เด็กชายคนเดิม

-

เขียนโดย ปั้นปึ่งยิ้ม

วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เวลา 10.24 น.

  1 ตอน
  0 วิจารณ์
  2,103 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 มกราคม พ.ศ. 2564 17.12 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) -

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
               พนิดา เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยจากโครงการจ้างเด็กพิเศษทำงาน หน้าที่ของเธอคือจำหน่ายสินค้า เช่น ชุดนักศึกษาและเครื่องแบบสัญลักษณ์ตรามหาวิทยาลัย และลงการขายในระบบคอมพิวเตอร์ เวลาของเธอเริ่มเดินตั้งแต่แปดโมงครึ่งไปจนถึงสี่โมงครึ่ง ตามเวลาราชการ บางทีก็อยู่เลยเวลา ทำงานบ้าง ดูหนังบ้าง ตามแต่โอกาส ระยะนี้กำลังมีโรคโควิดระบาด อาจต้องมีวินัยในการดูแลตัวเองเสียหน่อย เธอจึงกลับหอพักตรงเวลา ไม่ใคร่อยู่นานเช่นวันวาน แต่ก่อนที่เธอจะกลับก็มักแวะซื้อเสบียงอาหารและของใช้จำเป็นที่เซเว่น ร้านค้าขาประจำซึ่งอยู่ถัดจากร้านจำหน่ายสินค้าตรามหาวิทยาลัยเล็กน้อย วันนี้วันพระ เธอตั้งใจงดกินเนื้อทุกวันพระ เธอจึงเสียเวลาจับจ่ายซื้อสินค้านานกว่าปกติ ครั้นได้สินค้าที่ต้องการ เธอจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์ ยืนเว้นระยะห่างจากลูกค้าคนแรกตามเส้นสก๊อตเทปสีแดงที่พนักงานเซเว่นแปะไว้ที่พื้น ชั่วครู่ก็มีเด็กชายอายุประมาณป.4-5 ลูกเต้าเหล่าใครไม่รู้วิ่งเข้ามายืนแทรกช่องไฟที่หญิงสาวเว้นไว้
              พนิดาเป็นคนใจเย็นและรักความถูกต้อง ครั้นได้ประสบกับการแซงคิว อุณหภูมิความรักความถูกต้องเลยเดือดปุด ๆ ความใจเย็นก็เอาไม่อยู่ ในสมองเต็มไปด้วยคำด่าเหี้ยห่าสารพัดสัตว์ กัดฟันกรอด ๆ แต่เธอเคยมีประสบการณ์การพูดด้วยอารมณ์มาก่อน พนิดายังจำฝังใจไม่หาย เธอไม่อยากเอาหน้าที่การงานไปแขวนบนเส้นด้ายอีกแล้ว ไม่รู้ด้วยว่าน้องชายมาคนเดียวหรือมากับใคร เธอยืนรอคิวอย่างเก็บกดความโกรธไว้ในใจ สายตาจ้องมองเด็กชายเงียบ ๆ หากสายตาเธอเป็นมีดเป็นปืน ไอ้เด็กเปรตนี่คงเป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้หน้าเซเว่นไปแล้ว!!!
               "เซเว่นยินดีต้อนรับค่ะ ตรวจวัดอุณหภูมิด้วยนะคะ" เสียงกระแต พี่สาวพนักงานเซเว่นเรียกสติเธอ
               เธอเดินมาที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน วางของลงบนโต๊ะ หันมองหลังเด็กชายแวบหนึ่ง เห็นรถเก๋งสีบรอนซ์จอดอยู่ข้างต้นไม้หน้าร้าน เธอพยายามมองเข้าไปในกระจก ก็เห็นคนคุ้นหน้านั่งอยู่ฝั่งคนขับ ที่แท้เด็กชาย คือ หาญกล้า ลูกชายของพี่ที่ทำงานอยู่ที่โรงเรียนสาธิตสังกัดมหาวิทยาลัยนั่นเอง โชคดีที่เธอไม่ปล่อยระเบิดกลางร้าน ไม่เช่นนั้นความเคารพความน่าเชื่อถือคงลดลง เพียงเพราะเด็กเปรตนี่แน่นอน เธอยื่นเงินให้พนักงานประจำเคาน์เตอร์แล้วถามแก้ความแคลงใจที่เธอมองไปข้างนอกนานสองนาน
               "พอขายได้มั้ยคะเนี่ย คนเงียบขนาดนี้" เธอยิ้ม "ร้านพี่ยังขายได้ไม่ถึงห้าร้อยเลย"
               "พอไหวค่ะ ถ้าไม่มีเด็กหอคงโดนต้นสังกัดสั่งปิดร้านแน่"
               "สู้ต่อไปนะ"
               หญิงสาวยิ้มพลางถือถุงผ้าเดินออกมาจากร้านค้าขาประจำ ยืนกดโทรศัพท์มือถือยิก ๆ ทั้งที่มือถูกถุงผ้าอยู่
               "ฮัลโหล... มารับเขาหน่อย หน้าเซเว่น"
 
 
 
               สองสามวันผ่านไป พนิดาเพิ่งกลับจากใส่บาตรพระที่ตลาดถนนคนเดิน วันนี้มีการจัดงานทำบุญเนื่องในวันปิยมหาราชและเป็นวันหยุดราชการ สายบุญไม่ควรพลาด เธอจึงหอบข้าวสารอาหารแห้งไปรอเติมแต้มบุญตั้งแต่ไก่เพิ่งตื่นนอน หลังกรวดน้ำเสร็จเธอแวะไปซื้อของที่เซเว่นอีกครั้ง นึกได้ว่าต้องซื้อเสบียงสำหรับวันหยุดสุดหรรษาของเธอด้วย เพราะเสบียงอาหารที่ห้องพักใกล้หมดแล้ว เธอบังเอิญเจอหาญกล้าอีกครั้ง เขาจำเธอไม่ได้ แต่เธอจำเขาได้ดีจากพฤติกรรมที่เขาปฏิบัติต่อเธอครั้งนั้น เขาคงชอบบริโภคขนมเซเว่นพอดู เข้าเซเว่นทีไรก็เจอเขาทุกครั้ง เธอเลือกสินค้าจนพอใจแล้วเดินไปยังเคาน์เตอร์ชำระเงิน ครานี้ เด็กชายหาญกล้าก็เดินเข้ามาแทรกแถวเธออีกแล้ว แต่เธอไม่ยอมอีกแล้ว! เธอยืนรอให้เคาน์เตอร์ที่สองว่าง และเดินแยกจากแถวเคาน์เตอร์ที่หนึ่งออกมายืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ที่สองซึ่งพนักงานเพิ่งคิดเงินลูกค้าเสร็จ
               แล้วระเบิดเวลาที่พนิดาร่วมกับลูกค้าข้างหลังวางอย่างไม่ได้นัดกันมาก่อนก็เริ่มระเบิดออกมา!
               "หยุดก่อนน้องชาย"
               หาญกล้าถูกมือของลูกค้าที่ยืนหลังพนิดากันไม่ให้สามารถเดินแทรกเข้ามาในแถวได้ ทำให้ถูกดันจนเซล้มหงายหลังไป ลูกค้าที่ต้องรับเคราะห์ความหงุดหงิดแทนพนิดาตกใจรีบก้มประคองเด็กชายให้ยืนขึ้น หาญกล้าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ชายหนุ่มจึงย่อตัวให้เท่าคนตรงหน้าแล้วปัดฝุ่นที่ตัวเด็กอย่างเบามือที่สุด พลางบอก...
               "พี่ไม่ได้เว้นให้เราเข้ามายืนแทรกนะ ตอนนี้โรคโควิดกำลังระบาด เขาให้พี่ ๆ ยืนเว้นช่องว่างเพื่อป้องกันโรคนะครับ"
               ขณะที่เขากำลังเทศน์สั่งสอนเด็กชายเป็นชุด แม่ของเด็กก็เดินมา เห็นลูกชายล้มก็ตระหนก "กล้า! เป็นอะไรไปลูก"
               ชายคนนั้นอธิบายเหตุการณ์ทุกอย่างอย่างละเอียด แต่กลับถูกพี่สาวต่อว่าหาว่าแล้งน้ำใจที่ไม่ยอมให้ลูกชายของตนยืนแซงคิวดี ๆ หาญกล้ายังไม่ถึงวัยที่ต้องรู้จักระเบียบวินัย ทั้งที่ลึก ๆ ในใจไม่เชื่อว่าหาญกล้าจะทำพฤติกรรมไร้วัฒนธรรมแบบนี้ ลูกของเธอเป็นอย่างไรเธอรู้ดี ชายหนุ่มทนฟังไม่ไหวก็สวนกลับว่าเด็กชายไร้มารยาท ไม่รู้จักกาลเทศะ ต้องได้รับการฝึกวินัยตั้งแต่ตอนนี้ ไม่อย่างนั้นโตไปแล้วจะมีปัญหา จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่จนพนักงานเซเว่นต้องเดินเข้ามาห้ามปราม "ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันนะครับ"
               ชายหนุ่มคู่กรณีเดินไปยังเคาน์เตอร์ที่หนึ่ง ไม่สนใจแม่เด็กอีกต่อไป พนิดาเดินถือถุงผ้าลากแม่เด็กพ่วงด้วยลูกชายออกมาจากเซเว่น เธอพยายามพูดให้หล่อนใจเย็น
               "อย่าหัวเสียไปเลยค่ะพี่ มันผ่านไปแล้ว"
               "วันหยุดพี่กร่อยหมดเลย ทำไมจะต้องมาอารมณ์เสียกับผู้ชายใจแคบแบบนั้นด้วย"
               "นั่นสิคะ ดังนั้นพี่ไม่ต้องสนใจหรอกนะคะ เสียเวลาเปล่าค่ะ"
               ไอ้อยากจะบอกว่าพี่เป็นฝ่ายผิดก็ไม่กล้า เดี๋ยวจะบ่นร่ายยาวไปมากกว่านี้อีก พนิดาเพียงทำได้แค่พูดปลอบใจเข้าข้างพี่สาวเท่านั้น ขณะเธอกำลังพูดคุยกับพี่สาว สายตาเธอก็แลเห็นว่าไอ้ตัวดีก่อเรื่องอีกแล้ว! เธอต้องการให้พี่สาวตาสว่างเสียที ร้องบอกแม่ของหาญกล้า หล่อนเห็นลูกชายเดินเข้าไปแทรกแถวระหว่างที่ผู้คนกำลังต่อแถวซื้อข้าวมันไก่ข้างเซเว่นต่อหน้าต่อตา หล่อนอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ย่างเท้าเข้าไปหาลูกชายและลากเขาออกมาจากแถวแทบจะทันที ที่ผ่านมาเธอรักลูกมากไปหรืออย่างไร
               "กล้า!"        

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา