พิษโควิด วัคซีนปฐพี
-
เขียนโดย ปั้นปึ่งยิ้ม
วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 16.44 น.
1 ตอน
0 วิจารณ์
2,342 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 มกราคม พ.ศ. 2564 11.36 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) -
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ช่วงนี้รีสอร์ทแม่ต้องปิดชั่วคราว ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (Covid 19) ฉันเองก็ต้องเรียนออนไลน์ เลยถือโอกาสกลับมาพักผ่อนที่บ้าน วงการธุรกิจซบเซา ทำให้พ่อแม่ของฉันต้องหาอาชีพใหม่ทำ ซึ่งมันก็หนีไม่พ้นการค้าขายอยู่ดี เพราะพวกท่านชอบนับเงินที่สุด เวลาทานข้าวมื้อเย็นพวกท่านจึงสนทนา ถกเถียง และโต้วาทีกันว่า...ควรขายอะไรชดเชยรายได้ที่สูญเสียไปช่วงโรคห่าตำปอดระบาด แล้วฉันก็ต้องทนนั่งรับชมศิลปะการพูด ซึ่งสำหรับฉันแล้วมันคือ...สงครามน้ำลาย ทุกวันจะถ่ายทอดสดพร้อมอาหารมื้อเย็น วันก่อนถกเรื่องใครฆ่าชมพู่ เมื่อวานเถียงกันเรื่องเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่เพิ่งนับคะแนนเสร็จ และเย็นนี้โต้วาทีกันเรื่องอาชีพสุดฮิตช่วงโควิดระบาด ทำอะไรถึงไปต่อได้ ฉันจำต้องฟังอย่างเลี่ยงไม่ได้ วันไหนมีเรื่องที่ไม่อยากฟัง เช่น เรื่องจำนวนผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม ฟังแล้วรู้สึกหดหู่นะ ฉันคิดว่าฉันทนฟังไม่ได้ก็จะรีบกิน รีบเคี้ยว รีบย่อย แล้วก็จะออกไปเดินเล่น แต่วันนี้โต้เรื่องปากท้องคงต้องอยู่ฟังท่านเสียหน่อย เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก
"เพราะพิษโควิด กิจการทุกอย่างเลยต้องถูกสั่งปิด เราจะทำอะไร ในขณะที่ต้องปิดบ้านมิดชิด หาเงินอย่างไรในขณะเศรษฐกิจไทยดูไม่เป็นมิตร อยู่อย่างไรให้รอดพ้นวิกฤต เรามาถกมาเถียง ตกผลึกความคิดกันเถอะพวกเธอ" แม่กล่าวเชิญชวน
"พ่อคิดว่าขายอาหารแห้งก็ไม่เลว...ทำน้ำพริก รึหมูฝอยขายก็น่าจะดี... ฤดูนี้เป็นฤดูที่ต้องกักตุน แต่แม่สิคุณเห็นต่างกับพ่อสิ้นเชิง" พ่อเริ่ม ท่านมีความสามารถพิเศษเรื่องการทำอาหารมาก
"ต้นทุนทำขายมันต้องใช้ ค่าหมูเอย...ค่าผักพริกเอย...มันไม่คุ้ม กำไรหดต้นทุนหาย แม่ไม่เสี่ยง แม่มีทางเลือกที่ดีกว่านั้น..."
"ทางอะไรหรือจ๊ะแม่จ๋า หากแม่มีแม่ก็ว่ามาเลย..."
"ยุคนี้เป็นสังคมหน้ากาก...ตอนนี้หน้ากากเป็นสิ่งจำเป็น พ่อเองก็เป็นหมอตำรวจ อุปสงค์อุปทานตรงกัน ทำไมเราไม่แข่งขันกันจำหน่ายหน้ากากอนามัย ไม่ก็แอลกอฮอล์ล้างมือ"
"จริงด้วย พ่อนึกไม่ถึงเลย" พ่อลืมตัวว่ากำลังแข่งโต้วาทีกับแม่อยู่
"เดี๋ยว ๆ ๆ คุณพ่อ ยอมแพ้แล้วหรอเรื่องโต้วาที" พ่อกับแม่หัวเราะกับบทพูดเป็นกลอนของฉัน
"ก็ตกผลึกความคิดแล้วนี่ ได้ไอเดียจำหน่ายสินค้าแล้วนี่ จะเถียงกันต่อทำไม ไอเดียแม่นี่แหละดี ไอเดียแม่เนี่ยแหละโอ ไม่ต้องเถียงแย่งโล่แล้ว..."
ครั้นได้สินค้าที่จะขายช่วงบ้านเมืองป่วยแล้ว ข้าวในจานฉันก็หมดพอดี ฉันลุกจากโต๊ะอาหารพลางหยิบจานของตัวเองมาที่ซิงค์ล้างจานหลังบ้านเพื่อที่จะเตรียมล้าง ยืนชมธรรมชาติใต้แสงจันทร์รอพ่อแม่ฉันกินข้าวเสร็จอยู่ที่อ่างล้างจาน ด้วยบ้านของฉันอยู่บนที่ราบภูเขา บ้านจึงถูกยกเสาสูงมีใต้ถุนบ้าน สายตาฉันสบเข้ากับอะไรบางอย่างที่ไกลออกไปอีกหน่อย ขณะกำลังชื่นชมแสงดาวพลางบ่นกับสายลมขอให้มีดาวตกจะได้ขอพรฟรีพลาง ฉันเพ่งมองแล้วร้องเรียกพ่อกับแม่ด้วยความประหลาดใจ "พ่อ! แม่! มาดูอะไรนี่เร็ว"
ฉันเดินกลับไปที่โต๊ะอาหาร ลากบุพการีทั้งสองมาที่ซิงค์ล้างจาน ชี้นิ้วไปยังหาดทรายซึ่งที่นั่นเป็นทางไปรีสอร์ทของแม่ ฝูงเต่ากำลังผุดขึ้นมาจากพื้นทราย บางตัวกำลังนั่งก้มกกไข่ฝังตัวเองอยู่บนทราย
"เต่ามะเฟืองนี่นา" พ่อว่า
"มันคงขึ้นมาวางไข่ ที่ผ่านมาแม่ไม่เคยได้เห็นมันเลย"
"มันคงตื่นลูกค้าของแม่น่ะ" ฉันสำทับ
"แต่ช่วงนี้ปิดรีสอร์ท ไม่มีคนพลุกพล่านมันเลยขึ้นมาวางไข่"
"ดีล่ะ แม่จะปิดรีสอร์ทยาวเลย รอให้เต่าวางไข่เสร็จและเติบโตพอลงน้ำได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน" ถึงตอนนั้นฉันว่าโควิดคงเบาบางลงแล้วล่ะ
"ดีเลยจ้ะแม่ เยี่ยมเลยเจ้าค่ะท่านแม่ เราจะแสดงให้เขาเห็นว่าเราคือเพื่อนแท้ ไม่ได้ต้องการรังแก รังควานบุกรุกใคร อยากให้เขาวางไข่ได้อย่างสบายใจ เขานั้นก็ไม่ต่างจากเรา เขาเป็นเพื่อนร่วมดาวดวงเดียวกันกับเรา พื้นปฐพีนี้เป็นของเราทุกคน โอ้วเย่...!"
"ถึงโควิดจะเป็นพิษภัยสำหรับมนุษย์เรา แต่ถ้าได้ใช้เชาว์เราก็จะเข้าใจ ต้องขอบคุณอันตรายที่ทำให้ชีพจรดินกลับมาเต้นอีกครั้ง และต้องขอซอรี่ แล้วก็ต้องบอกขอโทษ ขอขมาที่ทำให้โกรธ ขอโทษที่เราเห็นแก่ตัวเกินไป เอชา...ชา ชะ ชา ชา นอยแม่..." แม่ร้องตอบฉัน ฉันยิ้มกับฉ่อยของแม่ พ่อโอบฉันกับแม่แล้วพูดติดตลกว่า
"กลับเข้าบ้านกันเถอะ อากาศเริ่มเย็นแล้ว เดี๋ยวพ่อล้างจานไถ่โทษเต่าเอง"
"จ้าาาาาาา"
"เพราะพิษโควิด กิจการทุกอย่างเลยต้องถูกสั่งปิด เราจะทำอะไร ในขณะที่ต้องปิดบ้านมิดชิด หาเงินอย่างไรในขณะเศรษฐกิจไทยดูไม่เป็นมิตร อยู่อย่างไรให้รอดพ้นวิกฤต เรามาถกมาเถียง ตกผลึกความคิดกันเถอะพวกเธอ" แม่กล่าวเชิญชวน
"พ่อคิดว่าขายอาหารแห้งก็ไม่เลว...ทำน้ำพริก รึหมูฝอยขายก็น่าจะดี... ฤดูนี้เป็นฤดูที่ต้องกักตุน แต่แม่สิคุณเห็นต่างกับพ่อสิ้นเชิง" พ่อเริ่ม ท่านมีความสามารถพิเศษเรื่องการทำอาหารมาก
"ต้นทุนทำขายมันต้องใช้ ค่าหมูเอย...ค่าผักพริกเอย...มันไม่คุ้ม กำไรหดต้นทุนหาย แม่ไม่เสี่ยง แม่มีทางเลือกที่ดีกว่านั้น..."
"ทางอะไรหรือจ๊ะแม่จ๋า หากแม่มีแม่ก็ว่ามาเลย..."
"ยุคนี้เป็นสังคมหน้ากาก...ตอนนี้หน้ากากเป็นสิ่งจำเป็น พ่อเองก็เป็นหมอตำรวจ อุปสงค์อุปทานตรงกัน ทำไมเราไม่แข่งขันกันจำหน่ายหน้ากากอนามัย ไม่ก็แอลกอฮอล์ล้างมือ"
"จริงด้วย พ่อนึกไม่ถึงเลย" พ่อลืมตัวว่ากำลังแข่งโต้วาทีกับแม่อยู่
"เดี๋ยว ๆ ๆ คุณพ่อ ยอมแพ้แล้วหรอเรื่องโต้วาที" พ่อกับแม่หัวเราะกับบทพูดเป็นกลอนของฉัน
"ก็ตกผลึกความคิดแล้วนี่ ได้ไอเดียจำหน่ายสินค้าแล้วนี่ จะเถียงกันต่อทำไม ไอเดียแม่นี่แหละดี ไอเดียแม่เนี่ยแหละโอ ไม่ต้องเถียงแย่งโล่แล้ว..."
ครั้นได้สินค้าที่จะขายช่วงบ้านเมืองป่วยแล้ว ข้าวในจานฉันก็หมดพอดี ฉันลุกจากโต๊ะอาหารพลางหยิบจานของตัวเองมาที่ซิงค์ล้างจานหลังบ้านเพื่อที่จะเตรียมล้าง ยืนชมธรรมชาติใต้แสงจันทร์รอพ่อแม่ฉันกินข้าวเสร็จอยู่ที่อ่างล้างจาน ด้วยบ้านของฉันอยู่บนที่ราบภูเขา บ้านจึงถูกยกเสาสูงมีใต้ถุนบ้าน สายตาฉันสบเข้ากับอะไรบางอย่างที่ไกลออกไปอีกหน่อย ขณะกำลังชื่นชมแสงดาวพลางบ่นกับสายลมขอให้มีดาวตกจะได้ขอพรฟรีพลาง ฉันเพ่งมองแล้วร้องเรียกพ่อกับแม่ด้วยความประหลาดใจ "พ่อ! แม่! มาดูอะไรนี่เร็ว"
ฉันเดินกลับไปที่โต๊ะอาหาร ลากบุพการีทั้งสองมาที่ซิงค์ล้างจาน ชี้นิ้วไปยังหาดทรายซึ่งที่นั่นเป็นทางไปรีสอร์ทของแม่ ฝูงเต่ากำลังผุดขึ้นมาจากพื้นทราย บางตัวกำลังนั่งก้มกกไข่ฝังตัวเองอยู่บนทราย
"เต่ามะเฟืองนี่นา" พ่อว่า
"มันคงขึ้นมาวางไข่ ที่ผ่านมาแม่ไม่เคยได้เห็นมันเลย"
"มันคงตื่นลูกค้าของแม่น่ะ" ฉันสำทับ
"แต่ช่วงนี้ปิดรีสอร์ท ไม่มีคนพลุกพล่านมันเลยขึ้นมาวางไข่"
"ดีล่ะ แม่จะปิดรีสอร์ทยาวเลย รอให้เต่าวางไข่เสร็จและเติบโตพอลงน้ำได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน" ถึงตอนนั้นฉันว่าโควิดคงเบาบางลงแล้วล่ะ
"ดีเลยจ้ะแม่ เยี่ยมเลยเจ้าค่ะท่านแม่ เราจะแสดงให้เขาเห็นว่าเราคือเพื่อนแท้ ไม่ได้ต้องการรังแก รังควานบุกรุกใคร อยากให้เขาวางไข่ได้อย่างสบายใจ เขานั้นก็ไม่ต่างจากเรา เขาเป็นเพื่อนร่วมดาวดวงเดียวกันกับเรา พื้นปฐพีนี้เป็นของเราทุกคน โอ้วเย่...!"
"ถึงโควิดจะเป็นพิษภัยสำหรับมนุษย์เรา แต่ถ้าได้ใช้เชาว์เราก็จะเข้าใจ ต้องขอบคุณอันตรายที่ทำให้ชีพจรดินกลับมาเต้นอีกครั้ง และต้องขอซอรี่ แล้วก็ต้องบอกขอโทษ ขอขมาที่ทำให้โกรธ ขอโทษที่เราเห็นแก่ตัวเกินไป เอชา...ชา ชะ ชา ชา นอยแม่..." แม่ร้องตอบฉัน ฉันยิ้มกับฉ่อยของแม่ พ่อโอบฉันกับแม่แล้วพูดติดตลกว่า
"กลับเข้าบ้านกันเถอะ อากาศเริ่มเย็นแล้ว เดี๋ยวพ่อล้างจานไถ่โทษเต่าเอง"
"จ้าาาาาาา"
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ