กากีบริสุทธิ์
-
เขียนโดย เพียงเรียงรัก
วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 11.59 น.
4 ตอน
1 วิจารณ์
5,742 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2563 15.25 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) บทที่ 2 (50%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๒
สถานที่ที่บัวตองจะต้องมาทำงานเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง โดยเปิดให้บริการในตอนกลางคืน ซึ่งภายในร้านนอกจากจะขายอาหาร เครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิด ยังมีนักร้องสาวสวย ชื่อพี่ดาวมาร้องเพลงขับกล่อมทุกคืน บัวตองพบว่านอกจากพี่ดาวแล้ว ก็ยังมีนักร้องอีกหลายต่อหลายคนทั้งหญิงและชาย คอยสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นเวทีไป เพื่อให้ความบันเทิงกับลูกค้า เหตุที่บัวตองรู้จักพี่ดาว เพราะได้ยินพี่พนักงานคนหนึ่งเรียกชื่อของพี่ดาว เด็กสาวจึงจำเอาไว้ ด้วยความประทับใจว่า หากเธอร้องเพลงได้เหมือนพี่ดาว ก็คงไม่ต้องมาเป็นเด็กเสิร์ฟอาหารแบบนี้ เพราะอาชีพร้องเพลงสบายกว่า แล้วก็คงได้เงินมากกว่าด้วย เธอจะได้ส่งกลับไปให้ทางบ้านเยอะๆ พ่อกับแม่จะได้สบาย
บัวตองเริ่มทำงานที่นี่มาได้สองวันแล้ว ในเวลาทำงาน เด็กสาวจะต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก เพราะว่าระหว่างที่เธอเดินไปเสิร์ฟอาหารบางโต๊ะ เหล่าผู้ชายในโต๊ะนั้นจะชอบมองเธอแปลกๆ บางคนก็มักจะใช้มือมาแตะสะโพกเธอ หรือบางคนก็มักจะทำทีใช้หลังมือมาถูกหน้าอกเธอบ้าง ซึ่งบัวตองไม่กล้าโวยวาย ได้แต่เดินกลับมาบอกพี่เจี๊ยบซึ่งเป็นหัวหน้าคนงาน พี่เจี๊ยบได้แต่มองยิ้มๆ แล้วบอกกับเธอว่า “เดี๋ยวก็ชินไปเอง ทำงานแบบนี้มันก็ต้องโดนบ้างเป็นธรรมดา”
ถึงตัวเด็กสาวจะไม่ชอบใจนัก แต่เงินที่ได้ก็ค่อนข้างมาก เธอจึงทำได้เพียงฝืนใจทำ เพราะหากไม่ทำแบบนี้ ก็ไม่รู้จะต้องทำอะไร เพราะไม่มีตำแหน่งไหนว่างเลย หากจะไปช่วยในครัวทำอาหาร เด็กสาวก็ทำอาหารแบบที่คนในเมืองเขากินกันไม่เป็น ส่วนในด้านการร้องเพลง ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะตั้งแต่เกิดมา เด็กสาวมีโอกาสได้ฟังเพลงแทบจะนับครั้งได้
ระหว่างที่บัวตองทำงานใกล้เข้าเดือนที่สองนั่นเอง ก่อนที่ตัวเด็กสาวจะเตรียมตัวเข้าทำงานในช่วงเย็น แม่เลี้ยงพรรณีก็ได้ใช้ให้คนมาตามเธอไปพบที่ห้องทำงาน บัวตองค่อนข้างวิตกกังวลไม่น้อย เพราะเธอกลัวทำอะไรพลาดไป แล้วแม่เลี้ยงจะเลิกจ้าง หากเป็นแบบนั้น เด็กสาวจะทำอย่างไร หรือจะต้องกลับไปอยู่ที่บ้านตามเดิม ทว่าเงินที่หาได้ก็ยังไม่มากพอนี่สิ
ดูเหมือนชายหนุ่มในชุดกระดำกระด่าง ซึ่งเธอเพิ่งรู้จักว่าชื่อแคน จะจับสังเกตอาการเธอออก เขาจึงเปลี่ยนจากการเดินนำทางเธอ มาเป็นเดินอยู่ข้างๆ แทน พร้อมกับส่งยิ้มเห็นใจมาให้
“ไม่ต้องคิดมากไปหรอก แม่เลี้ยงแค่อยากพบเธอเรื่องงานเท่านั้น เธอไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่ต้องกลัวนะ”
ได้ยินแบบนั้นเด็กสาวจึงสบายใจขึ้นมาก “นายพูดจริงเหรอ ไม่ได้โกหกใช่ไหม”
แคนพยักหน้ารับ “จริงสิ ฉันจะโกหกทำไม”
เมื่อพูดคุยกันไประหว่างทางได้พักหนึ่ง เด็กสาวจึงเอ่ยถาม “แล้วนายทำงานอะไร ทำไมไม่เคยเห็นเลย”
“ฉันทำงานเป็นผู้ช่วยพ่อครัวน่ะ นี่ก็ทำได้เกือบสามเดือนแล้ว มัวยุ่งๆ อยู่ในครัว เลยไม่ได้ออกมาพบใครเท่าไหร่ นี่ก็เดินสวนกับแม่เลี้ยงพอดี ท่านเลยใช้ให้มาตามเธอนี่แหละ” แคนตอบ ระหว่างนั้นก็ชี้บอกทางเด็กสาวไปด้วย
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องห้องหนึ่ง แคนก็บอกให้เด็กสาวหยุด ชายหนุ่มเคาะประตูหน้าห้องเบาๆ ตามด้วยเอ่ยว่า “แม่เลี้ยงครับ ผมพาบัวมาพบแล้วครับ”
“ขอบใจมาก นายมีอะไรไปทำก็ไปทำเถอะ” เสียงแม่เลี้ยงพรรณีดังลอดช่องประตูออกมา “ส่วนบัวตอง เปิดประตูเข้ามาได้เลย ฉันไม่ได้ล็อค” ประโยคหลัง แม่เลี้ยงเอ่ยกับเด็กสาวอีกคนที่แคนพามา
แคนหันมาแตะต้นแขนบัวตองเบาๆ “เข้าไปพบแม่เลี้ยงเถอะ ฉันไม่ได้ไปส่งนะ จำทางกลับห้องตัวเองได้ใช่ไหม” เมื่อเห็นเด็กสาวพยักหน้า แคนจึงผลักไหล่เด็กสาวให้เดินไปที่ประตู
พอเด็กสาวเปิดประตูหายลับเข้าไปภายในห้อง ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ พลางทอดสายตามองไปยังกำแพงห้อง ราวกับจะส่องให้สายตาทะลุเข้าไปเห็นความเป็นไปภายในนั้น ‘อีกคนแล้วสินะ’ เขาคิดในใจ แววตาสะเทือนใจเห็นได้ชัด ก่อนจะทำใจแข็ง หันกายเดินกลับไปทางห้องครัวด้วยฝีท้าวหนักอึ้ง
“นั่งลงก่อนสิบัว” แม่เลี้ยงพรรณีเอ่ยสั่งเด็กสาวที่ยืนประหม่าอยู่ให้นั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ค่ะ” เด็กสาวรับคำ ตามด้วยรีบนั่งลงอย่างว่าง่าย
แม่เลี้ยงพรรณีมองข้ามโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ซึ่งบนนั้นมีเอกสารกองอยู่มากมายไปทางเด็กสาว “เธอเป็นคนสวยมากนะ รู้ตัวหรือเปล่า” หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามแทรกความเงียบขึ้น
“ไม่ค่ะ บัวก็เหมือนเด็กสาวชาวป่าทั่วไป” บัวตองตอบอย่างเจียมตัว
แม่เลี้ยงพรรณีหัวเราะเบาๆ “ไม่จริงหรอก” เว้นระยะไปพักหนึ่ง จึงพูดต่อ “วันนี้ฉันมีแขกสำคัญอยากให้เธอช่วยดูแลหน่อย เขาชื่อว่าเสี่ยเต็ก น่าตาดีพอควร พ่อของเสี่ยเต็กมีกิจการหลายอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นแขกรายใหญ่ของร้านเราเลย บัวจะช่วยดูแลแขกคนนี้ให้ฉันหน่อยได้หรือเปล่า”
ด้วยความไร้เดียงสา เด็กสาวจึงนึกคำว่า ‘ดูแล’ เป็นเพียงดูแลเรื่องทั่วไปเท่านั้น ดังนั้นบัวตองจึงเร่งรับคำไปอย่างไม่คิดอะไร “ค่ะแม่เลี้ยง”
“ดีมาก” แม่เลี้ยงพรรณียิ้มอย่างพอใจในคำตอบ ถึงแม้เธอจะรู้ว่า เด็กสาวคงไม่รู้ถึงความหมายของคำว่า ‘ดูแล’ ที่เธอต้องการจะสื่อ แต่ในเมื่อรับปากก็คือรับปาก หญิงวัยกลางคนไม่เอ่ยขยายความเข้าใจใดๆ ให้เด็กสาวอีก หากถึงตอนนั้นไม่ยอม เดี๋ยวพอเห็นเงินที่จะได้รับ ก็คงยอมไปเอง
“ฉันเรียกมาบอกแค่นี้แหละ ไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวอีกหน่อย ฉันจะให้คนนำชุดสวยๆ ไปให้ เพราะถ้าหากใส่ชุดธรรมดาทั่วไป ก็คงดูไม่ดีต่อแขกสำคัญนัก”
บัวตองเดินออกจากห้องที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ แล้วเดินไปตามทางที่เธอพอจะจำได้บ้างว่าเป็นทางกลับห้องตัวเอง ทว่าเมื่อเดินไประยะหนึ่ง เด็กสาวก็เริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว เพราะด้านหลังของร้านเต็มไปด้วยห้องเก็บของมากมาย ทางเดินก็วกวนไปมาตามห้องเหล่านี้ ทำให้การจำเส้นทางเป็นไปได้ยาก
ขณะเด็กสาวกำลังยืนใจเสียอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงคนเดินคุยกันผ่านมา บัวตองยิ้มอย่างดีใจ แล้วออกวิ่งไปตามทางที่ได้ยินเสียง เมื่อวิ่งมาได้ระยะหนึ่ง สายตาเธอก็ปะทะเข้ากับชายร่างสูงสองคน ซึ่งเธอเคยเห็นพวกเขาตอนที่ไปรับเธอมาจากหมู่บ้าน
เมื่อชายทั้งสองหันมาพบเธอเข้าก็มีอาการตกใจไม่น้อย ดูเหมือนชายหนึ่งในสองคนจะมีสติดีกว่า จึงรีบวางเปลที่หามมาลงกับพื้น
“เธอมาที่นี่ทำไม” เขาเอ่ยถามเด็กสาว
“คือ...บัวหลงทางมาจ๊ะ หาทางกลับห้องไม่เจอ เลยจะมาถามจากพวกพี่จ๊ะ” เด็กสาวรีบตอบ ระหว่างนั้นก็เผลอมองไปบนเปลที่ชายทั้งสองคนหามมา บัวตองก็พบเข้ากับร่างหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่ ซึ่งเป็นคนที่เธอคุ้นหน้ามาก เพราะเดินทางออกมาจากหมู่บ้านพร้อมๆ กัน
“พี่แย้ม” เด็กสาวอุทานชื่อคนบนเปลออกมา
น่าแปลกที่ร่างซึ่งดูเหมือนตายไปแล้วค่อยๆ ปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาแห้งผากคู่นั้นเหลือบมองมาทางเด็กสาว พลางมีท่าทีรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย
“บะ...บัว...บัว...กะ...กลับ...บ้าน...ไป...เร็ว! ”
เด็กสาวเผลอถอยหลังกรูดเพราะความตกใจจากเสียงที่พี่แย้มตะโกนออกมา “อะไร...นี่พี่แย้มเป็นอะไร” บัวตองตั้งสติ “พวกพี่ช่วยบอกบัวได้ไหมจ๊ะ ว่าพี่แย้มเป็นอะไร ทำไมถึงตกอยู่ในสภาพนี้” ประโยคหลัง เด็กสาวหันมาคาดคั้นเอากับชายทั้งสองที่ยืนอยู่ติดกับเปล
“ก็แค่คนป่วยเท่านั้นเอง ” ชายอีกคนซึ่งเงียบมาตลอดพูดขึ้นบ้าง “เธอกลับห้องไปดีกว่า เฮ้ยไอ้เอก เดินไปส่งน้องเค้าหน่อยว่ะ เดี๋ยวกูจะเฝ้าอีนี่อยู่ตรงนี้ พอมึงกลับมา เราค่อยหามไปทิ้งที่อื่น”
“ว่าอะไรนะ” บัวตองตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจนทำอะไรไม่ถูก
อ่านล่วงหน้าได้ที่
https://www.keangun.com/story/53
สามารถลงงานเขียน โปรโมทงานเขียน อ่านนิยายและงานเขียนหลากหลายประเภทได้ที่
https://www.keangun.com/
สถานที่ที่บัวตองจะต้องมาทำงานเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง โดยเปิดให้บริการในตอนกลางคืน ซึ่งภายในร้านนอกจากจะขายอาหาร เครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิด ยังมีนักร้องสาวสวย ชื่อพี่ดาวมาร้องเพลงขับกล่อมทุกคืน บัวตองพบว่านอกจากพี่ดาวแล้ว ก็ยังมีนักร้องอีกหลายต่อหลายคนทั้งหญิงและชาย คอยสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นเวทีไป เพื่อให้ความบันเทิงกับลูกค้า เหตุที่บัวตองรู้จักพี่ดาว เพราะได้ยินพี่พนักงานคนหนึ่งเรียกชื่อของพี่ดาว เด็กสาวจึงจำเอาไว้ ด้วยความประทับใจว่า หากเธอร้องเพลงได้เหมือนพี่ดาว ก็คงไม่ต้องมาเป็นเด็กเสิร์ฟอาหารแบบนี้ เพราะอาชีพร้องเพลงสบายกว่า แล้วก็คงได้เงินมากกว่าด้วย เธอจะได้ส่งกลับไปให้ทางบ้านเยอะๆ พ่อกับแม่จะได้สบาย
บัวตองเริ่มทำงานที่นี่มาได้สองวันแล้ว ในเวลาทำงาน เด็กสาวจะต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก เพราะว่าระหว่างที่เธอเดินไปเสิร์ฟอาหารบางโต๊ะ เหล่าผู้ชายในโต๊ะนั้นจะชอบมองเธอแปลกๆ บางคนก็มักจะใช้มือมาแตะสะโพกเธอ หรือบางคนก็มักจะทำทีใช้หลังมือมาถูกหน้าอกเธอบ้าง ซึ่งบัวตองไม่กล้าโวยวาย ได้แต่เดินกลับมาบอกพี่เจี๊ยบซึ่งเป็นหัวหน้าคนงาน พี่เจี๊ยบได้แต่มองยิ้มๆ แล้วบอกกับเธอว่า “เดี๋ยวก็ชินไปเอง ทำงานแบบนี้มันก็ต้องโดนบ้างเป็นธรรมดา”
ถึงตัวเด็กสาวจะไม่ชอบใจนัก แต่เงินที่ได้ก็ค่อนข้างมาก เธอจึงทำได้เพียงฝืนใจทำ เพราะหากไม่ทำแบบนี้ ก็ไม่รู้จะต้องทำอะไร เพราะไม่มีตำแหน่งไหนว่างเลย หากจะไปช่วยในครัวทำอาหาร เด็กสาวก็ทำอาหารแบบที่คนในเมืองเขากินกันไม่เป็น ส่วนในด้านการร้องเพลง ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะตั้งแต่เกิดมา เด็กสาวมีโอกาสได้ฟังเพลงแทบจะนับครั้งได้
ระหว่างที่บัวตองทำงานใกล้เข้าเดือนที่สองนั่นเอง ก่อนที่ตัวเด็กสาวจะเตรียมตัวเข้าทำงานในช่วงเย็น แม่เลี้ยงพรรณีก็ได้ใช้ให้คนมาตามเธอไปพบที่ห้องทำงาน บัวตองค่อนข้างวิตกกังวลไม่น้อย เพราะเธอกลัวทำอะไรพลาดไป แล้วแม่เลี้ยงจะเลิกจ้าง หากเป็นแบบนั้น เด็กสาวจะทำอย่างไร หรือจะต้องกลับไปอยู่ที่บ้านตามเดิม ทว่าเงินที่หาได้ก็ยังไม่มากพอนี่สิ
ดูเหมือนชายหนุ่มในชุดกระดำกระด่าง ซึ่งเธอเพิ่งรู้จักว่าชื่อแคน จะจับสังเกตอาการเธอออก เขาจึงเปลี่ยนจากการเดินนำทางเธอ มาเป็นเดินอยู่ข้างๆ แทน พร้อมกับส่งยิ้มเห็นใจมาให้
“ไม่ต้องคิดมากไปหรอก แม่เลี้ยงแค่อยากพบเธอเรื่องงานเท่านั้น เธอไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่ต้องกลัวนะ”
ได้ยินแบบนั้นเด็กสาวจึงสบายใจขึ้นมาก “นายพูดจริงเหรอ ไม่ได้โกหกใช่ไหม”
แคนพยักหน้ารับ “จริงสิ ฉันจะโกหกทำไม”
เมื่อพูดคุยกันไประหว่างทางได้พักหนึ่ง เด็กสาวจึงเอ่ยถาม “แล้วนายทำงานอะไร ทำไมไม่เคยเห็นเลย”
“ฉันทำงานเป็นผู้ช่วยพ่อครัวน่ะ นี่ก็ทำได้เกือบสามเดือนแล้ว มัวยุ่งๆ อยู่ในครัว เลยไม่ได้ออกมาพบใครเท่าไหร่ นี่ก็เดินสวนกับแม่เลี้ยงพอดี ท่านเลยใช้ให้มาตามเธอนี่แหละ” แคนตอบ ระหว่างนั้นก็ชี้บอกทางเด็กสาวไปด้วย
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องห้องหนึ่ง แคนก็บอกให้เด็กสาวหยุด ชายหนุ่มเคาะประตูหน้าห้องเบาๆ ตามด้วยเอ่ยว่า “แม่เลี้ยงครับ ผมพาบัวมาพบแล้วครับ”
“ขอบใจมาก นายมีอะไรไปทำก็ไปทำเถอะ” เสียงแม่เลี้ยงพรรณีดังลอดช่องประตูออกมา “ส่วนบัวตอง เปิดประตูเข้ามาได้เลย ฉันไม่ได้ล็อค” ประโยคหลัง แม่เลี้ยงเอ่ยกับเด็กสาวอีกคนที่แคนพามา
แคนหันมาแตะต้นแขนบัวตองเบาๆ “เข้าไปพบแม่เลี้ยงเถอะ ฉันไม่ได้ไปส่งนะ จำทางกลับห้องตัวเองได้ใช่ไหม” เมื่อเห็นเด็กสาวพยักหน้า แคนจึงผลักไหล่เด็กสาวให้เดินไปที่ประตู
พอเด็กสาวเปิดประตูหายลับเข้าไปภายในห้อง ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ พลางทอดสายตามองไปยังกำแพงห้อง ราวกับจะส่องให้สายตาทะลุเข้าไปเห็นความเป็นไปภายในนั้น ‘อีกคนแล้วสินะ’ เขาคิดในใจ แววตาสะเทือนใจเห็นได้ชัด ก่อนจะทำใจแข็ง หันกายเดินกลับไปทางห้องครัวด้วยฝีท้าวหนักอึ้ง
“นั่งลงก่อนสิบัว” แม่เลี้ยงพรรณีเอ่ยสั่งเด็กสาวที่ยืนประหม่าอยู่ให้นั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ค่ะ” เด็กสาวรับคำ ตามด้วยรีบนั่งลงอย่างว่าง่าย
แม่เลี้ยงพรรณีมองข้ามโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ซึ่งบนนั้นมีเอกสารกองอยู่มากมายไปทางเด็กสาว “เธอเป็นคนสวยมากนะ รู้ตัวหรือเปล่า” หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามแทรกความเงียบขึ้น
“ไม่ค่ะ บัวก็เหมือนเด็กสาวชาวป่าทั่วไป” บัวตองตอบอย่างเจียมตัว
แม่เลี้ยงพรรณีหัวเราะเบาๆ “ไม่จริงหรอก” เว้นระยะไปพักหนึ่ง จึงพูดต่อ “วันนี้ฉันมีแขกสำคัญอยากให้เธอช่วยดูแลหน่อย เขาชื่อว่าเสี่ยเต็ก น่าตาดีพอควร พ่อของเสี่ยเต็กมีกิจการหลายอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นแขกรายใหญ่ของร้านเราเลย บัวจะช่วยดูแลแขกคนนี้ให้ฉันหน่อยได้หรือเปล่า”
ด้วยความไร้เดียงสา เด็กสาวจึงนึกคำว่า ‘ดูแล’ เป็นเพียงดูแลเรื่องทั่วไปเท่านั้น ดังนั้นบัวตองจึงเร่งรับคำไปอย่างไม่คิดอะไร “ค่ะแม่เลี้ยง”
“ดีมาก” แม่เลี้ยงพรรณียิ้มอย่างพอใจในคำตอบ ถึงแม้เธอจะรู้ว่า เด็กสาวคงไม่รู้ถึงความหมายของคำว่า ‘ดูแล’ ที่เธอต้องการจะสื่อ แต่ในเมื่อรับปากก็คือรับปาก หญิงวัยกลางคนไม่เอ่ยขยายความเข้าใจใดๆ ให้เด็กสาวอีก หากถึงตอนนั้นไม่ยอม เดี๋ยวพอเห็นเงินที่จะได้รับ ก็คงยอมไปเอง
“ฉันเรียกมาบอกแค่นี้แหละ ไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวอีกหน่อย ฉันจะให้คนนำชุดสวยๆ ไปให้ เพราะถ้าหากใส่ชุดธรรมดาทั่วไป ก็คงดูไม่ดีต่อแขกสำคัญนัก”
บัวตองเดินออกจากห้องที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ แล้วเดินไปตามทางที่เธอพอจะจำได้บ้างว่าเป็นทางกลับห้องตัวเอง ทว่าเมื่อเดินไประยะหนึ่ง เด็กสาวก็เริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว เพราะด้านหลังของร้านเต็มไปด้วยห้องเก็บของมากมาย ทางเดินก็วกวนไปมาตามห้องเหล่านี้ ทำให้การจำเส้นทางเป็นไปได้ยาก
ขณะเด็กสาวกำลังยืนใจเสียอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงคนเดินคุยกันผ่านมา บัวตองยิ้มอย่างดีใจ แล้วออกวิ่งไปตามทางที่ได้ยินเสียง เมื่อวิ่งมาได้ระยะหนึ่ง สายตาเธอก็ปะทะเข้ากับชายร่างสูงสองคน ซึ่งเธอเคยเห็นพวกเขาตอนที่ไปรับเธอมาจากหมู่บ้าน
เมื่อชายทั้งสองหันมาพบเธอเข้าก็มีอาการตกใจไม่น้อย ดูเหมือนชายหนึ่งในสองคนจะมีสติดีกว่า จึงรีบวางเปลที่หามมาลงกับพื้น
“เธอมาที่นี่ทำไม” เขาเอ่ยถามเด็กสาว
“คือ...บัวหลงทางมาจ๊ะ หาทางกลับห้องไม่เจอ เลยจะมาถามจากพวกพี่จ๊ะ” เด็กสาวรีบตอบ ระหว่างนั้นก็เผลอมองไปบนเปลที่ชายทั้งสองคนหามมา บัวตองก็พบเข้ากับร่างหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่ ซึ่งเป็นคนที่เธอคุ้นหน้ามาก เพราะเดินทางออกมาจากหมู่บ้านพร้อมๆ กัน
“พี่แย้ม” เด็กสาวอุทานชื่อคนบนเปลออกมา
น่าแปลกที่ร่างซึ่งดูเหมือนตายไปแล้วค่อยๆ ปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาแห้งผากคู่นั้นเหลือบมองมาทางเด็กสาว พลางมีท่าทีรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย
“บะ...บัว...บัว...กะ...กลับ...บ้าน...ไป...เร็ว! ”
เด็กสาวเผลอถอยหลังกรูดเพราะความตกใจจากเสียงที่พี่แย้มตะโกนออกมา “อะไร...นี่พี่แย้มเป็นอะไร” บัวตองตั้งสติ “พวกพี่ช่วยบอกบัวได้ไหมจ๊ะ ว่าพี่แย้มเป็นอะไร ทำไมถึงตกอยู่ในสภาพนี้” ประโยคหลัง เด็กสาวหันมาคาดคั้นเอากับชายทั้งสองที่ยืนอยู่ติดกับเปล
“ก็แค่คนป่วยเท่านั้นเอง ” ชายอีกคนซึ่งเงียบมาตลอดพูดขึ้นบ้าง “เธอกลับห้องไปดีกว่า เฮ้ยไอ้เอก เดินไปส่งน้องเค้าหน่อยว่ะ เดี๋ยวกูจะเฝ้าอีนี่อยู่ตรงนี้ พอมึงกลับมา เราค่อยหามไปทิ้งที่อื่น”
“ว่าอะไรนะ” บัวตองตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจนทำอะไรไม่ถูก
อ่านล่วงหน้าได้ที่
https://www.keangun.com/story/53
สามารถลงงานเขียน โปรโมทงานเขียน อ่านนิยายและงานเขียนหลากหลายประเภทได้ที่
https://www.keangun.com/
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ