้นเลือดใต้ผิวหนังทำให้ลดภาวะเหี่ยว หย่อนคล้อยใต้ขั้นผิวหนัง เป็นการกระตุ้นให้เส้นคอลลาเจนหดรัด ผิวหนังสร้างคอลลาเจน เห็นผลชัดเจนภายใน 1 เดือน อยู่ได้นาน 6 – 8 เดือน สลายไปเองไม่ทิ้งสารตกค้างในผิวหนัง แต่อาจมีผลข้างเคียงอย่างบวมช้ำขึ้นได้
วิธี Ultherapy system (อัลเทอร่า)
เป็นการส่งพลังงานอัลตร้าซาวด์ที่เป็นคลื่นความถี่ สูงเฉพาะเจาะจง โดยเจาะลึกสู่ชั้นใต้ผิวหนังที่เป็นพังผืดลึกกว่าชั้นคอลลาเจน คือ กล้ามเนื้อ SMAS โดยสามารถเห็นผลได้ชัดเจนใน 1 ครั้ง แต่ถ้าจะผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน และจะอยู่กับเราได้ประมาณ 12 – 24 เดือนเลยทีเดียว แต่ราคาค่อนข้างสูง และเหมาะกับคนที่เห็นความหย่อนคล้อยชัดเจนจริง ๆ
วิธี Hifu
เป็นอีกวิธีการอัลตร้าซาวด์ด้วยคลื่นเสียงด้วย Hifu Macrofocus โดยจะยิงเข้าไปที่ชั้นผิว กระตุ้นการเกิดคอลลาเจน ทำให้ผิวชั้นนั้น ๆ มีการหดตัวเปรียบกับเราไปเย็บทำให้ใบหน้าดูกระชับและเรียวขึ้น ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย มีความชุ่มชื้นรูขุมขนกระชับดี ผิวเนียนนุ่ม มีความปลอดภัยสูง ไม่ทำอันตรายต่อผิวชั้นนอก
ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการทำหน้ากระชับด้วยวิธีต่าง ๆ
หลายคนมีความเข้าใจแล้วว่าวิธีไหนที่ดีเหมาะสมกับตัวเองชนิดที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน ก็อยากจะรู้เรื่องของราคาเพื่อไปวางแผนทางการเงินต่อไป โดยราคาแต่ละวิธีการยกกระชับใบหน้าจะแตกต่างกัน ได้แก่ วิธีการฉีดโบท็อกซ์ วิธีการร้อยไหมละลาย PDO ราคาจะอยู่ที่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นต้น ๆ หรือวิธี Ultherapy system ราคาจะสูงอยู่ที่หลักหมื่นบาทไปจนถึงหลักแสนต้น ๆ ส่วนวิธี Hifu ราคาจะอยู่ที่หลักหมื่นบาท เป็นต้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ ความสามารถ ยี่ห้อ รุ่นของผลิตภัณฑ์ด้วย
สิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อเราต้องการยกกระชับใบหน้าไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม คือการเลือกสถานพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ แพทย์ที่ทำการรักษามีประสบการณ์สูงอย่างน้อย 5 ปี มีความชำนาญ มีใบประกอบวิชาชีพ ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัย เป็นของแท้ เพื่อให้ด้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ ใบหน้าจากหย่อนคล้อยก็กลับมาเรียวเด้ง เข้ารูปชัดเจน
แนะนำวิธียกกระชับใบหน้าแบบไม่ผ่าตัด และราคาที่ต้องจ่ายเพื่อการวางแผนอย่างเหมาะสม
ในการยกกระชับใบหน้าเพื่อทำให้ความหย่อนคล้อยที่มีลดเลือนลง ริ้วรอยหาย เพิ่มความกระจ่างใส ใบหน้าเข้ารูปสวยงาม แน่นอนว่าเรามักจะนึกถึงวิธีผ่าตัดทำศัลยกรรมเป็นอันดับแรก ทั้งที่จริงแล้วปัจจุบันก็มีวิธีอื่น ๆ แบบไม่ผ่าตัดให้เลือกด้วย แต่จะมีวิธีไหน แล้วราคาที่ต้องจ่ายเท่าไหร่ เพื่อการวางแผนทางการเงินอย่างลงตัว เลือกได้เหมาะสมตอบโจทย์ความต้องการ วันนี้เรามีข้อมูลมาให้ศึกษา
ใบหน้าที่หย่อนคล้อยของคนเรามีสาเหตุจากอะไร?
ก่อนที่จะพาไปศึกษาข้อมูลวิธียกกระชับ รวมถึงราคาที่ต้องจ่าย ขออธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้หน้าของเราหย่อนคล้อย สร้างความเข้าใจมากขึ้นสักเล็กน้อย ได้แก่
ปัจจัยภายนอก : แสงแดด ลดน้ำหนักลงเร็ว ขาดการดูแลผิว การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ มลภาวะที่เป็นพิษ
ปัจจัยภายใน : อายุที่เพิ่มมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความเครียด พักผ่อนน้อย ซึ่งการยกกระชับหน้าไม่ผ่าตัดด้วยวิธีต่าง ๆ ช่วยทำให้หน้ากลับมาดูดีได้อีกครั้ง
วิธียกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดมีอะไรบ้าง?
วิธีฉีดโบท็อกซ์ทำหน้ากระชับ
การฉีดโบท็อกซ์ จะช่วยยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาททำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ไม่หดตัวเกิดริ้วรอย หรือสร้างความหย่อนคล้อย ใบหน้าเรียวเล็ก เข้ารูป กรอบหน้าชัด ดูกระชับอ่อนกว่าวัย เห็นผลได้ทันที และใน 7 วันเห็นผลชัดเจน สามารถฉีดที่ใบหน้าและลำคอได้ ราคาไม่แพง อยู่ในนาน 4 – 6 เดือน แต่ไม่สามารถสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวชุ่มชื้นได้ คงไม่ต้องถามแล้วว่ายกกระชับหน้าวิธีไหนดีที่สุด
วิธีร้อยไหมละลาย PDO
เป็นการเย็บเส้นเลือดใต้ผิวหนังทำให้ลดภาวะเหี่ยว หย่อนคล้อยใต้ขั้นผิวหนัง เป็นการกระตุ้นให้เส้นคอลลาเจนหดรัด ผิวหนังสร้างคอลลาเจน เห็นผลชัดเจนภายใน 1 เดือน อยู่ได้นาน 6 – 8 เดือน สลายไปเองไม่ทิ้งสารตกค้างในผิวหนัง แต่อาจมีผลข้างเคียงอย่างบวมช้ำขึ้นได้
วิธี Ultherapy system (อัลเทอร่า)
เป็นการส่งพลังงานอัลตร้าซาวด์ที่เป็นคลื่นความถี่ สูงเฉพาะเจาะจง โดยเจาะลึกสู่ชั้นใต้ผิวหนังที่เป็นพังผืดลึกกว่าชั้นคอลลาเจน คือ กล้ามเนื้อ SMAS โดยสามารถเห็นผลได้ชัดเจนใน 1 ครั้ง แต่ถ้าจะผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน และจะอยู่กับเราได้ประมาณ 12 – 24 เดือนเลยทีเดียว แต่ราคาค่อนข้างสูง และเหมาะกับคนที่เห็นความหย่อนคล้อยชัดเจนจริง ๆ
วิธี Hifu
เป็นอีกวิธีการอัลตร้าซาวด์ด้วยคลื่นเสียงด้วย Hifu Macrofocus โดยจะยิงเข้าไปที่ชั้นผิว กระตุ้นการเกิดคอลลาเจน ทำให้ผิวชั้นนั้น ๆ มีการหดตัวเปรียบกับเราไปเย็บทำให้ใบหน้าดูกระชับและเรียวขึ้น ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย มีความชุ่มชื้นรูขุมขนกระชับดี ผิวเนียนนุ่ม มีความปลอดภัยสูง ไม่ทำอันตรายต่อผิวชั้นนอก
ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการทำหน้ากระชับด้วยวิธีต่าง ๆ
หลายคนมีความเข้าใจแล้วว่าวิธีไหนที่ดีเหมาะสมกับตัวเองชนิดที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน ก็อยากจะรู้เรื่องของราคาเพื่อไปวางแผนทางการเงินต่อไป โดยราคาแต่ละวิธีการยกกระชับใบหน้าจะแตกต่างกัน ได้แก่ วิธีการฉีดโบท็อกซ์ วิธีการร้อยไหมละลาย PDO ราคาจะอยู่ที่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นต้น ๆ หรือวิธี Ultherapy system ราคาจะสูงอยู่ที่หลักหมื่นบาทไปจนถึงหลักแสนต้น ๆ ส่วนวิธี Hifu ราคาจะอยู่ที่หลักหมื่นบาท เป็นต้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ ความสามารถ ยี่ห้อ รุ่นของผลิตภัณฑ์ด้วย
สิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อเราต้องการยกกระชับใบหน้าไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม คือการเลือกสถานพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ แพทย์ที่ทำการรักษามีประสบการณ์สูงอย่างน้อย 5 ปี มีความชำนาญ มีใบประกอบวิชาชีพ ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัย เป็นของแท้ เพื่อให้ด้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ ใบหน้าจากหย่อนคล้อยก็กลับมาเรียวเด้ง เข้ารูปชัดเจน
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ